หนุ่มสาวทั้งหลาย—จงทำให้พระยะโฮวามีพระทัยยินดี
1 เมื่อคนเราใช้กำลังวังชาและความกระปรี้กระเปร่าของวัยหนุ่มสาวในทางที่ถูก ชีวิตก็จะเป็นที่น่าปีติยินดีอย่างแท้จริงได้. กษัตริย์ซะโลโมผู้ชาญฉลาดจารึกไว้ดังนี้: “คนหนุ่ม จงชื่นชมยินดีในวัยหนุ่มของเจ้า และให้หัวใจของเจ้าทำคุณแก่เจ้าในวัยหนุ่มของเจ้า.” (ผู้ป. 11:9, ล.ม.) คุณที่เป็นคนหนุ่มสาวต้องชี้แจงต่อพระเจ้าเนื่องด้วยการกระทำต่าง ๆ ของคุณ.
2 วิธีที่คุณดำเนินชีวิตทำให้มีผลกระทบไม่เพียงต่อคุณเท่านั้นแต่ต่อบิดามารดาของคุณด้วย. สุภาษิต 10:1 กล่าวว่า “บุตรที่มีปัญญาย่อมทำให้บิดาปลื้มใจยินดี แต่บุตรโง่เขลาย่อมเป็นที่หนักอกแก่มารดาคน.” แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือวิธีที่คุณดำเนินชีวิตนั้นมีผลกระทบต่อพระเจ้ายะโฮวาพระผู้สร้างตัวคุณ. นั่นคือสาเหตุที่สุภาษิต 27:11 หนุนใจคนหนุ่มสาวเช่นกัน ที่ว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย จงมีปัญญาขึ้น และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.” คุณ ๆ หนุ่มสาวทั้งหลายจะทำให้พระยะโฮวามีพระทัยยินดีได้อย่างไรในทุกวันนี้? อาจทำได้ในหลายทาง.
3 โดยแบบอย่างอันเหมาะสม: คุณคนหนุ่มสาวประสบกับ “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” ที่พระวจนะของพระเจ้าบอกไว้ล่วงหน้าไว้. (2 ติโม. 3:1, ล.ม.) นอกจากนี้ คุณอาจถูกทำให้ตกอยู่ใต้ความกดดันจากเพื่อนนักเรียนและแม้แต่จากพวกครูซึ่งอาจหัวเราะเยาะทัศนะของคุณซึ่งอาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักก็ได้. ตัวอย่างเช่น ครูคนหนึ่งบรรยายว่าทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นข้อเท็จจริงและคัมภีร์ไบเบิลเป็นเทพนิยาย. แต่ผู้ประกาศวัยสาวของเราได้ป้องกันคัมภีร์ไบเบิลด้วยความภักดี. ผลก็คือ มีการเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลหลายราย. คนที่สนใจบางคนเริ่มเข้าร่วมการประชุม. ความเชื่อของคุณซึ่งเป็นพี่น้องหนุ่มสาวตำหนิโลกที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าและดึงดูดคนที่มีหัวใจสุจริตเข้ามาหาความจริง.—เทียบกับเฮ็บราย 11:7.
4 คุณจะสนับสนุนคนรุ่นเดียวกับคุณในประชาคมได้ไหมเพื่อพวกเขาจะไม่อ่อนข้อให้กับสิ่งชั่ว? โดยการวางแบบอย่างอันดีในโรงเรียน, ที่บ้าน, และในประชาคม คุณก็สามารถเสริมความเชื่อของผู้ประกาศหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ให้เข้มแข็งขึ้นได้. (โรม 1:12) จงทำให้พระยะโฮวาทรงมีพระทัยยินดีโดยการวางแบบอย่างแก่คนอื่น ๆ.
5 โดยเสื้อผ้าและการประดับกาย: พี่น้องวัยสาวของเราคนหนึ่งถูกยั่วเย้าและเยาะเย้ยเพราะเสื้อผ้าแบบสุภาพของเธอและได้รับสมญานามว่า “แตะต้องไม่ได้.” เรื่องนี้ไม่ได้ขู่ขวัญเธอจนยอมทำตามมาตรฐานของโลกซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการของพระเจ้า. แต่เธอชี้แจงว่าเธอเป็นพยานพระยะโฮวาคนหนึ่งและนี่เป็นมาตรฐานของพวกพยานฯ ที่เธอปฏิบัติตาม. คุณมีความเข้มแข็งเช่นนี้ไหม? หรือว่าคุณยอมให้โลกของซาตานนวดปั้นคุณให้เป็นไปตามแนวความคิดและความประพฤติของมัน? น่ายินดีที่สังเกตเห็นว่าพวกคุณคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่เอาใจใส่คำสอนของพระยะโฮวาและปฏิเสธแบบเสื้อผ้าที่รุ่มร่าม, ความนิยม, เป้าที่บูชาเลื่อมใส, และคำสอนของโลก. แท้จริง ดังที่เราเรียนรู้ที่การประชุมภาคของเราเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราต้องตระหนักว่าสิ่งเหล่านั้นซึ่งบังเกิดจากโลกถูกครอบงำโดยพวกผีปิศาจ!—1 ติโม. 4:1.
6 โดยการเลือกความบันเทิงและการหย่อนใจ: บิดามารดาจำต้องสำนึกเสมอถึงความจำเป็นต้องช่วยเหลือบุตรของตนให้สุขุมในการเลือกความบันเทิงและการหย่อนใจชนิดที่ถูกต้อง. พี่น้องชายคนหนึ่งพูดยกย่องครอบครัวหนึ่งซึ่งเขารักมากขึ้นทุกที. เนื่องจากเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ฝ่ายวิญญาณ ผู้เป็นบิดามารดาได้ให้การชี้แนะซึ่งมีการนำไปใช้ในเรื่องของการหย่อนใจของครอบครัวด้วย. พี่น้องคนนี้กล่าวว่า “ผมชอบมากที่พวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยกัน. พ่อแม่ไม่เพียงแต่ช่วยลูก ๆ ให้เตรียมตัวสำหรับการประกาศเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาหย่อนใจ พวกเขาสนุกกับการไปทัศนาจรทางไกลด้วยเท้า, ไปพิพิธภัณฑ์, หรือเพียงแต่อยู่บ้านและเล่นหรือทำงานในโครงการของครอบครัว. วิธีที่พวกเขาแสดงความรักต่อกันและต่อคนอื่น ๆ ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจว่าในอนาคต พวกเขาก็จะดำเนินในความจริงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม.”
7 แน่นอน ย่อมจะมีเวลาเมื่อเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในครอบครัวจะร่วมในการหย่อนใจและความบันเทิงด้วยกัน. คุณคนหนุ่มสาวจำต้องสำนึกถึงเรื่องนี้และความสำคัญของการเลือกว่าคุณจะใช้เวลาว่างของคุณบางเวลาอย่างไร. ซาตานมุ่งมั่นจะชักนำคนให้หลงผิดให้มากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้. คนหนุ่มสาวและคนที่ขาดประสบการณ์เป็นจุดอ่อนโดยเฉพาะที่มันจะโจมตีด้วยเล่ห์เพทุบายและการหลอกล่อชักจูง. (2 โก. 11:3; เอเฟ. 6:11) ฉะนั้นในทุกวันนี้ ซาตานจึงใช้หลายหลากวิธีเพื่อโน้มน้าวคุณให้เขวและมุ่งติดตามแบบชีวิตที่แสวงหาความเพลิดเพลินอย่างเห็นแก่ตัวและที่ไม่ชอบธรรม.
8 โทรทัศน์คือสิ่งชักจูงใจอันสำคัญซึ่งส่งเสริมแบบชีวิตที่นิยมวัตถุและผิดศีลธรรม. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ซึ่งโดยปกติแล้วจะเน้นเรื่องความรุนแรงและเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง. ดนตรีที่นิยมกันกลายเป็นแบบเสื่อมทรามและหยาบโลนมากขึ้นทุกที. สิ่งล่อใจของซาตานอาจดูเหมือนไม่ผิดอะไร กระนั้น สิ่งเหล่านั้นก็ได้ทำให้คริสเตียนหนุ่มสาวเป็นพัน ๆ ติดกับแนวความคิดและการประพฤติผิด ๆ. เพื่อจะต้านทานความกดดันเช่นนั้น คุณต้องมุ่งติดตามความชอบธรรมอย่างกระตือรือร้น. (2 ติโม. 2:22) หากจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดหรือความประพฤติของคุณซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความบันเทิงและการหย่อนใจละก็ จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญตอบดังนี้: “ข้าพเจ้าได้แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ ขออย่าให้ข้าพเจ้าหลงไปจากข้อบัญญัติของพระองค์เลย.”—เพลง. 119:10.
9 การบูชาพวกดาราในวงการกีฬาหรือวงการบันเทิงมีอยู่ทั่วไป. ความเกรงกลัวพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้พ้นจากการบูชามนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์. แม้แต่การผิดศีลธรรมทางเพศก็เป็นสิ่งที่หลายคนบูชาในสมัยนี้. คุณจะป้องกันตัวจากแนวโน้มเช่นนี้ได้โดยการหลีกเลี่ยงเรื่องลามกและดนตรีที่ทำให้เสื่อมทราม. เกี่ยวกับดนตรี หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 เมษายน 1993 กล่าวว่า “ดนตรีเป็นของประทานจากพระเจ้า. แต่สำหรับหลายคน ดนตรีกลายเป็นสิ่งครอบงำที่ไม่ก่อคุณประโยชน์ . . . จงตั้งความมุ่งหมายของคุณเพื่อจะให้ดนตรีอยู่ในอันดับที่เหมาะสมและจัดเอากิจการของพระยะโฮวาเป็นกิจกรรมซึ่งคุณต้องเอาใจใส่เป็นประการสำคัญ. จงเลือกดนตรีอย่างพิถีพิถันและด้วยความระมัดระวัง. เมื่อทำเช่นนั้น คุณสามารถจะใช้ของประทานนี้จากพระเจ้าในทางที่ถูก—ไม่ใช่ในทางผิด.”
10 จงปลูกฝังความเกลียดชังเต็มที่ในสิ่งชั่ว. (เพลง. 97:10) เมื่อถูกล่อใจให้ทำชั่ว จงคิดถึงว่าพระยะโฮวาทรงมองดูเรื่องนั้นอย่างไร และคำนึงถึงผลที่จะตามมา เช่น: การตั้งครรภ์โดยไม่ต้องการ, การติดโรคทางเพศ, ความเสียหายทางอารมณ์, สูญเสียความนับถือตัวเอง, และสูญเสียสิทธิพิเศษในประชาคม. จงหลีกเลี่ยงการยอมให้ตัวคุณสัมผัสกับรายการทีวี, ภาพยนตร์, วีดิทัศน์, เพลง, หรือการสนทนาซึ่งส่งเสริมความชั่ว. จงหลีกเว้นการคบหากับคนที่คัมภีร์ไบเบิลจัดไว้ในจำพวก “คนโฉดเขลา.” (สุภา. 13:19) จงรู้จักเลือก เลือกที่จะคบหาใกล้ชิดกับคนเหล่านั้นในประชาคมซึ่งรักพระยะโฮวาและมาตรฐานอันชอบธรรมของพระองค์.
11 ใช่แล้ว คนหนุ่มสาวที่ต้องการจะทำให้พระยะโฮวาทรงมีพระทัยยินดีพึงเอาใจใส่คำแนะนำอันดีซึ่งมีในเอเฟโซ 5:15, 16 ที่ว่า “จงระวังให้ดีในการประพฤติ อย่าให้เหมือนคนอปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา จงซื้อโอกาสมาใช้ เพราะว่าบัดนี้เป็นกาลที่ชั่ว.” อะไรจะช่วยคุณให้ “ระวังให้ดี” เกี่ยวด้วยความก้าวหน้าของคุณในสมัยสุดท้ายนี้?
12 การเอาใจใส่ความจำเป็นฝ่ายวิญญาณ: ที่มัดธาย 5:3 (ล.ม.) พระเยซูทรงตรัสดังนี้: “ความสุขมีแก่ผู้ที่รู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตน.” คุณจะมีความสุขได้เช่นกันโดยการรู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของคุณ. การสนองความจำเป็นนั้นรวมถึงการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในการประกาศข่าวดี เนื่องจากการทำเช่นนี้สร้างความเชื่อของคุณในสิ่งต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้.—โรม 10:17.
13 คุณรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวว่า ไม่ง่ายเสมอไปที่คุณจะเข้าร่วมในการประกาศเป็นประจำ. ที่เป็นเช่นนี้ส่วนใหญ่อาจเนื่องมาจากการขาดความมั่นใจ. ฉะนั้น ความตั้งใจแน่วแน่ของคุณเป็นสิ่งจำเป็น. โดยการเข้าร่วมในการประกาศเป็นประจำ คุณจะชำนาญมากขึ้นในการให้คำพยานและสร้างความมั่นใจในความสามารถของคุณในการประกาศ.
14 จงวางแผนที่จะทำงานกับผู้ประกาศที่มีประสบการณ์มากกว่าในประชาคม เช่นพวกไพโอเนียร์ประจำและผู้ปกครอง. จงตั้งใจฟังการเสนอของเขาและวิธีที่เขาจัดการกับข้อคัดค้านต่าง ๆ ตามบ้าน. ใช้หนังสือเล่มเล็กวิธีเริ่มและสานต่อการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์ และข้อแนะต่าง ๆ ที่เสนอไว้ในพระราชกิจของเรา ให้เป็นประโยชน์. ไม่นานนักคุณก็จะได้รับความยินดีมากขึ้นจากการประกาศเพราะคุณกำลังถวายทุกสิ่งที่คุณมีแด่พระยะโฮวา.—กิจ. 20:35.
15 บางคนเคยฉวยโอกาสให้คำพยานที่โรงเรียนและเคยประสบความสำเร็จดีในการทำให้คนเป็นสาวก. (มัด. 28:19, 20) คริสเตียนหนุ่มคนหนึ่งบอกว่า “ระหว่างที่ไม่มีชั่วโมงเรียน ผมมีหลายโอกาสจะให้คำพยาน โดยเฉพาะในช่วงที่มีวันหยุดต่าง ๆ. เมื่อผมวางหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลไว้บนโต๊ะเรียนซึ่งคนอื่น ๆ จะเห็นได้ นักเรียนที่สนใจหลายคนเข้ามาหาผม.” ในที่สุดก็มีนักเรียนบางคนและแม้แต่ครูด้วยได้เริ่มเข้าร่วมการประชุมคริสเตียน. จริง ๆ แล้ว ครูคนหนึ่งได้ก้าวหน้าจนถึงเป็นพยานที่อุทิศตัวแล้ว. พระยะโฮวาทรงปีติยินดียิ่งเมื่อผู้นมัสการที่เป็นคนหนุ่มสาวอย่างคุณนำคำสรรเสริญมาสู่พระนามของพระองค์.
16 อีกทางหนึ่งที่จะสนองความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของคุณคือโดยทางการศึกษาส่วนตัว. เพื่อจะทำให้พระยะโฮวาทรงมีพระทัยยินดี เราต้องรับความรู้เกี่ยวกับพระองค์, พระประสงค์ของพระองค์, และสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากเรา. คุณจัดเวลาไว้ต่างหากสำหรับการศึกษาส่วนตัวไหม? คุณศึกษาเป็นประจำไหม เหมือนที่คุณใช้เวลารับประทานอาหารเป็นประจำ? (โย. 17:3) คุณมีตารางเวลาส่วนตัวไหมสำหรับการอ่านคัมภีร์ไบเบิลนอกเหนือจากการพยายามอ่านให้ทันกับการอ่านคัมภีร์ไบเบิลประจำสัปดาห์สำหรับโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า? คุณเตรียมตัวอย่างดีไหมสำหรับการประชุมทุกรายการ? คุณอ่านหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! เป็นประจำไหม? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณใช้เวลาอ่านบทความชุด “หนุ่มสาวถามว่า . . . ” และค้นดูข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อไหม? และอย่าลืมหนังสือที่สมาคมได้ออกแบบสำหรับความต้องการฝ่ายวิญญาณของคุณโดยเฉพาะ “การได้ประโยชน์มากที่สุดจากวัยหนุ่มสาว” หนุ่มสาวคริสเตียนและบิดามารดาของพวกเขาซึ่งอยู่ทั่วโลกได้เขียนมาบอกว่าหนังสือนี้ได้ช่วยพวกเขาอย่างไรเพื่อเข้ามาใกล้ชิดพระยะโฮวายิ่งขึ้น.
17 เมื่อคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคู่มือการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามระบอบของพระเจ้า หนังสือเหล่านั้นบอกคุณให้ทราบเกี่ยวกับพระยะโฮวา, แนวความคิดของพระองค์, และพระประสงค์ของพระองค์. จงพิจารณาว่าความรู้เหล่านี้จะช่วยคุณอย่างไร. จงเชื่อมโยงเรื่องที่คุณกำลังอ่านเข้ากับเรื่องที่คุณอ่านก่อนหน้านั้น. การทำเช่นนี้เกี่ยวพันกับการไตร่ตรอง. การไตร่ตรองทำให้ความรู้เข้าถึงหัวใจและกระตุ้นคุณ.—เพลง. 77:12.
18 เรายินดีที่เห็นคนหนุ่มสาวซึ่งรู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตนกำลังเข้าร่วมการประชุมประจำประชาคม. คุณซึ่งเป็นคริสเตียนหนุ่มสาวสามารถหนุนใจคนอื่น ๆ ได้โดยการให้คำตอบที่มีความหมายในระหว่างการประชุมต่าง ๆ เป็นประจำ. จงตั้งเป้าจะออกความเห็นอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกการประชุม. จงเพาะความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับผู้คนทุกวัยในประชาคมโดยร่วมในการสังสรรค์กันทั้งก่อนและหลังการประชุม. (เฮ็บ. 10:24, 25) พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งบอกว่าคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้เขาสนทนากับพี่น้องชายหรือหญิงที่อายุมากกว่าอย่างน้อยหนึ่งคนในทุกการประชุม. ทุกวันนี้ เขาเห็นคุณค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับโดยการคบหาสมาคมกับสมาชิกในประชาคมที่อายุมากกว่า.
19 จงมุ่งติดตามเป้าหมายฝ่ายวิญญาณ: น่าเสียดายที่ชีวิตคนหนุ่มสาวหลายคนไร้จุดหมายและขาดการชี้นำ. กระนั้น เป็นการดีมิใช่หรือที่จะประสบความรู้สึกที่เกิดจากการวางเป้าหมายตามระบอบของพระเจ้าและบรรลุเป้าหมายนั้น? การมุ่งติดตามเป้าหมายเหล่านั้นด้วยความเข้าใจกระจ่างเนื่องด้วยการสอนจากพระเจ้า จะเป็นความอิ่มใจพอใจส่วนตัวในขณะนี้และจะนำสู่ความรอดนิรันดร์ในที่สุด.—ผู้ป. 12:1, 13.
20 เมื่อตั้งเป้าหมาย จงทูลเรื่องนั้นในคำอธิษฐาน. จงพูดเรื่องนั้นกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณและพวกผู้ปกครอง. จงตรวจสอบตัวเองและความสามารถของคุณ และตั้งเป้าหมายที่จะทำตามได้ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่คุณจะทำให้สำเร็จได้และไม่ใช่ด้วยการเปรียบเทียบกับคนหนึ่งคนใด. ทุกคนแตกต่างกันในด้านองค์ประกอบต่าง ๆ เช่นด้านร่างกาย, สภาพจิตใจ, อารมณ์, และสภาพฝ่ายวิญญาณ. ฉะนั้น อย่าคาดหมายจะทำทุกสิ่งที่บางคนทำได้นั้นให้สำเร็จ.
21 มีเป้าหมายอะไรบ้างที่คุณจะบรรลุได้? หากคุณยังไม่เป็นผู้ประกาศหรือยังไม่ได้รับบัพติสมา คุณก็น่าจะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายของคุณมิใช่หรือ? ถ้าคุณเป็นผู้ประกาศ คุณก็อาจตั้งเป้าในการใช้เวลาจำนวนหนึ่งในการประกาศทุกสัปดาห์. จงพยายามเพื่อจะเป็นครูที่มีความสามารถในการกลับเยี่ยมเยียน และตั้งเป้าหมายที่จะนำการศึกษาสักหนึ่งราย. หากคุณเป็นคนหนุ่มสาวที่รับบัพติสมาแล้วซึ่งเรียนอยู่ คุณน่าจะตั้งเป้าเป็นไพโอเนียร์สมทบในช่วงฤดูร้อนไม่ใช่หรือ? มี “การงานมากที่จะให้ทำในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ.”—1 โก. 15:58.
22 ความช่วยเหลือจากบิดามารดาสำคัญอย่างยิ่ง: คนหนุ่มสาวในประชาคมไม่น่าจะรู้สึกเลยว่าเขาเพียรพยายามโดยลำพังเพื่อได้รับชีวิต. โดยทางองค์การของพระองค์ พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมคำแนะนำเพื่อช่วยคนหนุ่มสาวเหล่านั้นในการตัดสินใจทุกวันและในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต. แน่นอน บิดามารดาที่อุทิศตัวแล้วมีความรับผิดชอบเป็นอันดับแรกที่จะช่วยลูก ๆ ของคนให้ทำการตัดสินใจที่ถูกต้อง. ที่ 1 โกรินโธ 11:3 คัมภีร์ไบเบิลกำหนดให้สามีเป็นประมุขของครอบครัว. ฉะนั้น ในครอบครัวคริสเตียน พร้อมด้วยมีภรรยาทำงานกับเขาอย่างใกล้ชิด บิดานำหน้าในการสอนพระบัญญัติของพระเจ้าแก่ลูก ๆ ของตน. (เอเฟ. 6:4) จะทำเช่นนั้นได้ก็โดยการฝึกอบรมอย่างจริงจังซึ่งเริ่มตั้งแต่เป็นทารก. เนื่องจากสมองของเด็กมีขนาดเพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วงปีแรก บิดามารดาจึงไม่ควรประเมินความสามารถในการเรียนรู้ของทารกต่ำไป. (2 ติโม. 3:15) ขณะที่ลูก ๆ เติบโตขึ้น บิดามารดาจำต้องสอนพวกเขาเป็นขั้น ๆ ไปให้รักพระยะโฮวาและให้ปลูกฝังสัมพันธภาพอันดีกับพระองค์.
23 ณ การประชุมภาค “การสอนจากพระเจ้า” มีการบรรยายในหัวเรื่อง “บากบั่นเพื่อความรอดของครอบครัว.” มีการให้จุดสำคัญ ๆ หลายจุดเพื่อช่วยบิดามารดาให้มองเห็นวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ได้ผลซึ่งพวกเขาอาจช่วยเหลือลูก ๆ ของตนได้. แบบอย่างอันดีของบิดามารดาคือการเริ่มต้นที่ดีที่สุด. สิ่งนี้จะช่วยลูก ๆ ของคุณในด้านฝ่ายวิญญาณมากกว่าการเอาแต่พูดในเรื่องที่เขาควรหรือไม่ควรทำ. การวางแบบอย่างที่ดีของบิดามารดาพึงรวมเองการแสดงผลแห่งพระวิญญาณออกมาภายในครอบครัวด้วย ทั้งต่อคู่ของคุณและต่อลูก ๆ ด้วย. (ฆลา. 5:22, 23) หลายคนได้เห็นจากประสบการณ์ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าคือแรงชักจูงอันทรงพลังเพื่อสิ่งดี. พระวิญญาณนี้ช่วยคุณให้นวดปั้นจิตใจและหัวใจลูก ๆ ของคุณได้.
24 นอกจากนี้ ที่การประชุมภาคก็ยังมีการกล่าวถึงเช่นกันในเรื่องความจำเป็นที่บิดามารดาจะต้องวางแบบอย่างอันดีในด้านนิสัยการศึกษาส่วนตัว, การเข้าร่วมการประชุม, และการมีส่วนในการประกาศอย่างสม่ำเสมอ. หากคุณพูดถึงความจริงอย่างกระตือรือร้นที่บ้าน, นำหน้าในการประกาศอย่างขมีขมัน, และเอาจริงเอาจังในการศึกษาส่วนตัว ลูก ๆ ของคุณก็จะได้รับการสนับสนุนให้มีความสนใจในเรื่องฝ่ายวิญญาณอย่างจริงใจด้วย.
25 เมื่อมีการเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบ, ทำเป็นประจำ, ทำอย่างมีความหมาย การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลประจำครอบครัวก็จะน่าสนใจและน่าเพลิดเพลินได้ เป็นเวลาแห่งการทำให้มั่นใจในความใกล้ชิดเป็นปึกแผ่นของครอบครัว. จงใช้เวลาเพื่อเข้าถึงหัวใจของลูก ๆ ของคุณ. (สุภา. 23:15) ขณะที่ครอบครัวส่วนใหญ่ใช้โอกาสนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับการศึกษาหอสังเกตการณ์ บางครั้งบางคราว อาจเป็นการหนุนใจที่จะพิจารณาความจำเป็นเฉพาะเรื่องของครอบครัว. การใช้คำถามทัศนะและฟังความคิดเห็นของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวย่อมเป็นการให้ความเข้าใจและความสดชื่น. การนำการศึกษาซึ่งให้ประโยชน์แก่ทุกคนในครอบครัวเป็นข้อท้าทายจริง ๆ แก่ประมุขครอบครัว. แต่ก็เป็นบำเหน็จจริง ๆ เมื่อทุกคนเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ! โดยการให้ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสมอ น้ำใจยินดีก็จะแผ่ไปทั่ว.
26 การฝึกอบรมด้วยความรักและสมกับความจำเป็นเฉพาะของครอบครัวในขณะนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพื่อการช่วยชีวิตบุตรของคุณ. (สุภา. 22:6) โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ ก็ง่ายที่จะเข้าใจว่านี่อาจเป็นการสอนอันสำคัญที่สุดที่คุณจะทำไม่ว่าเวลาใดก็ตาม. อย่าคิดว่าคุณต้องทำงานพิเศษและสำคัญนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น. จงเรียนรู้ที่จะหมายพึ่งอย่างเต็มที่ในพระยะโฮวาเพื่อการทรงนำในการเอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบที่คุณมีต่อครอบครัว. นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด. มีคนอื่น ๆ อีกที่อาจเป็นผู้ที่ช่วยเหลือได้มากทีเดียว.
27 สิ่งที่คนอื่นทำได้เพื่อช่วยเหลือ: พวกผู้ปกครองอาจให้คนหนุ่มสาวร่วมด้วยได้ในการทำความสะอาดหอประชุมพร้อมกับบิดามารดาของพวกเขา. จงหนุนใจพวกเด็ก ๆ ในการประชุมประจำประชาคม. พวกผู้ปกครองและผู้รับใช้ที่ได้รับมอบหมายส่วนต่าง ๆ ในการประชุมวิธีปฏิบัติงานควรมองหามือเล็ก ๆ ที่ยกขึ้นเมื่อมีส่วนที่ให้ผู้ฟังเข้าส่วน, จงหาโอกาสจะใช้เด็ก ๆ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีในการสาธิตพร้อมกับบิดามารดาของเขา. อาจสัมภาษณ์บางคนและให้ออกความเห็นแบบสั้น ๆ.
28 อย่าดูเบาความพยายามของพวกเขา. คนหนุ่มสาวเป็นบุคคลที่มีคุณค่าจริง ๆ ต่อประชาคม. โดยความประพฤติของพวกเขา มีหลายคนได้ ‘ประดับคำสอนของพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา.’ (ติโต 2:6-10) จงสำนึกถึงความจำเป็นต้องชมเชยคนหนุ่มสาวซึ่งมีส่วนร่วมแม้ในเรื่องเล็กน้อย. การทำเช่นนี้ย่อมสนับสนุนพวกเขาให้เตรียมตัวและมีความปรารถนาจะทำอีกในอนาคต. การให้ความสนใจในคนหนุ่มสาวเช่นนี้ไม่อาจประเมินค่าได้ นี่เป็นสิ่งล้ำค่า. คุณซึ่งเป็นผู้ปกครองหรือผู้รับใช้ คุณพูดคุยกับสมาชิกซึ่งอายุอ่อนกว่าในประชาคมบ่อยแค่ไหนเพื่อชมเชยพวกเขาที่ให้คำบรรยายหรือการสาธิตในการประชุม?
29 ไพโอเนียร์ คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเหลือ? คุณน่าจะตรวจดูตารางเวลาของคุณเพื่อดูว่าจะจัดให้เด็กนักเรียนไปกับคุณในช่วงบ่ายหรือในวันสุดสัปดาห์ได้อย่างไรมิใช่หรือ? คุณพูดในแง่เสริมสร้างไหมเกี่ยวกับการที่คุณเลือกเอางานรับใช้ประเภทเต็มเวลา? คุณแสดงให้เห็นด้วยสีหน้าและการกระทำของคุณไหมว่าคุณมีความชื่นชมยินดีในงานรับใช้ที่คุณทำ? คุณพร้อมจะเสนอแนะงานรับใช้นี้แก่คนอื่น ๆ ไหม โดยเฉพาะคนที่อ่อนวัยกว่า? เมื่อประกาศตามบ้าน คำพูดของคุณเป็นแบบเสริมสร้างและเป็นในแง่ดีไหม? ถ้าเช่นนั้นแล้ว ในฐานะไพโอเนียร์ คุณก็เช่นกันกำลังมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการฝึกอบรมอันสำคัญที่สุดนี้.
30 ทุกคนในประชาคมควรสำนึกอย่างแรงกล้าในงานอันสำคัญนี้ในการฝึกอบรมคนหนุ่มสาว. คุณจะวางแผนให้แน่นอนได้ไหมเพื่อทำงานประกาศกับพวกเขา? คุณจะซ้อมการเสนอกับพวกเขาได้ไหมในการเตรียมตัวเพื่อการประกาศตามบ้าน? คุณตื่นตัวต่อโอกาสที่จะสนับสนุนกิจกรรมฝ่ายวิญญาณในวันข้างหน้าไหมเมื่อทำงานประกาศด้วยกัน? ผู้ประกาศทุกคนควรสำนึกว่าแม้แต่การออกความเห็นเล็กน้อยก็อาจก่อแนวความคิดที่ดีต่อเป้าหมายฝ่ายวิญญาณตลอดชีวิต และต่อผลประโยชน์ตลอดกาลของคนหนุ่มสาวได้.
31 คนหนุ่มสาวสามารถช่วยตัวเองได้: หนุ่มสาวทั้งหลาย เราสนับสนุนคุณแต่ละคนให้เอาใจใส่คำสอนของพระยะโฮวาเสมอและปฏิเสธสิ่งที่โลกเสนอให้. จงตรวจสอบตนเองเสมอ ๆ โดยสำรวจความประพฤติและความรู้สึกภายในของคุณ. คุณมีเจตคติอย่างไรต่อพระยะโฮวาและสิ่งที่พระองค์ทรงคาดหมายจากคุณในการดำเนินชีวิตทุกวัน? คุณกำลังต่อสู้อย่างหนักโดยไม่ลดละกับอิทธิพลจากแนวความคิดของซาตานไหม? (1 ติโม. 6:12) เนื่องจากมนุษย์เรา และโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ตามปกติแล้วก็ต้องการให้เป็นที่ยอมรับของคนรุ่นเดียวกัน คุณพบว่าตนเองถูกล่อใจให้ติดตามฝูงชนในการทำสิ่งชั่วไหม? (เอ็ก. 23:2) อัครสาวกเปาโลเข้าใจว่า มีความกดดันอันใหญ่หลวงที่ให้ทำตามแนวทางของโลก.—โรม 7:21-23.
32 ต้องใช้ความกล้าเพื่อจะต้านทานแรงชักจูงของโลก, เพื่อยึดเอาแนวทางที่ต่างจากคนชาวโลกในรุ่นเดียวกัน, และเพื่อจะเอใจใส่คำสอนของพระเจ้า. คนในสมัยก่อนโน้นทำเช่นนี้พร้อมด้วยประสบผลสำเร็จมากมาย. จงพิจารณาความกล้าของโนฮา. ท่านตำหนิคนทั้งโลกโดยความเชื่อของท่านและด้วยการแยกตัวต่างหากจากคนทั้งหลายที่ทำการผิดในสมัยของท่าน. (เฮ็บ. 11:7) จงต่อสู้อย่างทรหดเพราะการทำเช่นนั้นคุ้มกับความพยายาม. อย่าเลียนแบบคนที่อ่อนแอ, คนปวกเปียก, คนขลาดซึ่งทำตามฝูงคนฝ่ายซาตาน. ตรงกันข้าม จงเสาะหาการคบหาสมาคมกับคนที่ประสบความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระยะโฮวา. (ฟิลิป. 3:17) จงอยู่ท่ามกลางมิตรสหายซึ่งจะเดินเคียงข้างไปพร้อมกับคุณเข้าสู่โลกใหม่ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้. (ฟิลิป. 1:27) จงจดจำไว้เสมอว่ามีหนทางทางเดียวเท่านั้นที่นำสู่ชีวิตนิรันดร์.—มัด. 7:13, 14.
33 หากเรามีความยินดีที่เห็นคนหนุ่มสาวนำคำสรรเสริญและพระเกียรติมาสู่พระเจ้าของเรา สิ่งนี้คงต้องทำให้พระองค์มีพระทัยยินดีจริง ๆ! ไม่มีข้อสงสัย พระยะโฮวาทรงมีพระทัยยินดีที่ทรงเห็นคนหนุ่มสาวมีส่วนเต็มที่ในการประกาศพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์. พวกเขาเป็น “มรดก” จากพระองค์ และพระองค์ทรงประสงค์สิ่งดีที่สุดเท่านั้นสำหรับพวกเขา. (เพลง. 127:3-5; 128:3-6) โดยครุ่นคิดถึงผลประโยชน์แห่งพระบิดาของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงมีความชื่นชมยินดีในการคบหากับพวกเด็ก ๆ และพระองค์ทรงใช้เวลาเพื่อสนับสนุนพวกเขาในการนมัสการพระยะโฮวา. พระองค์ทรงแสดงออกซึ่งความรักชอบอันอ่อนละมุนต่อพวกเขา. (มโก. 9:36, 37; 10:13-16) เรามองดูคนหนุ่มสาวอย่างที่พระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์ทรงมองไหม? คนหนุ่มสาวในประชาคมของเราสำนึกไหมว่าพระยะโฮวาและเหล่าทูตสวรรค์มองดูความซื่อสัตย์และแบบอย่างอันดีของพวกเขาอย่างไร? พวกเขาควรได้รับคำชมเชยและการสนับสนุนเพื่อจะทำให้พระยะโฮวาทรงปลื้มพระทัยโดยการเอื้อมแขนออกไปเพื่อเป้าหมายฝ่ายวิญญาณ. หนุ่มสาวทั้งหลาย จงมุ่งติดตามเป้าหมายซึ่งจะยังผลด้วยพระพรนานาประการแก่คุณในขณะนี้และในอนาคต!