ครอบครัวทั้งหลาย จงสรรเสริญพระเจ้าในฐานะส่วนหนึ่งแห่งประชาคมของพระองค์
“ข้าพเจ้าจะถวายความสรรเสริญแก่พระยะโฮวาในที่ประชุม.”—บทเพลงสรรเสริญ 26:12.
1. อะไรอีกที่เป็นส่วนสำคัญของการนมัสการแท้นอกจากการศึกษาและการอธิษฐานที่บ้าน?
การนมัสการพระยะโฮวาไม่ได้หมายถึงเฉพาะการอธิษฐานและการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่บ้าน แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมที่ทำในฐานะส่วนหนึ่งแห่งประชาคมของพระเจ้า. ชาติยิศราเอลโบราณได้รับพระบัญชาให้รวบรวม “คนทั้งปวงมาประชุมกัน, ทั้งชายหญิงกับเด็กทั้งปวง” มาเรียนพระบัญญัติของพระเจ้าเพื่อจะดำเนินในทางของพระองค์. (พระบัญญัติ 31:12; ยะโฮซูอะ 8:35) ทั้งผู้อาวุโสกับ “ชายหนุ่มและหญิงสาวพรหมจารี” ต่างได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมในการสรรเสริญพระนามพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 148:12, 13) มีการจัดเตรียมคล้าย ๆ กันนี้ภายในประชาคมคริสเตียน. ที่หอประชุมราชอาณาจักรทั่วโลก ผู้ชาย, ผู้หญิง, และเด็กมีส่วนร่วมอย่างเป็นอิสระในการประชุมต่าง ๆ ซึ่งผู้ฟังมีส่วนด้วย และหลายคนพบความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วม.—เฮ็บราย 10:23-25.
2. (ก) เหตุใดการเตรียมตัวเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยเด็ก ๆ ให้เพลิดเพลินกับการประชุม? (ข) ใครเป็นตัวอย่างที่สำคัญ?
2 เป็นความจริงที่ว่าการช่วยเด็ก ๆ ให้เข้าร่วมกิจกรรมของประชาคมอันเป็นกิจวัตรที่ดีงามอาจเป็นเรื่องที่นับว่าท้าทายทีเดียว. ถ้าเด็กบางคนที่ไปกับบิดามารดาดูเหมือนไม่มีความสุขเลยกับการประชุม ปัญหาอาจอยู่ตรงไหน? แน่นอน เด็กส่วนใหญ่มีช่วงสมาธิสั้นและเบื่อง่าย. การเตรียมตัวอาจช่วยแก้ปัญหานี้ได้. หากไม่มีการเตรียมตัว เด็กก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการประชุมอย่างมีความหมาย. (สุภาษิต 15:23) หากไม่มีการเตรียมตัว ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณซึ่งทำให้อิ่มใจ. (1 ติโมเธียว 4:12, 15) อาจทำอะไรได้ในเรื่องนี้? ก่อนอื่น บิดามารดาจำเป็นต้องถามตัวเองก่อนว่าเขาเองเตรียมตัวสำหรับการประชุมหรือไม่. ตัวอย่างของเขาก่อผลกระทบที่มีพลัง. (ลูกา 6:40) การวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับการศึกษาในครอบครัวอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญด้วย.
การเสริมสร้างหัวใจ
3. ระหว่างการศึกษาในครอบครัว ทำไมควรพยายามเป็นพิเศษที่จะเสริมสร้างหัวใจ และอะไรที่จำเป็นเพื่อจะทำเช่นนั้นได้?
3 การศึกษาในครอบครัวไม่ควรเป็นเพียงเวลาที่จะบรรจุความรู้เข้าไว้ในหัว แต่ควรเป็นเวลาที่จะเสริมสร้างหัวใจด้วย. เพื่อจะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหาที่สมาชิกครอบครัวเผชิญและแสดงความห่วงใยในแต่ละคนด้วยความรัก. พระยะโฮวาทรงเป็น “ผู้ตรวจดูหัวใจ.”—1 โครนิกา 29:17, ล.ม.
4. (ก) “ขาดด้านหัวใจ” หมายความอย่างไร? (ข) อะไรที่หมายรวมอยู่ด้วยในการ “ได้มาซึ่งหัวใจ”?
4 พระยะโฮวาทรงพบอะไรเมื่อพระองค์ทรงตรวจดูหัวใจบุตรของเรา? ส่วนใหญ่พวกเขาจะพูดว่าเขารักพระเจ้า และนั่นก็นับว่าน่าชมเชย. ทว่า คนที่อายุยังน้อยหรือคนที่เพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวามีประสบการณ์ไม่มากนักในทางของพระองค์. เนื่องจากขาดประสบการณ์ เขาอาจ “ขาดด้านหัวใจ” ดังที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้อย่างนั้น. บางทีก็ไม่ใช่ว่าแรงกระตุ้นในหัวใจของเขาเลวร้ายไปเสียทั้งหมด แต่การช่วยนำหัวใจของใครคนหนึ่งให้อยู่ในสภาพที่จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าจริง ๆ นั้นต้องใช้เวลา. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการนำความคิด, ความปรารถนา, ความรักใคร่, อารมณ์, และเป้าหมายในชีวิตเข้าประสานกับสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นชอบ เท่าที่เป็นไปได้สำหรับมนุษย์ไม่สมบูรณ์. เมื่อคนเราทำการนวดปั้นบุคคลภายในตามแนวทางของพระเจ้าแล้ว เขาก็จะ “ได้มาซึ่งหัวใจ.”—สุภาษิต 9:4; 19:8, ล.ม.
5, 6. บิดามารดาจะช่วยลูกให้ “ได้มาซึ่งหัวใจ” โดยวิธีใด?
5 บิดามารดาจะช่วยบุตรให้ “ได้มาซึ่งหัวใจ” ได้อย่างไร? จริงอยู่ ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถใส่สภาพหัวใจที่ดีเข้าไว้ในอีกคนหนึ่ง. เราแต่ละคนมีเจตจำนงเสรี และหัวใจของเราจะเป็นอย่างไรนั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราปล่อยให้ตัวเราเองคิด. อย่างไรก็ตาม ด้วยการสังเกตเข้าใจ บิดามารดามักจะสามารถชักนำให้ลูกพูดออกมา รับทราบสิ่งที่อยู่ในหัวใจเขาและรู้ว่าจะช่วยตรงจุดไหน. จงใช้คำถามอย่างเช่น ‘ลูกรู้สึกอย่างไรในเรื่องนี้?’ และ ‘ลูกอยากจะทำอะไรจริง ๆ?’ จากนั้นก็จงฟังอย่างอดทน. อย่าแสดงปฏิกิริยามากเกินไป. (สุภาษิต 20:5) บรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความกรุณา, ความเข้าใจ, และความรักนับว่าสำคัญหากคุณต้องการจะเข้าถึงหัวใจ.
6 เพื่อเสริมแนวโน้มเอียงที่ดีงามให้เข้มแข็ง ควรพิจารณาถึงผลพระวิญญาณบ่อย ๆ โดยพิจารณาผลพระวิญญาณแต่ละอย่าง และปลูกฝังคุณลักษณะเหล่านี้ร่วมกันทั้งครอบครัว. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) เสริมสร้างความรักต่อพระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์ ไม่เพียงแต่กล่าวว่าเราควรรักพระองค์ทั้งสอง แต่พิจารณาด้วยกันถึงเหตุผลที่ เรารักพระองค์และวิธีที่เราสามารถแสดงออกซึ่ง ความรักนั้น. (2 โกรินโธ 5:14, 15) เสริมความปรารถนาที่จะทำสิ่งถูกต้องโดยหาเหตุผลให้เห็นผลประโยชน์ที่จะได้รับ. สร้างความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงความคิด, คำพูด, และการกระทำที่ผิด โดยพิจารณาถึงผลอันเลวร้ายของสิ่งเหล่านั้น. (อาโมศ 5:15; 3 โยฮัน 11) จงแสดงวิธีที่ความคิด, คำพูด, และการกระทำ—ไม่ว่าที่ดีหรือที่ไม่ดี—อาจก่อผลกระทบต่อสัมพันธภาพของคนเรากับพระยะโฮวา.
7. จะทำอะไรได้เพื่อช่วยเด็กให้รับมือปัญหาและเลือกตัดสินใจในแนวทางที่จะช่วยเขาให้ใกล้ชิดกับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป?
7 เมื่อลูกมีปัญหาหรือต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เราอาจถามเขาว่า ‘ลูกคิดว่าพระยะโฮวาทรงมีทัศนะอย่างไรในเรื่องนี้? ลูกทราบอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวาที่ทำให้ลูกพูดอย่างนั้น? ลูกได้อธิษฐานถึงพระองค์ในเรื่องนี้แล้วไหม?’ โดยเริ่มเร็วเท่าที่เป็นไปได้ จงช่วยบุตรของคุณให้สร้างแบบชีวิตซึ่งมีความพยายามอย่างจริงจังเสมอที่จะตรวจดูให้แน่ใจว่าพระทัยประสงค์ของพระเจ้าเป็นอย่างไรแล้วก็ทำตามนั้น. ขณะที่พวกเขาได้พัฒนาสัมพันธภาพใกล้ชิดเป็นส่วนตัวกับพระยะโฮวา พวกเขาจะพบความเพลิดเพลินยินดีในการดำเนินในทางของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 119:34, 35) นี่จะสร้างความหยั่งรู้ค่าขึ้นในตัวเขาต่อสิทธิพิเศษแห่งการร่วมสมาคมคบหากับประชาคมของพระเจ้าองค์เที่ยงแท้.
การเตรียมสำหรับการประชุมประชาคม
8. (ก) อะไรอาจช่วยเราให้รวมทุกสิ่งที่จำเป็นต้องเอาใจใส่ไว้ในการศึกษากับครอบครัวของเรา? (ข) การศึกษานี้สำคัญอย่างไร?
8 มีหลายเรื่องที่จำต้องเอาใจใส่ในระหว่างการศึกษาในครอบครัว. คุณจะใส่ทั้งหมดไว้ในการศึกษากับครอบครัวได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ที่จะทำทุกสิ่งในเวลาเดียวกัน. แต่คุณอาจพบว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำใบรายการสำหรับตรวจสอบ. (สุภาษิต 21:5) ทบทวนและพิจารณาเป็นครั้งคราวว่าต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษในเรื่องใด. สนใจอย่างจริงจังในความก้าวหน้าของสมาชิกครอบครัวแต่ละคน. การจัดเตรียมให้มีการศึกษาในครอบครัวนี้เป็นส่วนสำคัญของการศึกษาสำหรับคริสเตียน เตรียมเราไว้ให้พร้อมสำหรับชีวิตในขณะนี้และเตรียมเราไว้สำหรับชีวิตชั่วนิรันดร์ที่จะมีมา.—1 ติโมเธียว 4:8.
9. เป้าหมายอะไรบ้างเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการประชุมที่เราอาจพยายามบรรลุเป็นขั้น ๆ ไปในระหว่างการศึกษาในครอบครัวของเรา?
9 การศึกษาในครอบครัวของคุณรวมเอาการเตรียมตัวสำหรับการประชุมประชาคมเข้าไว้ด้วยไหม? คุณอาจตั้งเป้าหมายต่าง ๆ ที่พยายามจะบรรลุเป็นขั้น ๆ ขณะที่ศึกษาด้วยกัน. เป้าหมายบางอย่างอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์, หลายเดือน, หรือแม้แต่หลายปีจึงจะเห็นผล. ขอพิจารณาเป้าหมายดังต่อไปนี้: (1) แต่ละคนในครอบครัวพร้อมที่จะออกความเห็น ณ การประชุมประชาคม; (2) แต่ละคนพยายามให้ความเห็นด้วยคำพูดของตนเอง; (3) อ้างถึงข้อพระคัมภีร์ในความเห็นที่ให้; และ (4) วิเคราะห์เนื้อเรื่องโดยคิดถึงการเอามาใช้เป็นส่วนตัว. ทั้งหมดนี้สามารถช่วยแต่ละคนในการทำให้ความจริงเป็นของตนเอง.—บทเพลงสรรเสริญ 25:4, 5.
10. (ก) เราอาจให้ความเอาใจใส่อย่างไรต่อการประชุมประชาคมของเราแต่ละรายการ? (ข) เหตุใดการทำเช่นนี้จึงคุ้มค่า?
10 แม้แต่เมื่อการศึกษาในครอบครัวของคุณตามปกติอาศัยบทความศึกษาของหอสังเกตการณ์ ประจำสัปดาห์ อย่ามองข้ามความสำคัญของการเตรียมเป็นส่วนตัวหรือเป็นครอบครัวสำหรับการศึกษาหนังสือประจำประชาคม, โรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า, และการประชุมวิธีปฏิบัติงาน. การประชุมเหล่านี้ก็เช่นกันเป็นส่วนสำคัญของรายการที่สอนเราให้ดำเนินในทางของพระยะโฮวา. คุณอาจสามารถเตรียมตัวสำหรับการประชุมต่าง ๆ ด้วยกันกับครอบครัวเป็นครั้งคราว. ด้วยการศึกษาร่วมกัน ทักษะในการศึกษาจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น. ผลก็คือ การประชุมเหล่านี้จะให้ประโยชน์มากขึ้น. นอกจากสิ่งอื่น ๆ แล้ว ขอพิจารณาถึงผลประโยชน์ของการเตรียมสำหรับการประชุมเหล่านี้เป็นประจำและความสำคัญของการจัดเวลาเอาไว้โดยเฉพาะสำหรับการเตรียมส่วนเหล่านี้.—เอเฟโซ 5:15-17.
11, 12. การเตรียมตัวสำหรับการร้องเพลงที่ประชาคมให้ประโยชน์แก่เราอย่างไร และอาจทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
11 ณ การประชุม “วิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า” เราได้รับการสนับสนุนให้เตรียมตัวสำหรับอีกส่วนหนึ่งของการประชุมของเรา นั่นคือการร้องเพลง. คุณได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นไหม? การทำเช่นนั้นสามารถช่วยฝังความจริงของคัมภีร์ไบเบิลไว้ในจิตใจและหัวใจของเรา และขณะเดียวกันก็เพิ่มความยินดีของเราต่อการประชุมประชาคม.
12 การเตรียมตัวซึ่งรวมถึงการอ่านและการพิจารณาความหมายของถ้อยคำต่าง ๆ ในเพลงที่กำหนดไว้สามารถช่วยเราให้ร้องเพลงอย่างที่ออกมาจากใจ. ในชาติยิศราเอลโบราณ มีการใช้เครื่องดนตรีเป็นส่วนเด่นในการนมัสการ. (1 โครนิกา 25:1; บทเพลงสรรเสริญ 28:7) มีใครในครอบครัวคุณไหมที่เล่นดนตรี? ทำไมไม่ลองใช้เครื่องดนตรีนั้นหัดเล่นเพลงราชอาณาจักรสัปดาห์ละเพลง แล้วก็ร้องเพลงนั้นด้วยกันกับครอบครัวล่ะ? อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้คือการใช้เทปหรือแผ่นเสียง. ในบางประเทศ พี่น้องของเราร้องเพลงได้ไพเราะโดยไม่ต้องมีดนตรีคลอ. ขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนนหรือทำงานในเขตประกาศ บ่อยครั้งพวกเขาเพลิดเพลินกับการร้องเพลงที่กำหนดให้ร้องในการประชุมประชาคมสัปดาห์นั้น.—เอเฟโซ 5:19.
การเตรียมตัวกับครอบครัวสำหรับการรับใช้ในเขตประกาศ
13, 14. เหตุใดการพิจารณากับครอบครัวซึ่งช่วยเตรียมหัวใจของเราให้พร้อมสำหรับงานรับใช้ในเขตประกาศจึงมีค่ามาก?
13 การให้คำพยานแก่ผู้อื่นเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระประสงค์ของพระองค์เป็นส่วนสำคัญของชีวิตเรา. (ยะซายา 43:10-12; มัดธาย 24:14) ไม่ว่าหนุ่มหรือสูงอายุ เราเพลิดเพลินและประสบผลสำเร็จในกิจกรรมนี้มากกว่าถ้าเราเตรียมตัว. เราจะทำอย่างนี้ได้อย่างไรในครอบครัว?
14 เช่นเดียวกับทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการของเรา สำคัญที่จะเตรียมหัวใจเราให้พร้อม. เราจำเป็นต้องพิจารณาไม่เพียงแต่สิ่งที่เรากำลังจะทำ แต่พิจารณาถึงเหตุผลที่เรากำลังจะทำสิ่งนั้นด้วย. ในสมัยกษัตริย์ยะโฮซาฟาด ประชาชนได้รับการสั่งสอนในพระบัญญัติของพระเจ้า แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าพวกเขา “ยังไม่ได้เตรียมหัวใจของเขาให้พร้อม.” นี่ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าของการล่อใจที่อาจนำเขาให้หลงไปจากการนมัสการแท้ได้ง่ายขึ้น. (2 โครนิกา 20:33, ล.ม.; 21:11) เป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงเพื่อสามารถรายงานจำนวนชั่วโมงที่ใช้ในการรับใช้ อีกทั้งไม่ใช่เพียงเพื่อเสนอสรรพหนังสือ. งานรับใช้ของเราควรเป็นการแสดงออกซึ่งความรักของเราต่อพระยะโฮวาและความรักของเราต่อประชาชนซึ่งต้องได้รับโอกาสที่จะเลือกเอาชีวิต. (เฮ็บราย 13:15) นี่เป็นกิจกรรมที่เราเป็น “ผู้ร่วมทำการด้วยกันกับพระเจ้า.” (1 โกรินโธ 3:9) ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ! ขณะที่เราร่วมในงานรับใช้ เรารับใช้โดยร่วมประสานงานกับเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์. (วิวรณ์ 14:6, 7) จะมีโอกาสใดอีกเล่าในการเสริมสร้างความหยั่งรู้ค่าในเรื่องนี้ที่ดีกว่าการพิจารณาด้วยกันกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาประจำสัปดาห์ของเราหรือเมื่อพิจารณาข้อพระคัมภีร์ที่เหมาะจากการพิจารณาพระคัมภีร์ทุกวัน!
15. เราอาจเตรียมตัวสำหรับงานรับใช้ในเขตประกาศร่วมกับครอบครัวเมื่อไร?
15 คุณใช้เวลาบางครั้งในการศึกษากับครอบครัวเพื่อช่วยสมาชิกในครัวเรือนของคุณให้เตรียมพร้อมสำหรับการรับใช้ประจำสัปดาห์ในเขตประกาศไหม? การทำอย่างนั้นอาจเป็นประโยชน์มาก. (2 ติโมเธียว 2:15) การเตรียมอย่างนี้สามารถช่วยทำให้การรับใช้ของพวกเขามีความหมายและเกิดผล. เป็นครั้งคราว คุณอาจใช้เวลาทั้งหมดของการศึกษาครั้งหนึ่งเพื่อการเตรียมเช่นนั้น. แต่ส่วนใหญ่แล้ว คุณอาจพิจารณาแง่ต่าง ๆ ของงานรับใช้ในเขตประกาศเพียงสั้น ๆ ในตอนท้ายของการศึกษากับครอบครัวหรือในเวลาอื่นระหว่างสัปดาห์.
16. จงวิเคราะห์ถึงคุณค่าของแต่ละขั้นตอนที่กล่าวไว้ในวรรคนี้.
16 ในการศึกษาครอบครัวอาจพิจารณาขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเช่น: (1) เตรียมการเสนอที่มีการซ้อมอย่างดีรวมทั้งเตรียมข้อพระคัมภีร์สักข้อหนึ่งที่จะอ่านให้เจ้าของบ้านฟังถ้าโอกาสอำนวย. (2) ตรวจดูให้แน่ใจว่ามีอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับแต่ละคนเท่าที่เป็นไปได้ เช่น กระเป๋าประกาศ, พระคัมภีร์, สมุดจด, ปากกาหรือดินสอ, แผ่นพับ, และสรรพหนังสืออื่น ๆ ที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย. กระเป๋าประกาศไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่ควรประณีต. (3) พิจารณาว่าจะให้คำพยานเมื่อสบโอกาสได้ที่ไหนและโดยวิธีใด. ติดตามผลในแต่ละขั้นของคำแนะนำนี้เป็นช่วง ๆ ในระหว่างที่คุณทำงานด้วยกันในเขตประกาศ. ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ แต่อย่าแนะนำหลายจุดเกินไป.
17, 18. (ก) การเตรียมตัวร่วมกับครอบครัวแบบใดที่อาจช่วยทำให้งานรับใช้ในเขตประกาศของเราเกิดผลมากขึ้น? (ข) แง่ใดของการเตรียมตัวแบบนี้ที่อาจทำได้ในแต่ละสัปดาห์?
17 ส่วนสำคัญของงานที่พระเยซูคริสต์ทรงมอบหมายแก่เหล่าสาวกของพระองค์คือการทำให้คนเป็นสาวก. (มัดธาย 28:19, 20) การทำให้คนเป็นสาวกไม่ใช่แค่การประกาศ. จำเป็นต้องมีการสอน. การศึกษาในครอบครัวจะช่วยคุณได้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพในการทำดังกล่าว?
18 ในฐานะครอบครัว จงพิจารณาด้วยกันว่าน่าจะกลับเยี่ยมเยียนใครบ้าง. บางคนอาจรับหนังสือ; บางคนอาจเพียงแต่รับฟัง. คนเหล่านี้อาจเป็นคนที่เราพบในการประกาศตามบ้านหรือในการให้คำพยานเมื่อสบโอกาสที่ตลาดหรือที่โรงเรียน. จงให้พระคำของพระเจ้าชี้นำคุณ. (บทเพลงสรรเสริญ 25:9; ยะเอศเคล 9:4) จงตัดสินใจว่าใครที่คุณแต่ละคนต้องการไปเยี่ยมในสัปดาห์นั้น. จะคุยเรื่องอะไรกับเขา? การพิจารณาด้วยกันกับครอบครัวสามารถช่วยสมาชิกแต่ละคนเตรียมตัวพร้อม. จดบันทึกข้อพระคัมภีร์บางข้อที่จะอ่านกับผู้สนใจ รวมทั้งจุดที่เหมาะสมจากจุลสารพระผู้สร้างทรงเรียกร้องอะไรจากเรา? หรือ หนัง สือความ รู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์. อย่าพยายามพูดหลายเรื่องจนเกินไปในการเยี่ยมครั้งหนึ่ง. ทิ้งคำถามข้อหนึ่งไว้กับเจ้าของบ้านแล้วกลับไปให้คำตอบในการเยี่ยมคราวหน้า. ทำไมไม่ลองทำให้เป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ของครอบครัวที่จะวางแผนว่าแต่ละคนจะเยี่ยมรายไหน, จะกลับเยี่ยมเมื่อไร, และเขาหวังจะประสบผลสำเร็จเช่นไร. การทำอย่างนี้สามารถช่วยให้งานรับใช้ในเขตประกาศของทั้งครอบครัวเกิดผลมากขึ้น.
จงสอนพวกเขาต่อ ๆ ไปในแนวทางของพระยะโฮวา
19. เพื่อสมาชิกครอบครัวจะดำเนินต่อ ๆ ไปในทางของพระยะโฮวา พวกเขาต้องมีประสบการณ์เช่นไร และอะไรที่มีส่วนช่วยในเรื่องนี้?
19 การเป็นประมุขครอบครัวในโลกชั่วนี้เป็นเรื่องท้าทาย. ซาตานและพวกผีปิศาจพยายามทำลายสภาพฝ่ายวิญญาณของผู้รับใช้พระยะโฮวา. (1 เปโตร 5:8) ยิ่งกว่านั้น ทุกวันนี้มีความกดดันมากมายที่ตกอยู่กับคุณซึ่งเป็นบิดามารดา โดยเฉพาะคุณซึ่งเป็นบิดาหรือมารดาไร้คู่. เป็นเรื่องยากที่จะหาเวลาเพื่อสามารถทำทุกสิ่งที่คุณอยากจะทำ. แต่ก็คุ้มค่าความพยายาม แม้แต่เมื่อคุณสามารถทำตามข้อเสนอแนะได้เพียงอย่างเดียวในแต่ละครั้ง และค่อย ๆ ปรับปรุงรายการศึกษาในครอบครัวของคุณให้ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย. การเห็นคนที่ใกล้ชิดกับคุณที่สุดดำเนินอย่างภักดีในทางของพระยะโฮวาเป็นรางวัลที่ทำให้ชื่นใจ. เพื่อจะดำเนินอย่างประสบผลสำเร็จในทางของพระยะโฮวา สมาชิกครอบครัวจำต้องมีความยินดีในการประชุมประชาคมและในการเข้าร่วมงานรับใช้ที่เขตประกาศ. เพื่อจะเป็นอย่างนั้นได้จริง ๆ การเตรียมตัวเป็นเรื่องจำเป็น—การเตรียมตัวที่เสริมสร้างหัวใจและช่วยเตรียมแต่ละคนให้พร้อมจะมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย.
20. อะไรจะช่วยบิดามารดามากขึ้นให้ประสบความยินดีอย่างที่กล่าวไว้ที่ 3 โยฮัน 4?
20 อัครสาวกโยฮันเขียนเกี่ยวกับคนที่ท่านได้ช่วยทางฝ่ายวิญญาณว่า “ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณยิ่งไปกว่าสิ่งเหล่านี้ คือที่ข้าพเจ้าได้ยินว่าลูกทั้งหลายของข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในความจริงต่อ ๆ ไป.” (3 โยฮัน 4, ล.ม.) การศึกษาในครอบครัวที่นำโดยมีเป้าหมายชัดเจนในใจและหัวหน้าครอบครัวที่เอาใจใส่อย่างกรุณาและในลักษณะที่เป็นประโยชน์เหมาะกับความจำเป็นของสมาชิกครอบครัวแต่ละคนสามารถช่วยครอบครัวได้มากที่จะมีส่วนร่วมในความยินดีเช่นนั้น. โดยปลูกฝังความหยั่งรู้ค่าต่อแนวทางชีวิตของพระเจ้า บิดามารดากำลังช่วยครอบครัวของเขาให้เพลิดเพลินกับแนวทางชีวิตที่ดีที่สุด.—บทเพลงสรรเสริญ 19:7-11.
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ เหตุใดการเตรียมตัวสำหรับการประชุมจึงสำคัญมากสำหรับลูก ๆ ของเรา?
▫ บิดามารดาจะช่วยลูก ๆ ให้ “ได้มาซึ่งหัวใจ” ได้อย่างไร?
▫ การศึกษาในครอบครัวของเราอาจช่วยได้อย่างไรในการเตรียมตัวสำหรับการประชุมทุกรายการ?
▫ การเตรียมตัวสำหรับการรับใช้ในเขตประกาศร่วมกับครอบครัวอาจช่วยเราอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น?
[รูปภาพหน้า 20]
การศึกษาในครอบครัวของคุณอาจรวมถึงการเตรียมตัวสำหรับการประชุมประชาคม
[รูปภาพหน้า 21]
การฝึกร้องเพลงที่ร้องในการประชุมเป็นประโยชน์