“ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย”
“ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย. อย่ากลัวเลย, เพราะว่าพระบิดาของท่านชอบพระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน.”—ลูกา 12:32.
1. อะไรคือพื้นฐานสำหรับคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย”?
“จงแสวงหาราชอาณาจักร [ของพระเจ้า] เรื่อยไป.” (ลูกา 12:31, ล.ม.) เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้แก่เหล่าสาวก พระองค์แสดงถึงหลักการซึ่งได้ชี้นำความคิดของเหล่าคริสเตียนนับตั้งแต่สมัยของพระองค์มาจนถึงสมัยของเรา. ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะต้องอยู่อันดับแรกในชีวิตของเรา. (มัดธาย 6:33) แต่ในบันทึกของลูกา พระเยซูตรัสถ้อยคำอันน่าชื่นชอบและทำให้มั่นใจแก่คริสเตียนกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ. พระองค์ตรัสดังนี้: “ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย. อย่ากลัวเลย, เพราะว่าพระบิดาของท่านชอบพระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน.” (ลูกา 12:32) ในฐานะผู้บำรุงเลี้ยงองค์เยี่ยมยอด พระเยซูทรงทราบว่า จะมีช่วงเวลาอันยุ่งยากอยู่ข้างหน้าสำหรับเหล่าสาวกที่ใกล้ชิดของพระองค์. แต่พวกเขาไม่มีเหตุผลจะต้องหวาดกลัวถ้าพวกเขาแสวงหาราชอาณาจักรของพระเจ้าอยู่เสมอ. ฉะนั้น คำแนะนำของพระเยซูไม่ใช่พระบัญชาที่เข้มงวด. แต่กลับเป็นคำสัญญาด้วยความรักซึ่งดลใจให้เกิดความมั่นใจและความกล้า.
2. ใครบ้างที่ประกอบขึ้นเป็นฝูงแกะเล็กน้อยนั้น และทำไมพวกเขาจึงได้รับสิทธิพิเศษโดยเฉพาะ?
2 พระเยซูกำลังตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ และพระองค์ทรงเรียกพวกเขาว่า “ฝูงแกะเล็กน้อย.” นอกจากนี้ พระองค์กำลังตรัสกับคนที่พระยะโฮวาจะทรง ‘ประทานราชอาณาจักร’ ให้ด้วย. เมื่อเทียบกับชนฝูงใหญ่ซึ่งจะเชื่อในพระเยซูในเวลาต่อมา กลุ่มนี้มีจำนวนน้อยจริง ๆ. อนึ่ง พวกเขาถูกถือว่ามีค่ามากเพราะพวกเขาถูกเลือกไว้สำหรับอนาคตอันเยี่ยมยอด เพื่อจะถูกใช้ในฐานะกษัตริย์. พระยะโฮวา พระบิดาของพวกเขา ผู้บำรุงเลี้ยงองค์ใหญ่ยิ่งทรงเรียกพวกเขาด้วยพระประสงค์จะให้ได้รับมรดกภาคสวรรค์อันเกี่ยวกับราชอาณาจักรมาซีฮาของพระคริสต์.
ฝูงแกะเล็กน้อย
3. โยฮันเห็นนิมิตอันรุ่งโรจน์อะไรเกี่ยวกับฝูงแกะเล็กน้อย?
3 ถ้าเช่นนั้น ใครกันที่ประกอบเป็นฝูงแกะเล็กน้อยนี้ซึ่งมีความหวังอันเยี่ยมยอดเช่นนั้น? ก็คือเหล่าสาวกของพระเยซูคริสต์ซึ่งได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์. (กิจการ 2:1-4) โดยเห็นพวกเขาในฐานะนักร้องในสวรรค์พร้อมกับพิณในมือ อัครสาวกโยฮันจารึกไว้ดังนี้: “ข้าพเจ้าได้เห็น และ นี่แน่ะ! พระเมษโปดกทรงยืนอยู่บนภูเขาซีโอน และกับพระองค์มีแสนสี่หมื่นสี่พันคนซึ่งมีพระนามของพระองค์และพระนามพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผากของเขา. คนเหล่านี้คือผู้ที่ไม่ได้ทำตัวเป็นมลทินกับผู้หญิง; ที่จริง พวกเขาเป็นพรหมจารี. คนเหล่านี้คือผู้ที่ติดตามพระเมษโปดกตลอดเวลาไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด. คนเหล่านี้ได้ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษยชาติเป็นผลแรกแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก และไม่ได้พบความเท็จใด ๆ ในปากพวกเขา; พวกเขาปราศจากตำหนิ.”—วิวรณ์ 14:1, 4, 5, ล.ม.
4. ฝูงแกะเล็กน้อยมีฐานะอะไรบนแผ่นดินโลกในสมัยนี้?
4 ตั้งแต่วันเพ็นเตคอสเตปีสากลศักราช 33 ชนผู้ถูกเจิมและได้รับกำเนิดโดยพระวิญญาณเหล่านี้ได้รับใช้ในฐานะราชทูตของพระคริสต์บนแผ่นดินโลก. (2 โกรินโธ 5:20) ทุกวันนี้ มีพวกเขาเหลืออยู่ไม่มาก ซึ่งรับใช้ร่วมกันในฐานะ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” (มัดธาย 24:45; วิวรณ์ 12:17) ตั้งแต่ปี 1935 โดยเฉพาะ พวกเขามี “แกะอื่น” เข้ามาร่วมด้วย คือเหล่าคริสเตียนที่มีความหวังทางแผ่นดินโลก ซึ่งบัดนี้มีจำนวนหลายล้านคน. คนเหล่านี้ช่วยเหลือในการประกาศข่าวดีไปทั่วแผ่นดินโลก.—โยฮัน 10:16.
5. ผู้ที่ยังเหลืออยู่แห่งฝูงแกะเล็กน้อยมีเจตคติอย่างไร และทำไมพวกเขาไม่ต้องกลัว?
5 เหล่าสมาชิกแห่งแกะฝูงน้อยนี้ซึ่งยังอยู่บนแผ่นดินโลกมีเจตคติอย่างไร? โดยรู้อยู่ว่าพวกเขาจะต้องได้รับ ‘ราชอาณาจักรซึ่งหวั่นไหวไม่ได้’ พวกเขาถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเกรงกลัวและเกรงขามพระเจ้า. (เฮ็บราย 12:28) พวกเขายอมรับด้วยความถ่อมใจว่า สิทธิพิเศษของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ซึ่งยังผลเป็นความยินดีอันไม่มีขีดจำกัด. พวกเขาได้พบ “มุกดาเม็ดหนึ่งมีราคามาก” ที่พระเยซูทรงพาดพิงถึงเมื่อพระองค์ตรัสเกี่ยวกับราชอาณาจักร. (มัดธาย 13:46) ขณะที่ความทุกข์ลำบากใหญ่ครั้งสุดท้ายคืบใกล้เข้ามา เหล่าผู้ถูกเจิมของพระเจ้าซึ่งยังอยู่บนแผ่นดินโลกยืนมั่นไม่หวั่นเกรง. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกแห่งมนุษยชาติในระหว่าง “วันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า” เหล่าชนที่เหลือผู้ถูกเจิมไม่มีความหวาดหวั่นในเรื่องอนาคต. (กิจการ 2:19-21) ทำไมเขาจะหวาดหวั่นเล่า?
จำนวนลดลง
6, 7. (ก) ทำไมจำนวนแกะฝูงน้อยที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกในทุกวันนี้จึงค่อนข้างน้อย? (ข) แต่ละคนควรมองดูความหวังที่เขามีอยู่นั้นอย่างไร?
6 ไม่กี่ปีมานี้จำนวนฝูงแกะเล็กน้อยที่ยังคงอยู่บนแผ่นดินโลกเหลือไม่มาก. เรื่องนี้ปรากฏชัดจากรายงานการประชุมอนุสรณ์ปี 1994. ในประมาณ 75,000 ประชาคมแห่งไพร่พลของพระยะโฮวาทั่วโลก เพียง 8,617 คนเท่านั้นประกาศตัวเป็นสมาชิกแห่งชนที่เหลือโดยการรับประทานเครื่องหมาย. (มัดธาย 26:26-30) ในทางกลับกัน จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดคือ 12,288,917 คน. คริสเตียนผู้ถูกเจิมทราบว่าเรื่องนี้เป็นที่คาดหมายอยู่แล้ว. พระยะโฮวาได้ทรงกำหนดจำนวนจำกัดไว้ คือ 144,000 เพื่อประกอบขึ้นเป็นฝูงแกะเล็กน้อย และพระองค์ได้ทรงรวบรวมฝูงแกะนี้ตั้งแต่วันเพ็นเตคอสเตปีสากลศักราช 33. ตามเหตุผลแล้ว การทรงเรียกฝูงแกะเล็กน้อยจะเสร็จสิ้นเมื่อจำนวนเกือบครบ และหลักฐานก็คือ การรวบรวมคนเหล่านี้ซึ่งได้รับพระพรเป็นพิเศษได้เสร็จสิ้นในปี 1935. อย่างไรก็ตาม มีพยากรณ์ว่า แกะอื่นในสมัยสุดท้ายจะเจริญขึ้นเป็น “ชนฝูงใหญ่ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้ จากชาติและตระกูลและชนชาติและภาษาทั้งปวง.” ตั้งแต่ปี 1935 คนที่พระยะโฮวาทรงรวบรวมก็คือชนฝูงใหญ่นี้ ซึ่งมีความหวังจะมีชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.—วิวรณ์ 7:9; 14:15, 16; บทเพลงสรรเสริญ 37:29.
7 บัดนี้ แกะฝูงน้อยที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกส่วนใหญ่อยู่ในวัย 70, 80, และ 90 ปี. บางคนมีชีวิตเกิน 100 ปี. พวกเขาทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไร ทราบว่า ในที่สุดโดยการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ภาคสวรรค์ เขาจะร่วมสามัคคีกับพระเยซูคริสต์และจะปกครองกับพระองค์ในราชอาณาจักรอันรุ่งโรจน์ของพระองค์. คนเหล่านั้นที่อยู่ในจำพวกชนฝูงใหญ่จะเป็นราษฎรภาคแผ่นดินโลกของพระคริสต์องค์มหากษัตริย์. ขอให้แต่ละคนชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระยะโฮวาทรงมีไว้พร้อมสำหรับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์. ไม่ใช่เราที่กำหนดว่าจะมีความหวังอะไร. พระยะโฮวาต่างหากทรงกำหนด. ทั้งสองกลุ่มต่างสามารถปีติยินดีในความหวังที่พวกเขาจะมีอนาคตที่มีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรภาคสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานภายใต้ราชอาณาจักรนั้น.—โยฮัน 6:44, 65; เอเฟโซ 1:17, 18.
8. การประทับตราชน 144,000 คนไปถึงแค่ไหนแล้ว และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการประทับตราสำเร็จครบถ้วน?
8 ฝูงแกะเล็กน้อยจำนวนตายตัว 144,000 คน คือ “ยิศราเอลของพระเจ้า” ซึ่งได้แทนยิศราเอลโดยกำเนิดในพระประสงค์ของพระเจ้า. (ฆะลาเตีย 6:16) ฉะนั้น ชนที่เหลือจึงประกอบเป็นชาติฝ่ายวิญญาณที่ยังเหลืออยู่บนแผ่นดินโลก. ชนที่เหลือเหล่านั้นกำลังได้รับการประทับตราไว้สำหรับความโปรดปรานจากพระยะโฮวาในขั้นสุดท้าย. อัครสาวกโยฮันได้เห็นเหตุการณ์นี้ และท่านรายงานดังนี้: “ข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาจากตะวันออก มีตราดวงหนึ่งของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่; และท่านได้ร้องเสียงดังแก่ทูตสวรรค์สี่องค์ที่ได้รับอนุญาตให้ทำความเสียหายแก่แผ่นดินและทะเล ว่า ‘อย่าทำความเสียหายแก่แผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ต่าง ๆ จนกว่าเราจะได้ประทับตราทาสทั้งหลายของพระเจ้าของเราที่หน้าผากพวกเขาเสียก่อน.’ และข้าพเจ้าได้ยินจำนวนคนเหล่านั้นที่ได้รับการประทับตรา คือหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ถูกประทับตราจากทุกตระกูลแห่งบุตรอิสราเอล [ฝ่ายวิญญาณ].” (วิวรณ์ 7:2-4, ล.ม.) เนื่องจากปรากฏชัดว่างานประทับตราชนยิศราเอลฝ่ายวิญญาณนี้เกือบจะเสร็จแล้ว จึงบ่งชี้ว่าเหตุการณ์น่าตื่นเต้นจะเกิดขึ้นในไม่ช้า. อย่างหนึ่งคือ “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” เมื่อลมแห่งการทำลายล้างทั้งสี่ถูกปล่อยมาเหนือแผ่นดินโลกนั้น คงต้องใกล้มากแล้ว.—วิวรณ์ 7:14.
9. ฝูงแกะเล็กน้อยมองดูจำนวนที่เพิ่มขึ้นของชนฝูงใหญ่อย่างไร?
9 คนเหล่านั้นแห่งชนฝูงใหญ่ซึ่งถูกรวบรวมเข้ามาแล้วนั้นมีจำนวนหลายล้าน. เรื่องนี้ช่างทำให้หัวใจของชนที่เหลืออบอุ่นจริง ๆ! แม้ว่าคนเหล่านั้นแห่งแกะฝูงน้อยที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกลดจำนวนลงเรื่อย ๆ พวกเขาก็ได้ฝึกอบรมและเตรียมคนที่มีคุณวุฒิแห่งชนฝูงใหญ่ไว้พร้อมเพื่อรับเอาหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับองค์การภาคแผ่นดินโลกของพระเจ้าที่กำลังแผ่ขยาย. (ยะซายา 61:5) ดังที่พระเยซูบ่งชี้ จะมีผู้ที่รอดชีวิตจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.—มัดธาย 24:22.
“อย่ากลัวเลย”
10. (ก) จะมีการโจมตีเช่นไรต่อไพร่พลของพระเจ้า และการโจมตีนั้นจะนำไปสู่อะไร? (ข) มีคำถามอะไรสำหรับพวกเราแต่ละคน?
10 ซาตานกับผีปิศาจฝ่ายมันถูกลดฐานะลงให้อยู่บริเวณแผ่นดินโลก. มันกับพรรคพวกของมันกำลังถูกล่อให้ทำการโจมตีไพร่พลของพระยะโฮวาอย่างสุดกำลัง. การโจมตีนี้ ซึ่งมีพยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล มีพรรณนาถึงว่าเป็นการโจมตีจากโฆฆแห่งมาโฆฆ. พญามารมุ่งการโจมตีของมันต่อใครโดยเฉพาะ? ต่อสมาชิกกลุ่มสุดท้ายของแกะฝูงน้อย ยิศราเอลฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าและคณะกรรมการปกครองของพวกเขามิใช่หรือ ซึ่งดำรงอย่างสงบสุข “ในศูนย์กลางพิภพโลก”? (ยะเอศเคล 38:1-12, ฉบับแปลใหม่) ถูกแล้ว แต่ชนที่เหลือแห่งผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ทั้งหลาย พร้อมกับแกะอื่นซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ภักดีของพวกเขา จะเห็นกับตาว่า การโจมตีของซาตานจะทำให้พระเจ้ายะโฮวาทรงตอบสนองอย่างน่าทึ่งอย่างไร. พระองค์จะเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องไพร่พลของพระองค์ และการนี้จะกระตุ้นให้ “วันใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวของพระยะโฮวา” เริ่มต้นทันที. (โยเอล 2:31) ปัจจุบัน ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมกำลังทำให้งานรับใช้ช่วยชีวิตอันสำคัญยิ่งสำเร็จ และให้คำเตือนถึงการแทรกแซงที่จะมีมาโดยพระยะโฮวา. (มาลาคี 4:5; 1 ติโมเธียว 4:16) คุณกำลังสนับสนุนงานรับใช้นั้นอย่างกระตือรือร้นไหมโดยการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระยะโฮวา? คุณจะทำเช่นนั้นต่อ ๆ ไปไหมในฐานะผู้ประกาศราชอาณาจักรที่ไม่หวั่นกลัว?
11. เพราะเหตุใดเจตคติที่กล้าหาญจึงสำคัญยิ่งในทุกวันนี้?
11 เมื่อคำนึงถึงสภาพการณ์โลกปัจจุบัน ช่างเหมาะกับเวลาจริง ๆ ที่แกะฝูงน้อยจะเอาใจใส่ถ้อยคำที่พระเยซูตรัสแก่พวกเขา นั่นคือ: “ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย”! เจตคติที่กล้าหาญเช่นนั้นสำคัญยิ่งเมื่อคำนึงถึงสิ่งทั้งปวงที่กำลังสำเร็จตามพระประสงค์ของพระยะโฮวา. แกะฝูงน้อยแต่ละคนตระหนักถึงความจำเป็นต้องเพียรอดทนจนถึงที่สุด. (ลูกา 21:19) ดังที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและนายแห่งแกะฝูงน้อย ได้ทรงเพียรอดทนและพิสูจน์ความซื่อสัตย์จนถึงตอนสิ้นสุดชีวิตของพระองค์ทางแผ่นดินโลก ชนที่เหลือทุกคนต้องเพียรอดทนและพิสูจน์ตัวว่าซื่อสัตย์.—เฮ็บราย 12:1, 2.
12. เช่นเดียวกับพระเยซู เปาโลแนะนำคริสเตียนผู้ถูกเจิมอย่างไรเพื่อให้ไม่มีความกลัว?
12 ผู้ถูกเจิมทั้งปวงต้องมีทัศนะเช่นเดียวกับที่อัครสาวกเปาโลมี. ขอสังเกตว่าถ้อยคำของท่านในฐานะผู้ประกาศที่ถูกเจิมซึ่งประกาศแก่สาธารณชนถึงเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายนั้นสอดคล้องอย่างไรกับคำกระตุ้นเตือนของพระเยซูที่บอกไม่ให้มีความกลัว. ท่านเขียนไว้ว่า “จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์, ผู้ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย, และทรงเป็นพงศ์พันธุ์ของดาวิด, ตามกิตติคุณของข้าพเจ้านั้น. เพราะเหตุกิตติคุณนั้นข้าพเจ้าจึงต้องทนการยากลำบากจนถึงกับถูกล่ามโซ่ดุจดังผู้ร้าย แต่ว่าพระคำของพระเจ้านั้นไม่มีผู้ใดเอาโซ่ล่ามไว้ได้. เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงทนเอาการลำบากทุกอย่างเพราะเห็นแก่พวกที่ถูกเลือกไว้นั้น, เพื่อเขาจะได้ความรอดซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ด้วยพร้อมทั้งสง่าราศีนิรันดร์. คำนี้เป็นคำสัตย์จริง, คือว่าถ้าเราได้ตายกับพระองค์แล้ว, เราก็จะได้ชีวิตกับพระองค์เหมือนกัน ถ้าเราอดทน, เราก็จะได้ครอบครองกับพระองค์ด้วย ถ้าเราจะปฏิเสธพระองค์, พระองค์ก็จะทรงปฏิเสธเราเหมือนกัน ถ้าเราไร้ความสัตย์, พระองค์ก็คงยังสัตย์ซื่ออยู่นั่นเอง เพราะพระองค์จะปฏิเสธพระองค์เองไม่ได้.”—2 ติโมเธียว 2:8-13.
13. เหล่าสมาชิกแห่งฝูงแกะเล็กน้อยมีความเชื่อมั่นอันลึกซึ้งอะไร และความเชื่อมั่นนี้กระตุ้นให้พวกเขาทำเช่นไร?
13 เช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโล สมาชิกที่เหลืออยู่แห่งแกะฝูงน้อยที่ถูกเจิมเต็มใจจะเพียรอดทนความทุกข์ยากขณะที่พวกเขาประกาศข่าวสารอันทรงพลังซึ่งมีบอกไว้ในพระวจนะของพระเจ้า. ความเชื่อมั่นของพวกเขาหยั่งรากลึกขณะที่พวกเขาไว้วางใจเสมอไปในคำสัญญาของพระเจ้าในเรื่องความรอดและเรื่องที่พวกเขาจะได้รับ “มงกุฎแห่งชีวิต” หากพวกเขาพิสูจน์ความซื่อสัตย์ตราบจนสิ้นชีวิต. (วิวรณ์ 2:10) โดยได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายและการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน พวกเขาจะถูกนำเข้าอยู่ร่วมกับพระคริสต์เพื่อปกครองกับพระองค์ในฐานะกษัตริย์. นับเป็นชัยชนะจริง ๆ สำหรับแนวทางการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงของพวกเขาในฐานะผู้ชนะโลก!—1 โยฮัน 5:3, 4.
ความหวังอันเยี่ยมยอด
14, 15. ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายของฝูงแกะเล็กน้อยเป็นสิ่งเยี่ยมยอดอย่างไร?
14 ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายซึ่งแกะฝูงน้อยมีอยู่นั้นเป็นความหวังอันเยี่ยมยอด. ในทางใดบ้าง? ประการหนึ่งคือ การกลับเป็นขึ้นจากตายนี้เกิดขึ้นก่อนการกลับเป็นขึ้นจากตายโดยทั่วไปของ “คนชอบธรรมและคนที่ไม่ชอบธรรม.” (กิจการ 24:15) แท้จริงแล้ว การกลับเป็นขึ้นจากตายของผู้ถูกเจิมอยู่ในลำดับที่แน่นอนตามความสำคัญ ดังที่พิสูจน์ไว้ชัดเจนโดยถ้อยคำใน 1 โกรินโธ 15:20, 23 ดังนี้: “แต่ว่าบัดนี้พระคริสต์ทรงคืนพระชนม์แล้ว, และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น. แต่ว่าจะเป็นลำดับกันไป คือ พระคริสต์ทรงเป็นผลแรก, แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์, ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จกลับมา [ระหว่างการประทับของพระองค์, ล.ม.].” โดยการมีความเพียรอดทนและความซื่อสัตย์อย่างที่พระเยซูทรงสำแดง แกะฝูงน้อยทราบว่ามีสิ่งใดคอยท่าพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาสิ้นชีวิตทางแผ่นดินโลก โดยเฉพาะนับตั้งแต่พระผู้เป็นเจ้าองค์เที่ยงแท้เสด็จสู่พระวิหารของพระองค์ในปี 1918 เพื่อการพิพากษา.—มาลาคี 3:1.
15 เปาโลให้เรามีเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อมองดูการกลับเป็นขึ้นจากตายนี้ว่าเป็นสิ่งเยี่ยมยอด. ดังบันทึกไว้ที่ 1 โกรินโธ 15:51-53 ท่านเขียนไว้ดังนี้: “ดูก่อนท่านทั้งหลาย, ข้าพเจ้ามีข้อลับลึกที่จะบอกท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน, แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด. ในขณะเดียว, ในกะพริบตาเดียว, เมื่อเป่าแตรครั้งที่สุดนั้น. . . . ด้วยว่าซึ่งจะเปื่อยเน่านี้ต้องสวมซึ่งจะเปื่อยเน่าไม่ได้, และซึ่งจะตายนี้ต้องสวมซึ่งจะไม่รู้ตาย.” ข้อนี้หมายถึงคนเหล่านั้นแห่งแกะฝูงน้อยซึ่งตายไปในระหว่างการประทับของพระคริสต์. โดยไม่ต้องหลับอยู่ในความตายช่วงระยะหนึ่ง พวกเขาถูกสวมด้วยอมตชีพ “ในขณะเดียว, ในกะพริบตาเดียว.”
16, 17. เกี่ยวกับความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายของพวกเขา คริสเตียนผู้ถูกเจิมในสมัยนี้ได้รับพระพรอย่างไรเป็นพิเศษ?
16 ด้วยความกระจ่างแห่งความเข้าใจนี้ เราสามารถเข้าใจความหมายของถ้อยคำของโยฮันที่วิวรณ์ 14:12, 13 (ล.ม.). ท่านเขียนดังนี้: “‘ตรงนี้แหละ ความอดทนจึงมีความสำคัญสำหรับเหล่าผู้บริสุทธิ์ คือคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้าและรักษาความเชื่อของพระเยซู.’ และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ตรัสว่า ‘จงเขียนไว้เถิด: ความสุขมีแก่คนตายที่ตายร่วมสามัคคีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป. พระวิญญาณตรัสว่า ถูกแล้ว ให้พวกเขาพักจากงานเหนื่อยยากของเขา ด้วยว่าบรรดาสิ่งที่เขาได้กระทำนั้นก็จะไปกับเขาทันที.’”
17 เป็นรางวัลอันเยี่ยมยอดจริง ๆ ที่มีอยู่พร้อมสำหรับชนที่เหลือแห่งแกะฝูงน้อย! การกลับเป็นขึ้นจากตายของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาล่วงหลับในความตาย. เป็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่พวกเขาจะประสบเมื่อพวกเขารับเอางานมอบหมายในแดนวิญญาณ! ด้วยการให้สง่าราศีภาคสวรรค์แก่แกะฝูงน้อยซึ่งดำเนินอยู่เช่นนั้นและด้วยความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำพยากรณ์สำคัญ ๆ ที่คืบหน้าไปจนใกล้ครบถ้วนแล้วนั้น สมาชิกกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ของแกะฝูงน้อยจึงต้อง ‘ไม่กลัว’ อย่างแท้จริง. และการที่พวกเขาไม่กลัวนั้นจึงช่วยหนุนกำลังใจคนเหล่านั้นแห่งชนฝูงใหญ่ ซึ่งควรปลูกฝังเจตคติที่ไม่หวาดกลัวคล้ายกันขณะที่พวกเขาคาดหมายล่วงหน้าถึงการช่วยให้รอดระหว่างช่วงเวลาแห่งความลำบากใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยรู้จัก.
18, 19. (ก) ทำไมสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้จึงเร่งด่วน? (ข) ทำไมทั้งชนผู้ถูกเจิมและแกะอื่นจึงไม่ควรหวาดกลัว?
18 การเล่าถึงกิจกรรมของแกะฝูงน้อยทำให้พวกเขาและชนฝูงใหญ่สามารถคงความเกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้เสมอไป. เวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษามาถึงแล้ว และเวลาแห่งความโปรดปรานที่เหลืออยู่ก็มีค่ามาก. เวลาที่คนอื่น ๆ จะลงมือปฏิบัติมีจำกัดจริง ๆ. แต่พวกเราไม่กลัวว่าพระประสงค์ของพระเจ้าจะล้มเหลว. พระประสงค์นั้นจะสำเร็จแน่นอน!
19 เสียงอันดังในสวรรค์เป็นที่ได้ยินแล้วที่กล่าวว่า “ราชอาณาจักรของโลกได้กลายเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงปกครองเป็นกษัตริย์ตลอดไปเป็นนิตย์.” (วิวรณ์ 11:15, ล.ม.) แน่นอน พระยะโฮวาผู้บำรุงเลี้ยงองค์ใหญ่ยิ่งกำลังทรงนำแกะทั้งปวงของพระองค์ใน “ทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์” (บทเพลงสรรเสริญ 23:3) แกะฝูงน้อยได้รับการนำอย่างแม่นยำไปสู่บำเหน็จในสวรรค์. และแกะอื่นจะได้รับการช่วยให้รอดปลอดภัยผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่เพื่อได้รับชีวิตนิรันดร์ในดินแดนภาคแผ่นดินโลกแห่งราชอาณาจักรอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าภายใต้การปกครองของพระเยซูคริสต์. ฉะนั้น แม้ว่าคำตรัสของพระเยซูนั้นมีต่อแกะฝูงน้อย ก็เป็นที่แน่นอนว่า ผู้รับใช้ทั้งปวงของพระเจ้าที่อยู่บนแผ่นดินโลกต่างมีเหตุผลจะฟังคำตรัสของพระองค์ที่ว่า “อย่ากลัวเลย.”
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ ทำไมเราพึงคาดหมายว่าจำนวนฝูงแกะเล็กน้อยที่เหลืออยู่จะลดลง?
▫ สภาพการณ์ของชนที่เหลือผู้ถูกเจิมในสมัยนี้เป็นเช่นไร?
▫ ทำไมคริสเตียนจึงไม่ควรหวาดกลัว ถึงแม้การโจมตีจากโฆฆแห่งมาโฆฆใกล้เข้ามา?
▫ ทำไมความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายของชน 144,000 คนจึงเป็นสิ่งเยี่ยมยอด โดยเฉพาะในสมัยนี้?