จงปฏิเสธการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยมุ่งติดตามความเป็นจริงแห่งราชอาณาจักร
“ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งอื่นเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน.”—มัดธาย 6:33, ล.ม.
1. พระวจนะของพระเจ้าเตือนอย่างไรในเรื่องหัวใจโดยนัย และวิธีหนึ่งที่สำคัญยิ่งซึ่งหัวใจหลอกลวงพวกเราคืออะไร?
“จงป้องกันรักษาหัวใจของเจ้าไว้ยิ่งกว่าสิ่งอื่นที่ควรปกป้อง เพราะแหล่งแห่งชีวิตเกิดจากหัวใจ.” (สุภาษิต 4:23, ล.ม.) เหตุใดเป็นสิ่งจำเป็นที่กษัตริย์ซะโลโมผู้ปราดเปรื่องจะให้คำเตือนอย่างนี้? เพราะ “หัวใจทรยศยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดและสิ้นคิด.” (ยิระมะยา 17:9, ล.ม.) วิธีที่เด่นที่สุดวิธีหนึ่งซึ่งหัวใจโดยนัยของเราอาจหลอกเราได้ คือโดยทำให้เราปล่อยตัวไปตามความเพ้อฝันแห่งโลกียวิสัย. แต่ความเพ้อฝันคืออะไร? มันเป็นจินตนาการที่ไม่ตรงกับความจริง, เป็นการฝันกลางวัน, ปล่อยความคิดจิตใจล่องลอยไปโดยไม่มีจุดหมาย. ครั้นการฝันกลางวันกลายเป็นความเพ้อฝันทางโลกียวิสัย มันไม่เพียงแต่ว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่เกิดความเสียหายอย่างมากด้วย. ฉะนั้น เราจำต้องปฏิเสธความเพ้อฝันเช่นนั้นโดยสิ้นเชิง. ที่จริง ถ้าเราเกลียดการละเลยกฎหมายเหมือนพระเยซูทรงเกลียด เราก็จะป้องกันรักษาหัวใจของเราไว้จากการปล่อยตัวไปตามความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย.—เฮ็บราย 1:8, 9.
2. ความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยหมายถึงอะไร และทำไมเราควรปฏิเสธการเพ้อฝันเช่นนั้น?
2 แต่ความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยคืออะไร? มันเป็นความเพ้อฝันในลักษณะพิเศษของโลกนี้ที่ตกอยู่ในอำนาจของซาตาน. อัครสาวกโยฮันเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เพราะสารพัดสิ่งที่มีอยู่ในโลก—คือความปรารถนาของเนื้อหนัง ความปรารถนาของตา และการอวดอ้างปัจจัยการดำรงชีวิตของตน—ไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก.” (1 โยฮัน 2:16; 5:19, ล.ม.) เหตุใดคริสเตียนต้องปฏิเสธการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย? เพราะการเพ้อฝันเช่นนั้นปลุกเร้าตัณหาอันเห็นแก่ตัวขึ้นในความคิดและในหัวใจ. การฝันกลางวันเกี่ยวกับการทำสิ่งผิด ๆ อาจเป็นการฝึกซ้อมในใจถึงสิ่งซึ่งคนเราจะกระทำจริง ๆ ก็ได้. สาวกยาโกโบเตือนพวกเราว่า “แต่ว่าทุกคนถูกทดลองโดยที่ความปรารถนาของตัวเขาเองชักนำและล่อใจเขา. ครั้นเมื่อความปรารถนาเพาะตัวขึ้นแล้ว ความปรารถนานั้นก่อให้เกิดบาป แล้วเมื่อกระทำบาป บาปนั้นก็ก่อให้เกิดความตาย.”—ยาโกโบ 1:14, 15, ล.ม.
ตัวอย่างเตือนสติ
3. ตัวอย่างของใครใช้เป็นการเตือนสติได้ชัดเจนที่สุดในด้านภัยอันตรายจากการเพ้อฝันในทางอันเห็นแก่ตัว?
3 ขอให้เราพิจารณาตัวอย่างที่ชี้เหตุผลที่ต้องปฏิเสธการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย. กรณีของซาตานพญามารนับว่าเป็นตัวอย่างเด่นที่สุดในเรื่องความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นได้สืบเนื่องจากการปล่อยตัวไปกับความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยอย่างเห็นแก่ตัว. ซาตานปล่อยให้ความคิดที่ว่าตัวเองสำคัญนั้นเจริญงอกงามในหัวใจถึงขีดที่ตนเกิดความอิจฉาฐานะอันเลอเลิศของพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ และต้องการให้สรรพสัตว์นมัสการตน. (ลูกา 4:5-8) เป็นความเพ้อฝันที่ไม่ตรงกับความจริงใช่ไหม? แน่นอน! จะมีการพิสูจน์เรื่องนี้อย่างไม่มีข้อสงสัยทั้งสิ้นเมื่อซาตานถูกมัดไว้หนึ่งพันปี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันถูกผลักลงใน “บึงไฟ” อันเป็นความตายที่สอง.—วิวรณ์ 20:1-3, 10.
4. ซาตานได้ล่อลวงฮาวาโดยวิธีใด?
4 กรณีของฮาวา ผู้หญิงคนแรกก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งสำหรับเตือนสติพวกเรา. ด้วยความพยายามของซาตานเพื่อให้ได้ตามความทะเยอทะยานของตน มันได้ล่อใจฮาวาโดยเสนอการเพ้อฝันที่ว่า ถ้านางกินผลไม้ต้องห้าม นางจะไม่ตาย แต่จะเป็นเหมือนพระเจ้า รู้อะไรดีอะไรชั่ว. การเพ้อฝันครั้งนั้นไม่ตรงกับความจริง เห็นแก่ตัวเองไหม? แน่นอน ดังที่เราทราบได้จากการพิพากษาลงโทษฮาวาและอาดามสามีของนาง เมื่อพระยะโฮวาดำเนินการไต่สวนและตัดสินเขา. ผลก็คือ คนทั้งสองสูญเสียสิทธิจะมีชีวิตในอุทยาน สำหรับตนเองและสำหรับลูกหลานทั้งปวงของเขาที่เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์เช่นกัน.—เยเนซิศ 3:1-19; โรม 5:12.
5. การเสื่อมทรามท่ามกลางบรรดาบุตรของพระเจ้าจำนวนหนึ่งที่อยู่ในสวรรค์นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากอะไร และพวกเขาได้รับผลประการใด?
5 นอกจากนั้น เรามีตัวอย่างเตือนสติเกี่ยวด้วยเหล่าบุตรของพระเจ้าจำนวนหนึ่งทางภาคสวรรค์. (เยเนซิศ 6:1-4) แทนที่ทูตสวรรค์เหล่านั้นจะพอใจกับพระพรต่าง ๆ ซึ่งเขาได้รับอยู่จำเพาะพระยะโฮวาในสวรรค์ เขาเพ้อฝันถึงผู้หญิงบนแผ่นดินโลกและความสนุกเพลิดเพลินที่จะร่วมเพศสัมพันธ์กับพวกเขา. เพราะเหตุที่กระทำลงไปตามความเพ้อฝันดังกล่าว เวลานี้ ทูตสวรรค์ทรยศเหล่านั้นจึงถูกกักไว้ในทาร์ทารัส สภาพมืดทึบฝ่ายวิญญาณ คอยรับความพินาศตอนสิ้นรัชสมัยพันปีแห่งการปกครองของพระเยซูคริสต์.—2 เปโตร 2:4; ยูดา 6; วิวรณ์ 20:10.
จงปฏิเสธการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย
6, 7. เหตุใดความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยเกี่ยวด้วยความมั่งคั่งด้านทรัพย์สมบัตินั้นจึงเป็นอันตรายและลวงตา?
6 บัดนี้ให้เราพิจารณาการเพ้อฝันแบบหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาและเป็นอันตรายที่สุดซึ่งได้รับการส่งเสริมจากซาตาน. พวกเราถูกล่อใจให้คล้อยตามความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยโดยทางสื่อมวลชนทุกรูปแบบ. สิ่งเหล่านี้มักจะเนื่องมาจากความปรารถนาใคร่ร่ำรวย. การมีฐานะมั่งคั่ง ในตัวมันเองแล้วไม่ผิด. ผู้เลื่อมใสพระเจ้า เช่นอับราฮาม, โยบ, และกษัตริย์ดาวิด แต่ละคนมีทรัพย์สินมาก แต่ท่านเหล่านี้ใช่ว่าอยากร่ำรวยทางด้านวัตถุไม่. ความเพ้อฝันอยากได้วัตถุสิ่งของจะทำให้ผู้คนมุทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นเวลาหลายปีเพื่อได้มาซึ่งความร่ำรวย. อนึ่ง การเพ้อฝันดังกล่าวกระตุ้นเขาให้หมกมุ่นเล่นการพนันทุกประเภท เช่นพนันม้าแข่ง และซื้อลอตเตอรี. อย่าให้เราตั้งความหวังใด ๆ โดยการเพ้อฝันในเรื่องความร่ำรวย. ถ้าเราคิดว่าการร่ำรวยด้านวัตถุนั้นจะให้ความมั่นคงปลอดภัย ก็จงไตร่ตรองสุภาษิตข้อนี้ที่ตรงกับความเป็นจริง “ทรัพย์สมบัติจะไม่เป็นประโยชน์ในวันพระพิโรธ แต่ความชอบธรรมจะช่วยให้พ้นจากความตาย.” (สุภาษิต 11:4) ถูกแล้ว ความร่ำรวยด้านวัตถุช่วยอะไรไม่ได้ในการที่จะรอดชีวิตผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.”—มัดธาย 24:21; วิวรณ์ 7:9, 14, ล.ม.
7 ความร่ำรวยด้านวัตถุหลอกเราได้ง่าย. นี้แหละเป็นเหตุที่เราได้รับคำกำชับว่า “ทรัพย์สมบัติของเศรษฐีนั้นเป็นดุจเมืองอันเข้มแข็ง และความคิดเห็นของเขาเห็นไปว่าทรัพย์นั้นเป็นเหมือนกำแพงอันสูง.” (สุภาษิต 18:11) ใช่แล้ว เป็นแค่ “ความคิดเห็นของเขา” เท่านั้นเอง เพราะทรัพย์สมบัติปกป้องได้เล็กน้อยในยามเงินเฟ้ออย่างไม่สามารถควบคุมได้, เมื่อเศรฐกิจล้มละลาย, ความวุ่นวายทางด้านการเมือง, หรือความเจ็บป่วยร้ายแรงที่รักษาไม่หาย. พระเยซูคริสต์ทรงเตือนว่าการวางใจในทรัพย์สมบัติเป็นความโง่เขลา. (ลูกา 12:13-21) เราได้รับคำเตือนของอัครสาวกเปาโลอีกด้วยที่ว่า “ความรักเงินเป็นรากแห่งสิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด และโดยการแสวงหาความรักแบบนี้บางคนถูกนำให้หลงจากความเชื่อและได้ทิ่มแทงตัวเองทั่วทั้งตัวด้วยความเจ็บปวดมากหลาย.”—1 ติโมเธียว 6:10, ล.ม.
8. ความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยในทางกามารมณ์นั้นมีดาษดื่นแพร่หลายอย่างไร และสิ่งเหล่านี้ส่ออันตรายอะไร?
8 ความเพ้อฝันอื่น ๆ หลายอย่างเกี่ยวโยงกับปฏิบัติการทางเพศอย่างผิดทำนองคลองธรรม. ธรรมชาติของมนุษย์ผู้ผิดบาปชอบสร้างจินตนาการในทางเพศนั้นถึงขนาดไหนเห็นได้จากการที่ผู้คนนิยมถ้อยคำลามกที่ฟังได้ โดยการหมุนเบอร์โทรศัพท์บางเบอร์แล้วฟังเรื่องลามก. ในประเทศสหรัฐ บริการคำพูดลามกทางโทรศัพท์ เป็นธุรกิจทำเงินหลายพันล้าน. ถ้าเราปล่อยใจหมกมุ่นในเรื่องเพศที่ผิดทำนองคลองธรรมเราจะไม่เป็นคนหน้าซื่อใจคดหรือ โดยแสร้งทำตัวเป็นคริสเตียนผู้ไร้ราคี? และจะไม่เป็นอันตรายทีเดียวหรือว่าการเพ้อฝันดังกล่าวอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ทางเพศที่มิชอบด้วยศีลธรรม? การประพฤติแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วและบางคนถูกตัดสัมพันธ์ขาดจากประชาคมคริสเตียนเนื่องด้วยการประพฤติผิดทางเพศหรือการผิดประเวณี. เมื่อคำนึงถึงคำตรัสของพระเยซูที่มัดธาย 5:27, 28 ทุกคนซึ่งปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความเพ้อฝันเช่นนั้นมิใช่หรือที่กระทำผิดประเวณีในหัวใจของตน?
9. คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำที่ดีอะไรบ้างเตือนสติเราไม่ให้คล้อยตามการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย?
9 ที่เราจะต่อต้านความโน้มเอียงของหัวใจที่ผิดบาปที่จะหลงระเริงกับความเพ้อฝันเช่นนั้น เราจำต้องระลึกถึงคำเตือนสติของเปาโลอยู่เสมอ: “สิ่งใดที่ไม่ได้ปรากฏแก่พระองค์ [พระเจ้า] ไม่มี แต่สรรพสิ่งปรากฏแจ้งต่อพระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องให้การนั้น.” (เฮ็บราย 4:13) เราควรปรารถนาอยู่ทุกเวลาอยากเป็นเหมือนโมเซซึ่ง “มั่นใจอยู่เหมือนหนึ่งเห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา.” (เฮ็บราย 11:27) ใช่แล้ว เราต้องบอกตัวเองเสมอว่าความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยเป็นสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบพระทัย มีแต่จะยังความเสียหายแก่ตัวเราเอง. เราต้องเอาใจใส่ในเรื่องการปลูกฝังผลแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า โดยเฉพาะการรู้จักบังคับตน เพราะเราไม่อาจหนีความจริงไปได้ ที่ว่าถ้าเราหว่านสำหรับเนื้อหนัง เราจะเก็บเกี่ยวผลอนิจจังจากเนื้อหนัง.—ฆะลาเตีย 5:22, 23; 6:7, 8.
สภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร
10, 11. (ก) ข้อเท็จจริงอะไรเป็นพยานหลักฐานถึงสภาพที่เป็นจริงแห่งพระผู้สร้าง? (ข) มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระเจ้าจริง ๆ? (ค) มีพยานหลักฐานอะไรเกี่ยวด้วยสภาพเป็นจริงแห่งพระมหากษัตริย์ปกครองราชอาณาจักรของพระเจ้า?
10 วิธีดีที่สุดที่จะเลิกเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยคือพยายามติดตามความเป็นจริงแห่งราชอาณาจักรอยู่ตลอดเวลา. ความเป็นจริงแห่งราชอาณาจักรอันมีกำเนิดมาจากพระเจ้านั้นต่างกันกับการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยอย่างเห็นได้ชัด. พระเจ้า ทรงมีสภาพเป็นอยู่จริง ๆ ไหม? ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำรงคงอยู่ของพระองค์. สรรพสิ่งที่ประจักษ์แก่ตาเป็นหลักฐานบอกให้รู้ข้อเท็จจริงนี้. (โรม 1:20) เราได้รับการเตือนให้ระลึกถึงสิ่งที่กล่าวไว้เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วในหนังสือ โครงการแห่งยุคต่าง ๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์จำหน่ายโดยสมาคมว็อชเทาเวอร์. มีข้อความว่า “คนที่สามารถส่องกล้องโทรทรรศน์มองขึ้นไปในท้องฟ้า หรือแม้แต่ดูด้วยตาเปล่า และมองเห็นบรรดาสิ่งใหญ่โตมโหฬารที่พระเจ้าสร้างขึ้น ความมีส่วนสัดของสิ่งเหล่านั้น, ความงดงาม, ความเป็นระเบียบ, ความกลมกลืน, และความหลากหลายและกระนั้น ก็ยังสงสัยว่าผู้สร้างสรรพสิ่งเหล่านี้ทรงยิ่งใหญ่กว่าตัวทั้งด้วยสติปัญญาและฤทธานุภาพ หรือใครที่สันนิษฐานเพียงชั่วครู่ชั่วยามว่าระเบียบดังกล่าวเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีผู้ใดสร้าง ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ขาดหรือไม่ได้ใช้ความสามารถในการหาเหตุผล ถึงขนาดที่จะถือเขาอย่างถูกต้องดังที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่าเป็นคนโง่เขลา (คนที่มองข้ามหรือขาดเหตุผล).”—บทเพลงสรรเสริญ 14:1.
11 เราเรียนทุกสิ่งเกี่ยวกับราชอาณาจักรในคัมภีร์ไบเบิลอันศักดิ์สิทธิ์. ในความเป็นจริงนั้นไบเบิลเป็นพระวจนะที่ได้รับการจารึกของพระเจ้า ไหม? แน่นอนที่สุด ดังเห็นได้จากความสอดคล้องลงรอยกัน ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ และอานุภาพของพระวจนะสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความสำเร็จสมจริงของคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์หลายข้อ.a จะว่าอย่างไรเรื่องพระเยซูคริสต์ องค์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า? พระองค์ทรงเป็นอยู่จริง ๆ ไหม? บันทึกในกิตติคุณสี่เล่ม อีกทั้งจดหมายหลายฉบับโดยการดลบันดาลของพระเจ้าซึ่งบรรจุเข้าไว้ในคัมภีร์ภาคภาษากรีกนั้นให้หลักฐานอย่างไม่เป็นที่สงสัยและน่าจับใจว่าพระเยซูเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์. ในเรื่องการที่พระเยซูเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ ยังมีหลักฐานพยานอีกด้วยในคัมภีร์ทัลมุดของยิว ซึ่งได้อ้างถึงพระองค์ฐานะเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ทั้งชาวยิวและชาวโรมันแห่งศตวรรษที่หนึ่งก็อ้างเช่นนั้นด้วย.
12, 13. ข้อเท็จจริงอะไรให้หลักฐานแสดงสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า?
12 จะว่าอย่างไรกับสภาพที่เป็นจริงของราชอาณาจักร? เรื่องนี้คริสต์ศาสนจักรไม่นำพาเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังที่ชายคนหนึ่งในลัทธิเพรสไบเตเรียนได้ระบายความข้องใจออกมาว่า “จริง ๆ แล้วมันเป็นเวลานานกว่าสามสิบปีตั้งแต่ผมได้ฟังนักเทศน์พยายามชี้แจงแก่สมาชิกโบสถ์ถึงความเป็นจริงของราชอาณาจักร.” กระนั้น การทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่เคารพอันศักดิ์สิทธิ์โดยทางราชอาณาจักรคือสาระสำคัญของพระวจนะของพระองค์ทีเดียว. พระเจ้าได้ตรัสสัญญาราชอาณาจักรเป็นครั้งแรกด้วยพระองค์เองดังนี้: “เราจะบันดาลให้เจ้ากับหญิงนี้ ทั้งเผ่าพันธุ์ของเจ้ากับเผ่าพันธุ์ของเราเป็นศัตรูกัน เผ่าพันธุ์ของหญิงจะทำหัวของเจ้าให้ฟกช้ำ และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ.” (เยเนซิศ 3:15) ชาติยิศราเอลได้เป็นภาพเล็งถึงราชอาณาจักร โดยเฉพาะในรัชกาลของซะโลโม. (บทเพลงสรรเสริญ 72) ยิ่งกว่านั้น ราชอาณาจักรเป็นหัวใจการเทศนาของพระเยซู. (มัดธาย 4:17) พระองค์ทรงจัดเอาราชอาณาจักรเป็นเรื่องเด่นในอุทธาหรณ์หลายเรื่อง เช่นอุทธาหรณ์ในมัดธายบท 13 เป็นต้น. พระเยซูทรงสั่งเราให้อธิษฐานขอราชอาณาจักรมาและแสวงหาราชอาณาจักรเป็นอันดับแรกต่อ ๆ ไป. (มัดธาย 6:9, 10, 33) ที่จริง ได้มีการกล่าวถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าเกือบ 150 ครั้งในคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก.
13 ราชอาณาจักรเป็นรัฐบาลจริง ทรงไว้ซึ่งอำนาจปกครองและสิทธิในการบริหารการปกครอง และจะสัมฤทธิ์ผลดังการคาดหมายที่ถูกต้องทุกอย่าง. รัฐบาลนี้มีประมวลกฎหมายพบได้อยู่แล้วในคัมภีร์ไบเบิล. ราชอาณาจักรอำนวยให้หลายสิ่งกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว. มีอาณาประชาราษฎร์ที่ซื่อสัตย์ภักดี—พยานพระยะโฮวากว่า 4,000,000 คน. พวกเขาประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าใน 211 ประเทศ สมจริงตามที่กล่าวในมัดธาย 24:14. ระหว่างปีรับใช้ 1991 พวกเขาได้ใช้เวลา 951,870,021 ชั่วโมงสำหรับงานประกาศข่าวราชอาณาจักร. การงานนี้บังเกิดผลเป็นล่ำเป็นสันและยั่งยืน ขณะปวงชนมากมายได้มาเรียน “ภาษาบริสุทธิ์” เกี่ยวด้วยสัจธรรมของคัมภีร์ไบเบิล.—ซะฟันยา 3:9.
ติดตามสภาพที่เป็นจริงของราชอาณาจักร
14. เราอาจเสริมความหยั่งรู้ค่าในสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักรให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้โดยวิธีใด?
14 ทีนี้ เราจะติดตามสภาพที่เป็นจริงของราชอาณาจักรได้โดยวิธีใด? ความหวังของเราต้องมั่นคงบนพื้นฐานความเชื่อที่แน่นแฟ้น. โลกใหม่ที่พระเจ้าสัญญาไว้ต้องเป็นเรื่องจริงจังสำหรับพวกเรา. (2 เปโตร 3:13) และเราจะต้องเชื่อคำสัญญาที่ว่าพระเจ้า “จะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของ [เรา] และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ทั้งการคร่ำครวญหรือเสียงร้องโวยวายหรือความเจ็บป่วยจะไม่มีอีกเลย.” (วิวรณ์ 21:4, ล.ม.) เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การเพ้อฝัน? สิ่งนี้จะปรากฏเป็นจริงในเวลากำหนดของพระเจ้า เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะตรัสมุสา. (ติโต 1:1, 2; เฮ็บราย 6:18) จำเป็นที่เราพึงไตร่ตรองคำสัญญาเหล่านั้น. การนึกภาพตัวเองอยู่ในโลกใหม่ของพระเจ้าและชื่นชมในพระพรนานาประการนั้นไม่ใช่การเพ้อฝันอย่างที่ไม่ตรงกับความจริง แต่ทว่าให้หลักฐานแสดงความเชื่อ. ดังเปาโลได้นิยามไว้ว่า “ความเชื่อคือความคาดหมายที่แน่นอนในสิ่งซึ่งหวังไว้ เป็นการแสดงออกเด่นชัดถึงสิ่งที่เป็นจริง ถึงแม้ไม่ได้เห็นสิ่งนั้นก็ตาม.” (เฮ็บราย 11:1, ล.ม.) จงให้พวกเราเสริมความเชื่อให้เข้มแข็ง โดยการศึกษาพระคำของพระเจ้าและสรรพหนังสือของคริสเตียนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจและนำไปปฏิบัติในทางที่ก่อประโยชน์. และยิ่งเราสละเวลามากบอกเล่าเรื่องราชอาณาจักรแก่คนอื่น ทั้งอย่างเป็นทางการและเมื่อสบโอกาส เรายิ่งจะเสริมความเชื่อของเราให้เข้มแข็งมากขึ้น และความหวังของเราเกี่ยวกับราชอาณาจักรก็ยิ่งแจ่มใส.
15. เรามีพันธะเช่นไรเกี่ยวกับงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน?
15 อนึ่ง เราจำเป็นต้องทำงานประสานกับสภาพที่เป็นจริงของราชอาณาจักร โดยที่เราปรับปรุงคุณภาพงานรับใช้ของเรา. เนื่องจากมีงานที่ต้องทำอีกมากเราจะปรับปรุงคุณภาพได้อย่างไร? (มัดธาย 9:37, 38) ภาษิตข้อหนึ่งเป็นจริงที่ว่า ไม่มีใครแก่เกินไปถึงกับเรียนไม่ได้. ไม่ว่าเราเคยร่วมงานให้คำพยานมานานกี่ปีแล้วก็ตาม เราจะปรับปรุงได้. โดยการใช้พระคำของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราย่อมมีโอกาสดีกว่าที่จะช่วยคนอื่นฟังเสียงองค์กษัตริย์เยซูคริสต์. (เทียบกับโยฮัน 10:16.) เมื่อเราคำนึงว่าปลายทางอันไม่สิ้นสุดของมนุษย์เกี่ยวข้องด้วย เราควรอยากจะทำงานในเขตพื้นที่ที่เราเอาใจใส่ดูแลอย่างทั่วถึง เพื่อให้โอกาสเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเขาจะอยู่ฝ่ายใด จะเป็น “แกะ” หรือ “แพะ.” (มัดธาย 25:31-46) และแน่ละ นั้นย่อมหมายถึงการจดบันทึกอย่างรอบคอบในรายที่ไม่อยู่บ้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สนใจข่าวสารราชอาณาจักร.
จงมุ่งติดตามราชอาณาจักรต่อ ๆ ไป
16. ใครได้วางตัวอย่างอันดีในการมุ่งติดตามสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร และเขาได้ “ชิง” ราชอาณาจักรโดยวิธีใด?
16 ความบากบั่นพยายามด้วยใจจริงจำเป็นต้องมีเพื่อติดตามสิ่งที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร. พวกเราได้รับการหนุนใจมิใช่หรือโดยตัวอย่างอันกระตือรือร้นของคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งเหลืออยู่? บุคคลเหล่านั้นได้ติดตามสิ่งที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักรนานหลายสิบปี. คำตรัสของพระเยซูพรรณนาการมุ่งติดตามแบบนี้ว่า “ตั้งแต่โยฮันบัพติสโตมาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่ต้องชิงเอา.” (มัดธาย 11:12) แนวคิดในข้อนี้มิใช่ว่าศัตรูพากันชิงราชอาณาจักร. ถ้าจะพูดให้ถูก ข้อนี้เกี่ยวข้องกับกิจการของคนเหล่านั้นซึ่งอยู่ในข่ายจะเข้าในราชอาณาจักร. ผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์คนหนึ่งพูดว่า “การพูดเช่นนี้เป็นการพรรณนาลักษณะกระตือรือร้น มานะพยายามอย่างไม่อาจต้านทานได้ และตะเกียกตะกายติดตามราชอาณาจักรมาซีฮาที่คืบใกล้เข้ามา.” ชนจำพวกผู้ถูกเจิมได้ทุ่มความพยายามทั้งหมดเพื่อตนจะบรรลุถึงราชอาณาจักร. “แกะอื่น” จำต้องบากบั่นอย่างแข็งขันทำนองคล้ายคลึงกัน เพื่อว่าพวกเขาจะประกอบด้วยคุณสมบัติเป็นพลเมืองทางแผ่นดินโลกภายใต้ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า.—โยฮัน 10:16.
17. บั้นปลายของคนเหล่านั้นที่มุ่งติดตามการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยจะเป็นเช่นไร?
17 อันที่จริง พวกเรากำลังอยู่ในช่วงโอกาสพิเศษ. บรรดาผู้ที่ยังคงมุ่งติดตามความเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย สักวันหนึ่งเขาจะตื่นขึ้นมาเจอสภาพที่เป็นจริงที่ปรากฏชัดแจ้ง. มีการพรรณนาถึงบั้นปลายของเขาด้วยถ้อยคำดังนี้: “จะเป็นเหมือนกันกับคนหิวฝันไปว่าได้กินอิ่ม แต่พอเขาตื่นขึ้น ท้องของเขาก็ยังคงแห้งอยู่; หรือเป็นเหมือนคนที่กระหายน้ำฝันไปว่าได้ดื่ม แต่พอเขาตื่นขึ้นท้องของเขาก็ยังคงกระหายอยู่.” (ยะซายา 29:8) ที่แน่ ๆ ก็คือ การเพ้อฝันต่าง ๆ นานาของโลกจะไม่ทำให้ใคร ๆ อิ่มใจพอใจและเป็นสุขเลย.
18. เมื่อคำนึงถึงสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร พวกเราน่าจะมุ่งในทางใด ด้วยการนึกถึงความหวังอะไร?
18 ราชอาณาจักรของพระยะโฮวามีสภาพที่เป็นจริง. ราชอาณาจักรนี้ปกครองจริงจังอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกัน ระบบชั่วแห่งสิ่งต่าง ๆ กำลังจะประสบความพินาศที่กระชั้นเข้ามาและก็จะถูกทำลายให้สิ้นสูญตลอดไป. เหตุฉะนั้น จงรับคำแนะนำของเปาโลใส่ใจไว้ที่ว่า “อย่าให้เราหลับไหลเหมือนคนอื่น แต่ให้เราตื่นตัวอยู่และรักษาสติของเรา.” (1 เธซะโลนิเก 5:6, ล.ม.) ขอให้เรารักษาหัวใจและจิตใจของเราให้จดจ่ออยู่กับสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร แล้วเราจะรับพระพรตลอดกาลนาน. และขอให้เรามีส่วนรับบำเหน็จเมื่อได้ยินองค์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรตรัสแก่เราว่า “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาแผ่นดินซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก.”—มัดธาย 25:34.
[เชิงอรรถ]
a โปรดอ่านหนังสือ คัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? [ภาษาอังกฤษ] จัดพิมพ์จำหน่ายโดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ การเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยคืออะไร ทำไมเราควรปฏิเสธการเพ้อฝันเหล่านี้?
▫ ตัวอย่างอะไรแสดงถึงความโง่เขลาด้วยการปล่อยตัวตามการเพ้อฝันในทางโลกียวิสัย?
▫ ข้อเท็จจริงอะไรพิสูจน์สภาพที่เป็นจริงของพระผู้สร้าง, พระวจนะของพระองค์, พระเยซูคริสต์, และราชอาณาจักร?
▫ เราจะเสริมความเชื่อในเรื่องราชอาณาจักรให้มั่นคงได้โดยวิธีใด?
[รูปภาพหน้า 15]
การเพ้อฝันในทางโลกียวิสัยมักจะมีสาเหตุเนื่องมาจากความอยากร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติด้านวัตถุ
[รูปภาพหน้า 16]
การประกาศข่าวดีเป็นแนวทางหนึ่งที่จะติดตามสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักร
[รูปภาพหน้า 17]
คุณมุ่งติดตามสภาพที่เป็นจริงแห่งราชอาณาจักรโดยทำการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างขยันขันแข็งไหม?