บท 32
พระพิโรธของพระเจ้าจะสิ้นสุด
1. อะไรได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อขันทั้งเจ็ดได้ถูกเทจนถึงที่สุด และเกิดคำถามอะไรขึ้นเกี่ยวกับขันเหล่านั้น?
โยฮันแนะนำให้รู้จักเหล่าทูตสวรรค์ที่ได้รับมอบหมายให้เทขันทั้งเจ็ดมาแล้ว. ท่านบอกเราว่า “ภัยพิบัติเหล่านี้เป็นภัยพิบัติเจ็ดอย่างสุดท้าย เพราะพระพิโรธของพระเจ้าจะสิ้นสุดโดยภัยพิบัติเหล่านี้.” (วิวรณ์ 15:1; 16:1, ล.ม.) ภัยพิบัติเหล่านี้ซึ่งเปิดเผยการลงโทษจากพระยะโฮวาเนื่องจากความชั่วช้าในโลกต้องมีการเทออกจนถึงที่สุด. เมื่อภัยพิบัติเหล่านี้สิ้นสุดแล้ว การลงโทษตามการพิพากษาจากพระเจ้าก็จะแล้วเสร็จ. โลกของซาตานจะไม่มีอีกต่อไป! ภัยพิบัติเหล่านี้ส่อเค้าล่วงหน้าอะไรสำหรับมนุษยชาติและผู้ปกครองทั้งหลายแห่งระบบชั่วสมัยปัจจุบัน? คริสเตียนจะหลีกเลี่ยงการประสบภัยพิบัติพร้อมกับโลกที่กำลังจะพินาศนี้ได้อย่างไร? เหล่านี้เป็นคำถามที่สำคัญ และบัดนี้จะได้รับคำตอบ. ทุกคนที่ปรารถนาจะเห็นชัยชนะของความชอบธรรมจะมีความสนใจอย่างแรงกล้าในสิ่งที่โยฮันเห็นต่อไปนี้.
พระพิโรธของพระยะโฮวาต่อ “แผ่นดินโลก”
2. ผลเป็นเช่นไรเมื่อทูตสวรรค์องค์แรกเทขันของตนลงบนแผ่นดินโลก และ “แผ่นดินโลก” เป็นสัญลักษณ์ถึงสิ่งใด?
2 ทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่งเริ่มปฏิบัติการ! “ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไปเทขันของตนลงบนแผ่นดินโลก ทำให้เกิดแผลเปื่อยร้ายแรงที่ก่อความเจ็บปวดขึ้นบนตัวคนที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและนมัสการรูปของมัน.” (วิวรณ์ 16:2, ล.ม.) เช่นเดียวกับในกรณีของเสียงแตรครั้งแรก “แผ่นดินโลก” ณ ที่นี้เป็นสัญลักษณ์ถึงระบบการเมืองที่ดูมั่นคงซึ่งซาตานได้เริ่มสร้างขึ้นบนแผ่นดินโลกย้อนหลังไปในสมัยของนิมโรดเมื่อกว่า 4,000 ปีมาแล้ว.—วิวรณ์ 8:7.
3. (ก) หลายรัฐบาลเรียกร้องสิ่งที่มีค่าเท่ากับการนมัสการจากราษฎรของตนอย่างไร? (ข) ชาติต่าง ๆ ได้สร้างอะไรขึ้นมาเป็นสิ่งแทนราชอาณาจักรของพระเจ้า และเกิดผลกระทบอย่างไรต่อผู้ที่นมัสการมัน?
3 ในสมัยสุดท้ายนี้ หลายรัฐบาลได้เรียกร้องสิ่งที่มีค่าเท่ากับการนมัสการจากราษฎรของเขา โดยยืนกรานว่า จะต้องยกชูรัฐขึ้นเหนือพระเจ้าหรือการแสดงความภักดีอื่น ๆ. (2 ติโมเธียว 3:1; เทียบกับลูกา 20:25; โยฮัน 19:15.) นับตั้งแต่ปี 1914 กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาติต่าง ๆ จะเกณฑ์ชายหนุ่มของพวกเขาเพื่อการสู้รบ หรือให้อยู่พร้อมเพื่อการสู้รบ ในสงครามแบบเบ็ดเสร็จซึ่งทำให้หน้าประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบันเปรอะไปด้วยเลือด. ระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชาติต่าง ๆ ยังได้สร้างรูปของสัตว์ร้าย—สันนิบาตชาติ และผู้สืบทอดของมันคือสหประชาชาติ ขึ้นมาเป็นสิ่งแทนราชอาณาจักรของพระเจ้า. ช่างเป็นการหมิ่นประมาทเสียจริงที่จะประกาศดังที่สันตะปาปาบางคนได้ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า องค์การที่มนุษย์ได้ตั้งขึ้นนี้เป็นความหวังอย่างเดียวเพื่อสันติภาพของชาติทั้งหลาย! องค์การนี้ต่อต้านราชอาณาจักรของพระเจ้าอย่างแน่วแน่. คนที่นมัสการองค์การนี้กลายเป็นคนไม่สะอาด เป็นแผลฝ่ายวิญญาณ เช่นเดียวกับชาวอียิปต์ที่ต่อต้านพระยะโฮวาในสมัยของโมเซซึ่งประสบกับภัยพิบัติเนื่องจากแผลเปื่อยจริง ๆ.—เอ็กโซโด 9:10, 11.
4. (ก) สิ่งที่บรรจุในขันใบแรกแห่งพระพิโรธของพระเจ้าเน้นอย่างหนักแน่นถึงเรื่องอะไร? (ข) พระยะโฮวาทรงถือว่า คนที่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายเป็นอย่างไร?
4 สิ่งที่บรรจุอยู่ในขันใบนี้เน้นอย่างหนักแน่นถึงทางเลือกที่วางอยู่ต่อหน้ามนุษย์. พวกเขาต้องทนรับความไม่พอใจจากโลกนี้ หรือมิฉะนั้นก็พระพิโรธจากพระยะโฮวา. มนุษยชาติตกอยู่ใต้การบีบบังคับให้ยอมรับเอาเครื่องหมายของสัตว์ร้าย ด้วยเจตนาที่ว่า “ไม่ให้ใครซื้อหรือขายได้นอกจากคนที่มีเครื่องหมายนั้น คือชื่อของสัตว์ร้ายหรือเลขที่เป็นชื่อของมัน.” (วิวรณ์ 13:16, 17, ล.ม.) แต่เรื่องนี้ต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน! พระยะโฮวาทรงถือว่าคนที่รับเอาเครื่องหมายนั้นเป็นผู้ที่กำลังมี “แผลเปื่อยร้ายแรงที่ก่อความเจ็บปวด.” นับตั้งแต่ปี 1922 พวกเขาถูกตราหน้าต่อสาธารณชนว่าเป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. แผนการทางการเมืองของพวกเขาไม่ประสบผลสำเร็จ และพวกเขาต้องทนทุกข์สาหัส. ในแง่ฝ่ายวิญญาณ พวกเขาไม่สะอาด. หากพวกเขาไม่กลับใจ โรคที่ “ก่อความเจ็บปวด” นี้จะถึงตาย เนื่องจากบัดนี้เป็นวันแห่งการพิพากษาของพระยะโฮวา. ไม่มีฝ่ายที่เป็นกลางระหว่างการเป็นส่วนของระบบของโลกนี้กับการรับใช้พระยะโฮวาอยู่ฝ่ายพระคริสต์ของพระองค์.—ลูกา 11:23; เทียบกับยาโกโบ 4:4.
ทะเลกลายเป็นเลือด
5. (ก) เกิดอะไรขึ้นเมื่อขันใบที่สองถูกเท? (ข) พระยะโฮวาทรงมองดูคนที่อาศัยอยู่ในทะเลโดยนัยนั้นอย่างไร?
5 บัดนี้ ขันใบที่สองแห่งพระพิโรธของพระเจ้าต้องถูกเทออก. นี่จะหมายความอย่างไรสำหรับมนุษยชาติ? โยฮันบอกพวกเราว่า “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่สองก็เทขันของตนลงบนทะเล ทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนเลือดคนตาย และสิ่งมีชีวิตในทะเลจึงตายหมด.” (วิวรณ์ 16:3, ล.ม.) เช่นเดียวกับเสียงแตรครั้งที่สอง ขันใบนี้มุ่งไปที่ “ทะเล” อันได้แก่มนุษย์จำนวนมากที่เดือดพล่านและขืนอำนาจซึ่งเหินห่างจากพระยะโฮวา. (ยะซายา 57:20, 21; วิวรณ์ 8:8, 9) ในสายพระเนตรของพระยะโฮวา “ทะเล” นี้เป็นเสมือนเลือด ไม่เหมาะที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ในทะเลนั้น. นี่เป็นเหตุที่ชนคริสเตียนต้องไม่เป็นส่วนของโลก. (โยฮัน 17:14) การเทขันใบที่สองแห่งพระพิโรธของพระเจ้าเผยให้เห็นว่า มนุษยชาติทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในทะเลนี้ตายแล้วในสายพระเนตรของพระยะโฮวา. โดยเหตุผลแห่งความรับผิดชอบเป็นหมู่คณะ มนุษยชาติมีความผิดฐานทำให้โลหิตของผู้ปราศจากผิดหลั่งออกอย่างมากมาย. เมื่อวันแห่งพระพิโรธของพระยะโฮวามาถึง พวกเขาจะตายจริง ๆ ด้วยน้ำมือแห่งกองกำลังของพระองค์เพื่อการสำเร็จโทษ.—วิวรณ์ 19:17, 18; เทียบกับเอเฟโซ 2:1; โกโลซาย 2:13.
ให้พวกเขาดื่มเลือด
6. เกิดอะไรขึ้นเมื่อขันใบที่สามถูกเท และมีคำกล่าวอะไรให้ได้ยินจากทูตสวรรค์และจากแท่นบูชา?
6 ขันใบที่สามแห่งพระพิโรธของพระเจ้า เช่นเดียวกับเสียงแตรครั้งที่สาม มีผลกระทบต่อแหล่งน้ำจืดทั้งหลาย. “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่สามก็เทขันของตนลงบนแม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย น้ำในที่เหล่านั้นจึงกลายเป็นเลือด. แล้วข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์แห่งน้ำทั้งหลายกล่าวว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน และเป็นผู้ภักดี พระองค์ทรงชอบธรรมเพราะพระองค์ทรงตัดสินเรื่องเหล่านี้ ด้วยว่าพวกเขาทำให้เหล่าผู้บริสุทธิ์และผู้พยากรณ์หลั่งเลือด พระองค์จึงทรงให้พวกเขาดื่มเลือด ซึ่งก็สมควรแล้ว.’ ข้าพเจ้าได้ยินแท่นบูชากล่าวว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ พระองค์ทรงพิพากษาตามความจริงและเที่ยงธรรม.’”—วิวรณ์ 16:4-7, ล.ม.
7. “แม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย” เป็นภาพเล็งถึงสิ่งใด?
7 “แม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย” เหล่านี้ เป็นภาพเล็งถึงสิ่งที่เรียกกันว่า แหล่งใหม่แห่งการนำทางและสติปัญญาอันเป็นที่ยอมรับจากโลกนี้ อย่างเช่น หลักปรัชญาด้านการเมือง, เศรษฐกิจ, วิทยาศาสตร์, การศึกษา, สังคม, และศาสนา ซึ่งชี้นำการกระทำและการตัดสินใจของมนุษย์. แทนที่จะพึ่งพระยะโฮวาผู้ทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิตเพื่อจะได้ความจริงซึ่งให้ชีวิต มนุษย์กลับ “ถากอ่างทั้งหลายสำหรับตัว, อันแตกเสียแล้ว” และได้ดื่มอย่างอิ่มหนำจาก “ปัญญาของโลกนี้ [ซึ่ง] เป็นอปัญญาเฉพาะพระเจ้า.”—ยิระมะยา 2:13; 1 โกรินโธ 1:19; 2:6; 3:19; บทเพลงสรรเสริญ 36:9.
8. มนุษยชาติก่อความผิดฐานทำให้โลหิตตกด้วยวิธีใด?
8 “น้ำ” ที่เป็นมลทินเหล่านั้นได้ชักพามนุษย์ให้กลายเป็นผู้มีความผิดฐานทำให้โลหิตตก เช่น มีการสนับสนุนให้พวกเขาทำให้โลหิตตกในขอบข่ายที่ยิ่งใหญ่ในสงครามต่าง ๆ ซึ่งในศตวรรษที่แล้วได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปกว่าหนึ่งร้อยล้านคน. โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคริสต์ศาสนจักรที่ซึ่งสงครามโลกทั้งสองคราได้ปะทุขึ้นที่มนุษย์ได้ “รีบไปทำให้เลือดคนที่ปราศจากความผิดให้ตก” และนี่รวมถึงเลือดแห่งพยานทั้งหลายของพระเจ้าด้วย. (ยะซายา 59:7; ยิระมะยา 2:34) นอกจากนี้ มนุษยชาติยังก่อความผิดฐานทำให้โลหิตตกโดยใช้เลือดจำนวนมากมายในทางที่ผิดเพื่อการถ่ายเลือดซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายอันชอบธรรมของพระยะโฮวา. (เยเนซิศ 9:3-5; เลวีติโก 17:14; กิจการ 15:28, 29) ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้เกี่ยวเก็บผลอันน่าเศร้าจากการถ่ายเลือดที่ได้แพร่โรคเอดส์, ตับอักเสบ, และโรคอื่น ๆ. การลงโทษเต็มขนาดสำหรับความผิดฐานทำให้โลหิตตกทั้งหมดนี้จะมีมาในไม่ช้าเมื่อผู้ล่วงละเมิดทั้งหลายได้รับโทษสูงสุด คือการถูกย่ำใน “บ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า.”—วิวรณ์ 14:19, 20, ล.ม.
9. การเทขันใบที่สามเกี่ยวข้องกับอะไร?
9 ในสมัยของโมเซ คราวที่แม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด ชาวอียิปต์สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปโดยแสวงหาน้ำจากแหล่งอื่น ๆ. (เอ็กโซโด 7:24) แต่ปัจจุบัน ในช่วงภัยพิบัติฝ่ายวิญญาณ ไม่มีที่ไหนในโลกของซาตานที่ประชาชนจะสามารถพบน้ำที่ให้ชีวิต. การเทขันใบที่สามนี้เกี่ยวข้องกับการประกาศเรื่องที่ว่า “แม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย” ของโลกนี้เป็นเหมือนเลือด ซึ่งนำความตายฝ่ายวิญญาณไปสู่ทุกคนที่ดื่มน้ำเหล่านั้น. หากผู้คนไม่หันเข้าหาพระยะโฮวา พวกเขาจะเกี่ยวเก็บการพิพากษาลงโทษจากพระองค์.—เทียบกับยะเอศเคล 33:11.
10. “ทูตสวรรค์แห่งน้ำทั้งหลาย” แจ้งให้ทราบเรื่องอะไร และ “แท่นบูชา” ให้คำพยานอะไรเพิ่มเติม?
10 “ทูตสวรรค์แห่งน้ำทั้งหลาย” กล่าวคือทูตองค์ที่ได้เทขันใบนี้ลงที่น้ำทั้งหลาย สรรเสริญพระยะโฮวาในฐานะผู้พิพากษาแห่งเอกภพ การตัดสินอันชอบธรรมของพระองค์นั้นเป็นการตัดสินที่เด็ดขาด. ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวเกี่ยวกับการพิพากษานี้ว่า “สมควรแล้ว.” ไม่ต้องสงสัย ทูตองค์นี้ได้เป็นพยานรู้เห็นการทำให้โลหิตตกและการโหดร้ายทารุณมากมายที่ถูกปลุกปั่นให้เกิดขึ้นมาตลอดหลายพันปีโดยคำสอนเท็จและหลักปรัชญาต่าง ๆ ของโลกที่ชั่วช้านี้. ฉะนั้น ท่านจึงทราบว่า การตัดสินความของพระยะโฮวานั้นถูกต้อง. แม้แต่ “แท่นบูชา” ของพระเจ้าก็พูดออกมา. ที่วิวรณ์ 6:9, 10 (ล.ม.) บอกว่า ที่ใต้แท่นบูชามีคนที่ถูกฆ่า. ดังนั้น “แท่นบูชา” จึงเพิ่มคำพยานอันทรงพลังเกี่ยวกับความยุติธรรมและความชอบธรรมแห่งการตัดสินของพระยะโฮวา.a แน่นอน เป็นการสมควรแล้วที่คนเหล่านั้นที่ได้ทำให้โลหิตตกและที่ได้ใช้เลือดจำนวนมากอย่างผิด ๆ จะต้องถูกบังคับให้ดื่มเลือดซึ่งเป็นภาพเล็งถึงการที่พระยะโฮวาทรงตัดสินลงโทษพวกเขาถึงตาย.
การเผาคนทั้งหลายด้วยความร้อนกล้าจนเกรียมไป
11. ขันใบที่สี่แห่งพระพิโรธของพระเจ้ามีเป้าหมายที่ไหน และเกิดอะไรขึ้นเมื่อขันใบนี้ถูกเท?
11 ขันใบที่สี่แห่งพระพิโรธของพระเจ้ามีเป้าหมายที่ดวงอาทิตย์. โยฮันบอกเราว่า “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่สี่ก็เทขันของตนลงบนดวงอาทิตย์ ให้ดวงอาทิตย์เผาคนทั้งหลายด้วยไฟจนเกรียม. คนทั้งหลายจึงถูกเผาด้วยความร้อนกล้าจนเกรียมไป แต่พวกเขาก็หมิ่นประมาทพระนามพระเจ้าผู้ทรงมีอำนาจก่อภัยพิบัติเหล่านี้ และพวกเขาไม่ได้กลับใจมาสรรเสริญพระองค์.”—วิวรณ์ 16:8, 9, ล.ม.
12. “สุริยัน” ของโลกนี้คืออะไร และดวงอาทิตย์โดยนัยนี้ได้รับอนุญาตให้ทำอะไร?
12 ทุกวันนี้ ในช่วงอวสานแห่งระบบนี้ พี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระเยซู “ส่องแสงอยู่ในแผ่นดิน [“ราชอาณาจักร,” ล.ม.] พระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์.” (มัดธาย 13:40, 43, ฉบับแปลใหม่) พระเยซูเองทรงเป็น “พระสุริยันของความชอบธรรม.” (มาลาคี 4:2) กระนั้น มนุษยชาติก็มี “สุริยัน” ของพวกเขาเอง คือผู้ปกครองทั้งหลายซึ่งพยายามส่องแสงต้านราชอาณาจักรของพระเจ้า. การเป่าแตรครั้งที่สี่ประกาศให้ทราบว่า ‘ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, และดวงดาว’ ในท้องฟ้าของคริสต์ศาสนาจักรนั้นที่แท้แล้วก็คือแหล่งแห่งความมืด ไม่ใช่ความสว่าง. (วิวรณ์ 8:12) บัดนี้ ขันใบที่สี่แห่งพระพิโรธของพระเจ้าแสดงให้เห็นว่า “สุริยัน” ของโลกนี้จะร้อนขึ้นจนไม่อาจทนได้. คนเหล่านั้นที่ได้รับการมองว่าเป็นผู้นำเสมือนดวงอาทิตย์จะ “เผา” มนุษยชาติ “จนเกรียมไป.” นี่คือสิ่งที่ดวงอาทิตย์โดยนัยได้รับอนุญาต. พูดอีกนัยหนึ่ง พระยะโฮวาจะทรงยอมให้สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งการพิพากษาอันร้อนกล้าเหนือมนุษยชาติ. การเผาจนเกรียมที่ว่านี้เกิดขึ้นในลักษณะไหน?
13. ผู้ปกครองทั้งหลายแห่งโลกนี้ที่เป็นเสมือนดวงอาทิตย์ได้ “เผา” มนุษยชาติ “จนเกรียมไป” ด้วยวิธีใด?
13 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เหล่าผู้ปกครองของโลกนี้ได้จัดตั้งสันนิบาตชาติขึ้นเพื่อพยายามจะแก้ปัญหาความปลอดภัยของโลก แต่ความพยายามนี้ล้มเหลว. ดังนั้น จึงมีการทดลองใช้การปกครองแบบอื่น ๆ เช่น ลัทธิฟาสซิสต์และนาซี. ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ. แทนที่จะปรับปรุงความเป็นไปแห่งชีวิตมนุษยชาติให้ดีขึ้น ผู้ปกครองที่เป็นเสมือนดวงอาทิตย์ในระบบเหล่านี้ได้เริ่ม ‘เผาคนทั้งหลายด้วยความร้อนกล้าจนเกรียมไป.’ สงครามภายในประเทศต่าง ๆ เช่น สเปน, เอธิโอเปีย, และแมนจูเรีย นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง. ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบันบันทึกไว้ว่า มุสโสลินี, ฮิตเลอร์, และสตาลิน ในฐานะผู้เผด็จการเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมต่อการตายของผู้คนนับสิบ ๆ ล้าน รวมทั้งคนร่วมชาติของเขาเองจำนวนมาก. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความขัดแย้งของนานาชาติหรือภายในประเทศได้ “เผา” ประชาชน “จนเกรียม” ในประเทศต่าง ๆ เช่น เวียดนาม, กัมพูชา, อิหร่าน, เลบานอน, และไอร์แลนด์ รวมทั้งประเทศในแถบลาตินอเมริกาและแอฟริกา. ที่เพิ่มเข้าไปอีก คือการต่อสู้ซึ่งดำเนินอยู่ระหว่างเหล่าอภิมหาอำนาจที่มีอาวุธนิวเคลียร์อันน่ากลัวซึ่งสามารถเผามวลมนุษยชาติทั้งสิ้นให้เป็นเถ้าถ่าน. ในช่วงสมัยสุดท้ายนี้ เป็นความจริงแท้แน่นอนที่มนุษยชาติได้เผชิญกับ “สุริยัน” ที่เผาจนเกรียมอันได้แก่ผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม. การเทขันใบที่สี่แห่งพระพิโรธของพระเจ้าได้ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เหล่านี้อย่างถูกต้องแม่นยำ และประชาชนของพระเจ้าได้ประกาศสิ่งเหล่านี้ไปทั่วแผ่นดินโลก.
14. พยานพระยะโฮวาได้สอนอย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า อะไรคือทางแก้เพียงทางเดียวสำหรับปัญหาทั้งหลายของมนุษยชาติ และมีการตอบรับอย่างไรจากมนุษยชาติส่วนใหญ่?
14 พยานทั้งหลายของพระยะโฮวาได้สอนอย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า ทางแก้ทางเดียวสำหรับปัญหาต่าง ๆ อันทำให้มนุษยชาติงงงันคือราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งโดยทางนี้เองที่พระยะโฮวาทรงมีพระประสงค์จะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. (บทเพลงสรรเสริญ 83:4, 17, 18; มัดธาย 6:9, 10) อย่างไรก็ดี มนุษยชาติส่วนใหญ่ไม่รับเอาทางแก้นี้. หลายคนที่ปฏิเสธราชอาณาจักรยังลบหลู่พระนามของพระเจ้าอีกด้วย เช่นเดียวกับที่ฟาโรห์ได้ทำเมื่อเขาไม่ยอมรับพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. (เอ็กโซโด 1:8-10; 5:2) เมื่อไม่มีความสนใจในราชอาณาจักรมาซีฮา ผู้ต่อต้านเหล่านี้จึงเลือกจะทนทุกข์อยู่ใต้ “สุริยัน” อันร้อนระอุของพวกเขาเอง อันได้แก่การปกครองของมนุษย์ที่กดขี่.
บัลลังก์ของสัตว์ร้าย
15. (ก) ขันใบที่ห้าถูกเทบนอะไร? (ข) “บัลลังก์ของสัตว์ร้าย” คืออะไร และการเทขันบนบัลลังก์นั้นเกี่ยวข้องกับอะไร?
15 ทูตสวรรค์องค์ต่อไปเทขันของตนลงบนสิ่งใด? “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เทขันของตนลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้ายนั้น.” (วิวรณ์ 16:10ก, ล.ม.) “สัตว์ร้าย” คือระบบการปกครองของซาตาน. มันไม่มีบัลลังก์จริง ๆ เช่นเดียวกับที่สัตว์ร้ายเองก็ไม่ใช่สัตว์ร้ายจริง ๆ. อย่างไรก็ดี การเอ่ยถึงบัลลังก์แสดงว่า สัตว์ร้ายได้ใช้อำนาจเยี่ยงกษัตริย์เหนือมนุษยชาติ เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า บนแต่ละเขาของสัตว์ร้ายมีมงกุฎของกษัตริย์. อันที่จริง “บัลลังก์ของสัตว์ร้าย” คือรากฐานหรือแหล่งที่มาของอำนาจนั้น.b คัมภีร์ไบเบิลเผยให้ทราบสถานะที่แท้จริงแห่งอำนาจเยี่ยงกษัตริย์ของสัตว์ร้ายเมื่อกล่าวว่า “พญานาคได้ให้สัตว์ร้ายนั้นมีฤทธิ์เดช บัลลังก์ และอำนาจใหญ่ยิ่ง.” (วิวรณ์ 13:1, 2, ล.ม.; 1 โยฮัน 5:19) ด้วยเหตุนี้ การเทขันลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้ายจึงเกี่ยวข้องกับการประกาศซึ่งเปิดเผยบทบาทแท้จริงที่ซาตานเคยมีและยังคงมีในการสนับสนุนและส่งเสริมสัตว์ร้ายนั้น.
16. (ก) นานาชาติรับใช้ใคร ไม่ว่าพวกเขาจะรู้หรือไม่? จงอธิบาย. (ข) โลกนี้สะท้อนบุคลิกลักษณะของซาตานอย่างไร? (ค) บัลลังก์ของสัตว์ร้ายจะถูกคว่ำเมื่อไร?
16 สัมพันธภาพเช่นนี้ระหว่างซาตานและนานาชาติได้รับการรักษาไว้ โดยวิธีใด? ในคราวที่ซาตานล่อใจพระเยซู มันสำแดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้ทางนิมิตและได้เสนอจะยก “อำนาจและสง่าราศีทั้งหมดนั้น” ให้พระองค์. แต่มีเงื่อนไข คือพระเยซูต้องกราบไหว้ซาตานก่อน. (ลูกา 4:5-7) เราควรคาดหมายไหมว่า รัฐบาลต่าง ๆ ของโลกนี้ได้รับอำนาจของพวกเขาในราคาที่ต่ำกว่านี้? เปล่าเลย. ตามที่คัมภีร์ไบเบิลแจ้งไว้ ซาตานเป็นพระเจ้าแห่งระบบนี้ ดังนั้น ไม่ว่านานาชาติจะสำนึกถึงเรื่องนี้หรือไม่ พวกเขาก็รับใช้มัน. (2 โกรินโธ 4:3, 4)c สถานะดังกล่าวมีเผยให้เห็นในส่วนประกอบแห่งระบบโลกปัจจุบัน ซึ่งตั้งอยู่บนลัทธิชาตินิยมที่อคติ, ความเกลียดชัง, และความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว. ระบบนี้ถูกจัดในรูปแบบที่ซาตานต้องการ คือเพื่อให้มนุษยชาติอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน. การกินสินบนในรัฐบาล, ความทะเยอทะยานเพื่ออำนาจ, การทูตที่หลอกลวง, การแข่งขันด้านอาวุธ ล้วนสะท้อนให้เห็นบุคลิกลักษณะที่เสื่อมทรามของซาตาน. โลกเห็นด้วยกับมาตรฐานต่าง ๆ อันอธรรมของซาตาน จึงทำให้มันเป็นพระของโลกด้วยวิธีนี้. บัลลังก์ของสัตว์ร้ายจะถูกคว่ำในคราวที่มันประสบความดับสูญ และในที่สุด พงศ์พันธุ์แห่งผู้หญิงของพระเจ้าจะขังซาตานไว้ในขุมลึก.—เยเนซิศ 3:15; วิวรณ์ 19:20, 21; 20:1-3.
ความมืดและความเจ็บปวดทรมาน
17. (ก) การเทขันใบที่ห้าเกี่ยวพันอย่างไรกับความมืดฝ่ายวิญญาณซึ่งปกคลุมอาณาจักรของสัตว์ร้ายเสมอมา? (ข) ผู้คนมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการเทขันใบที่ห้าแห่งพระพิโรธของพระเจ้า?
17 อาณาจักรของสัตว์ร้ายอยู่ในความมืดฝ่ายวิญญาณมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้น. (เทียบกับมัดธาย 8:12; เอเฟโซ 6:11, 12.) ขันใบที่ห้านำมาซึ่งการประกาศอันเข้มข้นต่อสาธารณชนเกี่ยวด้วยความมืดนี้ ทั้งยังทำให้เรื่องนี้ดูน่าตื่นเต้นในข้อที่ว่า ขันแห่งพระพิโรธของพระเจ้าใบนี้ถูกเทลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้ายโดยนัยเลยทีเดียว. “อาณาจักรของมันจึงมืดไป และพวกเขาเริ่มกัดลิ้นของตนเนื่องด้วยความเจ็บปวด แต่พวกเขาก็หมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์เนื่องจากความเจ็บปวดและแผลเปื่อยของตน และพวกเขาไม่ได้กลับใจจากการประพฤติของตน.”—วิวรณ์ 16:10ข, 11, ล.ม.
18. มีความสอดคล้องกันอย่างไรระหว่างเสียงแตรครั้งที่ห้ากับขันใบที่ห้าแห่งพระพิโรธของพระเจ้า?
18 การเป่าแตรครั้งที่ห้าแตกต่างไปบ้างจากขันใบที่ห้าแห่งพระพิโรธของพระเจ้า เนื่องจากการเป่าแตรเป็นการแจ้งให้ทราบถึงภัยพิบัติจากตั๊กแตน. กระนั้น ขอให้สังเกตว่า ขณะที่มีการทรมานโดยฝูงตั๊กแตน ดวงอาทิตย์และอากาศก็มืดไป. (วิวรณ์ 9:2-5) และที่เอ็กโซโด 10:14, 15 เราอ่านเกี่ยวกับฝูงตั๊กแตนซึ่งพระยะโฮวาทรงใช้ทรมานชาวอียิปต์ดังนี้: “เป็นภัยร้ายแรงนัก; แต่ก่อนมาตั๊กแตนอย่างนี้ไม่เคยมีเลย, และต่อไปข้างหน้าจะหามีอย่างนั้นอีกไม่. มันได้ปกปิดพื้นแผ่นดินจนแลมืดไป.” ถูกแล้ว ความมืด! ทุกวันนี้ ความมืดมนฝ่ายวิญญาณของโลกเป็นที่ปรากฏชัดเหลือเกินเนื่องจากการเป่าแตรครั้งที่ห้าและการเทขันใบที่ห้าแห่งพระพิโรธของพระเจ้า. ข่าวสารที่เสียดแทงซึ่งได้รับการประกาศโดยฝูงตั๊กแตนสมัยปัจจุบันนั้นก่อความทรมานและความเจ็บปวดแก่คนชั่วช้าเหล่านั้นที่ “ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง.”—โยฮัน 3:19.
19. ประสานกับวิวรณ์ 16:10, 11 การเปิดโปงต่อสาธารณชนว่าซาตานเป็นพระเจ้าแห่งระบบนี้ก่อผลอะไร?
19 ในฐานะผู้ปกครองโลก ซาตานได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานมากมาย. การกันดารอาหาร, สงคราม, ความรุนแรง, อาชญากรรม, การใช้ยาเสพติด, การผิดศีลธรรม, โรคซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ความไม่ซื่อสัตย์, ความหน้าซื่อใจคดทางศาสนา สิ่งเหล่านี้และอื่น ๆ อีกมากต่างก็เป็นเอกลักษณ์แห่งระบบของซาตาน. (เทียบกับฆะลาเตีย 5:19-21.) ถึงกระนั้น การเปิดโปงซาตานในฐานะเป็นพระเจ้าแห่งระบบนี้ต่อสาธารณชนได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและความลำบากใจแก่คนที่ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของมัน. “พวกเขาเริ่มกัดลิ้นของตนเนื่องด้วยความเจ็บปวด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคริสต์ศาสนาจักร. หลายคนขุ่นเคืองที่ความจริงเปิดเผยแนวทางดำเนินชีวิตของพวกเขา. บ้างก็รู้สึกว่าถูกคุกคามแล้วจึงข่มเหงผู้ที่ประกาศความจริงนั้น. พวกเขาปฏิเสธราชอาณาจักรของพระเจ้าและพูดลบหลู่พระนามบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา. สภาพทางศาสนาของพวกเขาที่เป็นโรคมีแผลเปื่อยเป็นที่ปรากฏแจ้ง เขาจึงหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์. เปล่า พวกเขา “ไม่ได้กลับใจจากการประพฤติของตน.” ดังนั้น เราจึงไม่อาจคาดหมายให้คนจำนวนมากเปลี่ยนใจก่อนอวสานแห่งระบบนี้มาถึง.—ยะซายา 32:6.
แม่น้ำยูเฟรทิสแห้งไป
20. ทั้งเสียงแตรครั้งที่หกและการเทขันใบที่หกเกี่ยวข้องกับแม่น้ำยูเฟรทิสอย่างไร?
20 เสียงแตรครั้งที่หกประกาศการปลดปล่อย “ทูตสวรรค์สี่องค์ซึ่งถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรทิส.” (วิวรณ์ 9:14, ล.ม.) ทางประวัติศาสตร์ บาบิโลนเคยเป็นเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูเฟรทิส. และในปี 1919 การปลดปล่อยทูตสวรรค์สี่องค์โดยนัยนั้นมาพร้อมกับการล่มจมอันมีความหมายสำคัญของบาบิโลนใหญ่. (วิวรณ์ 14:8) ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ขันใบที่หกแห่งพระพิโรธของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับแม่น้ำยูเฟรทิสด้วย: “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่หกก็เทขันของตนลงบนแม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรทิส ทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้งไป เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับกษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก.” (วิวรณ์ 16:12, ล.ม.) นี่ก็เป็นข่าวร้ายด้วยสำหรับบาบิโลนใหญ่!
21, 22. (ก) แม่น้ำยูเฟรทิสซึ่งให้การป้องกันแก่บาบิโลนได้แห้งไปอย่างไรในปี 539 ก่อนสากลศักราช? (ข) “น้ำมากหลาย” ซึ่งบาบิโลนใหญ่นั่งอยู่นั้นคืออะไร และแม้กระทั่งบัดนี้น้ำโดยนัยเหล่านั้นก็กำลังแห้งไปอย่างไร?
21 ในสมัยที่บาบิโลนโบราณรุ่งเรือง น้ำจำนวนมากในยูเฟรทิสเป็นส่วนสำคัญแห่งระบบป้องกันเมือง. ในปี 539 ก่อนสากลศักราช น้ำเหล่านั้นแห้งไปเมื่อถูกเปลี่ยนทิศทางการไหลโดยไซรัส ผู้นำชาวเปอร์เซีย. ด้วยวิธีนี้ ทางเปิดออกเพื่อไซรัสชาวเปอร์เซียและดาระยาศชาวมีเดีย กษัตริย์เหล่านั้นจาก “ตะวันออก” จะเข้าพิชิตเมืองบาบิโลน. ในเวลาวิกฤติเช่นนี้ แม่น้ำยูเฟรทิสไม่ได้ปกป้องเมืองใหญ่นั้น. (ยะซายา 44:27–45:7; ยิระมะยา 51:36) สิ่งคล้ายคลึงกันจะเกิดขึ้นกับบาบิโลนสมัยปัจจุบัน ระบบแห่งศาสนาเท็จทั่วโลก.
22 บาบิโลนใหญ่ “นั่งบนน้ำมากหลาย.” ตามที่ปรากฏในวิวรณ์ 17:1, 15 (ล.ม.) น้ำเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ถึง “ชนชาติ ฝูงชน ประเทศ และภาษาต่าง ๆ”—ฝูงชนผู้ติดตามที่บาบิโลนใหญ่ถือว่าเป็นเครื่องป้องกัน. แต่ทว่า “น้ำทั้งหลาย” กำลังจะแห้งไป! ในยุโรปตะวันตกซึ่งบาบิโลนใหญ่เคยมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง ผู้คนนับร้อย ๆ ล้านได้บอกปัดศาสนาอย่างเปิดเผย. ในบางประเทศมีนโยบายที่ชัดแจ้งมาหลายปีว่าจะพยายามทำลายอิทธิพลของศาสนา. มวลชนในประเทศเหล่านั้นไม่ได้ยืนขึ้นเพื่อช่วยเมืองนี้. ทำนองเดียวกัน เมื่อถึงเวลาที่บาบิโลนใหญ่จะถูกทำลาย เหล่าผู้สนับสนุนที่กำลังลดลงจะไม่ได้เป็นเครื่องป้องกันเลย. (วิวรณ์ 17:16) แม้จะอ้างถึงสมาชิกนับพัน ๆ ล้านคนก็ตาม บาบิโลนใหญ่ก็จะพบว่าไม่สามารถปกป้องตนเองจาก ‘กษัตริย์ทั้งหลายที่มาจากทิศตะวันออก.’
23. (ก) ใครคือกษัตริย์เหล่านั้นที่มาจาก “ตะวันออก” ในปี 539 ก่อนสากลศักราช? (ข) ใครคือ ‘กษัตริย์ทั้งหลายที่มาจากทิศตะวันออก’ ในช่วงวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และกษัตริย์เหล่านั้นจะทำลายบาบิโลนใหญ่อย่างไร?
23 กษัตริย์เหล่านี้คือผู้ใด? ในปี 539 ก่อนสากลศักราชพวกเขาคือดาระยาศชาวมีเดียและไซรัสชาวเปอร์เซีย ซึ่งพระยะโฮวาทรงใช้เพื่อพิชิตกรุงบาบิโลนโบราณ. ในช่วงวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านี้ ระบบศาสนาเท็จแห่งบาบิโลนใหญ่จะถูกทำลายโดยผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์เช่นกัน. แต่อีกครั้งหนึ่ง นี่จะเป็นการพิพากษาจากพระเจ้า. พระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ ‘กษัตริย์ทั้งหลายที่มาจากทิศตะวันออก’ จะทรงดลใจเหล่าผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ให้มี “ความคิด” หันไปต่อสู้บาบิโลนใหญ่และทำลายเมืองนี้จนสิ้นเชิง. (วิวรณ์ 17:16, 17) การเทขันใบที่หกประกาศอย่างเปิดเผยว่า การลงโทษตามการพิพากษานี้จวนจะถึงอยู่แล้ว!
24. (ก) ข่าวสารในขันหกใบแรกแห่งพระพิโรธของพระยะโฮวาได้รับการโฆษณาออกไปอย่างไร และมีผลเช่นไร? (ข) ก่อนบอกเราถึงขันที่เหลืออยู่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า พระธรรมวิวรณ์เปิดเผยเรื่องอะไร?
24 ขันหกใบแรกแห่งพระพิโรธของพระยะโฮวานำมาซึ่งข่าวสารที่จริงจัง. ผู้รับใช้ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเหล่าทูตสวรรค์ได้หมกมุ่นโฆษณาข่าวสารในขันเหล่านี้ออกไปตลอดทั่วโลก. โดยวิธีนี้ จึงมีการให้คำเตือนที่ทันกาลแก่ทุกส่วนแห่งระบบโลกของซาตาน และพระยะโฮวาทรงให้แต่ละบุคคลมีโอกาสหันเข้าหาความชอบธรรมและมีชีวิตอยู่. (ยะเอศเคล 33:14-16) กระนั้น ขันแห่งพระพิโรธของพระเจ้ายังเหลืออีกหนึ่งใบ. แต่ก่อนจะแจ้งเรื่องนั้นแก่เรา พระธรรมวิวรณ์เปิดเผยวิธีที่ซาตานและพรรคพวกของมันทางแผ่นดินโลกพยายามตอบโต้การโฆษณาการพิพากษาจากพระยะโฮวา.
การรวบรวมสู่อาร์มาเก็ดดอน
25. (ก) โยฮันบอกอะไรแก่เราเกี่ยวกับ “ถ้อยคำที่กล่าวโดยการดลใจ” ที่ไม่สะอาดซึ่งดูเหมือนกบ? (ข) มีภัยพิบัติเสมือนจากกบที่น่าขยะแขยงด้วย “ถ้อยคำที่กล่าวโดยการดลใจ” ที่ไม่สะอาดอย่างไรในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเกิดผลอย่างไร?
25 โยฮันบอกเราว่า “แล้วข้าพเจ้าก็เห็นถ้อยคำที่กล่าวโดยการดลใจสามอย่างที่ไม่สะอาดซึ่งดูเหมือนกบออกมาจากปากพญานาค ปากสัตว์ร้าย และปากผู้พยากรณ์เท็จ. ที่จริง ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นถ้อยคำที่กล่าวโดยการดลใจจากพวกปิศาจและทำให้เกิดการอัศจรรย์ต่าง ๆ และถ้อยคำเหล่านั้นมีออกไปยังกษัตริย์ทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลกเพื่อให้กษัตริย์เหล่านั้นมารวมตัวกันเพื่อเข้าสู่สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” (วิวรณ์ 16:13, 14, ล.ม.) ในสมัยโมเซ พระยะโฮวาทรงทำให้มีภัยพิบัติจากฝูงกบอันน่าระอาใจเกิดแก่อียิปต์ภายใต้ฟาโรห์ จน “แผ่นดินนั้นก็เหม็นตลบไป.” (เอ็กโซโด 8:5-15) ระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีภัยพิบัติเสมือนจากกบอันน่าขยะแขยงเช่นกัน แม้จะมาจากแหล่งที่ต่างออกไปก็ตาม. มันประกอบไปด้วย “ถ้อยคำที่กล่าวโดยการดลใจ . . . ที่ไม่สะอาด” ของซาตาน เป็นภาพเล็งอย่างชัดเจนถึงการโฆษณาชวนเชื่อที่มุ่งหมายหลอกล่อผู้ปกครองทั้งปวงที่เป็นมนุษย์ “กษัตริย์ทั้งหลาย” ให้เข้าสู่การต่อต้านพระยะโฮวาพระเจ้า. ด้วยวิธีนี้ ซาตานทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่หันเหไปเนื่องจากการเทขันทั้งหลายแห่งพระพิโรธของพระเจ้า แต่ยืนอยู่ฝ่ายซาตานอย่างมั่นคงเมื่อ “สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ” เริ่มต้น.
26. (ก) คำโฆษณาชวนเชื่อของซาตานมาจากสามแหล่งอะไรบ้าง? (ข) “ผู้พยากรณ์เท็จ” คืออะไร และเราทราบได้อย่างไร?
26 คำโฆษณาชวนเชื่อมาจาก “พญานาค” (ซาตาน) และ “สัตว์ร้าย” (ระบบการเมืองของซาตานบนแผ่นดินโลก) สัตว์ที่เราพบเห็นมาแล้วในพระธรรมวิวรณ์. แต่ “ผู้พยากรณ์เท็จ” คืออะไร? นี่คือผู้มาใหม่ในนามเท่านั้น. ก่อนหน้านี้ มีการแสดงให้เราเห็นสัตว์ร้ายมีสองเขาที่เหมือนลูกแกะซึ่งทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าสัตว์ร้ายที่มีหัวเจ็ดหัว. สัตว์ที่ล่อลวงตัวนี้ทำทีเสมือนผู้พยากรณ์สำหรับสัตว์ร้ายนั้น. มันส่งเสริมการนมัสการสัตว์ร้าย ทำแม้กระทั่งให้มีการทำรูปของสัตว์ร้ายนั้น. (วิวรณ์ 13:11-14) สัตว์ร้ายที่มีสองเขาเหมือนลูกแกะตัวนี้คงต้องเป็นตัวเดียวกันกับ “ผู้พยากรณ์เท็จ” ที่มีกล่าวถึงในที่นี้. เพื่อยืนยันเรื่องนี้ เราอ่านต่อมาว่า ผู้พยากรณ์เท็จ เช่นเดียวกับสัตว์ร้ายโดยนัยที่มีสองเขาได้ “ทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ ต่อหน้า [สัตว์ร้ายที่มีหัวเจ็ดหัว] เพื่อชักนำคนที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนที่นมัสการรูปของมันให้หลงผิด.”—วิวรณ์ 19:20, ล.ม.
27. (ก) พระเยซูเองทรงให้คำเตือนที่ทันกาลอะไร? (ข) พระเยซูทรงให้คำเตือนอะไรเมื่อพระองค์อยู่บนแผ่นดินโลก? (ค) อัครสาวกเปาโลกล่าวย้ำคำเตือนของพระเยซูอย่างไร?
27 เนื่องด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อแบบซาตานมีอยู่ทั่วไป ถ้อยคำที่โยฮันบันทึกต่อไปนี้จึงนับว่าทันกาลจริง ๆ: “คอยดูให้ดี! เราจะมาเหมือนขโมย. ผู้ที่ตื่นตัวอยู่เสมอและรักษาเสื้อคลุมของตนไว้ก็มีความสุข เขาจะได้ไม่ต้องเดินโดยไม่มีเสื้อคลุมและผู้คนก็จะไม่เห็นความน่าอับอายของเขา.” (วิวรณ์ 16:15, ล.ม.) ใครจะมา “เหมือนขโมย”? พระเยซูนั่นเอง จะเสด็จมาในโมงที่ไม่ได้แจ้งไว้ ในฐานะผู้สำเร็จโทษที่พระยะโฮวาทรงใช้มา. (วิวรณ์ 3:3; 2 เปโตร 3:10) ขณะยังอยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงเปรียบการเสด็จมาของพระองค์เสมือนขโมยดอดมา โดยตรัสว่า “เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่. เพราะท่านไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน. เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ในโมงที่ท่านไม่ทันคิดนั้นบุตรมนุษย์จะเสด็จมา.” (มัดธาย 24:42, 44; ลูกา 12:37, 40) อัครสาวกเปาโลกล่าวย้ำคำเตือนนี้ว่า “วันของพระยะโฮวาจะมาเหมือนขโมยทีเดียวที่มาในเวลากลางคืน. เมื่อไรก็ตามที่พวกเขากล่าวว่า ‘สันติภาพและความปลอดภัย!’ แล้วความพินาศโดยฉับพลันก็จะมาถึงเขาทันที.” ซาตานอยู่เบื้องหลังแถลงการณ์เท็จดังกล่าวไม่ว่าแถลงการณ์ใดก็ตามที่บอกว่าจะมี “สันติภาพและความปลอดภัย!”—1 เธซะโลนิเก 5:2, 3, ล.ม.
28. พระเยซูทรงให้คำเตือนอะไรเกี่ยวกับการต้านทานความกดดันจากโลก และ “วันนั้น” ที่คริสเตียนไม่ต้องการให้มาถึงพวกเขา “ดุจบ่วงแร้ว” คืออะไร?
28 พระเยซูยังทรงเตือนเช่นกันถึงรูปแบบความกดดันซึ่งโลกนี้ที่เต็มไปด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อมีต่อคริสเตียน. พระองค์ตรัสว่า “แต่จงเอาใจใส่ตัวเอง เพื่อว่าหัวใจของเจ้าจะไม่เพียบลงด้วยการกินมากเกินไปและการดื่มจัดและความกระวนกระวายในเรื่องชีวิต และโดยไม่ทันรู้ตัววันนั้นจะมาถึงเจ้าอย่างกะทันหัน ดุจบ่วงแร้ว. . . . เหตุฉะนั้น จงตื่นตัวเสมอ เฝ้าวิงวอนอยู่ตลอดเวลา เพื่อเจ้าจะประสบผลสำเร็จในการหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ซึ่งถูกกำหนดไว้ว่าจะเกิดขึ้น และในการยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์.” (ลูกา 21:34-36, ล.ม.) “วันนั้น” คือ “วันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” (วิวรณ์ 16:14, ล.ม.) ขณะที่ “วันนั้น” แห่งการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาคืบใกล้เข้ามา การรับมือกับความกังวลต่าง ๆ ในชีวิตยากขึ้นทุกที. คริสเตียนต้องเตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจนกว่าวันนั้นมาถึง.
29, 30. (ก) คำเตือนของพระเยซูที่ว่าคนที่ถูกพบว่านอนหลับอยู่จะได้รับความละอายโดยสูญเสีย “เสื้อคลุม” ของตนนั้นหมายความอย่างไร? (ข) เสื้อคลุมระบุตัวผู้สวมว่าเป็นคนเช่นไร? (ค) คนเราอาจสูญเสียเสื้อคลุมโดยนัยของตนอย่างไร และพร้อมด้วยผลเช่นไร?
29 กระนั้น มีอะไรเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในคำเตือนที่ว่า คนที่ถูกพบว่านอนหลับอยู่จะได้รับความละอายโดยการสูญเสีย “เสื้อคลุม” ของตน? ในอิสราเอลโบราณ ปุโรหิตหรือชาวเลวีคนใดที่มีหน้าที่รักษาการณ์ ณ พระวิหารมีหน้าที่รับผิดชอบหนัก. นักวิจารณ์ชาวยิวบอกเราว่า หากคนใดถูกจับได้ว่าม่อยหลับไปขณะปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เสื้อของเขาอาจถูกฉีกจากตัวและเผาเสีย ดังนั้น เขาจึงได้รับความอับอายต่อหน้าธารกำนัล.
30 ณ ที่นี่ พระเยซูทรงเตือนว่าบางสิ่งที่คล้ายกันอาจเกิดขึ้นได้ในทุกวันนี้. เหล่าปุโรหิตและพวกเลวีเป็นภาพเล็งถึงพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระเยซู. (1 เปโตร 2:9) แต่คำเตือนของพระเยซูกินความกว้างถึงชนฝูงใหญ่ด้วย. เสื้อคลุมที่มีกล่าวถึงในที่นี้ระบุตัวผู้สวมใส่ว่าเป็นคริสเตียนพยานพระยะโฮวา. (เทียบกับวิวรณ์ 3:18; 7:14.) หากคนใดยอมให้ความกดดันต่าง ๆ แห่งโลกของซาตานกล่อมตนให้ม่อยหลับหรือเลิกรับใช้ เขาอาจสูญเสียเสื้อคลุมของตน พูดอีกอย่างก็คือ สูญเสียเอกลักษณ์อันสะอาดในฐานะคริสเตียน. สถานะเช่นนั้นคงน่าละอาย. ทำให้คนเราตกอยู่ในอันตรายแห่งการสูญเสียอย่างสิ้นเชิง.
31. (ก) วิวรณ์ 16:16 เน้นความจำเป็นที่คริสเตียนต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างไร? (ข) ผู้นำศาสนาบางคนได้คาดการณ์อย่างไรเกี่ยวกับอาร์มาเก็ดดอน?
31 ความจำเป็นที่คริสเตียนจะตื่นตัวอยู่เสมอนั้นยิ่งเร่งด่วนมากขึ้นขณะที่วิวรณ์ข้อต่อไปใกล้จะสำเร็จเป็นจริง “แล้วถ้อยคำเหล่านั้น [คำกล่าวโดยการดลใจจากเหล่าผีปิศาจ] ก็ทำให้กษัตริย์เหล่านั้น [กษัตริย์ หรือพวกผู้ปกครองฝ่ายแผ่นดินโลก] มารวมตัวกันในที่ที่มีชื่อในภาษาฮีบรูว่า ฮาร์มาเกโดน.” (วิวรณ์ 16:16, ล.ม.) ชื่อนี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเรียกว่าอาร์มาเก็ดดอน ปรากฏเพียงครั้งเดียวในคัมภีร์ไบเบิล. แต่ชื่อนี้ก็ได้จุดประกายในจินตนาการของมนุษยชาติ. พวกผู้นำของโลกได้เตือนเรื่องความเป็นไปได้ของสงครามนิวเคลียร์อาร์มาเก็ดดอน. นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงอาร์มาเก็ดดอนกับเมืองเมกิดโดโบราณ สถานที่ทำการสู้รบขั้นเด็ดขาดหลายครั้งในสมัยพระคัมภีร์ และด้วยเหตุนี้ผู้นำศาสนาบางคนจึงคาดการณ์ว่า สงครามครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินโลกจะเกิดขึ้นภายในบริเวณอันจำกัดนั้น. ในเรื่องนี้ พวกเขาอยู่ห่างไกลนักจากความจริง.
32, 33. (ก) แทนที่จะเป็นสถานที่จริง ชื่อฮาร์มาเกโดนหรืออาร์มาเก็ดดอนหมายถึงอะไร? (ข) ชื่ออื่น ๆ อะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลที่คล้ายกับ หรือมีความเกี่ยวพันกับ “อาร์มาเก็ดดอน”? (ค) เมื่อไรจะถึงเวลาที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเทขันใบสุดท้ายแห่งพระพิโรธของพระเจ้า?
32 ชื่อฮาร์มาเกโดนหมายถึง “ภูเขาแห่งเมกิดโด.” แต่แทนที่จะเป็นสถานที่จริง ๆ ชื่อนี้หมายถึงสถานการณ์โลกเมื่อนานาชาติถูกรวบรวมเข้ามาเพื่อต่อต้านพระยะโฮวาพระเจ้าและเมื่อพระองค์จะทรงทำลายพวกเขาในที่สุด. นี่เป็นสถานการณ์ที่มีขอบเขตทั่วโลก. (ยิระมะยา 25:31-33; ดานิเอล 2:44) ที่นี้คล้ายคลึงกับ “บ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า” และ “หุบเขาแห่งการพิพากษา” หรือ “หุบเขาแห่งยะโฮซาฟาด” ที่ซึ่งนานาชาติจะถูกรวบรวมเพื่อการสำเร็จโทษโดยพระยะโฮวา. (วิวรณ์ 14:19; โยเอล 3:12, 14, ล.ม.) ชื่อนี้ยังเกี่ยวโยงกับ ‘แผ่นดินอิสราเอล’ ที่ซึ่งเหล่ากองทัพของซาตานคือโกกแห่งมาโกกจะถูกทำลาย และสถานที่ “ระหว่างทะเลใหญ่และภูเขาอันบริสุทธิ์แห่งสิ่งประดับ” ซึ่งกษัตริย์ทิศเหนือ “ถึงจุดจบของท่าน” ด้วยพระหัตถ์ของมิคาเอลเจ้าชายองค์ยิ่งใหญ่.—ยะเอศเคล 38:16-18, 22, 23; ดานิเอล 11:45–12:1, ล.ม.
33 เมื่อนานาชาติถูกล่อเข้าสู่สถานการณ์ดังกล่าวโดยคำโฆษณาชวนเชื่อที่เหมือนเสียงกบซึ่งมีต้นตอมาจากซาตานและตัวแทนของมันทางแผ่นดินโลกนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเทขันใบสุดท้ายแห่งพระพิโรธของพระเจ้า.
“สำเร็จแล้ว!”
34. ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทขันของตนลงบนอะไร และคำแถลงอะไร “มาจากราชบัลลังก์ในที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น”?
34 “แล้วทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เทขันของตนลงบนอากาศ มีเสียงอันดังมาจากราชบัลลังก์ในที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นว่า ‘สำเร็จแล้ว!’”—วิวรณ์ 16:17, ล.ม.
35. (ก) “อากาศ” ในวิวรณ์ 16:17 คืออะไร? (ข) ในการเทขันของตนลงบนอากาศ ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดแสดงถึงอะไร?
35 “อากาศ” คือปัจจัยค้ำจุนชีวิตประการสุดท้ายที่จะได้รับภัยพิบัติ. แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงอากาศจริง ๆ. ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับอากาศจริง ๆ ซึ่งทำให้มันสมควรได้รับการพิพากษาลงโทษจากพระยะโฮวา เช่นเดียวกับที่แผ่นดินโลก, ทะเล, แหล่งน้ำ, หรือดวงอาทิตย์จริง ๆ ไม่สมควรได้รับการพิพากษาจากพระหัตถ์ของพระยะโฮวา. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น นี่คือ “อากาศ” ที่เปาโลพูดถึงเมื่อท่านเรียกซาตานว่า “ผู้ครองอำนาจแห่งอากาศ.” (เอเฟโซ 2:2, ล.ม.) มันคือ “อากาศ” แบบซาตานซึ่งโลกปัจจุบันสูดหายใจเข้าไป คือวิญญาณ หรือแนวโน้มทางจิตใจโดยทั่วไป อันเป็นลักษณะเฉพาะของระบบชั่วทั้งสิ้นของมัน เป็นความคิดแบบซาตานซึ่งแทรกซึมทุกแง่มุมของชีวิตภายนอกองค์การของพระยะโฮวา. ดังนั้น ด้วยการเทขันของตนลงบนอากาศ ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจึงแสดงพระพิโรธของพระเจ้าเหนือซาตาน, องค์การของมัน, และทุกสิ่งที่กระตุ้นมนุษยชาติให้สนับสนุนซาตานในการต่อต้านพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา.
36. (ก) ภัยพิบัติเจ็ดประการหมายถึงอะไร? (ข) คำแถลงของพระยะโฮวาที่ว่า “สำเร็จแล้ว!” บ่งชี้อะไร?
36 ภัยพิบัตินี้ และภัยพิบัติหกประการก่อนหน้านี้คือรวมยอดการพิพากษาจากพระยะโฮวาต่อซาตานและระบบของมัน. ทั้งหมดเป็นแถลงการณ์แห่งความพินาศสำหรับซาตานและพงศ์พันธุ์ของมัน. เมื่อขันใบสุดท้ายนี้ถูกเท พระยะโฮวาเองจะทรงประกาศว่า “สำเร็จแล้ว!” ไม่มีอะไรจะต้องกล่าวอีก. เมื่อสิ่งที่บรรจุอยู่ในขันเหล่านี้แห่งพระพิโรธของพระเจ้าได้รับการป่าวประกาศจนเป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวา จะไม่มีการชักช้าในการลงโทษตามการพิพากษาซึ่งได้ประกาศออกไปโดยทางข่าวสารเหล่านั้น.
37. โยฮันพรรณนาสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการเทขันใบที่เจ็ดแห่งพระพิโรธของพระเจ้านั้นอย่างไร?
37 โยฮันกล่าวต่อไปว่า “แล้วก็เกิดฟ้าแลบ เสียงพูด เสียงฟ้าร้อง และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่มีมนุษย์บนแผ่นดินโลก เป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่กินบริเวณกว้างจริง ๆ. เมืองใหญ่นั้นจึงแยกเป็นสามส่วน เมืองทั้งหลายของชาติต่าง ๆ ก็พังพินาศ และพระเจ้าไม่ทรงลืมบาบิโลนใหญ่ พระองค์ทรงให้ถ้วยที่มีเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์แก่เมืองนั้น. เกาะทุกเกาะก็หายวับไป ภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ. มีลูกเห็บห่าใหญ่ซึ่งทุกก้อนหนักประมาณยี่สิบกิโลกรัมตกจากฟ้าใส่คนทั้งหลาย พวกเขาจึงหมิ่นประมาทพระเจ้าเนื่องจากภัยลูกเห็บนั้น เพราะภัยลูกเห็บนั้นร้ายแรงนัก.”—วิวรณ์ 16:18-21, ล.ม.
38. สิ่งใดที่มีการแสดงนัยถึงโดย (ก) “แผ่นดินไหวครั้งใหญ่”? (ข) ข้อเท็จจริงที่ว่า “เมืองใหญ่นั้น” คือบาบิโลนใหญ่ แยกออกเป็น “สามส่วน”? (ค) ข้อเท็จจริงที่ว่า “เกาะทุกเกาะก็หายวับไป ภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ”? (ง) “ภัยลูกเห็บ”?
38 อีกครั้งหนึ่ง พระยะโฮวาทรงปฏิบัติต่อมนุษยชาติอย่างที่ไม่มีการเข้าใจผิด เรื่องนี้มีสัญลักษณ์ด้วย “ฟ้าแลบ เสียงพูด เสียงฟ้าร้อง.” (เทียบกับวิวรณ์ 4:5; 8:5.) มนุษยชาติจะถูกเขย่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประหนึ่งจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้าง. (เทียบกับยะซายา 13:13; โยเอล 3:16.) การเขย่าอย่างรุนแรงเช่นนี้จะทำให้ “เมืองใหญ่นั้น” คือเมืองบาบิโลนใหญ่พังทลาย จนมันแยกออกเป็น “สามส่วน” ซึ่งแสดงนัยถึงการพังทลายจนไม่อาจกอบกู้ขึ้นได้อีก. เช่นเดียวกัน “เมืองทั้งหลายของชาติต่าง ๆ” จะล่มจม. “เกาะทุกเกาะ” และ “ภูเขาทั้งหลาย” คือสถาบันและองค์การต่าง ๆ ที่ดูมั่นคงถาวรอย่างยิ่งในระบบนี้ก็จะผ่านพ้นไป. “ลูกเห็บห่าใหญ่” ยิ่งกว่าที่ก่อความเสียหายเหนือแผ่นดินอียิปต์คราวภัยพิบัติที่เจ็ด แต่ละก้อนหนักประมาณยี่สิบกิโลกรัม จะกระหน่ำตีมนุษยชาติอย่างเจ็บปวด.d (เอ็กโซโด 9:22-26) การลงโทษซึ่งเทลงมาราวกับห่าน้ำฝนที่แข็งตัวเช่นนี้ อาจเป็นภาพเล็งถึงพระดำรัสที่หนักแน่นอย่างยิ่งแห่งการพิพากษาของพระยะโฮวา อันเป็นสัญญาณเตือนว่า ในที่สุดอวสานแห่งระบบนี้ได้มาถึงแล้ว! พระยะโฮวาทรงใช้ลูกเห็บจริง ๆ ได้เช่นกันในการทำลายล้างของพระองค์.—โยบ 38:22, 23.
39. ทั้ง ๆ ที่มีการเทภัยพิบัติทั้งเจ็ดประการ มนุษยชาติส่วนใหญ่ก็จะปฏิบัติเช่นไร?
39 โดยวิธีนี้ โลกของซาตานจะประสบกับการพิพากษาอันชอบธรรมจากพระยะโฮวา. มนุษยชาติส่วนใหญ่จะต่อต้านและหมิ่นประมาทพระเจ้าต่อไปจนถึงที่สุด. เช่นเดียวกับฟาโรห์ในอดีต หัวใจของพวกเขาจะไม่อ่อนลงเนื่องด้วยภัยพิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเนื่องจากสุดยอดแห่งภัยพิบัติเหล่านั้นที่ก่อความตายประการสุดท้าย. (เอ็กโซโด 11:9, 10) จะไม่มีการเปลี่ยนใจขนานใหญ่ในนาทีสุดท้าย. ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย พวกเขาจะด่าว่าพระเจ้าผู้ซึ่งทรงแถลงว่า “เขาทั้งหลายจะได้รู้ว่า เราคือยะโฮวา.” (ยะเอศเคล 38:23) กระนั้นก็ตาม พระบรมเดชานุภาพแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการจะได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิตที่ใช้ยืนยันหรือที่เป็นพยานหลักฐาน โปรดเทียบกับเยเนซิศ 4:10; 31:44-53; เฮ็บราย 12:24.
b การใช้คำ “บัลลังก์” ในแบบที่คล้ายคลึงกันปรากฏในถ้อยคำที่ได้มีกล่าวพยากรณ์ถึงพระเยซู: “พระเจ้าเป็นราชบัลลังก์ของพระองค์ถึงเวลาไม่กำหนด กระทั่งตลอดไปเป็นนิตย์.” (เพลงสรรเสริญ 45:6, ล.ม.) พระยะโฮวาทรงเป็นแหล่งที่มา หรือเป็นรากฐานแห่งขัตติยอำนาจของพระเยซู.
c โปรดดู โยบ 1:6, 12; 2:1, 2; มัดธาย 4:8-10; 13:19; ลูกา 8:12; โยฮัน 8:44; 12:31; 14:30; เฮ็บราย 2:14; 1 เปโตร 5:8 ด้วย.
d คำภาษากรีกคือหนึ่งตะลันต์ หากโยฮันนึกถึงหน่วยตะลันต์กรีก ลูกเห็บแต่ละลูกคงจะหนักประมาณยี่สิบกิโลกรัม. นั่นคงจะเป็นพายุลูกเห็บที่บดขยี้ทำลายจริง ๆ.
[กรอบหน้า 221]
“ลงบนแผ่นดินโลก”
ชนจำพวกโยฮันได้ประกาศพระพิโรธของพระยะโฮวาต่อ “แผ่นดินโลก” ด้วยถ้อยแถลงดังต่อไปนี้:
“หลังจากความพยายามมาหลายร้อยปี พรรคการเมืองต่าง ๆ ก็พิสูจน์ให้เห็นความไร้สมรรถนะของตนในการรับมือกับสภาพการณ์ปัจจุบันและในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ยังความทุกข์ลำบาก. นักเศรษฐศาสตร์และนักการเมืองที่ศึกษาปัญหานี้อย่างมานะพยายามพบว่า พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย.”—หลายล้านคนในทุกวันนี้จะไม่ตายเลย (ภาษาอังกฤษ) ปี 1920 หน้า 61.
“ไม่มีรัฐบาลใดบนแผ่นดินโลกในทุกวันนี้ที่ทำให้ส่วนใหญ่ของโลกพอใจ. หลายประเทศถูกปกครองโดยผู้เผด็จการ. โลกทั้งโลกแทบล้มละลาย.”—รัฐบาลที่พึงปรารถนา (ภาษาอังกฤษ) ปี 1924 หน้า 5.
“การนำอวสานมาสู่ระบบนี้ . . . เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะกำจัดความชั่วให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินโลกและจัดหาทางขึ้นไว้เพื่อสันติสุขและความชอบธรรมจะได้เจริญ.”—“ข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรนี้” ปี 1954 หน้า 48.
“ระบบโลกปัจจุบันได้ส่อลักษณะออกมาด้วยการบาป, ความอธรรมและการกบฏต่อพระเจ้าและน้ำพระทัยประสงค์ของพระองค์มากยิ่งขึ้น. . . . โลกนี้ไม่อาจจะปฏิรูปอะไรได้. ฉะนั้น โลกนี้จะต้องสาบสูญไป!”—หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 มิถุนายน 1982 หน้า 7.
[กรอบหน้า 223]
“ลงบนทะเล”
ถ้อยคำต่อไปนี้เป็นเพียงคำแถลงบางประการซึ่งตีพิมพ์มาตลอดเวลาหลายปีโดยชนจำพวกโยฮันซึ่งประกาศถึงพระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อ “ทะเล” ซึ่งปั่นป่วน ขัดขืนแห่งมนุษยชาติที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าซึ่งเหินห่างจากพระยะโฮวา:
“ประวัติศาสตร์ของทุกชาติแสดงว่า เคยมีการต่อสู้ระหว่างชนชั้น. เคยมีชนกลุ่มน้อยต่อต้านชนกลุ่มใหญ่. . . . การต่อสู้เหล่านั้นยังผลให้มีการปฏิวัติหลายครั้งหลายหน ความทุกข์มากมาย และการนองเลือดหลายครั้ง.”—รัฐบาล (ภาษาอังกฤษ) ปี 1928 หน้า 244.
ในโลกใหม่ “‘ทะเล’ อันมีความหมายเป็นนัยแห่งผู้คนที่วุ่นวาย, ขัดขืน, ไม่เลื่อมใสพระเจ้าซึ่งสัตว์ร้ายอันมีความหมายเป็นนัยได้ขึ้นมาจากพวกเขาเพื่อให้พญามารใช้เป็นเครื่องมือนั้นจะถูกกำจัดออกไป.”—หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 กันยายน 1967 หน้า 567.
“สังคมมนุษย์ปัจจุบันนี้เจ็บป่วยและเป็นโรคฝ่ายวิญญาณ. ไม่มีผู้ใดในพวกเราจะสามารถช่วยได้ เพราะพระคำของพระเจ้าเผยให้เห็นว่า ความเจ็บป่วยนั้นนำสังคมมนุษย์ไปสู่ความตาย.”—สันติภาพที่แท้จริงและความปลอดภัย—จากแหล่งไหน? ปี 1974 หน้า 200.
[ภาพหน้า 224]
“ลงบนแม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย”
ภัยพิบัติที่สามได้เผยให้เห็น “แม่น้ำและน้ำพุทั้งหลาย” โดยถ้อยแถลงต่อไปนี้:
“นักเทศน์นักบวชซึ่งอ้างว่าเป็นผู้สอนหลักคำสอน [ของพระคริสต์] ได้ยกย่องการสงครามและทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์. พวกเขามีความยินดีที่จะได้มีภาพเขียนและรูปปั้นของตนเองอยู่เคียงข้างกับภาพและรูปปั้นของเหล่านักรบที่หลั่งโลหิตในการสงคราม”—หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 กันยายน 1924 หน้า 275.
“ลัทธิภูตผีปิศาจถูกตั้งขึ้นบนความเท็จอันร้ายกาจยิ่ง กล่าวคือ คำมุสาเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่หลังความตายและความเป็นอมตะของจิตวิญญาณมนุษย์.”—พระคัมภีร์กล่าวอย่างไรเกี่ยวกับ “การมีชีวิตอยู่หลังความตาย?” (ภาษาอังกฤษ) ปี 1955 หน้า 51.
“ปรัชญาของมนุษย์, ทฤษฎีการเมือง, นักจัดระบบสังคม, ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ, และผู้สนับสนุนจารีตประเพณีทางศาสนาไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่ยังความสดชื่นแก่ชีวิตเลย . . . น้ำเช่นนั้นถึงกับนำผู้ดื่มให้ละเมิดพระบัญญัติของพระผู้สร้างที่เกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์ของเลือดและให้เข้าร่วมในการกดขี่ข่มเหงทางศาสนาด้วยซ้ำ.”—มติซึ่งมีการยอมรับ ณ การประชุมนานาชาติ “ข่าวดีชั่วนิรันดร์” ปี 1963.
“ไม่ใช่ความรอดโดยทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความพินาศของเผ่าพันธุ์มนุษยชาติต่างหากซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหมายได้จากมนุษย์เอง. . . . เราไม่อาจหวังให้พวกนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ของโลกทำการเปลี่ยนแนวความคิดของมนุษย์ได้ . . . เราไม่อาจหวังพึ่งให้มีการจัดตั้งตำรวจนานาชาติขึ้น . . . และทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยซึ่งจะอาศัยอยู่ได้.”—การช่วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้รอด—ทางราชอาณาจักร (ภาษาอังกฤษ) ปี 1970 หน้า 5.
[กรอบหน้า 225]
“ลงบนดวงอาทิตย์”
ขณะที่ “ดวงอาทิตย์” แห่งการครอบครองของมนุษย์ได้ “เผา” มนุษยชาติ “จนเกรียมไป” ในระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชนจำพวกโยฮันได้ทำให้ผู้คนสนใจในสิ่งที่กำลังบังเกิดขึ้น ด้วยถ้อยแถลงดังต่อไปนี้:
“ทุกวันนี้ฮิตเลอร์กับมุสโสลินี ผู้เผด็จการที่ทำตามอำเภอใจ ได้คุกคามสันติภาพของทั้งโลก และพวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการทำลายเสรีภาพโดยคณะปกครองบาทหลวงแห่งนิกายโรมันคาทอลิก.”—ลัทธิฟาสซิสต์หรือเสรีภาพ (ภาษาอังกฤษ) ปี 1939 หน้า 12.
“ตลอดประวัติศาสตร์ นโยบายที่ปฏิบัติโดยผู้เผด็จการที่เป็นมนุษย์คือ ครอบครองหรือไม่ก็ทำลาย! แต่บัดนี้กฎเกณฑ์ที่พระเยซูคริสต์ พระมหากษัตริย์ที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นนั้นจะทรงใช้กับแผ่นดินโลกทั้งสิ้นก็คือ ยอมอยู่ใต้การครอบครอง หรือไม่ก็ถูกทำลาย.”—เมื่อบรรดาชาติมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ปี 1961 หน้า 23.
“ตั้งแต่ปี 1945 มีมากกว่า 25 ล้านคน ถูกสังหารในสงครามต่าง ๆ ราว ๆ 150 ครั้งทั่วโลก.”—หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กรกฎาคม 1980 หน้า 8.
“นานาชาติทั่วโลก . . . ไม่ค่อยใส่ใจต่อความรับผิดชอบหรือกฎเกณฑ์ความประพฤติระหว่างชาติ. เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของตน บางชาติเห็นว่ามีเหตุผลสมควรในการใช้วิธีใดก็ได้ที่เขาถือว่าจำเป็น เช่น การสังหารหมู่, การลอบสังหาร, การจี้เครื่องบิน, การวางระเบิด, และอื่น ๆ . . . นานาชาติจะทนทานต่อกันและกันด้วยความประพฤติแบบโง่เขลาและไม่รับผิดชอบเช่นนั้นนานสักเท่าใด?”—หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กุมภาพันธ์ 1985 หน้า 5.
[กรอบหน้า 227]
“ลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้าย”
พยานพระยะโฮวาได้เปิดโปงบัลลังก์ของสัตว์ร้ายและประกาศการพิพากษาลงโทษของพระยะโฮวาต่อสัตว์ร้ายด้วยถ้อยแถลงเช่นดังต่อไปนี้:
“บรรดาผู้ปกครองและพวกผู้นำทางการเมืองของนานาชาติถูกครอบงำโดยพลังอำนาจอันชั่วร้ายเหนือมนุษย์ซึ่งผลักดันพวกเขาอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ในขบวนการทำลายตนเองซึ่งเคลื่อนไปสู่การสู้รบขั้นเด็ดขาดที่อาร์มาเก็ดดอน.”—ภายหลังอาร์มาเก็ดดอน—โลกใหม่ของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ปี 1953 หน้า 8.
“‘สัตว์ร้าย’ แห่งรัฐบาลของมนุษย์ซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบของพระเจ้าได้รับฤทธิ์เดช อำนาจและบัลลังก์ของมันจากพญานาคนั้น. ฉะนั้น มันจึงต้องทำตามคำสั่งของพรรคพวก คือคำสั่งของพญานาคนั้น.”—ภายหลังอาร์มาเก็ดดอน—โลกใหม่ของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ปี 1953 หน้า 15.
“ชนต่างชาติสามารถกำหนดให้ตนเองอยู่เฉพาะ . . . ฝ่ายปฏิปักษ์ตัวสำคัญของพระเจ้าเท่านั้น คือซาตานพญามาร.”—มติที่ได้มีการรับรอง ณ การประชุมนานาชาติ “ชัยชนะของพระผู้เป็นเจ้า” ปี 1973.
[กรอบหน้า 229]
“น้ำในแม่น้ำนั้นแห้งไป”
แม้แต่ในขณะนี้ การสนับสนุนที่มีแก่ศาสนาของบาบิโลนก็กำลังแห้งไปในหลายแห่ง แสดงให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ “กษัตริย์ [เหล่านั้น] จากตะวันออก” ทำการโจมตี
“จากการสำรวจทั่วประเทศพบว่า ร้อยละ 75 ของผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองต่าง ๆ [ของประเทศไทย] ไม่ไปวัดเพื่อฟังเทศน์เลย ในขณะที่จำนวนคนในชนบทที่ไปวัดก็ลดลงเรื่อย ๆ จนถึงประมาณร้อยละ 50.”—บางกอก โพสต์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 7 กันยายน 1987 หน้า 4.
“ความมหัศจรรย์ได้สูญหายไปจากลัทธิเต๋าในแผ่นดิน [จีน] ซึ่งเป็นที่ซึ่งลัทธินี้ถูกก่อตั้งขึ้นราวสองพันปีมาแล้ว. . . . เนื่องจากบัดนี้ไม่มีอุปกรณ์วิเศษที่พวกเขาและผู้นำคนก่อน ๆ ได้ใช้เพื่อได้สาวกจำนวนมาก สมาชิกของนักบวชลัทธินี้พบว่าตนไร้ผู้สืบทอด กำลังเผชิญกับความจริงแห่งการดับสูญของลัทธิเต๋าในฐานะที่เป็นความเชื่อถือที่ถูกจัดตั้งขึ้นบนแผ่นดินใหญ่.”—ดิ แอตแลนตา เจอร์นัลแอนด์คอนสติติวชัน ฉบับ 12 กันยายน 1982 หน้า 36-A.
“ญี่ปุ่น . . . มีจำนวนมิชชันนารีมากที่สุดในโลก เกือบ 5,200 คน กระนั้น . . . น้อยกว่าร้อยละ 1 ของประชากรเป็นคริสเตียน . . . บาทหลวงของคณะฟรานซิสกันคนหนึ่งซึ่งทำงานที่ประเทศนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 . . . เชื่อว่า ‘สมัยของมิชชันนารีต่างประเทศในญี่ปุ่นได้สิ้นสุดลงแล้ว.’”—เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล ฉบับ 9 กรกฎาคม 1986 หน้า 1.
ประเทศอังกฤษในช่วงระหว่างสามสิบปีที่แล้วมา “โบสถ์แองกลิกันเกือบ ๆ 2,000 โบสถ์ใน 16,000 โบสถ์ถูกปิดลงเนื่องจากไม่ได้ใช้. จำนวนผู้เข้าร่วมได้ลดลงถึงระดับต่ำสุดของประเทศที่ประกาศว่าเป็นคริสเตียนอย่างเปิดเผย. . . . ‘บัดนี้อังกฤษไม่เป็นประเทศคริสเตียนอีกแล้ว’ [บิชอปแห่งเดอร์แฮม] กล่าวไว้เช่นนั้น.”—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ฉบับ 11 พฤษภาคม 1987 หน้า A4.
“หลังจากหลายชั่วโมงแห่งการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน วันนี้รัฐสภา [แห่งประเทศกรีซ] ได้รับรองกฎหมาย ซึ่งให้อำนาจแก่รัฐบาลของพรรคสังคมนิยมในการยึดเอาอสังหาริมทรัพย์กว้างใหญ่ของคริสตจักรกรีกออร์โทด็อกซ์ . . . ยิ่งกว่านั้น กฎหมายนั้นยังให้ผู้ที่ไม่ใช่นักบวชมีอำนาจควบคุมสภาและคณะกรรมการแห่งคริสตจักรที่รับผิดชอบในด้านการดำเนินการเกี่ยวกับผลได้จากการลงทุนต่าง ๆ ของคริสตจักรซึ่งรวมทั้งโรงแรม เหมืองหินอ่อนและย่านสำนักงาน.”—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ฉบับ 4 เมษายน 1987 หน้า 3.
[ภาพหน้า 222]
ขันแห่งพระพิโรธของพระเจ้าสี่ใบแรกนำมาซึ่งภัยพิบัติที่คล้ายคลึงกันกับสิ่งเหล่านั้นอันเป็นผลจากการเป่าแตรสี่ตัวแรก
[ภาพหน้า 226]
ขันใบที่ห้าเปิดโปงบัลลังก์ของสัตว์ร้ายว่าเป็นอำนาจที่ซาตานได้ให้แก่สัตว์ร้ายนั้น
[ภาพหน้า 231]
การโฆษณาชวนเชื่อของพวกผีปิศาจกำลังรวบรวมบรรดาผู้ครอบครองแห่งแผ่นดินโลกมายังสถานการณ์ ฮาร์มาเกโดน ที่ซึ่งจะมีการเทการพิพากษาของพระยะโฮวาลงเหนือพวกเขา
[ภาพหน้า 233]
คนเหล่านั้นที่ถูกกระตุ้นโดย “อากาศ” ที่เป็นมลพิษของซาตานจะต้องรับการสำเร็จโทษตามการพิพากษาอันชอบธรรมของพระยะโฮวา