การระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้
“เราคือ . . . ผู้ . . . ทรงรับรองคำของผู้รับใช้ของพระองค์ และได้ทำให้คำทำนายของทูต [“ผู้ส่งข่าว,” ล.ม.] ของพระองค์สำเร็จ.”—ยะซายา 44:24, 26.
1. พระยะโฮวาทรงระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้โดยวิธีใด และพระองค์ทรงเปิดโปงผู้ส่งข่าวเท็จโดยวิธีใด?
พระยะโฮวาพระเจ้าทรงเป็นองค์ยิ่งใหญ่ผู้ระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้ของพระองค์. พระองค์ระบุตัวพวกเขาโดยทรงทำให้ข่าวสารที่พระองค์ส่งผ่านทางพวกเขาสำเร็จเป็นจริง. นอกจากนี้ พระยะโฮวายังทรงเป็นองค์ยิ่งใหญ่ผู้เปิดโปงผู้ส่งข่าวเท็จด้วย. พระองค์ทรงเปิดโปงคนพวกนี้โดยวิธีใด? พระองค์ทรงทำให้นิมิตและคำทำนายของพวกเขาล้มเหลว. โดยวิธีนี้พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าพวกเขาตั้งตัวเองเป็นผู้ทำนาย ซึ่งข่าวสารของพวกเขานั้นจริง ๆ แล้วผุดขึ้นมาจากการหาเหตุผลแบบผิด ๆ ของตนเอง—ใช่แล้ว เป็นการคิดตามแบบเนื้อหนังที่โง่เขลา!
2. มีข้อขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นในหมู่ผู้ส่งข่าวทั้งหลายในสมัยชาติยิศราเอล?
2 ทั้งยะซายาและยะเอศเคลอ้างว่าเป็นผู้ส่งข่าวของพระยะโฮวาพระเจ้า. พวกเขาเป็นจริง ๆ ไหม? ให้เรามาดูกัน. ยะซายาพยากรณ์ในกรุงยะรูซาเลมตั้งแต่ประมาณปี 778 ก่อนสากลศักราช จนถึงปี 732 ก.ส.ศ. และต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง. ยะเอศเคลถูกเนรเทศไปอยู่ที่บาบูโลนในปี 617 ก.ส.ศ. ท่านกล่าวพยากรณ์ต่อพี่น้องชาวยิวของท่านที่นั่น. ผู้พยากรณ์ทั้งสองประกาศอย่างกล้าหาญว่า กรุงยะรูซาเลมจะถูกทำลาย. ผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ กล่าวว่าพระเจ้าจะไม่ทรงยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น. ใครที่ปรากฏว่าเป็นผู้ส่งข่าวแท้?
พระยะโฮวาทรงเปิดโปงผู้พยากรณ์เท็จ
3, 4. (ก) ข่าวสารสองอย่างอะไรซึ่งมีเนื้อความตรงข้ามกันที่ส่งไปถึงชาวยิศราเอลในกรุงบาบูโลน และพระยะโฮวาทรงเปิดโปงผู้ส่งข่าวเท็จอย่างไร? (ข) พระยะโฮวาตรัสว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่ผู้พยากรณ์เท็จ?
3 ขณะอยู่บาบูโลน ยะเอศเคลได้รับนิมิตถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่พระวิหารในกรุงยะรูซาเลม. ณ ประตูทางเข้าด้านตะวันออกมีผู้ชาย 25 คนอยู่ที่นั่น. ท่ามกลางคนกลุ่มนี้มีเจ้าชายสององค์คือยาซันยาและฟะลัตยา. พระยะโฮวาทรงมองดูพวกเขาอย่างไร? ยะเอศเคล 11:2, 3 ให้คำตอบดังนี้: “ดูกรบุตรมนุษย์, คนเหล่านี้คือ, คนมุ่งร้ายและเสี้ยมสอนคำชั่วในท่ามกลางเมืองนี้ผู้ว่า. จะก่อสร้างเรือนนั้นก็ไม่ใกล้เวลา [“ใกล้แล้วหรอกหรือ?,” ล.ม.].” ผู้ส่งข่าวสันติสุขที่ทำเกินสิทธิ์พวกนี้บอกว่า ‘ไม่มีอันตรายอะไรจะเกิดแก่กรุงยะรูซาเลมหรอก. ไม่นานเราก็จะสร้างบ้านเรือนใหม่ ๆ ขึ้นในกรุงนี้อีก!’ ดังนั้น พระเจ้าทรงมีรับสั่งให้ยะเอศเคลพยากรณ์ตรงกันข้ามกับพวกผู้พยากรณ์เหล่านี้ที่กล่าวเท็จ. ในข้อที่ 13 ของบท 11 ยะเอศเคลบอกเราถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแก่คนหนึ่งในพวกเขา: “ขณะเมื่อข้าพเจ้ายังทำนายอยู่ ฟะลัตยาบุตรบะนายาก็สิ้นชีวิตลง.” ที่เป็นเช่นนี้อาจจะเนื่องจากฟะลัตยาเป็นเจ้าชายที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดและเป็นผู้นมัสการพระเท็จที่เด่นที่สุด. การที่เขาตายอย่างกะทันหันเช่นนี้พิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้พยากรณ์เท็จ!
4 การสำเร็จโทษของพระยะโฮวาต่อฟะลัตยาไม่ได้ทำให้พวกผู้พยากรณ์เท็จคนอื่น ๆ เลิกจากการโป้ปดโดยอ้างพระนามพระเจ้า. ผู้หลอกลวงเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปในแนวทางที่ไร้สติของตนโดยพยากรณ์ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ขัดต่อพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. ดังนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าทรงมีรับสั่งแก่ยะเอศเคลดังนี้: “วิบากแก่ผู้ทำนายโฉดเขลาทั้งหลายที่ดำเนินตามใจเขาเอง. และมิได้เห็นนิมิตอะไร.” เช่นเดียวกับฟะลัตยา พวกเขาจะไม่มีโอกาส ‘อีกต่อไป’ ที่จะลองดีโดยให้“นิมิตความสุข . . . และความสุขไม่มี” สำหรับกรุงยะรูซาเลม.—ยะเอศเคล 13:3, 4, 15, 16.
5, 6. แม้มีผู้ส่งข่าวเท็จมากมาย โดยวิธีใดยะซายาได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้พยากรณ์แท้?
5 ฝ่ายยะซายานั้น ข่าวสารของท่านเกี่ยวกับกรุงยะรูซาเลมซึ่งมาจากพระเจ้าปรากฏเป็นจริงทุกประการ. ในฤดูร้อนปี 607 ก่อนสากลศักราช ชาวบาบูโลนได้ทำลายกรุงนี้และพาชาวยิวที่เหลือรอดกลับไปเป็นเชลยที่บาบูโลน. (2 โครนิกา 36:15-21; ยะเอศเคล 22:28; ดานิเอล 9:2) ความหายนะเหล่านี้ทำให้พวกผู้พยากรณ์เท็จหยุดกระหน่ำด้วยคำพูดไร้แก่นสารต่อไพร่พลของพระเจ้าไหม? ไม่เลย ผู้ส่งข่าวเท็จที่โป้ปดเหล่านี้ยังคงพูดพล่ามต่อไป!
6 แค่นั้นยังไม่พอ ผู้ถูกเนรเทศชาวยิวยังต้องไปผจญกับคนทำนายโชคชะตาราศี, คนเสี่ยงทาย, และพวกโหรของบาบูโลนที่คุยโตโอ้อวด. อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ส่งข่าวเท็จเหล่านี้เป็นคนโง่ที่ไม่สมหวัง เพราะพยากรณ์ตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น. ในที่สุด พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่ายะเอศเคลเป็นผู้ส่งข่าวที่แท้จริงของพระองค์ เช่นเดียวกับยะซายา. พระยะโฮวาทรงทำให้ถ้อยคำทั้งสิ้นที่พระองค์ตรัสผ่านทางพวกเขาสำเร็จเป็นจริง ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ว่า “[เรา] ผู้ที่ทำให้เครื่องรางของพวกหมอดูหมดขลัง, หมอโชคชะตาราศีเป็นคนบ้าไป; ทำให้นักปราชญ์ของเขาต้องด้อยถอยหลัง, และทำให้ความรู้ของเขาเป็นความเขลา; แต่ได้ทรงรับรองคำของผู้รับใช้ของพระองค์, และได้ทำให้คำทำนายของทูต [“ผู้ส่งข่าว,” ล.ม.] ของพระองค์สำเร็จ.”—ยะซายา 44:25, 26.
ข่าวอันน่าพรั่นพรึงเกี่ยวกับบาบูโลนและยะรูซาเลม
7, 8. ยะซายามีข่าวสารที่ได้รับการดลใจอะไรสำหรับบาบูโลน และถ้อยคำของท่านมีความหมายเช่นไร?
7 ยูดาและยะรูซาเลมจะต้องถูกทำให้เริศร้างปราศจากมนุษย์อาศัยเป็นเวลา 70 ปี. อย่างไรก็ดี พระยะโฮวาทรงประกาศผ่านทางยะซายาและยะเอศเคลว่า กรุงนี้จะได้รับการบูรณะขึ้นใหม่และแผ่นดินจะมีผู้อยู่อาศัยอีกครั้งเมื่อถึงเวลาหนึ่งตรงตามที่พระองค์ได้ทรงบอกล่วงหน้า! การทำนายนี้น่าตกตะลึงทีเดียว. ทำไม? เพราะบาบูโลนขึ้นชื่อว่าไม่เคยปล่อยเชลยของตนเลย. (ยะซายา 14:4, 15-17) ดังนั้น ใครล่ะที่จะสามารถปลดปล่อยเชลยเหล่านี้ให้เป็นอิสระ? ใครที่สามารถโค่นบาบูโลนอันเกรียงไกรซึ่งมีกำแพงมหึมาและระบบแม่น้ำป้องกันเมือง? พระยะโฮวาองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการทำได้! และพระองค์ตรัสว่าพระองค์จะทำโดยตรัสดังนี้: “[เรา] ผู้ที่ได้กล่าวแก่มหาสมุทร [ระบบคูป้องกันเมือง] ว่า, ‘จงแห้งเถอะ!’ และเราจะระบายน้ำจากแม่น้ำทั้งหลายของเจ้าเสียให้แห้ง. ผู้ที่ได้กล่าวถึงท่านโคเรศว่า, ‘เจ้าเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา, ผู้ที่ประกอบกิจตามน้ำใจของเราให้สำเร็จผล’; ผู้ที่จะได้กล่าวถึงกรุงยะรูซาเลมว่า, ‘กรุงจะถูกกู้ขึ้น,’ และกล่าวถึงวิหารว่า, ‘รากของเจ้าจะถูกวางขึ้นใหม่.’”—ยะซายา 44:25, 27, 28.
8 คิดดูซิ! แม่น้ำยูเฟรทีสซึ่งเป็นสิ่งกีดขวางอันน่าครั่นคร้ามต่อมนุษย์ แต่สำหรับพระยะโฮวาแล้วก็เป็นเหมือนน้ำหยดเดียวบนพื้นผิวที่ร้อนจัด. เพียงชั่วพริบตาเดียวสิ่งกีดขวางนี้ก็จะอันตรธานไป! บาบูโลนจะล่มจม. แม้ว่าก่อนที่ไซรัสแห่งเปอร์เซียจะเกิดประมาณ 150 ปี พระยะโฮวาได้บอกยะซายาไว้แล้วถึงการที่กษัตริย์องค์นี้จะมีชัยเหนือบาบูโลนและออกคำสั่งปลดปล่อยเชลยชาวยิวให้กลับมาบูรณะกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารขึ้นอีกครั้งหนึ่ง.
9. พระยะโฮวาทรงระบุชื่อผู้ใดว่าเป็นผู้ทำหน้าที่แทนพระองค์ในการลงโทษบาบูโลน?
9 เราพบคำพยากรณ์นี้ที่ยะซายา 45:1-3 ซึ่งอ่านดังนี้: “พระยะโฮวาได้ตรัสแก่โคเรศผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้, ผู้ที่เราได้ยึดมือขวาของท่านไว้เพื่อให้ท่านปราบประชาชาติลงไปต่อหน้าท่าน . . . เพื่อจะได้เปิดประตูให้ท่านเข้าไป, และประตูเหล่านั้นจะไม่ปิดเสียได้, คือตรัสดังต่อไปนี้: ‘เราจะเดินไปข้างหน้าเจ้า, และจะทำที่ขรุขระให้ราบเรียบ; และประตูทองเหลือง [“ทองแดง,” ล.ม.] นั้นเราจะพังลงเป็นชิ้น ๆ, และดานประตูที่ทำด้วยเหล็กเราจะหักออกเป็นท่อน ๆ, เราจะให้คลังที่ซ่อนอยู่ในที่มืด, และทรัพย์สมบัติที่เก็บไว้ในที่ลับลี้แก่เจ้า; เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวา, ผู้ที่ออกชื่อเรียกเจ้านั้น.’”
10. ไซรัสเป็น “ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้” โดยวิธีใด และพระยะโฮวาสามารถตรัสกับเขาก่อนเขาเกิดร้อยกว่าปีได้อย่างไร?
10 สังเกตว่าพระยะโฮวาตรัสถึงไซรัสราวกับว่าเขามีชีวิตอยู่แล้ว. เรื่องนี้สอดคล้องกับคำพูดของเปาโลที่ว่าพระยะโฮวา ‘ทรงเรียกสิ่งต่าง ๆ ที่มิได้เป็นอยู่ราวกับว่าเป็นอยู่.’ (โรม 4:17) นอกจากนี้ พระเจ้าทรงระบุว่าไซรัสเป็น “ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้.” เหตุใดพระองค์ตรัสเช่นนั้น? จริงอยู่ มหาปุโรหิตของพระยะโฮวาไม่เคยชโลมน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์บนศีรษะของไซรัส. แต่นี่เป็นการเจิมในเชิงพยากรณ์. การเจิมนี้แสดงถึงการแต่งตั้งให้เข้ารับหน้าที่พิเศษ. ฉะนั้น พระเจ้าจึงสามารถตรัสถึงการแต่งตั้งไซรัสเอาไว้ล่วงหน้าเช่นนี้ว่าเป็นการเจิม.—เทียบกับ 1 กษัตริย์ 19:15-17; 2 กษัตริย์ 8:13.
พระเจ้าทรงทำให้ถ้อยคำของผู้ส่งข่าวของพระองค์สำเร็จเป็นจริง
11. เหตุใดประชากรในบาบูโลนรู้สึกมั่นคงปลอดภัย?
11 ตอนที่ไซรัสเคลื่อนพลมาต่อสู้บาบูโลนนั้น ประชากรของกรุงนี้รู้สึกมั่นคงและปลอดภัย. กรุงของพวกเขามีคูป้องกันเมืองลึกและกว้างซึ่งเกิดจากการแยกสายน้ำยูเฟรทีสล้อมรอบเอาไว้ทุกด้าน. ตามทางที่แม่น้ำไหลผ่านกรุง มีท่าเรือที่ต่อเนื่องตามแนวตลิ่งด้านตะวันออกของแม่น้ำ. เพื่อแยกแม่น้ำจากกรุง นะบูคัดเนซัรได้สร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า “กำแพงอันยิ่งใหญ่ราวขุนเขาที่ไม่มีวันเขยื้อน . . . [เขาสร้าง] สันกำแพงสูงตระหง่านราวยอดขุนเขา.”a กำแพงนี้มีประตูทางเข้าเป็นบานประตูทองแดงขนาดใหญ่. เพื่อจะเข้าไปต้องปีนฝั่งแม่น้ำที่ลาดชันขึ้นไป. ไม่แปลกเลยที่เชลยของบาบูโลนหมดหวังจะหนีเป็นอิสระ!
12, 13. คำตรัสของพระยะโฮวาที่มาทางผู้ส่งข่าวยะซายาสำเร็จเป็นจริงอย่างไรเมื่อบาบูโลนถูกไซรัสโค่นล้ม?
12 แต่เชลยชาวยิวที่มีความเชื่อในพระยะโฮวาไม่รู้สึกดังกล่าว! พวกเขามีความหวังอันสดใส. โดยทางผู้พยากรณ์ของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงสัญญาจะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระ. พระเจ้าทรงทำให้คำสัญญาของพระองค์สำเร็จเป็นจริงโดยวิธีใด? ไซรัสสั่งกองทัพให้จัดการเปลี่ยนทางเดินของแม่น้ำยูเฟรทีส ณ จุดหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากกรุงบาบูโลนขึ้นไปทางตอนเหนือหลายกิโลเมตร. โดยวิธีนี้ แนวป้องกันหลักของบาบูโลนก็กลายสภาพเป็นท้องแม่น้ำที่แทบจะแห้งขอด. ในคืนสำคัญนั้น คนที่อยู่ในกรุงบาบูโลนซึ่งกินเลี้ยงสรวลเสเฮฮาดื่มเหล้ากันอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ปิดประตูเมืองตามริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรทีสซึ่งเป็นแบบสองบานปิดเข้าหากัน เปิดอ้าทิ้งเอาไว้อย่างเลินเล่อ. พระยะโฮวาไม่ได้ทรงทำลายประตูทองแดงเหล่านั้นให้พังเป็นชิ้น ๆ ตามตัวอักษร; ทั้งดานประตูที่ทำด้วยเหล็กก็ไม่ได้ถูกหักเป็นท่อน ๆ จริง แต่ปฏิบัติการอันน่าพิศวงของพระองค์ซึ่งทำให้ประตูเหล่านี้เปิดโล่งและไม่ได้ลงดานก่อให้เกิดผลแบบเดียวกัน. กำแพงของบาบูโลนไม่มีประโยชน์อะไรเลย. กองทัพของไซรัสไม่ต้องปีนป่ายกำแพงเพื่อเข้าไปในกรุงนั้น. พระยะโฮวาทรงนำหน้าไซรัส ปรับ “ที่ขรุขระ” ให้ราบเรียบ กล่าวคือขจัดอุปสรรคทั้งสิ้นออกไป. ยะซายาได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ส่งข่าวแท้ของพระเจ้า.
13 เมื่อไซรัสได้เข้าควบคุมกรุงนั้นโดยสิ้นเชิงแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นก็ตกอยู่ในมือของเขา รวมทั้งทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในที่มืด ในห้องลับต่าง ๆ. เหตุใดพระยะโฮวาพระเจ้าทรงทำการนี้เพื่อไซรัส? เพื่อเขาจะรู้ว่าพระยะโฮวา ‘ผู้ที่ออกชื่อเรียกเขา’ เป็นพระเจ้าแห่งคำพยากรณ์แท้ และทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ. เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเพื่อเขาจะขึ้นมามีอำนาจและปลดปล่อยชาติยิศราเอล ไพร่พลของพระองค์.
14, 15. เราทราบได้อย่างไรว่า ไซรัสเป็นหนี้บุญคุณพระยะโฮวาในชัยชนะต่อบาบูโลน?
14 ให้เราฟังคำที่พระยะโฮวาตรัสต่อไซรัส: “เพื่อเห็นแก่ยาโคบผู้รับใช้ของเราและยิศราเอลผู้เลือกสรรของเรา, เราได้ออกชื่อเรียกเจ้าแล้ว, เราได้ขนานนามให้เจ้าแล้ว, แม้ว่าเจ้ายังไม่รู้จักเรา. เราคือยะโฮวา, และไม่มีพระอื่นอีกแล้ว, นอกจากเราไม่มีพระเจ้าองค์อื่นอีก, เราจะคาดเจียระบาดให้เจ้า, แม้ว่าเจ้ายังไม่รู้จักเรา. เพื่อคนทั้งหลายที่อยู่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะได้รู้ว่านอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นอีกเลย. เราคือยะโฮวา, และไม่มีพระอื่นอีกแล้ว. เราเป็นผู้สร้างความสว่างและความมืด, เราเป็นผู้กระทำให้เกิดความสุข [สำหรับเชลยที่เป็นไพร่พลของพระองค์], และก่อให้เกิดความทุกข์ [แก่บาบูโลน], เรายะโฮวาเป็นผู้ที่ทรงกระทำการนี้ทั้งสิ้น.”—ยะซายา 45:4-7.
15 ไซรัสเป็นหนี้บุญคุณพระยะโฮวาในชัยชนะของเขาต่อบาบูโลน เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ได้เสริมกำลังเขาให้ทำในสิ่งที่ทำให้พระองค์ทรงยินดี โดยจัดการกรุงที่ชั่วร้ายและปลดปล่อยไพร่พลของพระองค์ที่เป็นเชลย. ในการทำเช่นนั้น พระเจ้าทรงมีพระบัญชาให้ฟ้าสวรรค์ของพระองค์หลั่งฤทธิ์เดชหรือกองกำลังที่ชอบธรรมลงมา. พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้แผ่นดินโลกของพระองค์อ้าออกเพื่อก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ชอบธรรมและการช่วยให้รอดสำหรับไพร่พลของพระองค์ที่ถูกเนรเทศมา. และฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกโดยนัยของพระองค์ก็ตอบสนองพระบัญชานี้. (ยะซายา 45:8) เป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีหลังจากยะซายาได้เสียชีวิตไป จึงได้ปรากฏชัดว่าท่านเป็นผู้ส่งข่าวแท้ของพระยะโฮวา!
ข่าวดีของผู้ส่งข่าวของพระเจ้าสำหรับซีโอน!
16. ข่าวดีอะไรที่อาจได้มีการป่าวประกาศในกรุงยะรูซาเลมที่เริศร้างเมื่อบาบูโลนพ่ายแพ้?
16 แต่ยังมีมากกว่านี้. ยะซายา 52:7 (ล.ม.) บอกข่าวดีสำหรับกรุงยะรูซาเลมดังนี้: “เท้าของผู้เดินตามภูเขาผู้นำข่าวดีงดงามสักเพียงไร คือผู้ซึ่งประกาศสันติสุข ผู้ซึ่งนำข่าวดีเกี่ยวกับสิ่งที่ดีกว่า ผู้ซึ่งประกาศเรื่องความรอด ผู้ซึ่งบอกแก่กรุงซีโอนว่า ‘พระเจ้าของเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว!’” นึกภาพดูซิว่าคงน่าตื่นเต้นสักเพียงไรเมื่อเห็นผู้ส่งข่าวมาจากแถบภูเขาเข้าสู่กรุงยะรูซาเลม! เขาต้องมีข่าวมาด้วยแน่. ข่าวนั้นคืออะไร? เป็นข่าวน่าตื่นเต้นสำหรับซีโอน. ใช่แล้วนั่นเป็นข่าวสันติสุข—ข่าวเกี่ยวกับความโปรดปรานของพระเจ้า. กรุงยะรูซาเลมและพระวิหารจะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่! และผู้ส่งข่าวประกาศด้วยความกระตือรือร้นและยินดีปรีดาว่า “พระเจ้าของเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว!”
17, 18. ชัยชนะของไซรัสที่มีต่อบาบูโลนมีผลต่อพระนามของพระยะโฮวาเองอย่างไร?
17 เมื่อพระยะโฮวาทรงอนุญาตชาวบาบูโลนให้โค่นบัลลังก์โดยนัยของพระองค์ซึ่งกษัตริย์แห่งราชวงศ์ดาวิดประทับอยู่ อาจดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นกษัตริย์อีกต่อไป. มาร์ดุก พระองค์เอกแห่งบาบูโลนดูราวกับว่าได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน. อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเจ้าแห่งซีโอนทรงโค่นบาบูโลน พระองค์ได้แสดงให้เห็นสากลบรมเดชานุภาพของพระองค์—กล่าวคือ การที่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ยิ่งใหญ่สูงสุด. และเพื่อเน้นข้อเท็จจริงนี้ ยะรูซาเลม “ราชธานีของพระมหากษัตริย์” จะต้องได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ พร้อมทั้งพระวิหารด้วย. (มัดธาย 5:35) สำหรับผู้ส่งข่าวที่นำข่าวดีเช่นนั้นมาให้ แม้ว่าเท้าเขาจะเปื้อนฝุ่น, สกปรก, และระบม แต่ในสายตาของผู้รักกรุงซีโอนและพระเจ้าแห่งกรุงนั้น เท้าของเขาช่างดูงดงามเสียจริง ๆ!
18 ในความหมายเชิงพยากรณ์ การล่มจมของบาบูโลนหมายความว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าได้รับการสถาปนา และผู้ส่งข่าวดีนี้เป็นผู้ประกาศข้อเท็จจริงนี้. ยิ่งกว่านั้น คนส่งข่าวในสมัยโบราณผู้นี้ซึ่งยะซายาบอกไว้ล่วงหน้า เป็นภาพพยากรณ์ถึงผู้ส่งข่าวดีที่ยิ่งใหญ่กว่า—ยิ่งใหญ่กว่าด้วยสาระสำคัญอันประเสริฐยิ่งและอรรถบทเกี่ยวกับราชอาณาจักร พร้อมทั้งผลอันน่าพิศวงสำหรับทุกคนที่มีความเชื่อ.
19. ข่าวสารอะไรเกี่ยวกับแผ่นดินยิศราเอลที่พระยะโฮวาประทานผ่านทางยะเอศเคล?
19 ยะเอศเคลก็เช่นกันได้รับคำพยากรณ์อันทำให้อบอุ่นใจเกี่ยวกับการบูรณะ. ท่านพยากรณ์ดังนี้: “พระยะโฮวาเจ้าตรัสดังนี้ว่า, . . . เราก็จะให้เจ้าอาศัยในหัวเมืองทั้งปวง, และที่ร้างเปล่าทั้งปวงจะได้กลับกู้ตั้งขึ้น, . . . และเขาทั้งหลายจะว่า, แผ่นดินนี้ที่ร้างเปล่านั้นได้กลับเป็นดุจสวนในเอเดน.”—ยะเอศเคล 36:33, 35.
20. ยะซายาให้คำกระตุ้นหนุนใจเชิงพยากรณ์อะไรแก่ยะรูซาเลม?
20 ขณะที่ตกเป็นเชลยของบาบูโลน ไพร่พลของพระเจ้าได้ร้องคร่ำครวญถึงซีโอน. (บทเพลงสรรเสริญ 137:1) บัดนี้ พวกเขาสามารถยินดี. ยะซายากระตุ้นหนุนใจดังนี้: “ที่ร้างแห่งยะรูซาเลม, จงเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยกัน! ด้วยพระยะโฮวาได้ทรงปลอบโยนพลเมืองของพระองค์แล้ว, พระองค์ได้ทรงไถ่ยะรูซาเลมคืนแล้ว. พระยะโฮวาได้ทรงถลกฉลองพระองค์จากพระกรอันบริสุทธิ์ของพระองค์ให้ปรากฏแก่ตาประชาชาติทั้งหมด, และจนกระทั่งปลายพิภพโลกจะเห็นความรอดของพระเจ้า.”—ยะซายา 52:9, 10.
21. ถ้อยคำที่ยะซายา 52:9, 10 สำเร็จเป็นจริงอย่างไรภายหลังการพ่ายแพ้ของบาบูโลน?
21 ใช่แล้ว ไพร่พลที่พระยะโฮวาทรงเลือกมีเหตุผลหนักแน่นในการแสดงความยินดี. ตอนนี้พวกเขากำลังจะกลับไปอยู่ในที่ซึ่งครั้งหนึ่งถูกทิ้งให้รกร้าง ทำให้ที่เหล่านี้กลายเป็นเหมือนสวนเอเดน. พระยะโฮวา ‘ได้ทรงเผยพระกรอันบริสุทธิ์ของพระองค์’ เพื่อพวกเขา. หากจะพูดอย่างเป็นนัย พระองค์ทรงถลกฉลองพระองค์จากพระกรเพื่อจัดการนำพวกเขากลับคืนมาตุภูมิอันเป็นที่รักของพวกเขา. นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เล็ก ๆ ซึ่งไม่เด่นในประวัติศาสตร์. แต่ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ตอนนั้นเลยทีเดียวที่ได้เห็น “พระกร” ของพระเจ้าซึ่งใช้อำนาจแทรกแซงกิจการของมนุษย์เพื่อนำความรอดอันน่าทึ่งมาสู่ชาติหนึ่ง. พวกเขาได้ประจักษ์อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ถึงหลักฐานที่ว่า ยะซายาและยะเอศเคลเป็นผู้ส่งข่าวแท้ของพระยะโฮวา. ไม่มีใครอาจจะสงสัยได้ในเรื่องที่ว่า พระเจ้าแห่งซีโอนเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวผู้ทรงพระชนม์อยู่ทั่วแผ่นดินโลก. ที่ยะซายา 35:2 เราอ่านอย่างนี้: “เขาจะเห็นสง่าราศีของพระยะโฮวา, และความงดงามของพระเจ้า.” คนที่ยอมรับหลักฐานนี้เกี่ยวกับความเป็นพระเจ้าของพระยะโฮวาก็ได้หันมานมัสการพระองค์.
22. (ก) ทุกวันนี้เราสามารถรู้สึกขอบพระคุณสำหรับอะไร? (ข) เหตุใดเราควรรู้สึกขอบพระคุณเป็นพิเศษที่พระยะโฮวาทรงเปิดโปงผู้ส่งข่าวเท็จ?
22 เราน่าจะรู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่พระยะโฮวาทรงระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้ของพระองค์! พระองค์ทรงเป็นผู้ “ได้ทรงรับรองคำของผู้รับใช้ของพระองค์, และได้ทำให้คำทำนายของทูต [“ผู้ส่งข่าว,” ล.ม.] ของพระองค์สำเร็จ” อย่างครบถ้วน. (ยะซายา 44:26) คำพยากรณ์เกี่ยวกับการบูรณะที่พระองค์ให้แก่ยะซายาและยะเอศเคลทำให้ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์, พระกรุณาอันไม่พึงได้รับ, และความเมตตาต่อผู้รับใช้ของพระองค์เห็นได้เด่นชัดขึ้น. แน่นอน พระยะโฮวาสมควรได้รับคำสรรเสริญทุกประการจากเราเนื่องด้วยเหตุนี้! และเราในทุกวันนี้ควรขอบพระคุณเป็นพิเศษที่พระองค์ทรงเปิดโปงพวกผู้ส่งข่าวเท็จ. ทั้งนี้เพราะปัจจุบันมีคนพวกนี้มากมายที่อยู่ในฉากเหตุการณ์โลก. ข่าวสารอันเลิศลอยของพวกเขาเพิกเฉยต่อพระประสงค์ซึ่งพระยะโฮวาได้ประกาศไว้. บทความหน้าจะช่วยเราระบุตัวผู้ส่งข่าวเท็จเหล่านี้.
[เชิงอรรถ]
a อนุสาวรีย์และพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม โดยอีรา โมริซ ไพรซ์ 1925.
คุ้ณอธิบายได้ไหม?
▫ พระยะโฮวาทรงระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้ของพระองค์โดยวิธีใด?
▫ โดยทางยะซายา พระยะโฮวาทรงออกชื่อผู้ใดฐานะผู้ทำหน้าที่แทนพระองค์ในการตีบาบูโลนให้พ่าย?
▫ คำพยากรณ์ของยะซายาซึ่งอธิบายความพ่ายแพ้ของบาบูโลนสำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
▫ ความพ่ายแพ้ของบาบูโลนมีผลดีอะไรต่อพระนามของพระยะโฮวา?
[รูปภาพหน้า 9]
สำหรับชาติต่าง ๆ ในสมัยของยะเอศเคลแล้ว บาบูโลนดูประหนึ่งจะไม่มีทางพิชิตได้