เราจะเพิ่มความเชื่อของเราด้วยคุณความดีได้อย่างไร?
“จงเพิ่มความเชื่อของท่านทั้งหลายด้วยคุณความดี.”—2 เปโตร 1:5, ล.ม.
1, 2. ทำไมเราควรคาดหมายไพร่พลของพระยะโฮวาจะกระทำคุณความดี?
พระยะโฮวาทรงกระทำคุณความดีตลอดเวลา. พระองค์ทรงกระทำแต่สิ่งที่ชอบธรรมและดี. ดังนั้น อัครสาวกเปโตรสามารถกล่าวถึงพระเจ้าว่าพระองค์ได้ทรงเรียกคริสเตียนผู้ถูกเจิม ‘ด้วยสง่าราศีและคุณความดี.’ ความรู้ที่ถ่องแท้เกี่ยวกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเขาผู้ทรงคุณความดี ทำให้เขารู้ถึงสิ่งจำเป็นเพื่อมุ่งชีวิตในทางความเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างแท้จริง.—2 เปโตร 1:2, 3.
2 อัครสาวกเปาโลสนับสนุนคริสเตียนให้ “เป็นผู้เลียนแบบพระเจ้า, ดังบุตรที่รัก.” (เอเฟโซ 5:1, ล.ม.) ผู้นมัสการพระยะโฮวาควรกระทำคุณความดีในทุกสภาวะ เหมือนพระบิดาของเขาทางภาคสวรรค์ทรงกระทำ. แต่คุณความดีคืออะไร?
สิ่งที่หมายถึงคุณความดี
3. คำ “คุณความดี” ได้รับการนิยามอย่างไร?
3 พจนานุกรมรุ่นใหม่หลายฉบับนิยาม “คุณความดี” ว่าเป็น “ความเป็นเยี่ยมทางศีลธรรม; ความดี.” เป็น “การกระทำและการคิดที่ถูกต้อง; ความดีที่มีประจำอยู่ในลักษณะนิสัย.” คนที่มีคุณความดีเป็นคนชอบธรรม. อนึ่ง คุณความดีถูกนิยามว่าเป็น “การยอมปฏิบัติตามมาตรฐานความถูกต้อง.” แน่ละ สำหรับคริสเตียน พระเจ้าได้ทรงกำหนด “มาตรฐานความถูกต้อง” ไว้แล้วอย่างชัดเจนในคัมภีร์ไบเบิล พระวจนะอันศักดิ์สิทธิของพระองค์.
4. คริสเตียนต้องขะมักเขม้นพัฒนาคุณสมบัติประการใดบ้างดังกล่าวไว้ที่ 2 เปโตร 1:5-7?
4 คริสเตียนแท้ปฏิบัติลงรอยกับมาตรฐานอันชอบธรรมที่พระเจ้ายะโฮวาได้ทรงกำหนดไว้ และพวกเขาตอบรับคำสัญญาต่าง ๆ ซึ่งมีค่านั้นโดยการแสดงความเชื่อ. พวกเขาเชื่อฟังคำแนะนำของเปโตรด้วยที่ว่า “โดยการที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในการตอบรับความพยายามอย่างจริงจังทุกอย่าง จงเพิ่มความเชื่อของท่านทั้งหลายด้วยคุณความดี เพิ่มคุณความดีด้วยความรู้ เพิ่มความรู้ด้วยการรู้จักบังคับตน เพิ่มการรู้จักบังคับตนด้วยความอดทน เพิ่มความอดทนด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า เพิ่มความเลื่อมใสในพระเจ้าด้วยความรักชอบฉันพี่น้อง.” (2 เปโตร 1:5-7, ล.ม.) คริสเตียนต้องเพียรพยายามที่จะพัฒนาคุณสมบัติเหล่านี้. ทั้งนี้มิใช่จะทำกันในชั่วเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่ปี แต่ว่าต้องบากบั่นทำต่อเนื่องตลอดชีวิตทีเดียว. การเพิ่มความเชื่อของเราด้วยคุณความดีเป็นงานท้าทายจริง ๆ!
5. อะไรคือคุณความดีมองจากทัศนะของคัมภีร์ไบเบิล?
5 เอ็ม. อาร์. วินเซนต์ ผู้แต่งปทานุกรมกล่าวว่าความหมายของคำ “คุณความดี” ในภาษากรีกโบราณแสดงถึง “ความเป็นเยี่ยมของสิ่งใด ๆ ก็ได้.” เปโตรใช้คำนี้ในรูปพหูพจน์ เมื่อท่านแถลงว่าคริสเตียนจะต้องได้ประกาศ “พระบารมีคุณ” หรือคุณความดีของพระเจ้า. (1 เปโตร 2:9) จากแง่คิดของคัมภีร์ไบเบิล ไม่มีการพรรณนาคุณความดีว่าเป็นแค่การอยู่เฉย ไม่ไหวติง แต่บ่งชี้ว่าเป็น “พลังทางศีลธรรม, พลังในทางจิตใจ, ความกระปรี้กระเปร่าแห่งจิตวิญญาณ.” เมื่อพูดถึงคุณความดี เปโตรคงนึกถึงความเลอเลิศทางศีลธรรมที่กล้าหาญ ซึ่งคาดหมายกันว่าผู้รับใช้ของพระเจ้าจะแสดงให้ประจักษ์ทั้งรักษาให้คงอยู่ต่อ ๆ ไป. อย่างไรก็ดี เนื่องจากเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ เราจะประพฤติด้วยคุณความดีในสายพระเนตรของพระเจ้าได้จริง ๆ ไหม?
ไม่สมบูรณ์แต่มีคุณความดี
6. แม้เราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ ทำไมจึงกล่าวได้ว่าเราสามารถจะทำสิ่งซึ่งมีคุณความดีในสายพระเนตรของพระเจ้าได้?
6 พวกเราได้สืบทอดความไม่สมบูรณ์และบาปเป็นมรดก ดังนั้น เราอาจสงสัยว่าเราจะประพฤติด้วยคุณความดีได้จริง ๆ อย่างไรในสายพระเนตรของพระเจ้า? (โรม 5:12) เราจะต้องรับการช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างแน่นอน ถ้าเราต้องการมีหัวใจบริสุทธิ์ จากหัวใจนี้เอง ความคิด, คำพูด, และการกระทำในแนวทางที่เป็นคุณความดีจะพรั่งพรูออกมา. (เทียบกับลูกา 6:45.) หลังจากกระทำผิดกับบัธเซบะแล้ว ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญผู้กลับใจจึงได้อ้อนวอนดังนี้: “ข้าแต่พระเจ้า, ขอพระองค์ทรงเนรมิตใจสะอาดให้แก่ข้าพเจ้า; ขอทรงชุบย้อมน้ำใจภายในของข้าพเจ้าให้เป็นของใหม่.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:10) ดาวิดได้รับการอภัยจากพระเจ้า พร้อมกับความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อการมุ่งติดตามแนวทางแห่งคุณความดี. ดังนั้น แม้เราได้กระทำผิดอย่างร้ายแรง แต่โดยการกลับใจรับรองการช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า และจากผู้ปกครองประชาคม เราก็สามารถกลับเข้ามาอยู่ในแนวทางแห่งคุณความดีและคงอยู่ในทางนี้ต่อไป.—บทเพลงสรรเสริญ 103:1-3, 10-14; ยาโกโบ 5:13-15.
7, 8. (ก) ถ้าเราจะคงไว้ซึ่งคุณความดี อะไรเป็นสิ่งจำเป็น? (ข) คริสเตียนมีอะไรเป็นเครื่องช่วยเพื่อคงไว้ซึ่งคุณความดี?
7 เนื่องจากบาปที่เราได้สืบทอดมานั้น เราจึงต้องต่อสู้ภายในตัวเราอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะทำสิ่งซึ่งแนวทางแห่งคุณความดีเรียกร้องจากเรา. หากเราดำรงอยู่ในทางแห่งคุณความดีอย่างต่อเนื่อง เราไม่อาจปล่อยตัวเองเป็นทาสบาป. แทนที่จะทำเช่นนั้น เราต้องเป็น “ทาสของความชอบธรรม” ตลอดเวลา ทั้งในการคิด, การพูด, และการกระทำในแนวที่แสดงคุณความดี. (โรม 6:16-23) จริงอยู่ ความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของเราและความโน้มเอียงในทางบาปนั้นรุนแรง และเราเผชิญการต่อสู้ระหว่างสองสิ่งเหล่านี้กับสิ่งที่มีคุณความดีซึ่งพระเจ้าทรงเรียกร้องจากเรา. ฉะนั้น ควรทำอะไร?
8 ประการหนึ่ง เราจำต้องติดตามการนำทางแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพลังปฏิบัติการของพระยะโฮวา. ดังนั้น เราควรเชื่อฟังคำแนะนำของเปาโลที่ว่า “จงดำเนินตามพระวิญญาณ และท่านจะไม่ได้ประพฤติตามราคะตัณหาของเนื้อหนัง. เพราะว่าราคะตัณหาของเนื้อหนังย่อมต่อสู้พระวิญญาณ, และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กัน ดังนั้นที่ท่านทั้งหลายปรารถนากระทำจึงกระทำไม่ได้.” (ฆะลาเตีย 5:16, 17) ใช่แล้ว ในขณะที่เรามีพระวิญญาณของพระเจ้าเป็นพลังให้เกิดความชอบธรรม เราก็มีพระคำของพระองค์นำทางเราในการประพฤติอย่างถูกต้อง. นอกจากนั้น พวกเรายังได้รับการช่วยเหลือด้วยความรักจากองค์การของพระยะโฮวาพร้อมกับมีคำแนะนำของ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.) ดังนั้น เราจึงสามารถดำเนินการต่อสู้ความโน้มเอียงในทางบาปได้สำเร็จ. (โรม 7:15-25) แน่นอน ถ้าความคิดไม่สะอาดจะผุดขึ้นในใจ เราต้องสลัดความคิดนั้นทันที และอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเราที่จะต้านทานการล่อใจใด ๆ ให้กระทำในแนวทางที่ขาดคุณความดี.—มัดธาย 6:13.
คุณความดีและความคิดของเรา
9. การประพฤติที่แสดงคุณความดีจะต้องมีแนวความคิดแบบไหน?
9 คุณความดีเริ่มขึ้นกับแนวคิดของคนเรา. เพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย เราจึงต้องคิดแต่สิ่งที่ชอบธรรม, สิ่งดี, และสิ่งอันเป็นคุณความดี. เปาโลกล่าวว่า “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย, สิ่งใดที่จริง, สิ่งใดที่น่านับถือ, สิ่งใดที่ยุติธรรม, สิ่งใดที่บริสุทธิ์, สิ่งใดที่น่ารัก, สิ่งใดที่น่าฟัง. คือถ้ามีความดีประการใด, ถ้ามีการน่าสรรเสริญประการใด, ก็จงใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้.” (ฟิลิปปอย 4:8) เราต้องมุ่งความคิดจิตใจของเราไปยังสิ่งที่ชอบธรรม, สิ่งที่บริสุทธิ์, ส่วนสิ่งซึ่งขาดคุณความดีก็ไม่ควรให้เป็นที่ดึงดูดใจของเรา. เปาโลสามารถพูดได้ดังนี้: “สิ่งสารพัตรที่ท่านได้เรียนและได้รับไว้และได้ยินและได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว. จงกระทำสิ่งเหล่านั้น.” ถ้าพวกเราปฏิบัติอย่างเปาโล—เป็นคนมีคุณความดีด้านความคิด, คำพูด, และการกระทำ—เราก็จะเป็นเพื่อนที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตแบบคริสเตียน และ ‘พระเจ้าแห่งสันติสุขจะสถิตอยู่กับเราทั้งหลาย.’—ฟิลิปปอย 4:9.
10. การเอาคำแนะนำใน 1 โกรินโธ 14:20 ไปใช้เป็นส่วนตัวจะช่วยเราคงไว้ซึ่งคุณความดีอย่างไร?
10 หากเป็นความปรารถนาของเราที่จะคงคุณความดีไว้ต่อไปทางด้านความคิดและจึงกระทำให้พระเจ้าพอพระทัย เราจำต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเปาโลที่ว่า “ความเข้าใจของท่านนั้นอย่าให้เป็นอย่างเด็ก ส่วนการคิดมุ่งร้ายจงเป็นอย่างเด็ก, แต่ฝ่ายการเข้าใจ จงเป็นอย่างผู้ใหญ่.” (1 โกรินโธ 14:20) ทั้งนี้หมายความว่า ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราย่อมไม่เสาะหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งชั่วหรือจัดเจนในทางชั่วช้า. แทนที่จะปล่อยจิตใจของเราเสื่อมเสียด้วยวิธีนี้ เราสมัครใจด้วยความสุขุมที่จะอยู่อย่างคนอ่อนหัดหรือไร้เดียงสาเหมือนทารกเมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้. ขณะเดียวกัน เราเข้าใจเต็มที่ว่าการประพฤติผิดศีลธรรมและการกระทำความผิดเป็นบาปในสายพระเนตรพระยะโฮวา. ความปรารถนาตามความรู้สึกแท้จริงจากหัวใจที่จะให้พอพระทัยพระองค์ด้วยการบำเพ็ญคุณความดีนั้นจะเป็นประโยชน์แก่เรา เพราะความปรารถนาดังกล่าวจะกระตุ้นเราให้ละเว้นรูปแบบการบันเทิงอันโสโครกและแรงจูงใจอื่น ๆ ซึ่งชักนำจิตใจไปทางชั่วของโลกนี้ที่ทอดตัวอยู่ในอำนาจของซาตาน.—1 โยฮัน 5:19.
คุณความดีและคำพูดของเรา
11. การเป็นผู้มีคุณความดีจะต้องใช้คำพูดแบบไหน และในเรื่องนี้ เรามีตัวอย่างอะไรในพระเจ้ายะโฮวาและพระเยซูคริสต์?
11 ถ้าความคิดของเรามีคุณความดี ข้อนี้น่าจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสิ่งที่เราพูด. การเป็นผู้ประกอบด้วยคุณความดีนั้นจำเป็นต้องใช้คำพูดที่ไม่หยาบคาย, ให้ประโยชน์, สัตย์จริง, และเสริมสร้าง. (2 โกรินโธ 6:3, 4, 7) พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้า “แห่งความสัตย์จริง.” (บทเพลงสรรเสริญ 31:5) พระองค์ทรงสัตย์ซื่อในการดำเนินงานของพระองค์ทุกประการ และคำสัญญาของพระองค์แน่นอนเพราะพระองค์ไม่เคยตรัสมุสา. (อาฤธโม 23:19; 1 ซามูเอล 15:29; ติโต 1:2) พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า “บริบูรณ์ไปด้วยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับและความจริง.” ขณะอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงพูดความจริงเสมอ ตามที่พระองค์ทรงรับมาจากพระบิดาของพระองค์. (โยฮัน 1:14; 8:40, ล.ม.) ยิ่งกว่านั้น พระเยซู “ไม่ได้ทรงกระทำบาป คำหลอกลวงก็ไม่มีในพระโอษฐ์ของพระองค์.” (1 เปโตร 2:22, ล.ม.) ถ้าพวกเราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระคริสต์อย่างแท้จริง เราจะเป็นคนมีวาจาสัตย์และซื่อตรงในการประพฤติ ประหนึ่ง “เอาความจริงคาดเอวไว้.”—เอเฟโซ 5:9; 6:14.
12. ถ้าเราจะบำเพ็ญคุณความดี เราจะต้องละเว้นคำพูดชนิดใด?
12 ถ้าเราเป็นคนมีคุณความดี เราจะงดคำพูดหลายประเภท. คำแนะนำของเปาโลจะควบคุมเราที่ว่า “จงให้ความขมขื่นอย่างประสงค์ร้าย และความโกรธ และการบันดาลโทสะ และการร้องโวยวาย และคำพูดหยาบหยาม พ้นจากท่านทั้งหลายรวมทั้งความชั่วทุกอย่าง.” “การล่วงประเวณี, การลามกต่าง ๆ, และความโลภ, อย่าให้เอ่ยชื่อท่ามกลางท่านเลย, จะได้สมกับท่านที่เป็นสิทธชน. ทั้งอย่าให้มีการน่าอัปยศอดสู, และการพูดเล่นไม่เข้าเรื่องและการพูดตลกโลนเกเร, ซึ่งเป็นการไม่สมควร, แต่ให้ขอบพระคุณดีกว่า.” (เอเฟโซ 4:31; ล.ม.; 5:3, 4) ผู้อื่นจะประสบความสดชื่นเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกเรา เพราะว่าหัวใจที่ชอบธรรมจะกระตุ้นเราให้ละเว้นคำพูดซึ่งไม่เป็นอย่างคริสเตียนนั้นเสีย.
13. ทำไมคริสเตียนต้องควบคุมลิ้น?
13 ความปรารถนาจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยและพูดแต่สิ่งที่เต็มไปด้วยคุณความดีจะช่วยให้เราควบคุมลิ้นไว้ได้. เนื่องจากความโน้มเอียงจะทำผิด พวกเราทุกคนพลาดพลั้งกันด้วยวาจาหลาย ๆ ครั้ง. กระนั้น สาวกยาโกโบบอกว่า “หากเราเอาบังเหียนใส่ปากม้า” มันก็อาจหันไปมาตามที่เราบังคับ. ฉะนั้น เราควรพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมลิ้นและใช้ลิ้นในทางที่มีคุณความดีเท่านั้น. ลิ้นที่ปราศจากการควบคุมย่อม “เป็นโลกแห่งความอธรรม.” (ยาโกโบ 3:1-7, ล.ม.) ลักษณะนิสัยชั่วทุกอย่างมักจะเกี่ยวข้องกับลิ้นที่ไม่ฝึกให้เชื่องทั้งสิ้น. มันเป็นสาเหตุยังให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ เช่น การเป็นพยานเท็จ, การสบประมาท, และการพูดใส่ร้าย. (ยะซายา 5:20; มัดธาย 15:18-20) และเมื่อใดลิ้นที่ควบคุมไม่อยู่กล่าวหยาบหยาม, เสียดแทง, หรือพูดให้ร้าย เมื่อนั้นลิ้นจะมีแต่พิษที่ทำให้ถึงตายได้.—บทเพลงสรรเสริญ 140:3; โรม 3:13; ยาโกโบ 3:8.
14. มาตรฐานคำพูดไม่เสมอต้นเสมอปลายอะไรซึ่งคริสเตียนต้องละเว้น?
14 ดังที่ยาโกโบบ่งชี้ คงไม่เสมอต้นเสมอปลายที่จะ “สรรเสริญพระยะโฮวา” โดยการกล่าวยกย่องพระเจ้า ครั้นแล้วใช้ลิ้นในทางผิดในการ “แช่งด่ามนุษย์” ด่าทอเขา. เป็นการชั่วเพียงใดที่จะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ณ การประชุม แล้วออกจากที่นั่นไปและพูดจาว่าร้ายแก่เพื่อนร่วมความเชื่อ! น้ำจืดและน้ำกร่อยคงจะไม่พลุ่งออกจากตาน้ำเดียวกัน. ถ้าเรารับใช้พระยะโฮวา คนอื่นย่อมมีสิทธิจะคาดหมายให้เราพูดสิ่งที่มีคุณความดีแทนที่จะพูดถ้อยคำขมขื่น. ด้วยเหตุนี้ ขอให้เราละเว้นคำพูดที่ไม่ดี และพยายามพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนฝูงใกล้ชิดของเราเพื่อเสริมสร้างเขาฝ่ายวิญญาณ.—ยาโกโบ 3:9-12.
คุณความดีและการกระทำของเรา
15. เหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พึงเลี่ยงการตลบตะแลง?
15 เนื่องจากความคิดและวาจาของคริสเตียนต้องแสดงถึงคุณความดี จะว่าอย่างไรกับการกระทำของเรา? การประพฤติซึ่งยังให้เกิดคุณความดีเป็นทางเดียวเท่านั้นเพื่อจะได้รับความโปรดปรานของพระเจ้า. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาไม่อาจละคุณความดี ปฏิบัติอย่างไม่ซื่อและโกหกหลอกลวง แล้วคิดเสียว่าการกระทำดังกล่าวพระเจ้าคงจะทรงรับรองไว้ได้. สุภาษิต 3:32 ว่าดังนี้: “ผู้หลงผิด [คนตลบตะแลง, ฉบับแปลใหม่] เป็นที่สะอิดสะเอียนแด่พระยะโฮวา; แต่ทรงเป็นมิตรกับคนตรง.” ถ้าเราทะนุถนอมความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้ายะโฮวา ถ้อยคำเหล่านั้นที่กระตุ้นความคิดก็จะขัดขวางเราไม่ให้คิดวางแผนชั่วเพื่อเกิดความเสียหาย หรือทำสิ่งใด ๆ อันเป็นการหลอกลวง. หนึ่งในบรรดาสิ่งน่ารังเกียจเจ็ดอย่างซึ่งพระยะโฮวาทรงเกลียดชังนั้นคือ “ใจที่คิดกะการชั่วร้ายนานา”! (สุภาษิต 6:16-19) ดังนั้น ขอให้เราละเว้นการต่าง ๆ ดังกล่าวและทำสิ่งซึ่งเป็นคุณความดี เพื่อประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์และนำมาซึ่งสง่าราศีแด่พระบิดาของเราในสวรรค์.
16. ทำไมคริสเตียนจะต้องไม่ร่วมการกระทำใด ๆ ที่หน้าซื่อใจคด?
16 การแสดงคุณความดีให้ประจักษ์นั้นเรียกร้องให้เราเป็นคนซื่อสัตย์. (เฮ็บราย 13:18) คนหน้าซื่อใจคด ซึ่งการกระทำของตนไม่ลงรอยกับสิ่งที่ได้พูดไปจึงหาใช่บุคคลผู้มีคุณความดีไม่. คำภาษากรีกที่ได้รับการแปล “หน้าซื่อใจคด” (ฮีพอคริเตสʹ) หมายความ “ผู้ที่ตอบ” และบ่งความถึงนักแสดงบนเวทีเช่นกัน. เนื่องจากนักแสดงชาวกรีกและโรมันสวมหน้ากาก คำนี้ถูกนำมาใช้โดยอุปมาสำหรับผู้เสแสร้ง. คนหน้าซื่อใจคดเป็น “คนไม่สัตย์ซื่อ.” (เทียบลูกา 12:46 กับมัดธาย 24:50, 51.) คำความหน้าซื่อใจคด (ฮิพอʹคริซิส) ยังอาจหมายถึงความชั่วช้าและฉลาดแกมโกงอีกด้วย. (มัดธาย 22:18; มาระโก 12:15; ลูกา 20:23) น่าเศร้าใจเสียนี่กระไรเมื่อบุคคลที่เชื่อใจผู้อื่นกลับโดนหลอกลวงโดยรอยยิ้ม, คำป้อยอ, และการกระทำอันเป็นแค่การเสแสร้งเท่านั้น! ในทางกลับกัน เรารู้สึกอุ่นใจเมื่อเรารู้ว่าเราดำเนินการเกี่ยวข้องกับคริสเตียนที่น่าเชื่อถือวางใจได้. และพระเจ้าทรงอวยพรพวกเราที่ได้บำเพ็ญคุณความดีและไม่หน้าซื่อใจคด. ความโปรดปรานของพระองค์อยู่กับคนเหล่านั้นที่สำแดง “ความรักชอบฉันพี่น้องอันปราศจากความหน้าซื่อใจคด” และการมี “ความเชื่ออันปราศจากความหน้าซื่อใจคด.”—1 เปโตร 1:22; 1 ติโมเธียว 1:5, ล.ม.
คุณความดีคือความดีที่มีการกระทำ
17, 18. ขณะที่เราแสดงความดีอันเป็นผลแห่งพระวิญญาณ เราจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร?
17 หากเราเพิ่มความเชื่อของเราด้วยคุณความดี เราจะพยายามงดเว้นจากการคิด, การพูด, และการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งพระเจ้าไม่อาจรับได้. อย่างไรก็ดี การสำแดงคุณความดีแบบคริสเตียนเรียกร้องอีกด้วยว่าเราทำความดีจนเป็นนิสัย. อันที่จริง คุณความดีได้รับการนิยามว่าความดี. และความดีเป็นผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา หาใช่ผลผลิตอันเนื่องมากความพยายามของมนุษย์ไม่. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) ขณะที่เราแสดงความดี ผลแห่งพระวิญญาณ ตัวเราเองจะเกิดแรงกระตุ้นให้คิดถึงผู้อื่นในแง่ดี และจะชมเชยเขาเพราะคุณสมบัติประการต่าง ๆ ที่ดีของเขา แม้นเขาเป็นคนไม่สมบูรณ์ก็ตาม. พวกเขาได้รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มานานหลายปีแล้วไหม? เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ควรให้ความนับถือต่อบุคคลดังกล่าว และพูดยกย่องเขารวมทั้งการรับใช้พระเจ้าของเขาในแง่ดีเสมอ. พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงสังเกตเห็นความรักที่เขาได้สำแดงเพื่อพระนามของพระองค์ และการกระทำของเขาอันประกอบด้วยคุณความดีเนื่องด้วยความเชื่อ และพวกเราก็ควรทำอย่างนั้นเหมือนกัน.”—นะเฮมยา 13:31ข; เฮ็บราย 6:10.
18 คุณความดีทำให้เราพากเพียร, ประกอบด้วยความเข้าใจ, ความเมตตาสงสาร. ถ้าเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวาประสบความทุกข์ยากหรือท้อแท้ เราจะพูดปลอบประโลมใจและพยายามช่วยให้เขาสบายใจ เช่นเดียวกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ที่เปี่ยมด้วยความรักทรงประเล้าประโลมเรา. (2 โกรินโธ 1:3, 4; 1 เธซะโลนิเก 5:14) เราเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นทุกข์โศกเศร้า บางทีเพราะคนที่เขารักเสียชีวิต. ถ้าเราสามารถจะทำอะไรบางอย่างเพื่อบรรเทาความทุกข์โศก เราก็จะทำ เพราะน้ำใจที่มีคุณความดีย่อมกระตุ้นให้เกิดการกระทำด้วยความรักและความเมตตากรุณา.
19. คนอื่นคงจะปฏิบัติต่อเราอย่างไร หากเราคงไว้ซึ่งคุณความดีในแนวความคิด, คำพูด, และการกระทำ?
19 เช่นเดียวกับที่เราสรรเสริญพระยะโฮวาโดยพูดถึงพระองค์ในแง่ดี คนอื่นก็คงสรรเสริญเราเช่นเดียวกัน ถ้าเราคงไว้ซึ่งคุณความดีในความคิด, วาจา, และการกระทำ. (บทเพลงสรรเสริญ 145:10) ภาษิตคมคายข้อหนึ่งว่าดังนี้: “พรอยู่เหนือศีรษะของคนชอบธรรม; แต่คำหยาบช้าท่วมอยู่ที่ปากของคนชั่ว.” (สุภาษิต 10:6) คนชั่วและคนก้าวร้าวขาดคุณความดีอันเป็นปัจจัยที่จะทำให้เขาเป็นที่รักของผู้อื่น. เขาเก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาได้หว่านไป เพราะผู้คนไม่อาจอวยพรเขาได้อย่างสนิทใจด้วยการพูดถึงเขาในแง่ดี. (ฆะลาเตีย 6:7) จะดียิ่งกว่านั้นสักเพียงใดสำหรับผู้ที่คิด, พูด, และทำในทางที่เป็นคุณความดีฐานะเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา! พวกเขาได้ทั้งความรัก, ความไว้วางใจ, และความนับถือจากผู้อื่นซึ่งถูกกระตุ้นให้กล่าวอวยพรและอ้างถึงเขาในแง่ดี. ยิ่งกว่านั้น คุณความดีของเขาในทางที่เลื่อมใสในพระเจ้ายังผลให้ได้รับพระพรอันล้ำค่าจากพระยะโฮวา.—สุภาษิต 10:22.
20. แนวความคิด, คำพูด, และการกระทำซึ่งแสดงถึงคุณความดีอาจมีผลกระทบเช่นไรในประชาคมแห่งไพร่พลของพระยะโฮวา?
20 ความคิด, คำพูด, และการกระทำในทางที่เป็นคุณความดีย่อมเป็นประโยชน์ต่อประชาคมแห่งไพร่พลของพระยะโฮวาอย่างแน่นอน. ตราบใดเพื่อนร่วมความเชื่อมีความคิดที่เต็มไปด้วยความรักชอบ ความนับถือต่อกันและกัน ความรักฉันพี่น้องก็ย่อมเฟื่องฟูขึ้นในท่ามกลางพวกเขา. (โยฮัน 13:34, 35) คำพูดในทางที่เป็นคุณความดี รวมทั้งคำชมเชยจากใจจริงและการชูใจจะทำนุบำรุงความรู้สึกอันอบอุ่นแห่งความร่วมมือและเอกภาพ. (บทเพลงสรรเสริญ 133:1-3) การกระทำที่ให้ความอบอุ่นใจ แฝงด้วยคุณความดีย่อมส่งเสริมคนอื่นให้ตอบสนองเช่นเดียวกัน. ที่สำคัญยิ่ง กิจปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับคุณความดีฝ่ายคริสเตียนยังผลให้ได้รับพระพรและความโปรดปรานจากพระยะโฮวา พระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราผู้ทรงคุณความดี. เหตุฉะนั้น จงให้เราตั้งเป้าจะตอบสนองคำสัญญาอันล้ำเลิศของพระเจ้าโดยการสำแดงความเชื่อ. และแน่นอน ให้เรามุ่งบากบั่นเพิ่มความเชื่อของเราด้วยคุณความดี.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ คุณจะนิยามคำ “คุณความดี” อย่างไร และเหตุใดมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์จะมีคุณความดีได้?
▫ คุณความดีเรียกร้องแนวความคิดแบบไหน?
▫ คุณความดีน่าจะส่งผลกระทบคำพูดของเราอย่างไร?
▫ คุณความดีน่าจะส่งผลกระทบต่อการกระทำของเราอย่างไร?
▫ อะไรคือคุณประโยชน์บางประการของการมีคุณความดี?
[รูปภาพหน้า 21]
เนื่องจากน้ำจืดและน้ำกร่อยจะพลุ่งออกจากตาน้ำเดียวกันไม่ได้, คนอื่นย่อมมีสิทธิจะคาดหมายผู้รับใช้ของพระยะโฮวาพูดแต่สิ่งที่เป็นคุณความดีเท่านั้น