การใช้ช่วงฤดูฝนให้เป็นประโยชน์มากที่สุดแก่ระบอบการของพระเจ้า
1 มีการพูดกันว่าอนาคตเป็นของผู้ที่เตรียมตัวไว้สำหรับอนาคต. เราต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าหากเราต้องการใช้เวลาของเราเพื่อทำให้เราสัมฤทธิ์ผล. ในเดือนมิถุนายน เราย่างเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเรามีเวลาน้อยลงสำหรับกิจการงานส่วนตัว. เราอาจวางแผนอะไรเสียแต่เดี๋ยวนี้เพื่อจะแน่ใจว่าเราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับระบอบการปกครองของพระเจ้า?
2 มีผู้สนใจใหม่มากมายได้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์วันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา. ความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของพวกเขานั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือที่พวกเขาได้รับจากพวกเรา. คงจะเป็นประโยชน์มากแก่พวกเขาที่จะเข้าร่วมการประชุมหมวด. เราอาจทำให้พวกเขาสำนึกถึงผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณมากมายจากการประชุมนั้นและช่วยเขาในเรื่องการเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง บางทีอาจเชิญเขาให้เดินทางกับเราหรือกับพี่น้องคนอื่นซึ่งอาจมีที่ว่างในรถของเขา.
3 การเข้าร่วมการประชุมหมวดเปิดโอกาสมากขึ้นในการให้คำพยานแบบไม่เป็นทางการ. การวางแผนล่วงหน้านั้นควรรวมเอาการนำหนังสือฉบับล่าสุดไปด้วย. เราอาจให้คำพยานแก่คนทำงานที่สถานีบริการน้ำมัน, โรงแรม, ร้านอาหาร และคนโดยสารรถประจำทางได้. นี่เป็นวิธีดีเยี่ยมที่จะเพลิดเพลินกับประสบการณ์อันน่าชื่นใจยินดีหลายอย่าง.
4 นอกจากนั้น หากเรามีโอกาสเดินทางไปยังที่อื่น ๆ เนื่องจากการงานหรือด้วยเหตุอื่น การวางแผนเข้าร่วมประชุมกับประชาคมในท้องถิ่นนั้นและร่วมกับพวกเขาในการประกาศก็จะยังผลเป็นการหนุนใจซึ่งกันและกัน. เยาวชนบางคนอาจเพิ่งสำเร็จการศึกษา สิ่งนี้ทำให้ต้องคิดอย่างจริงจังเรื่องเป้าหมายในชีวิตของเขา. เยาวชนซึ่งวางแผนอนาคตของเขาให้สอดคล้องกับเป้าหมายตามระบอบการของพระเจ้าย่อมแน่ใจได้ว่าจะได้รับพระพร. (1 โย. 2:15–17) การตัดสินใจที่จะยึดเอางานรับใช้ในฐานะเป็นไพโอเนียร์ประจำสามารถนำไปสู่แนวทางชีวิตที่ยังความอิ่มใจพอใจอย่างยิ่งซึ่งหมายรวมถึงสิทธิพิเศษมากมายด้วย.
5 ดังนั้น แม้ว่าเราอาจมีเวลาน้อยลงในฤดูฝน ขอให้เราดำเนินการอย่างมีปัญญา ‘ฉวยโอกาสมาใช้’ (เอเฟ. 5:15, 16) แผนการต่าง ๆ ซึ่งทำให้เราหมกมุ่นอยู่ในงานรับใช้พระยะโฮวานั้นย่อมจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ถาวรแก่ทั้งตัวเราและคนอื่น ๆ ด้วย.—1 ติโม. 4:15, 16.