การปกครองของมนุษย์นำขึ้นชั่งแล้ว
การปกครองอันสมบูรณ์แบบในที่สุด!
เทวาธิปไตย (ธีโอคราซี): มาจากคำภาษากรีก “เท·ออสʹ” (พระเจ้า) และ “คราʹโทส” (การปกครอง); ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการปกครองโดยการชี้นำหรือการบริหารจากพระเจ้า บางครั้งโดยทางตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง.
หากคุณสามารถจะซื้อสร้อยไข่มุกแท้สักเส้นหรือแหวนเพชรสักวง คุณจะพอใจไหมกับสิ่งที่เลียนแบบของแท้ซึ่งด้อยคุณภาพ? คงจะไม่ นอกเสียจากคุณถูกหลอกให้เชื่อว่าสิ่งที่คุณจะได้มานั้นเป็นของดีที่สุดเท่าที่จะหาได้.
ในเรื่องเกี่ยวกับการปกครอง ผู้คนหลายร้อยล้านถูกหลอกลวงให้เชื่อว่าพวกเขามีรัฐบาลดีที่สุดเท่าที่จะมีได้อยู่แล้ว. ที่จริง พวกเขาได้แค่สิ่งเลียนแบบที่ด้อยคุณภาพ. ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมพวกเขาจึงผิดหวัง ไม่พอใจ และท้อแท้.
การเสาะหารัฐบาลที่ดี
วิลเลียม ราล์ฟ อินจ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอธิการโบสถ์เซนต์ พอลของคริสต์จักรแองกลิกันในกรุงลอนดอน ได้เขียนไว้เมื่อปี 1922 ว่า “รัฐบาลที่ดียังคงเป็นพรสุดยอดของมนุษย์ และไม่มีชาติใดเคยได้ชื่นชมกับรัฐบาลเช่นนั้นเลย.” ทำไมล่ะ?
คำอธิบายส่วนหนึ่งจะหาพบได้ในคำกล่าวของ จอห์น เอฟ. เค็นเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 แห่งสหรัฐ. เขากล่าวว่า “รัฐบาลใด ๆ ไม่ดีกว่าเหล่าคนซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลนั้น.” เนื่องจากแม้แต่นักการเมืองผู้มีความสามารถสูงสุดก็เป็นคนไม่สมบูรณ์ ทุกรัฐบาลที่มนุษย์จัดตั้งขึ้นจึงต้องล้มเหลว.
ฟิลิป แมสซิงเกอร์ นักเขียนบทละครชาวอังกฤษในศตวรรษที่สิบเจ็ดเป็นฝ่ายถูก เมื่อเขาเขียนว่า “ผู้ที่จะปกครองคนอื่น ๆ นั้น เขาควรปกครองตัวเองได้เสียก่อน.” แต่มีมนุษย์ไม่สมบูรณ์คนใดจะปกครองตัวเองได้อย่างแท้จริง? ที่จริง ไม่มีนักการเมืองคนใดมีความรู้และสติปัญญาเพียงพอจะควบคุมเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ และโดยวิธีนั้นจึงรับประกันความสุขและสวัสดิภาพของตนเอง นับประสาอะไรกับการประกันความสุขและสวัสดิภาพของเพื่อนมนุษย์อีกหลายล้านคน. และถึงแม้ว่าเขามีความสามารถจะทำการตัดสินใจอย่างถูกต้องได้ก็ตาม เขาก็ไม่มีพลังอำนาจที่จะทำให้การตัดสินใจเหล่านั้นดำเนินการอย่างบรรลุผล.
ย้อนไปเมื่อปี 1951 บรูคส์ แอตกินสัน นักเขียนบทความชาวอเมริกันซึ่งยอมรับปัญหานี้ ได้ลงความเห็นไว้ว่า “เราจำเป็นต้องมีมนุษย์วิเศษเพื่อจะปกครองเรา—การงานใหญ่มหึมาและความจำเป็นในการตัดสินอย่างฉลาดสุขุม นับว่าเร่งด่วนถึงขนาด. แต่น่าเสียดาย ไม่มีมนุษย์วิเศษเลย” เขาบอก. จนบัดนี้ สี่สิบปีต่อมา ก็ยังไม่มีสักคนเดียว.
อันที่จริง พระเจ้าไม่เคยมุ่งหมายให้มนุษย์ปกครองตนเอง. เพื่อจะชื่นชมกับรัฐบาลอันสมบูรณ์พร้อม มนุษย์จำต้องมีมากกว่าเพียงรัฐบาลโดยมนุษย์วิเศษ. เขาจำเป็นต้องมีเทวาธิปไตย การปกครองโดยพระเจ้า.
เทวาธิปไตยชนิดใด?
การปกครองของพระเจ้าเป็นระบอบที่ใช้ ณ สวนเอเดน ที่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัดให้มนุษย์คู่แรกอยู่. ในฐานะองค์บรมหิศรที่ถูกต้องชอบธรรม พระเจ้าทรงบริหารเรื่องราวต่าง ๆ และทรงใช้อำนาจปกครองของพระองค์.
คราวที่ฟลาวิอุส โจซิฟุส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวได้บัญญัติศัพท์ภาษากรีกซึ่งแปลว่า “เทวาธิปไตย” ขึ้นใช้เป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ 19 ศตวรรษมาแล้วนั้น เขาใช้คำนี้กล่าวถึงชาติยิศราเอลโบราณ. นี่เป็นการระบุที่ถูกต้อง เนื่องจากในเวลานั้นชาติยิศราเอลเป็นชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร. พระเจ้าทรงปกครองชนชาตินี้ แม้ว่าพระองค์จะทรงบริหารการปกครองโดยทางตัวแทนของพระองค์บนโลกนี้ก็ตาม.—พระบัญญัติ 7:6; 1 โครนิกา 29:23.
เมื่อมีการนำเอาคำ “เทวาธิปไตย” ไปใช้ในภาษาอื่น ๆ ในตอนแรก ๆ นั้นส่วนใหญ่การใช้คำนี้ถูกจำกัดไว้ตามความหมายที่โจซิฟุสจำกัดความไว้. แต่ภายหลังก็ได้มีการเพิ่มความหมายอื่น ๆ เข้าไปอีก. ตามดิ เอ็นไซโคลพีเดีย ออฟ รีลิจัน คำนี้ได้ “มีการใช้อย่างกว้างขวางกับหลายกรณีอย่างเช่นการปกครองแบบฟาโรห์ของอียิปต์, อิสราเอลโบราณ, คริสต์ศาสนจักรในยุคกลาง, ลัทธิคาลวิน อิสลามและศาสนาพุทธในธิเบต.”
นักประวัติศาสตร์ ดับเบิลยู. แอล. วอร์เรนเสริมว่ามี “ลักษณะการเป็นกษัตริย์ตามเทวาธิปไตยอยู่ในระบอบราชาธิปไตยของอังกฤษ—กษัตริย์มีฐานะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในแผนงานของพระเจ้าเพื่อจัดโลกให้เป็นระเบียบ กษัตริย์มีฐานะเป็นตัวแทนของพระเจ้าและเป็นผู้พิพากษาตัดสินคดี.” เดวีย์ วอลเลส จูเนียร์ แห่งมหาวิทยาลัยจอร์ช วอชิงตัน อธิบายว่า ปัจจุบันคำนี้มีการใช้แม้แต่เพื่อแสดงการหมิ่นประมาทแบบ ‘ชัดแจ้ง’ ต่อสังคมที่ถูก ‘นักบวชครอบงำ.’”
ปัจจุบันคำนี้กินความหมายกว้างจนมีการยอมให้ใช้กับเทวาธิปไตยหลายชนิด. เราต้องการชนิดไหนล่ะ?
เทวาธิปไตยจอมปลอม
รัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่มีบันทึกไว้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้วโดยนิมโรด. เหลนของโนฮาคนนี้ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์และเป็น “พรานผู้มีกำลังมากต่อต้านพระยะโฮวา” ดังที่พรรณนาไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. (เยเนซิศ 10:8, 9, ล.ม.) โดยการตั้งตัวขึ้นเป็นผู้ครอบครองต่อต้านพระยะโฮวา นิมโรดทำให้ตนเองเป็นพระทางการเมือง. ดังนั้น เขาจึงรับการหนุนหลังจากผู้เป็นปรปักษ์เอกของพระยะโฮวา นั่นคือซาตานพญามารพระเจ้าจอมปลอม. (2 โกรินโธ 4:4) ฉะนั้น การครอบครองของนิมโรดจึงเป็นการลอกเลียนแบบการปกครองของพระเจ้าที่แท้จริง.
คราวที่ประชาชนแห่งอาณาจักรของนิมโรดถูกทำให้กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วแผ่นดินโลกในเวลาต่อมา ผู้คนเหล่านั้นยังคงอ้างว่ารัฐบาลของพวกเขาเป็นเทวาธิปไตย คือได้รับอำนาจจากพระเจ้า หรือพระต่าง ๆ ที่พวกเขานมัสการ. (เยเนซิศ 11:1–9) ดิ เอ็นไซโคลพีเดีย ออฟ รีลิจัน กล่าวว่า ด้วยเหตุนั้น คำ “ระบอบเทวาธิปไตย” จึงได้นำมาใช้ “เพื่ออธิบายช่วงต้น ๆ ของอารยธรรมทางตะวันออกซึ่งไม่มีการแบ่งแยกระหว่างศาสนากับรัฐ.”
ในวัฒนธรรมบางอย่าง เช่นของอียิปต์ภายใต้ฟาโรห์ มีการเชื่อกันว่ากษัตริย์เป็นพระสวามีของเทพธิดาองค์ยิ่งใหญ่ หรือไม่ก็เป็นบุตรของเทพเจ้าองค์หนึ่ง. ส่วนวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้กล่าวเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการอ้างว่ากษัตริย์มีคุณสมบัติต่าง ๆ ของพระเจ้าหรือเป็นเชื้อสายของพระเจ้า แต่มีการเน้นมากกว่าถึงแนวความคิดเกี่ยวกับการถูกเลือกสรรโดยพระเจ้า. ในประเทศกรีซสมัยอะเล็กซานเดอร์และหลังจากนั้น กษัตริย์ได้รับการถือว่าเป็นพระเจ้า ดังที่หนังสือ อะ ฮิสตอรี ออฟ โพลิทิคัล ธีออรี อธิบายว่า “เนื่องจากเขาได้นำความปรองดองมาสู่อาณาจักรของเขาเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงนำความปรองดองมาสู่โลก.” หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้บอกต่อไปว่า “เขามีลักษณะของพระเจ้าซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่มี และซึ่งทำให้เกิดภัยพิบัติแก่ผู้ช่วงชิงราชสมบัติที่ไม่คู่ควรซึ่งแย่งตำแหน่งอันสูงส่งนี้โดยปราศจากการเห็นชอบจากสวรรค์.”
แนวความคิดนี้ที่ว่ากษัตริย์เป็นพระเจ้าได้มีการยึดถือมาจนเข้าสู่ช่วงที่เรียกกันว่ายุคคริสเตียน. หลังจากชนเผ่าเยอรมันโบราณได้ถูกเปลี่ยนให้ถือศาสนาคาทอลิกแล้ว เกียรติยศศักดิ์ศรีของกษัตริย์ก็เพิ่มขึ้น. เมื่อคริสต์จักรแต่งตั้งกษัตริย์ก็ได้พูดเป็นเชิงว่าพระเจ้าทรงเลือกกษัตริย์องค์นั้นให้ปกครอง. จากภูมิหลังนี้เอง หลักการซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ราชอำนาจของกษัตริย์สวรรค์ประทานมาก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น.
แม้กระทั่งก่อนยุคคริสเตียน พวกซีซาร์แห่งโรมก็ได้บิดเบือนความหมายแห่งการปกครองของพระเจ้าไปใช้กับรัฐบาลของเขาโดยอ้างว่าตนเป็นพระเจ้า. ในสายตาของชาวโรมัน การปกครองของมนุษย์ทัดเทียมกับการปกครองของพระเจ้า ทำให้รัฐบาลของพวกเขา เป็นไปตามแบบอย่างของนิมโรด เป็นเทวาธิปไตยชนิดเทียม. ดังนั้นเมื่อบรรดาหัวหน้าศาสนาชาวยิวในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราชปฏิเสธพระเยซูผู้ซึ่งจะเป็นกษัตริย์ในอนาคต โดยกล่าวว่า “กษัตริย์ของพวกเราไม่มีเว้นแต่กายะซา” ที่แท้แล้วพวกเขาแสดงว่าชอบเทวาธิปไตยชนิดเทียมมากกว่าชนิดแท้ซึ่งพระเยซูกำลังประกาศอยู่ในเวลานั้น.—โยฮัน 19:15.
เนื่องจากการปกครองแบบเทวาธิปไตย โดยพระยะโฮวาเป็นการปกครองที่เหนือกว่าการปกครองอื่นทุกรูปแบบอย่างไกลลิบ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ซาตานได้พยายามจะผสมผสานบางแง่มุมของการปกครองนี้เข้ากับการปกครองแบบทำเทียมที่มันได้ตั้งขึ้น—แต่ไม่สำเร็จ. ระบอบเทวาธิปไตยต่าง ๆ เหล่านั้นทุกรูปแบบขาดตกบกพร่องมากจากอุดมคติของการปกครองนั้น. ในตัวจริงแล้ว ไม่มีสักระบอบเดียวที่เคยเป็นการปกครองโดยพระเจ้าหรือโดยตัวแทนของพระองค์. ระบอบเหล่านั้นเป็นการเลียนแบบระบอบแท้อย่างด้อยคุณภาพ เป็นการแสดงถึงการปกครองไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ภายใต้การควบคุมของพระเจ้าจอมปลอม.
อย่างเหมาะสมทีเดียว คัมภีร์ไบเบิลเรียกพระนักเลียนแบบนี้ว่า “ผู้ครองโลก” และ “พระของสมัยนี้.” (โยฮัน 12:31; 14:30; 2 โกรินโธ 4:4) นี้หมายความว่าพระผู้ครอบครองตัวจริงแห่งระบบการเมืองของโลกนี้ทั้งหมดก็คือซาตาน. นั่นคือเหตุที่มันสามารถเสนอ “บรรดาประเทศในโลกทั้งสง่าราศีของประเทศเหล่านั้น” แก่พระเยซูได้ ซึ่งเป็นการทดลองที่พระเยซูทรงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด. (มัดธาย 4:8–10) โดยทรงทราบว่าเทวาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเป็นการปกครองโดยพระเจ้าองค์เที่ยงแท้องค์เดียวคือพระยะโฮวา พระเยซูจึงไม่ถูกหลอกให้ตกเข้าสู่การยอมรับเอาสถาบันที่มนุษย์ตั้งขึ้น ซึ่งไร้ความสามารถจะแสดงออกอย่างครบถ้วนถึงลักษณะต่าง ๆ ของพระเจ้าซึ่งจะพบเห็นแต่ในเทวาธิปไตยตัวจริง.
การปกครองที่สมบูรณ์พร้อมอยู่ใกล้แล้ว
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ฮิวจ์ โบรแกน แห่งมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ได้ลงความเห็นว่า “หากมนุษย์ สัตว์โลกที่มีรูปแบบการปกครอง จะรักษาตนเองและอารยธรรมของเขาอยู่รอด เขาไม่อาจหยุดจากการแสวงหารูปแบบใหม่ ๆ ของรัฐบาลเพื่อจะรับมือกับความต้องการซึ่งมีมาใหม่อยู่ตลอดเวลาในสมัยของเขา.” นับแต่สมัยนิมโรดเป็นต้นมา มนุษย์ได้ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว คือการคิดค้นหารูปแบบใหม่ ๆ ของการปกครองเพื่อจะรับมือกับความต้องการของแต่ละสมัย. แต่จะต้องใช้เวลามากแค่ไหนเพื่อพิสูจน์ว่าการปกครองโดยมนุษย์นั้นใช้การไม่ได้เลย?
น่าดีใจ ในปี 1914 เวลาก็มาถึงเพื่อการทดลองที่ไร้ประโยชน์โดยการปกครองของมนุษย์จะถูกท้าทายโดยราชอาณาจักรมาซีฮาฝ่ายสวรรค์ ของพระยะโฮวา!a ตั้งแต่ปี 1914 รัฐบาลต่าง ๆ ของมนุษย์ แม้ว่าจะยังคงอยู่ ก็ดำรงอยู่ในเวลาที่ยอมให้ชั่วคราวเท่านั้น. (ดานิเอล 7:12) เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่คัมภีร์ไบเบิลระบุว่าเป็น “สมัยสุดท้าย.” (2 ติโมเธียว 3:1-5) ตัวหนังสือที่เขียนบนผนังซึ่งบอกเหตุล่วงหน้าถึงความพินาศอย่างกะทันหันแก่การปกครองของมนุษย์ก็ชัดเจนอย่างยิ่งซึ่งไม่มีผู้ใดอาจมองข้ามไปได้อย่างแท้จริง. อาจทำไม่สนใจไยดีต่อสิ่งนั้นได้ แต่ไม่มีทางจะลบล้างสิ่งนั้น.
การปกครองตามแบบเทวาธิปไตยโดยทางราชอาณาจักรมาซีฮาของพระยะโฮวาได้มีการแสดงเป็นนัยไว้ในคัมภีร์ไบเบิลที่ดานิเอลบท 2 ที่มีหินก้อนหนึ่ง “ถูกแงะออกโดยไม่เห็นมือ” และ “กระทบรูปปั้น [เล็งถึงการปกครองของมนุษย์] โดนตอนเท้าซึ่งเป็นเหล็กปนดิน เท้าเลยแตกเป็นท่อน ๆ ไป.” นี้หมายความว่าอีกไม่ช้าราชอาณาจักรที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นนั้นจะโจมตีการปกครองของมนุษย์ไม่ว่ารูปแบบใดและบดขยี้เสีย. ถึงขีดไหน? คัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบ “แล้วเหล็ก ดิน ทองเหลือง เงินและทองคำก็แตกหักเป็นท่อน ๆ ไปตามกัน และกลายเป็นเหมือนแกลบบนลานข้าวในฤดูร้อนถูกลมพัดปลิวฟุ้งไปจนหาร่องรอยมันก็ไม่พบ.”—ดานิเอล 2:34, 35.
หากการปกครองทั้งหลายของมนุษย์จะถูกกวาดล้างออกไปอย่างสิ้นซากจนไม่เหลือร่องรอยให้พบเลย ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่าผู้สนับสนุนทั้งหลายของการปกครองจะประสบความยากลำบาก. ผู้คนหลายล้านที่ตระหนักถึงความจริงข้อนั้นเห็นถึงความฉลาดสุขุมในการย้ายความไว้วางใจของพวกเขาจากการปกครองของมนุษย์ไปสู่สิ่งที่ดีกว่านั้น. เฉพาะแต่การปกครองโดยพระยะโฮวาเจ้า พระผู้สร้างเอกภพเท่านั้น ที่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างอันเป็นผลจากการปกครองและการบริหารอย่างผิดพลาดของมนุษย์มาหลายพันปี. เพียงเทวาธิปไตยแท้เท่านั้นที่สามารถสนองความต้องการต่าง ๆ แห่งยุคสมัยของเรา.
วารสารตื่นเถิดมีความหวังว่าบทความชุด “การปกครองของมนุษย์ นำขึ้นชั่งแล้ว” นี้ได้ประทับใจคุณด้วยความสำคัญของการตัดสินใจเป็นส่วนตัวในเรื่องเกี่ยวกับการปกครอง. และยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หวังว่าจะช่วยคุณให้ทำการตัดสินใจอย่างฉลาดสุขุม. การปกครองของมนุษย์ถูกนำขึ้นชั่งแล้วและพบว่าบกพร่อง. คุณจะเลือกสิ่งใด? จะเป็นของทำเทียมอันไร้ค่าหรือของแท้? จะเป็นการปกครองของมนุษย์หรือว่าการปกครองของพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้?—ดานิเอล 2:44; มัดธาย 6:10.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อพิสูจน์ยืนยันว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าถูกสถาปนาขึ้นแล้วเมื่อปี 1914 และโลกได้อยู่ในสมัยสุดท้ายตั้งแต่นั้นมา โปรดดูบท 16 และ 18 ของหนังสือท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก จัดพิมพ์ในปี 1983 โดยสมาคม ว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทรคท์ ออฟ นิวยอร์ก.
[กรอบหน้า 30]
สิ่งที่เทวาธิปไตยโดยพระยะโฮวาจะกระทำ
◆ ฟื้นฟูผู้คนที่แก่ชราให้คืนสู่วัยหนุ่มสาวอันกระฉับกระเฉง.—โยบ 33:25.
◆ ทำให้สงครามเป็นเรื่องของอดีต.—บทเพลงสรรเสริญ 46:9; ยะซายา 9:7.
◆ จัดให้ทุกครอบครัว มีบ้านอยู่อาศัยที่ดีเยี่ยม.—ยะซายา 65:21.
◆ รักษาคนเจ็บป่วยและคนทุพพลภาพให้หาย.—ยะซายา 33:24; 35:5, 6
◆ ปลุกคนตายให้เป็นขึ้น.—ยะซายา 25:8; กิจการ 24:15; วิวรณ์ 20:13.
◆ ขจัดซึ่งการทุจริต การผิดศีลธรรม และอาชญากรรม ให้หมดสิ้นไปจากโลก.—สุภาษิต 2:21, 22.
◆ จัดให้มีอาหารอุดมบริบูรณ์แก่ทุกคน.—บทเพลงสรรเสริญ 72:16; ยะซายา 25:6.
◆ ทำให้มีสันติภาพดังเดิมระหว่างคนกับสัตว์.—ยะซายา 11:6–9; ยะเอศเคล 34:25.
◆ มอบหมายการงานที่มีความหมายและบำเหน็จอันดีแก่ทุกคน—ยะซายา 65:22, 23.
◆ เปลี่ยนทั้งลูกโลกเป็นอุทยาน.—ยะซายา 35:1,6, 7; ลูกา 23:43.
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำสัญญาทางการเมืองลม ๆ แล้ง ๆ ของมนุษย์; แต่เป็นคำสัญญาของพระเจ้า และ “เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะตรัสมุสา.”—เฮ็บราย 6:18.
[รูปภาพหน้า 31]
คุณสามารถรับพรตลอดกาลจากการปกครองอัน สมบูรณ์ได้!