ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นตัวเสมอ!
“นี่แน่ะ! เราจะมาเหมือนขโมย. ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นตัวเสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกของตน.”—วิวรณ์ 16:15, ล.ม.
1. เนื่องจากวันของพระยะโฮวามาใกล้ เราสามารถคาดหมายอะไร?
วันใหญ่ของพระยะโฮวามาใกล้แล้ว และนั่นหมายถึงสงคราม! ในนิมิต อัครสาวกโยฮันเห็น “คำกล่าวโดยการดลใจจากพวกปิศาจ” ซึ่งดูเหมือนกบ ออกไปยัง “กษัตริย์ทั้งหลาย” หรือเหล่าผู้ปกครองแห่งแผ่นดินโลกนี้. เพื่อจะทำอะไร? ก็ “เพื่อรวบรวมกษัตริย์เหล่านั้นสู่สงครามแห่งวันใหญ่ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ”! โยฮันกล่าวอีกว่า “พวกมันได้รวบรวมกษัตริย์เหล่านั้นยังสถานที่ซึ่งเรียกในภาษาฮีบรูว่าฮาร์–มาเกดโอน.”—วิวรณ์ 16:13-16, ล.ม.
2. โกกแห่งมาโกกคือใคร และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมันโจมตีไพร่พลของพระยะโฮวา?
2 อีกไม่ช้า พระยะโฮวาจะทรงกระตุ้นองค์ประกอบทางการเมืองของระบบนี้ให้ทำลายบาบูโลนใหญ่ จักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ. (วิวรณ์ 17:1-5, 15-17) จากนั้นโกกแห่งมาโกกซึ่งก็คือซาตานพญามารที่ถูกลดฐานะให้อยู่ในบริเวณแผ่นดินโลกนี้ จะจัดวางกองกำลังบริวารของมันและโถมบุกเข้าโจมตีไพร่พลของพระยะโฮวาซึ่งรักสันติและดูคล้ายกับปราศจากการป้องกัน. (ยะเอศเคล 38:1-12) แต่พระเจ้าจะทรงลงมือเพื่อช่วยเหลือไพร่พลของพระองค์. นั่นจะเป็นสัญญาณแห่งการปะทุของ “วันใหญ่ยิ่งอันน่ากลัวของพระยะโฮวา.”—โยเอล 2:31; ยะเอศเคล 38:18-20.
3. คุณจะพรรณนาเหตุการณ์ที่บอกล่วงหน้าที่ยะเอศเคล 38:21-23 อย่างไร?
3 ใช่แล้ว พระยะโฮวาจะทรงช่วยไพร่พลของพระองค์และทำลายร่องรอยทุกอย่างแห่งระบบของซาตานให้สิ้นเมื่อเราไปถึงสถานการณ์โลกที่เรียกว่าฮาร์-มาเกดโอนหรืออาร์มาเก็ดดอน. เชิญอ่านถ้อยคำเชิงพยากรณ์ที่ยะเอศเคล 38:21-23 และนึกภาพฉากเหตุการณ์นั้น. พระยะโฮวาจะทรงใช้อำนาจของพระองค์เพื่อก่อให้เกิดฝนห่าใหญ่ท่วมท้น, ลูกเห็บที่ยังความพินาศ, ไฟที่ลามเร็วราวสายฟ้า, และโรคห่าที่คร่าชีวิตผู้คน. ความกลัวจะเข้าเกาะกุมไปทั้งโลกขณะที่กองกำลังของโกกถูกทำให้ปั่นป่วนและหันมาต่อสู้กันเอง. ศัตรูคนใดของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการที่รอดตายมาได้ก็จะถูกสำเร็จโทษขณะที่พระยะโฮวาทรงใช้วิธีที่เหนือธรรมชาติเพื่อช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอด. เมื่อ “ความทุกข์ลำบากใหญ่” ซึ่งมีบอกไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินไปจนถึงที่สุดแล้ว ก็จะไม่มีสิ่งใดในระบบของซาตานที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าหลงเหลืออยู่อีก. (มัดธาย 24:21, ล.ม.) อย่างไรก็ตาม แม้แต่ก่อนพวกเขาจะตาย คนชั่วจะได้รู้ว่าใครที่นำความหายนะมาสู่พวกเขา. พระเจ้าเองผู้ทรงได้ชัยตรัสว่า “เขาทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวา.” เหตุการณ์ผิดธรรมดาเหล่านี้จะเกิดขึ้นในสมัยของเรา ในช่วงการประทับของพระเยซู.
มาเหมือนขโมย
4. พระเยซูจะเสด็จมาด้วยอาการเช่นไรเพื่อทำลายระบบชั่วนี้?
4 พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงสง่าราศีตรัสดังนี้: “นี่แน่ะ! เราจะมาเหมือนขโมย.” การมาเหมือนขโมยคือมาโดยฉับพลัน, ในเวลาที่ไม่ได้คาดคิด, เมื่อคนส่วนใหญ่หลับใหล. เมื่อพระเยซูเสด็จมาเหมือนขโมยเพื่อทำลายระบบชั่วนี้ พระองค์จะทรงคุ้มครองคนที่ตื่นตัวอยู่อย่างแท้จริง. พระองค์ทรงบอกโยฮันดังนี้: “ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นตัวเสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกของตน เพื่อเขาจะไม่เดินเปลือยกายและผู้คนมองเห็นความน่าอับอายของเขา.” (วิวรณ์ 16:15, ล.ม.) ถ้อยคำเหล่านี้หมายความเช่นไร? และเราสามารถตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอได้โดยวิธีใด?
5. การจัดเตรียมอะไรในการรับใช้ที่พระวิหารซึ่งมีอยู่ตอนที่พระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก?
5 โดยทั่วไปแล้ว คนยามคงไม่ถูกถอดเสื้อผ้าให้เปลือยเปล่าหากเขาเผลอหลับไปขณะอยู่ยาม. แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ พระวิหารในกรุงยะรูซาเลมเมื่อพระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก และมีเวรของพวกปุโรหิตและเลวีรับใช้ที่พระวิหารในกรุงยะรูซาเลม. ในศตวรรษที่ 11 ก่อนสากลศักราช กษัตริย์ดาวิดจัดระเบียบปุโรหิตหลายร้อยคนและพวกเลวีผู้ช่วยของพวกเขาหลายพันคนโดยแบ่งเวรหน้าที่ออกเป็น 24 เวร. (1 โครนิกา 24:1-18) คนงานที่ได้รับการฝึกอบรมในแต่ละเวรซึ่งมีมากกว่าหนึ่งพันคนผลัดกันดูแลและรับใช้หน้าที่ต่าง ๆ ในพระวิหารอย่างน้อยปีละสองครั้ง ๆ ละหนึ่งสัปดาห์เต็ม. อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเทศกาลตั้งทับอาศัย ทั้ง 24 เวรจะร่วมกันทำหน้าที่. การช่วยกันทำหน้าที่เป็นพิเศษอย่างนี้ยังจำเป็นด้วยในเทศกาลปัศคา.
6. พระเยซูอาจพาดพิงถึงอะไรเมื่อพระองค์ตรัสว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นตัวเสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกของตน”?
6 เมื่อพระเยซูตรัสว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นตัวเสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกของตน” พระองค์อาจพาดพิงถึงขั้นตอนที่ทำกันในเวลานั้นซึ่งรวมถึงการทำหน้าที่เวรยามที่พระวิหาร. มิชนาห์ของยิวกล่าวดังนี้: “พวกปุโรหิตเฝ้ายามอยู่สามแห่งในพระวิหาร: ที่ห้องแอบตินาส, ที่ห้องแห่งเปลวเพลิง, และที่ห้องแห่งเตาเผา; และชาวเลวีเฝ้ายามตามจุดต่าง ๆ ยี่สิบเอ็ดแห่งดังนี้: ห้าแห่งที่ประตูทั้งห้าของเนินพระวิหาร, สี่แห่งที่มุมด้านในทั้งสี่, ห้าแห่งที่ประตูทั้งห้าของลานพระวิหาร, สี่แห่งที่มุมด้านนอกทั้งสี่, และหนึ่งแห่งที่ห้องบูชาถวาย, และหนึ่งแห่งที่ห้องพระวิสูตร, และหนึ่งแห่งที่ด้านหลังของที่ตั้งพระที่นั่งแห่งพระกรุณา [นอกกำแพงด้านหลังของห้องบริสุทธิ์ที่สุด]. เจ้าพนักงานดูแลเนินพระวิหารจะเดินตรวจไปตามจุดเวรยามทุกจุด มือถือคบไฟส่องไปข้างหน้า และถ้ายามคนไหนไม่ได้ยืนขึ้นและกล่าวต่อเขาว่า ‘ข้าแต่ท่านเจ้าพนักงานดูแลเนินพระวิหาร ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน!’ และจึงเห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลับยาม เจ้าพนักงานนั้นก็จะตีเขาด้วยไม้เท้า และมีสิทธิจะเผาเสื้อผ้าของเขาได้.”—เดอะ มิชนาห์, มิดดอท (“มาตรฐาน”) หน้า 1 ย่อหน้า 1, 2 แปลโดยเฮอร์เบิร์ต แดนบี.
7. ทำไมพวกปุโรหิตและเลวีที่อยู่เวรยาม ณ พระวิหารจำต้องตื่นตัวเสมอ?
7 พวกเลวีและปุโรหิตหลายคนที่รับใช้อยู่เวรยามต้องตื่นอยู่ตลอดคืนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครที่ไม่บริสุทธิ์สะอาดเข้าไปในลานพระวิหาร. เนื่องจาก “เจ้าพนักงานดูแลเนินพระวิหาร” หรือ “นายทหารรักษาพระวิหาร” เดินตรวจตราไปรอบ ๆ ทั้ง 24 จุดในช่วงเวรยามกลางคืน ดังนั้นคนยามแต่ละคนจึงต้องตื่นตัวทำหน้าที่ของตนเสมอหากไม่อยากถูกจับได้ว่าละเลยหน้าที่.—กิจการ 4:1, ฉบับแปลใหม่.
8. เสื้อชั้นนอกโดยนัยของคริสเตียนได้แก่อะไร?
8 คริสเตียนผู้ถูกเจิมและเพื่อนผู้รับใช้ของพวกเขาจำต้องตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกโดยนัยของตนไว้. เสื้อชั้นนอกนี้คือหลักฐานที่มองเห็นได้ชัดว่าเราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับใช้ ณ พระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา. เมื่อคำนึงถึงข้อนี้ เราจึงมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า คือพลังปฏิบัติการ เพื่อช่วยเราทำหน้าที่และสิทธิพิเศษของเราฐานะผู้ประกาศราชอาณาจักรให้สำเร็จ. การผล็อยหลับไปขณะอยู่ในหน้าที่ฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าคงทำให้เราตกอยู่ในอันตรายจะถูกพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นนายทหารรักษาพระวิหารฝ่ายวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จับได้. หากเราหลับใหลฝ่ายวิญญาณในเวลานั้น เราก็จะถูกเปลื้องเสื้อผ้าออกให้เปลือยเปล่าทางฝ่ายวิญญาณ และเสื้อผ้าโดยนัยของเราก็คงจะถูกเผาไป. ดังนั้น เราจะสามารถตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอได้โดยวิธีใด?
วิธีที่เราจะสามารถตื่นตัวอยู่เสมอ
9. ทำไมการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยอาศัยหนังสือต่าง ๆ ฝ่ายคริสเตียนเป็นคู่มือจึงสำคัญมาก?
9 ขยันศึกษาพระคัมภีร์โดยอาศัยสรรพหนังสือฝ่ายคริสเตียนเป็นเครื่องกระตุ้นให้ตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ. การศึกษาเช่นนั้นจะเตรียมเราไว้สำหรับงานเผยแพร่, ช่วยเราเผชิญวิกฤตการณ์, และจะบอกทางสู่ความสุขถาวรแก่เรา. (สุภาษิต 8:34, 35; ยาโกโบ 1:5-8) การศึกษาของเราควรทำอย่างถี่ถ้วนและพัฒนาให้ก้าวหน้าเรื่อย ๆ. (เฮ็บราย 5:14–6:3) การรับประทานอาหารที่ดีเป็นประจำสามารถช่วยเราให้ตื่นตัวและกระฉับกระเฉง ทั้งยังสามารถช่วยป้องกันโรคง่วงเหงาหาวนอนซึ่งอาจเป็นสัญญานบอกให้ทราบว่าเป็นโรคขาดอาหาร. เราไม่มีเหตุผลที่จะตกอยู่ในสภาพขาดอาหารและง่วงเหงาฝ่ายวิญญาณ เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมอาหารฝ่ายวิญญาณไว้อย่างบริบูรณ์โดยทาง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ที่ได้รับการเจิม. (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.) การบริโภคอาหารฝ่ายวิญญาณเป็นประจำโดยการศึกษาเป็นส่วนตัวและการศึกษาเป็นครอบครัวนับเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้ตื่นตัวเสมอและ “ปกติสุขในความเชื่อ.”—ติโต 1:13, ล.ม.
10. การประชุมคริสเตียน, การประชุมหมวด, และการประชุมภาคช่วยเราอย่างไรให้ตื่นตัวฝ่ายวิญญาณ?
10 การประชุมคริสเตียน, การประชุมหมวด, และการประชุมภาคช่วยเราให้ตื่นตัวฝ่ายวิญญาณ. การประชุมเหล่านี้จัดให้มีการหนุนใจและโอกาสจะ ‘เร้าใจกันและกันให้เกิดความรักและการกระทำที่ดี.’ เราควรร่วมประชุมกันเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรา “เห็นวันนั้นใกล้เข้ามา.” ในขณะนี้ วันนั้นใกล้แล้วจริง ๆ. วันนั้นคือ “วันของพระยะโฮวา” เมื่อพระองค์จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ถูกต้อง. ถ้าวันนั้นสำคัญจริงสำหรับเรา—ซึ่งก็ควรเป็นอย่างนั้น—เราจะ “ไม่ละการประชุมร่วมกัน.”—เฮ็บราย 10:24, 25; 2 เปโตร 3:10, ล.ม.
11. เพราะเหตุใดจึงกล่าวได้ว่างานรับใช้ฝ่ายคริสเตียนจำเป็นต่อความตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ?
11 การมีส่วนร่วมอย่างสุดหัวใจในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียนนับว่าจำเป็นเพื่อจะตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ. การเข้าร่วมในการประกาศข่าวดีเป็นประจำและอย่างกระตือรือร้นช่วยทำให้เราตื่นตัวอยู่เสมอ. งานรับใช้ของเราทำให้เรามีโอกาสมากมายจะพูดคุยกับประชาชนเกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า, ราชอาณาจักรของพระองค์, และพระประสงค์ของพระองค์. น่ายินดีที่จะให้คำพยานตามบ้าน, กลับเยี่ยมเยียน, และนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านโดยใช้หนังสืออย่างเช่นความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์. เหล่าผู้ปกครองในเอเฟโซโบราณสามารถยืนยันได้ว่า เปาโลได้สอนพวกเขา “ในที่สาธารณะและตามบ้านเรือน.” (กิจการ 20:20, 21, ล.ม.) แน่นอน พยานพระยะโฮวาที่ซื่อสัตย์บางคนมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางเขาไว้จากงานรับใช้ไม่มากก็น้อย แต่พวกเขาหาวิธีบอกคนอื่น ๆ เรื่องพระยะโฮวาและฐานะกษัตริย์ของพระองค์ และได้รับความยินดีอย่างยิ่งจากการทำเช่นนั้น.—บทเพลงสรรเสริญ 145:10-14.
12, 13. ด้วยเหตุผลใดบ้างที่เราควรหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นมากไปในการกินดื่ม?
12 การหลีกเลี่ยงจากการปล่อยตามอำเภอใจจะช่วยเราให้รักษาความตื่นตัวฝ่ายวิญญาณเอาไว้. เมื่อตรัสถึงการประทับของพระองค์ พระเยซูทรงกระตุ้นเตือนบรรดาอัครสาวกของพระองค์ดังนี้: “จงเอาใจใส่ตัวเอง เพื่อว่าหัวใจของเจ้าจะไม่เพียบลงด้วยการกินมากเกินไปและการดื่มจัดและความกระวนกระวายในเรื่องชีวิต และโดยไม่ทันรู้ตัววันนั้นจะมาถึงเจ้าอย่างกะทันหัน ดุจบ่วงแร้ว. เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินโลกทั้งสิ้น.” (ลูกา 21:7, 34, 35, ล.ม.) ความตะกละและการเมาเหล้าไม่ลงรอยกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล. (พระบัญญัติ 21:18-21) สุภาษิต 23:20, 21 กล่าวดังนี้: “อย่ามั่วสุมกับนักเสพเหล้าองุ่น; หรือกับคนกินเนื้อเติบ: ด้วยว่าคนขี้เมาและคนกินเติบคงจะมาถึงการยากจน; และการเซื่อมซึมนั้นจะเป็นเหตุให้ตัวนุ่งห่มผ้าขี้ริ้ว.”—สุภาษิต 28:7.
13 แม้การกินมากเกินไปและการดื่มจัดอาจไม่ถึงขั้นตะกละหรือเมามาย แต่ก็อาจทำคนเราง่วงงุน อาจถึงกับเกียจคร้านและเพิกเฉยในเรื่องการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าก็ได้. เป็นธรรมดาที่คนเราย่อมมีความกระวนกระวายในเรื่องชีวิตครอบครัว, สุขภาพ, และอื่น ๆ. กระนั้น เราจะมีความสุขถ้าเราจัดให้ผลประโยชน์ของราชอาณาจักรมาเป็นอันดับแรกในชีวิต และมีความมั่นใจว่าพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราจะทรงจัดเตรียมให้เรา. (มัดธาย 6:25-34) หาไม่แล้ว “วันนั้น” จะมาถึงเราดุจ “บ่วงแร้ว” อาจเป็นกับดักแบบที่พรางไว้ซึ่งจะจับเราไว้โดยไม่ทันรู้ตัว หรือไม่ก็เป็นกับดักที่มีเหยื่อล่อ ในลักษณะเดียวกับที่ใช้ล่อสัตว์ที่ไม่ระแวงให้เข้ามาติด. เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเราตื่นตัวเสมอ โดยสำนึกอยู่เต็มที่ว่าเรากำลังอยู่ใน “เวลาอวสาน.”—ดานิเอล 12:4, ล.ม.
14. เหตุใดเราควรอธิษฐานอย่างจริงจัง?
14 คำอธิษฐานด้วยใจจริงเป็นเครื่องช่วยอีกอย่างหนึ่งเพื่อจะมีความตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ. ในคำพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเยซูทรงกระตุ้นเตือนต่อไปอีกว่า “เหตุฉะนั้น จงตื่นตัว เฝ้าวิงวอนอยู่ตลอดเวลา เพื่อเจ้าจะประสบผลสำเร็จในการหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ซึ่งถูกกำหนดไว้ว่าจะเกิดขึ้น และในการยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์.” (ลูกา 21:36, ล.ม.) ถูกแล้ว ให้เราอธิษฐานขอเพื่อเราจะอยู่ฝ่ายพระยะโฮวาเสมอ และชื่นชมในฐานะที่ทรงยอมรับเมื่อพระเยซูผู้เป็นบุตรมนุษย์เสด็จมาเพื่อทำลายระบบชั่วนี้. เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง และเพื่อประโยชน์ของเพื่อนร่วมความเชื่อที่เราอธิษฐานเผื่อ เราจำต้อง ‘ตื่นตัวในการอธิษฐานอยู่เสมอ.’—โกโลซาย 4:2; เอเฟโซ 6:18-20, ล.ม.
เวลากำลังจะหมดไป
15. ได้มีการทำอะไรให้สำเร็จโดยการรับใช้ของเราฐานะผู้ประกาศความชอบธรรม?
15 ขณะที่เราคอยท่าวันใหญ่ของพระยะโฮวา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราปรารถนาจะทำทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้ในการรับใช้พระองค์. ถ้าเราอธิษฐานอย่างจริงจังถึงพระองค์เกี่ยวด้วยเรื่องนี้ “ประตูใหญ่ซึ่งนำไปสู่กิจการ” อาจเปิดออกให้เรา. (1 โกรินโธ 16:8, 9, ล.ม.) เมื่อถึงเวลากำหนดของพระเจ้า พระเยซูจะพิพากษาและแยก “แกะ” ซึ่งเป็นคนชอบธรรมและคู่ควรจะได้รับชีวิตนิรันดร์ออกจาก “แพะ” ซึ่งเป็นคนไม่เลื่อมใสในพระเจ้าและสมควรถูกทำลายอย่างถาวร. (โยฮัน 5:22) เราไม่ได้เป็นคนแยกแกะออกจากแพะ. แต่งานของเราในปัจจุบันฐานะผู้ประกาศความชอบธรรมทำให้ประชาชนมีโอกาสเลือกนำชีวิตเข้ามารับใช้พระเจ้า และโดยวิธีนี้มีความหวังจะได้รับการแยกออกมาเพื่อได้ชีวิตเมื่อพระเยซู “เสด็จมาด้วยสง่าราศี.” เวลาที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีสำหรับระบบนี้ทำให้ยิ่งมีความจำเป็นสำหรับกิจกรรมที่ทำอย่างสิ้นสุดหัวใจขณะเราค้นหาคน “ที่มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้องเพื่อชีวิตนิรันดร์.”—มัดธาย 25:31-46; กิจการ 13:48, ล.ม.
16. ทำไมเราควรเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรที่กระตือรือร้น?
16 เวลาหมดไปสำหรับโลกในสมัยของโนฮา และจะหมดไปในอีกไม่ช้านี้สำหรับระบบนี้. เหตุฉะนั้น ให้เราเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรที่กระตือรือร้น. งานประกาศของเรากำลังก้าวหน้า เพราะแต่ละปีมีหลายแสนคนรับบัพติสมาเป็นเครื่องหมายแสดงการอุทิศตัวแด่พระเจ้า. พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์การที่ได้รับพระพรของพระยะโฮวา—“เป็นไพร่พลของพระองค์, และเป็นฝูงแกะที่พระองค์ทรงบำรุงเลี้ยง.” (บทเพลงสรรเสริญ 100:3) ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้ที่มีส่วนร่วมในงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรซึ่งนำความหวังมาให้ผู้คนมากมายก่อนถึง “วันใหญ่ยิ่งอันน่ากลัวของพระยะโฮวา”!
17, 18. (ก) ขณะที่เราประกาศ เราคาดหมายได้เลยว่าจะพบปฏิกิริยาเช่นไรจากบางคน? (ข) พวกคนเยาะเย้ยจะต้องประสบอะไรอย่างแน่นอน?
17 เช่นเดียวกับโนฮา เราได้รับการค้ำจุนและการคุ้มครองจากพระเจ้า. ใช่แล้ว ประชาชน, ทูตสวรรค์ในร่างจำแลง, และพวกเนฟิลิมคงต้องได้เยาะเย้ยข่าวสารของโนฮา แต่พวกเหล่านี้ไม่อาจหยุดท่านได้. ทุกวันนี้ บางคนเยาะเย้ยเมื่อเราชี้ให้ดูหลักฐานที่มีอยู่มากมายเหลือเฟือซึ่งชี้ว่าเรากำลังอยู่ใน “สมัยสุดท้าย.” (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.) คำเย้ยหยันเช่นนั้นสำเร็จสมจริงตามคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการประทับของพระคริสต์ เพราะเปโตรเขียนดังนี้: “ในสมัยสุดท้าย จะมีคนเยาะเย้ยโดยใช้การหัวเราะเยาะของเขา ดำเนินตามความปรารถนาของตนเอง และกล่าวว่า: ‘การประทับของพระองค์ที่ทรงสัญญาไว้นี้ อยู่ที่ไหนล่ะ? อ้าว ตั้งแต่สมัยที่บรรพบุรุษของเราได้ล่วงหลับไปในความตาย สิ่งทั้งปวงก็ดำเนินต่อไปเหมือนทีเดียวอย่างที่เป็นอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการทรงสร้าง.’”—2 เปโตร 1:16; 3:3, 4, ล.ม.
18 พวกผู้เยาะเย้ยสมัยปัจจุบันอาจคิดว่า ‘ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปเลยนับแต่การทรงสร้าง. ชีวิตดำเนินไป ผู้คนกิน, ดื่ม, สมรส, และสร้างครอบครัว. แม้แต่หากพระเยซูทรงประทับอยู่ พระองค์จะไม่ได้พิพากษาตัดสินในสมัยของฉันหรอก.’ พวกเขาคิดผิดถนัดทีเดียว! ถ้าเขาไม่ตายด้วยเหตุอื่นเสียก่อนในช่วงนี้ วันอันน่าสะพึงกลัวของพระยะโฮวาจะจู่โจมพวกเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่การทำลายล้างด้วยน้ำท่วมใหญ่ทำให้ชีวิตคนชั่วอายุชั่วช้าในสมัยของโนฮาสิ้นสุดลง.—มัดธาย 24:34.
ไม่ว่าจะอย่างไร จงตื่นตัวอยู่เสมอ!
19. เราควรมีทัศนะอย่างไรต่องานทำให้คนเป็นสาวก?
19 หากเราอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาแล้ว ขอเราอย่าได้ถูกกล่อมให้หลับใหลไปโดยการหาเหตุผลผิด ๆ. นี่เป็นเวลาต้องตื่นตัว, แสดงความเชื่อในคำพยากรณ์ของพระเจ้า, และทำหน้าที่มอบหมายของเราให้สำเร็จในการ “ทำให้ชนจากทุกชาติเป็นสาวก.” (มัดธาย 28:19, 20, ล.ม.) ขณะระบบนี้เผชิญอวสานขั้นสุดท้ายอยู่ เราไม่อาจมีสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าภายใต้การนำของพระเยซูคริสต์และมีส่วนร่วมในงานประกาศทั่วโลกเรื่อง “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้” ก่อนอวสานจะมาถึง.—มัดธาย 24:14, ล.ม.; มาระโก 13:10.
20. คาเล็บและยะโฮซูอะวางตัวอย่างอะไรไว้ และแนวทางของพวกเขาบ่งบอกอะไรแก่เรา?
20 ไพร่พลของพระยะโฮวาบางคนรับใช้พระองค์มาหลายสิบปี บางทีอาจได้รับใช้ตลอดชีวิต. และแม้แต่หากเรารับเอาการนมัสการแท้เมื่อไม่นานมานี้ ขอให้เราเป็นเหมือนคาเล็บชาวยิศราเอลซึ่ง “ทำตามคำสั่งแห่งพระยะโฮวาถ้วนถี่.” (พระบัญญัติ 1:34-36) ท่านและยะโฮซูอะพร้อมที่จะเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญาชั่วเวลาสั้น ๆ หลังจากชาติยิศราเอลหลุดพ้นจากพันธนาการของอียิปต์. อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ชาวยิศราเอลส่วนใหญ่ขาดความเชื่อและต้องใช้เวลา 40 ปีในถิ่นทุรกันดารและตายในที่นั้น. คาเล็บและยะโฮซูอะอดทนความยากลำบากทั้งหลายร่วมกันกับคนเหล่านี้ตลอดช่วงเวลานั้น แต่ในที่สุดทั้งสองก็ได้เข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญา. (อาฤธโม 14:30-34; ยะโฮซูอะ 14:6-15) หากเรา “ทำตามคำสั่งแห่งพระยะโฮวาถ้วนถี่” และตื่นตัวเสมอฝ่ายวิญญาณ เราจะมีความยินดีที่จะเข้าไปในโลกใหม่ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้.
21. เราจะประสบอะไรหากเราตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ?
21 หลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่า เรากำลังมีชีวิตในช่วงอวสานและวันใหญ่ของพระยะโฮวาใกล้แล้ว. นี่ไม่ใช่เวลาที่จะง่วงเหงาหาวนอนและเพิกเฉยต่อการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. เราจะได้รับพระพรก็ต่อเมื่อเราตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอและรักษาเสื้อผ้าที่ระบุตัวเราฐานะผู้รับใช้ฝ่ายคริสเตียนและผู้รับใช้พระยะโฮวา. ขอให้เป็นความตั้งใจแน่วแน่ของเราที่จะ ‘ตื่นอยู่ ยืนมั่นในความเชื่อ ปฏิบัติอย่างผู้ชาย และเข้มแข็งขึ้น.’ (1 โกรินโธ 16:13, ล.ม.) ฐานะผู้รับใช้พระยะโฮวา ขอให้เราแต่ละคนยืนหยัดมั่นคงและกล้าหาญ. แล้วเราจะอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่อยู่พร้อมเมื่อวันใหญ่ของพระยะโฮวามาถึง รับใช้อย่างซื่อสัตย์ในฐานะชนผู้มีความสุขซึ่งตื่นตัวอยู่เสมอ.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ คุณจะนิยามเสื้อชั้นนอกโดยนัยของเราอย่างไร และเราสามารถรักษาเอาไว้โดยวิธีใด?
▫ มีทางใดบ้างที่จะช่วยให้ตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ?
▫ ทำไมเราคาดหมายได้เลยว่าต้องได้พบกับคนเยาะเย้ย และเราควรมีทัศนะอย่างไรต่อคนพวกนี้?
▫ เราควรมีทัศนะอย่างไรต่องานทำให้คนเป็นสาวกในสมัยสุดท้ายนี้?
[จุดเด่นหน้า 16]
คริสเตียนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเพื่อช่วยพวกเขาตื่นตัวเสมอและทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จ
[รูปภาพหน้า 15]
คุณตั้งใจแน่วแน่ไหมที่จะตื่นตัวฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอและรักษาเสื้อชั้นนอกโดยนัยของคุณ?