พระธรรมเล่มที่ 24—ยิระมะยา
ผู้เขียน: ยิระมะยา
สถานที่เขียน: ยูดาและอียิปต์
เขียนเสร็จ: 580 ก.ส.ศ.
ครอบคลุมระยะเวลา: 647-580 ก.ส.ศ.
1. ยิระมะยาได้รับมอบหมายงานเมื่อไรและจากใคร?
ผู้พยากรณ์ยิระมะยามีชีวิตอยู่ในสมัยที่อันตรายและยุ่งยาก. พระยะโฮวาทรงมอบหมายงานแก่ท่านในปี 647 ก.ส.ศ. ซึ่งเป็นปีที่ 13 แห่งรัชกาลของโยซียากษัตริย์ยูดาผู้ยำเกรงพระเจ้า. ระหว่างซ่อมแซมพระวิหารของพระยะโฮวา มีการพบหนังสือพระบัญญัติของพระยะโฮวาและนำมาอ่านให้กษัตริย์ฟัง. กษัตริย์พยายามอย่างหนักเพื่อบังคับใช้พระบัญญัตินี้ แต่อย่างมากที่สุดท่านก็ทำได้แค่ให้การไหว้รูปเคารพเลิกไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น. มะนาเซ พระอัยกาของโยซียา ซึ่งครองราชย์เป็นเวลา 55 ปี และอาโมนราชบิดาของท่านซึ่งถูกลอบสังหารหลังครอบครองได้เพียง 2 ปีต่างก็ทำชั่ว. ทั้งสองสนับสนุนประชาชนในเรื่องความลามกเสเพลและพิธีศาสนาที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นประชาชนจึงคุ้นเคยกับการถวายเครื่องหอมแด่ “ราชินีแห่งฟ้าสวรรค์” และบูชายัญมนุษย์แก่เหล่าพระภูตผีปิศาจ. มะนาเซได้ทำให้ยะรูซาเลมเต็มไปด้วยเลือดของผู้ไม่มีความผิด.—ยิระ. 1:2; 44:19; 2 กษัต. 21:6, 16, 19-23; 23:26, 27.
2. งานของยิระมะยาคืออะไร และการพยากรณ์ของท่านครอบคลุมช่วงปีใดบ้างที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์?
2 งานของยิระมะยาไม่ง่าย. ท่านต้องรับใช้ในฐานะผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาในการบอกล่วงหน้าถึงความร้างเปล่าของยูดาและยะรูซาเลม, การเผาพระวิหารอันสง่างามของพระยะโฮวา, และการจับไพร่พลของพระองค์ไปเป็นเชลย—ล้วนเป็นความหายนะที่แทบไม่น่าเชื่อ! ท่านต้องพยากรณ์ในยะรูซาเลมติดต่อกันถึง 40 ปี ตลอดรัชกาลของเหล่ากษัตริย์ชั่ว คือยะโฮอาฮัศ, ยะโฮยาคิม, ยะโฮยาคิน (คัลนา), และซิดคียา. (ยิระ. 1:2, 3) หลังจากนั้น ท่านต้องพยากรณ์ในอียิปต์เกี่ยวกับการไหว้รูปเคารพของชาวยิวที่นั่น. พระธรรมของท่านเขียนเสร็จในปี 580 ก.ส.ศ. ดังนั้น พระธรรมยิระมะยาจึงครอบคลุมช่วงเวลา 67 ปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ.—52:31.
3. (ก) การเป็นส่วนแห่งสารบบพระคัมภีร์และความเชื่อถือได้ของพระธรรมยิระมะยาได้รับการยืนยันอย่างไรในสมัยของชาวฮีบรู? (ข) พยานหลักฐานอะไรอีกที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งพบได้ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก?
3 ชื่อในภาษาฮีบรูของผู้พยากรณ์และพระธรรมที่ท่านเขียนคือ ยีร์มียาห์ ʹ หรือ ยีร์มียาʹฮู ซึ่งอาจหมายความว่า “พระยะโฮวาทรงยกย่อง; หรือ พระยะโฮวาทรงปลดปล่อย [อาจเป็นจากครรภ์].” พระธรรมนี้ปรากฏในบรรดารายชื่อพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู และการเป็นส่วนของสารบบพระคัมภีร์ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป. ความสำเร็จเป็นจริงอย่างน่าทึ่งแห่งคำพยากรณ์หลายอย่างในช่วงชีวิตของยิระมะยาเองยืนยันเต็มที่ถึงความเชื่อถือได้ของพระธรรมนี้. ยิ่งกว่านั้น มีการอ้างถึงชื่อยิระมะยาหลายครั้งในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก. (มัด. 2:17, 18; 16:14; 27:9) ที่ว่าพระเยซูได้ศึกษาพระธรรมยิระมะยานั้นเห็นได้ชัดจากการที่พระองค์ทรงผนวกคำกล่าวจากยิระมะยา 7:11 เข้ากับคำกล่าวจากยะซายา 56:7 ในคราวที่พระองค์ทรงชำระพระวิหาร. (มโก. 11:17; ลูกา 19:46) เนื่องด้วยความกล้าหาญของพระเยซู บางคนถึงกับคิดว่าพระองค์เป็นยิระมะยา. (มัด. 16:13, 14) เปาโลกล่าวถึงคำพยากรณ์ของยิระมะยาเรื่องสัญญาไมตรีใหม่ (ยิระ. 31:31-34) ที่เฮ็บราย 8:8-12 และ 10:16, 17. เปาโลยกยิระมะยา 9:24 มากล่าวว่า “ผู้ที่อวดนั้น ให้เขาอวดในพระยะโฮวาเถิด.” (1 โก. 1:31, ล.ม.) ที่วิวรณ์ 18:21 มีการใช้คำอุปมาของยิระมะยา (ยิระ. 51:63, 64) อย่างมีพลังยิ่งขึ้นอีกด้วยเกี่ยวกับความล่มจมของบาบูโลน.
4. โบราณคดีสนับสนุนบันทึกนี้อย่างไร?
4 นอกจากนี้ สิ่งที่ค้นพบทางโบราณคดีก็สนับสนุนบันทึกในยิระมะยาด้วย. ตัวอย่างเช่น พงศาวดารของชาวบาบูโลนบอกเรื่องที่นะบูคัดเนซัร (เนบูคัดเรซซาร์) ยึดกรุงยะรูซาเลมในปี 617 ก.ส.ศ. เมื่อท่านจับตัวกษัตริย์ (ยะโฮยาคิน) และแต่งตั้งผู้หนึ่งที่ท่านเลือกเอง (ซิดคียา).—24:1; 29:1, 2; 37:1.a
5. (ก) เรารู้อะไรเกี่ยวกับตัวยิระมะยาเอง? (ข) อาจกล่าวได้อย่างไรในเรื่องลีลาการเขียนของท่าน?
5 เรามีอัตชีวประวัติของยิระมะยาที่ครบถ้วนยิ่งกว่าของผู้พยากรณ์สมัยโบราณคนอื่นใดยกเว้นโมเซ. ยิระมะยาเปิดเผยเรื่องราวไม่น้อยเกี่ยวกับตัวท่าน, ความรู้สึก, และอารมณ์ของท่าน ซึ่งแสดงถึงความกล้าหาญไม่หวั่นกลัวซึ่งผสมผสานกับความถ่อมและความอ่อนโยนในหัวใจ. ท่านไม่เพียงเป็นผู้พยากรณ์ แต่ยังเป็นปุโรหิต, เป็นผู้รวบรวมพระคัมภีร์, และเป็นนักประวัติศาสตร์ที่แม่นยำอีกด้วย. ท่านเป็นบุตรของปุโรหิตฮิลคียาแห่งอะนาโธธ เมืองของปุโรหิตในดินแดนซึ่งอยู่ทางเหนือของยะรูซาเลม “ในแว่นแคว้นตระกูลเบ็นยามิน.” (1:1) ลีลาการเขียนของยิระมะยาชัดเจน, ตรงไปตรงมา, และเข้าใจง่าย. พระธรรมนี้มีอุทาหรณ์และถ้อยคำที่สร้างจินตภาพมากมาย และประกอบด้วยทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง.
เนื้อเรื่องในยิระมะยา
6. มีการจัดเรื่องคำพยากรณ์อย่างไร?
6 เนื้อเรื่องไม่ได้เรียบเรียงตามลำดับเวลาแต่ตามหัวเรื่อง. ดังนั้น บันทึกจึงมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการในเรื่องเวลาและสภาพการณ์แวดล้อม. ท้ายที่สุด จึงพรรณนาการทำให้ยะรูซาเลมและยูดาร้างเปล่าไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนในบท 52. เรื่องนี้ไม่เพียงแสดงถึงความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำพยากรณ์หลายข้อเท่านั้น แต่ยังให้ฉากเหตุการณ์สำหรับพระธรรมบทเพลงร้องทุกข์ซึ่งเขียนหลังจากนี้อีกด้วย.
7. ยิระมะยาได้มาเป็นผู้พยากรณ์โดยวิธีใด และพระยะโฮวาทรงรับรองกับท่านอย่างไร?
7 พระยะโฮวาทรงมอบหมายงานยิระมะยา (1:1-19). ที่ยิระมะยาได้รับมอบหมายให้ทำงานนั้นเป็นเพราะท่านอยากเป็นผู้พยากรณ์หรือเพราะท่านมาจากตระกูลปุโรหิตไหม? พระยะโฮวาเองทรงชี้แจงว่า “ก่อนเวลาที่เราได้ปั้นตัวเจ้าในท้องเราก็รู้จักเจ้า, แลก่อนเจ้าคลอดออกมาจากครรภ์เราได้ตั้งตัวเจ้าเป็นบริสุทธิ์, แลเราได้ตั้งให้เจ้าเป็นผู้ทำนายแก่เมืองทั้งปวง.” นั่นเป็นการมอบหมายจากพระยะโฮวา. ยิระมะยาเต็มใจไปทำไหม? ท่านทูลขอตัวด้วยความถ่อมใจว่า “ข้าพเจ้าเป็นเด็กอยู่.” พระยะโฮวาทรงรับรองกับท่านอีกว่า “นี่แน่ะ, เราได้ใส่ถ้อยคำของเราไว้ในปากของเจ้า, ดูเถิดวันนี้เราได้ตั้งตัวเจ้าเหนือประเทศทั้งปวงแลเหนือแผ่นดินกษัตริย์ทั้งปวง, เพื่อจะถอนรากแลเพื่อจะรื้อฉุดลง, แลเพื่อจะทำลาย, แลเพื่อจะผลักไสลง, แลเพื่อจะก่อขึ้น, แลเพื่อจะปลูก.” ยิระมะยาต้องไม่กลัว. “เขาเหล่านั้นจะรบต่อสู้เจ้า, แต่เขาจะไม่ชนะแก่เจ้า, เพราะเราอยู่ด้วยเจ้าเพื่อจะให้เจ้ารอด, พระยะโฮวาได้ตรัส.”—1:5, 6, 9, 10, 19.
8. (ก) ยะรูซาเลมไม่ซื่อสัตย์อย่างไรบ้าง? (ข) พระยะโฮวาจะนำภัยพิบัติมาอย่างไร?
8 ยะรูซาเลม ภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ (2:1–6:30). พระคำของพระยะโฮวาให้ข่าวสารอะไรแก่ยิระมะยา? ยะรูซาเลมได้ลืมความรักครั้งแรกของนาง. นางทิ้งพระยะโฮวาผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งน้ำที่มีชีวิต และทำตัวเป็นหญิงแพศยากับพระต่างประเทศ. นางเปลี่ยนจากเถาองุ่นแดงชั้นดีไปเป็น “ต้นอันเสื่อมลงคือเป็นต้นองุ่นที่เราไม่รู้จัก.” (2:21) กระโปรงนางเปรอะเลือดของจิตวิญญาณของคนยากจนที่ไร้ความผิด. กระทั่งอาณาจักรยิศราเอลที่แพศยาก็ยังชอบธรรมกว่ายูดา. พระเจ้าทรงเรียกบุตรที่เอาใจออกห่างเหล่านี้ให้หันกลับ เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของพวกเขาดุจสามี. แต่พวกเขาเป็นเหมือนภรรยาที่ทรยศ. พวกเขาอาจกลับมาถ้าเขาทิ้งสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเสียและรับสุหนัตที่หัวใจของเขา. “ให้ตั้งธงขึ้นตรงเมืองซีโอน” เพราะพระยะโฮวาจะทรงนำความหายนะมาจากทิศเหนือ. (4:6) จะเป็นความพินาศย่อยยับ! เพชฌฆาตของพระยะโฮวาจะมาด้วยรถรบดุจดังพายุ ดุจสิงโตออกจากพุ่มไม้ของมัน, ดุจลมร้อนพัดถิ่นทุรกันดาร.
9. (ก) ยิระมะยามีถ้อยคำอะไรแก่ยะรูซาเลมที่ดื้อรั้น? (ข) เสียงร้องเรื่องสันติภาพของพวกเขาเกิดประโยชน์อะไรไหม?
9 จงไปให้ทั่วยะรูซาเลม. ท่านเห็นอะไร? มีแต่การละเมิดกฎหมายและความไม่ซื่อสัตย์! พลเมืองนี้ปฏิเสธพระยะโฮวา และคำของพระองค์ในปากของยิระมะยาต้องกลายเป็นดั่งไฟที่เผาพวกเขาเหมือนเศษไม้. พวกเขาละทิ้งพระยะโฮวาไปปรนนิบัติพระต่างประเทศฉันใด พระองค์ก็จะทรงทำให้พวกเขาปรนนิบัติคนแปลกหน้าในต่างประเทศฉันนั้น. พวกหัวรั้น! พวกเขามีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน. ช่างน่ากลัวนัก! พระยะโฮวาตรัสว่า พวกผู้พยากรณ์และปุโรหิตต่างก็ทำนายแต่ความเท็จ “แลไพร่พลของเราได้เห็นชอบด้วย.” (5:31) ภัยพิบัติมาจากทางเหนือ กระนั้น “ด้วยว่าตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดในพวกเขาจนถึงคนใหญ่โตที่สุดในพวกเขา ทุกคนกำลังหากำไรโดยมิชอบสำหรับตนเอง.” พวกเขากล่าวว่า “มีสันติภาพ! มีสันติภาพ! เมื่อหามีสันติภาพไม่.” (6:13, 14, ล.ม.) แต่ทันใดนั้นผู้ปล้นสะดมจะมา. พระยะโฮวาได้ทำให้ยิระมะยาเป็นผู้ทดสอบโลหะท่ามกลางพวกเขา แต่ไม่มีอะไรนอกจากขี้แร่และขี้เงิน. พวกเขาล้วนแต่ชั่วทั้งสิ้น.
10. เหตุใดยะรูซาเลมต้องประสบชะตากรรมเหมือนซีโลและเอฟรายิม?
10 คำเตือนที่ว่าพระวิหารไม่ให้การคุ้มครอง (7:1–10:25). คำของพระยะโฮวามาถึงยิระมะยา และท่านต้องประกาศที่ประตูพระวิหาร. จงฟังขณะที่ท่านร้องบอกคนที่กำลังเข้าไปว่า ‘เจ้าอวดเรื่องพระวิหารของพระยะโฮวา แต่เจ้าทำอะไร? กดขี่ลูกกำพร้าและหญิงม่าย, ทำให้เลือดผู้ไม่มีความผิดตก, ติดตามพระองค์อื่น ๆ, ขโมย, ฆาตกรรม, เล่นชู้, สาบานเท็จ, และถวายเครื่องบูชาแก่บาละ! หน้าซื่อใจคดเสียจริง! เจ้าทำให้ราชนิเวศของพระยะโฮวาเป็น “ถ้ำของพวกโจร.” จงระลึกถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทรงทำแก่ซีโล. พระองค์จะทำกับเรือนของเจ้าในแบบเดียวกัน โอ้ยูดา และพระองค์จะทรงโยนเจ้าทิ้งเหมือนพระองค์โยนทิ้งเอฟรายิม (ยิศราเอล) ที่อยู่ทางเหนือ.’—ยิระ. 7:4-11, ฉบับแปลใหม่; 1 ซามู. 2:12-14; 3:11-14; 4:12-22.
11. เหตุใดจึงไม่ต้องอธิษฐานเพื่อยูดา?
11 ไม่ต้องอธิษฐานเพื่อยูดาอีกแล้ว. เพราะชาวเมืองนี้ถึงกับทำขนมเพื่อบูชา “ราชินีแห่งฟ้าสวรรค์”! จริงทีเดียว “เมืองนี้เป็นเมืองที่หาได้ประพฤติตามเสียงพระยะโฮวาพระเจ้าของเขาไม่, แลไม่ได้รับคำสั่งสอน, ความสัตย์ได้ศูนย์หาย.” (ยิระ. 7:18, 28) ยูดาได้ตั้งสิ่งน่าสะอิดสะเอียนในราชนิเวศของพระยะโฮวาและได้เผาบุตรชายหญิงของตนบนที่สูงโธเฟธในหุบเขาฮิโนม. ดูเถิด! หุบเขานี้จะถูกเรียกว่า “หุบเขาแห่งฆ่าฟันกัน” และศพพวกเขาจะเป็นอาหารสำหรับนกและสัตว์ป่า. (7:32) ความปีติและความลิงโลดต้องสูญหายไปจากยูดาและยะรูซาเลม.
12. แทนที่จะเป็นสันติภาพ อะไรจะเกิดแก่ยูดาและเหล่าพระที่เขายอมรับ?
12 พวกเขาคอยหาสันติภาพและการบำบัด แต่ดูเถิด ช่างน่ากลัวจริง ๆ! การพลัดพราก, การทำลายล้าง, และการคร่ำครวญจะเป็นผลจากความดื้อดึงของพวกเขา. “พระยะโฮวา . . . เป็นพระเจ้าทรงชีวิตอยู่, แลเป็นกษัตริย์ที่จะอยู่ต่อไปในภาคหน้าไม่รู้สิ้น.” ส่วนเหล่าพระที่ไม่ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ไม่มีวิญญาณในพระเหล่านั้น. พวกมันเป็นสิ่งไร้ค่าและเป็นผลงานแห่งการปลอมแปลง และพวกมันจะพินาศ. (10:10-15) พระยะโฮวาจะทรงเหวี่ยงประชากรแห่งแผ่นดินโลกทิ้ง. ฟังสิ! เสียงย่ำเท้าดังลั่นจากประเทศทางเหนือซึ่งจะทำให้เมืองทั้งหลายของยูดาร้างเปล่า. ผู้พยากรณ์ยอมรับว่า “ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้” และท่านอธิษฐานขอการแก้ไขเพื่อท่านจะไม่ถูกทำให้สาบสูญ.—10:23.
13. เหตุใดยิระมะยาถูกห้ามไม่ให้อธิษฐานเพื่อยูดา และพระยะโฮวาทรงเสริมกำลังยิระมะยาในช่วงอันตรายอย่างไร?
13 ผู้ละเมิดสัญญาไมตรีถูกแช่ง (11:1–12:17). พวกยูดาไม่เชื่อฟังข้อความในสัญญาไมตรีของตนกับพระยะโฮวา. ที่ชนชาตินี้ร้องขอความช่วยเหลือนับว่าไร้ประโยชน์. ยิระมะยาต้องไม่อธิษฐานเพื่อยูดา เพราะพระยะโฮวา “ได้ก่อไฟ” บนต้นไม้ที่เคยเป็นต้นมะกอกเทศที่ผลดก. (11:16) ขณะที่ชาวเมืองอะนาโธธคนเมืองเดียวกับยิระมะยาคบคิดกันเพื่อฆ่าท่าน ผู้พยากรณ์พึ่งพระยะโฮวาเพื่อได้รับกำลังและความช่วยเหลือ. พระยะโฮวาสัญญาจะแก้แค้นชาวอะนาโธธ. ยิระมะยาทูลถามว่า ‘เหตุใดทางของคนชั่วจึงประสบผลสำเร็จ?’ พระยะโฮวารับรองกับท่านว่า ‘เราจะรื้อถอนและทำลายชาติที่ไม่เชื่อฟังนี้เสีย.’—12:1, 17.
14. (ก) พระยะโฮวาทรงใช้อุทาหรณ์อะไรบ้างเพื่อแจ้งว่า ยะรูซาเลมนั้นไม่มีทางแก้ไข และไม่อาจกลับคำพิพากษาที่มีต่อกรุงนี้ได้? (ข) เกิดอะไรขึ้นกับยิระมะยาหลังจากกินคำตรัสของพระยะโฮวา?
14 ยะรูซาเลมไม่สามารถแก้ไขได้และถูกกำหนดให้พินาศ (13:1–15:21). ยิระมะยาเล่าถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงบัญชาท่านให้ใช้ผ้าคาดเอวลินินคาดเอวไว้แล้วให้ซ่อนผ้าคาดเอวนั้นไว้ในซอกหินข้างแม่น้ำยูเฟรทิส. เมื่อยิระมะยามาขุดเอาผ้านั้นขึ้นมา มันเปื่อยไปแล้ว. “จะใช้ในการใดการหนึ่งก็มิได้.” โดยวิธีนี้ พระยะโฮวาทรงสำแดงความตั้งพระทัยจะทำลาย “ความที่ถือยศของตระกูลยะฮูดา แลความที่ถือยศอันใหญ่ของเมืองยะรูซาเลม.” (13:7, 9) พระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาชนกันด้วยความเมามายเหมือนไหใบใหญ่ที่จุเหล้าองุ่นเต็ม. “ชาติอายธิโอบจะเปลี่ยนผิวหนังของตัวได้หรือ, หรือเสือดาวจะเปลี่ยนลายกระของตัวได้หรือ.” (13:23) เช่นเดียวกัน ยะรูซาเลมก็แก้ไขอะไรไม่ได้. ยิระมะยาต้องไม่อธิษฐานเพื่อผู้คนเหล่านี้. แม้หากว่าโมเซและซามูเอลจะมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวาเพื่อขอเจรจาแทนพวกเขา พระองค์ก็จะไม่ฟัง ด้วยพระองค์ได้ตั้งพระทัยไว้แล้วว่าจะให้ยะรูซาเลมพินาศ. พระยะโฮวาทรงเสริมกำลังยิระมะยาให้เข้มแข็งต่อพวกที่หมิ่นประมาทท่าน. ยิระมะยาพบและกินคำตรัสของพระยะโฮวาซึ่งยังผลด้วย “ความอภิรมย์ยินดีในใจ.” (15:16) นี่ไม่ใช่เวลาล้อเล่น แต่เป็นเวลาสำหรับการไว้วางใจพระยะโฮวาซึ่งได้ทรงสัญญาจะให้ยิระมะยาเป็นกำแพงทองแดงที่แข็งแรงกั้นพลเมืองนี้.
15. (ก) ช่วงเวลานั้นสำคัญอย่างไร และพระยะโฮวาทรงบัญชาอะไรเพื่อเน้นเรื่องนี้? (ข) ประชาชนจะมารู้จักพระนามของพระยะโฮวาอย่างไร และเหตุใดบาปของพวกเขาไม่ได้ล่อลวงพระองค์?
15 พระยะโฮวาจะส่งชาวประมงและพรานมา (16:1–17:27). เมื่อคำนึงถึงความร้างเปล่าที่จวนจะเกิดขึ้นนั้น พระยะโฮวาทรงบัญชายิระมะยาว่า “เจ้าอย่าได้เอาเมีย, หรืออย่าได้เกิดลูกชายลูกหญิงในที่นี่.” (16:2) นี่ไม่ใช่เวลาแห่งการโศกเศร้าหรืองานรื่นเริงกับพลเมือง ด้วยว่าพระยะโฮวาจะโยนพวกเขาออกจากแผ่นดินนี้. จากนั้น พระยะโฮวาทรงสัญญาอีกด้วยว่าจะส่ง ‘ชาวประมงมาจับพวกเขาและพรานมาล่าพวกเขา’ และโดยที่พระองค์ทรงทำให้เรื่องทั้งหมดนี้สำเร็จ ‘เขาทั้งหลายจะต้องรู้ว่าพระนามของ [พระองค์] คือยะโฮวา.’ (16:16, 21) บาปของยูดาถูกจารึกไว้ที่หัวใจของชนชาตินี้ด้วยปากกาเหล็กที่ปลายเป็นเพชร. “หัวใจทรยศยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดและสิ้นคิด” แต่พระยะโฮวาสามารถตรวจดูหัวใจ. ไม่มีใครหลอกลวงพระองค์ได้. ผู้ที่ออกหาก “ได้ละทิ้งพระยะโฮวา, แหล่งแห่งน้ำที่มีชีวิต.” (17:9, 13, ล.ม.) ถ้ายูดาไม่ถือรักษาวันซะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ พระยะโฮวาจะทำลายประตูและหอคอยของเขาด้วยไฟ.
16. พระยะโฮวาทรงใช้ช่างปั้นหม้อและภาชนะดินเหนียวเพื่อแสดงให้เห็นอะไร?
16 ช่างปั้นหม้อและดินเหนียว (18:1–19:15). พระยะโฮวาทรงสั่งยิระมะยาให้ไปยังบ้านช่างปั้นหม้อ. ที่นั่นท่านสังเกตวิธีที่ช่างปั้นหม้อนำภาชนะดินเหนียวที่เสียมาทำเป็นภาชนะแบบอื่นตามที่เขาพอใจ. แล้วพระยะโฮวาจึงทรงแถลงว่าพระองค์เองเป็นช่างปั้นหม้อสำหรับเรือนยิศราเอล มีอำนาจจะรื้อทำลายหรือไม่ก็ก่อขึ้น. ต่อจากนั้น พระองค์ทรงบอกยิระมะยาให้นำขวดใบหนึ่งจากช่างปั้นหม้อไปยังหุบเขาฮิโนมและประกาศเรื่องภัยพิบัติจากพระยะโฮวาที่นั่น เพราะประชาชนได้ทำให้สถานที่นั้นเต็มไปด้วยเลือดผู้ไม่มีความผิด, เผาบุตรชายของตนเป็นเครื่องบูชาแก่บาละ. แล้วยิระมะยาต้องทุบขวดให้แตกเป็นเครื่องหมายแสดงการที่พระยะโฮวาจะทรงทุบทำลายยะรูซาเลมและพลเมืองแห่งยูดา.
17. ยิระมะยาประสบความลำบากเช่นไร แต่นั่นทำให้ท่านเงียบเสียงไหม?
17 ไม่หยุดแม้ถูกข่มเหง (20:1-18). ด้วยความขุ่นเคืองเนื่องจากการประกาศอย่างกล้าหาญของยิระมะยา ปัศฮูรผู้ดูแลพระวิหารจึงจับท่านใส่ขื่อหนึ่งคืน. เมื่อถูกปล่อย ยิระมะยาบอกล่วงหน้าว่าปัศฮูรจะถูกจับเป็นเชลยและตายที่บาบูโลน. ด้วยความหดหู่เพราะถูกเยาะเย้ยและเหยียดหยาม ยิระมะยาจึงครุ่นคิดว่าจะเลิก. แต่ท่านก็ไม่อาจนิ่งเงียบอยู่ได้. พระคำของพระยะโฮวา ‘อยู่ในใจท่านเหมือนไฟที่ถูกขังในกระดูกของท่าน’ ท่านจึงถูกกระตุ้นให้พูด. ถึงแม้แช่งด่าวันที่ท่านเกิด แต่ท่านก็ร้องว่า “จงร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา, ให้ท่านทั้งหลายสรรเสริญพระยะโฮวา, เพราะพระองค์ได้ช่วยจิตวิญญาณของคนยากจนออกจากมือคนทำร้ายแล้ว.”—20:9, 13.
18. ยิระมะยาแจ้งให้ซิดคียาทราบเรื่องอะไร?
18 พระพิโรธของพระยะโฮวาต่อพวกผู้ปกครอง (21:1–22:30). เมื่อตอบข้อซักถามจากซิดคียา ยิระมะยาแจ้งท่านให้ทราบถึงความกริ้วของพระยะโฮวาต่อกรุงนี้ว่า กษัตริย์บาบูโลนจะมาล้อมกรุง และกรุงนี้จะถูกทำลายด้วยโรคระบาด, ดาบ, ความอดอยาก, และไฟ. ซาลุม (ยะโฮอาฮัศ) จะตายในที่ที่เป็นเชลย, ยะโฮยาคิมจะถูกฝังเหมือนการศพของลาผู้, และคะนันยา (ยะโฮยาคิน) ราชบุตรจะถูกนำไปจากยูดาให้ตายในบาบูโลน.
19. ยิระมะยาพยากรณ์อะไรอันเกี่ยวกับ ‘กิ่งที่ชอบธรรม’ และมะเดื่อเทศสองกระจาดแสดงถึงอะไร?
19 ความหวังใน ‘กิ่งที่ชอบธรรม’ (23:1–24:10). พระยะโฮวาทรงสัญญาเรื่องผู้เลี้ยงแกะตัวจริงที่จะมาแทนผู้เลี้ยงแกะปลอม และ “กิ่ง ๆ หนึ่งที่จะเป็นซื่อสัตย์ [“ชอบธรรม,” ล.ม.]” จากต้นของดาวิด กษัตริย์ผู้ซึ่งจะ “เสวยราชย์, แลท่านจำเริญอยู่, แลจะตัดสินเป็นสัตย์ธรรมแลจะกระทำความชอบธรรมในแผ่นดิน.” ชื่อท่านล่ะ? “ชื่อของพระองค์, ที่เขาจะร้องเรียกนั้น, คือพระยะโฮวาเป็นความชอบธรรมของพวกเรา.” ท่านจะรวบรวมชนที่เหลือที่กระจัดกระจาย. (23:5, 6) หากพวกผู้พยากรณ์ยืนอยู่ในกลุ่มผู้ใกล้ชิดของพระยะโฮวา พวกเขาคงทำให้ประชาชนได้ยินและหันกลับจากทางชั่วของตน. แต่พระยะโฮวาตรัสว่า พวกเขา “ได้กระทำให้ไพร่พลของเราผิดโดยความมุสาของเขา.” (23:22, 32) “นี่แน่ะ, มีกะจาดสองใบใส่มะเดื่อเทศ.” ยิระมะยาใช้มะเดื่อเทศดีและไม่ดีเพื่อแสดงภาพชนที่เหลือผู้ซื่อสัตย์ซึ่งกลับมายังแผ่นดินของตนด้วยความโปรดปรานของพระเจ้า และอีกจำพวกหนึ่งที่ถึงจุดจบด้วยความหายนะ.—24:1, 5, 8-10.
20. พระยะโฮวาทรงใช้บาบูโลนเป็นผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร แต่ต่อมาชะตากรรมของบาบูโลนจะเป็นเช่นไร?
20 การโต้แย้งของพระยะโฮวากับชาติทั้งหลาย (25:1-38). บทนี้เป็นบทสรุปคำพิพากษาต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าในบท 45 ถึง 49. โดยคำพยากรณ์คล้ายกันสามเรื่อง ตอนนี้พระยะโฮวาทรงแจ้งถึงความหายนะแก่ชาติทั้งปวงบนแผ่นดินโลก. เรื่องแรก นะบูคัดเนซัรถูกระบุตัวว่าเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเพื่อทำลายยูดาและชาติที่อยู่ล้อมรอบ “และชาติเหล่านี้จะต้องปรนนิบัติกษัตริย์บาบูโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี.” จากนั้นจะเป็นคราวของบาบูโลน ประเทศนี้จะ “ร้างอยู่เป็นนิตย์.”—25:1-14, ล.ม.
21. ใครต้องดื่มจากถ้วยแห่งพระพิโรธของพระยะโฮวา? พร้อมด้วยผลเช่นไร?
21 คำพยากรณ์ที่สองเป็นนิมิตเรื่องถ้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธของพระยะโฮวา. ยิระมะยาต้องนำถ้วยนี้ไปยังชาติทั้งหลาย และ ‘เขาต้องดื่มและซวนเซไปมาและทำเหมือนคนบ้า’ เพราะการทำลายล้างจากพระยะโฮวากำลังจะเกิดแก่พวกเขา. เริ่มกับยะรูซาเลมและยูดาก่อน! จากนั้นก็อียิปต์, วกกลับมาที่ฟะเลเซ็ธ, ข้ามไปยังอะโดม, ขึ้นไปที่ตุโร, สู่ดินแดนต่าง ๆ ทั้งใกล้และไกล, และสู่ “บรรดาอาณาจักรอื่น ๆ แห่งแผ่นดินโลกซึ่งอยู่บนพื้นพิภพ; และกษัตริย์แห่งเชชักเองจะดื่มภายหลังกษัตริย์เหล่านั้น.” พวกเขาจะ ‘เมาและอาเจียนและล้มลง.’ จะไม่มีใครรอด.—25:15-29, ล.ม.
22. พระยะโฮวาจะสำแดงพระพิโรธโดยภัยพิบัติใหญ่หลวงอะไร?
22 ในคำพยากรณ์ที่สาม ยิระมะยาบรรลุจุดสุดยอดของบทกลอนอันไพเราะ. “พระยะโฮวาจะทรงแผดพระสุรเสียงจากที่สูง . . . ต่อสู้บรรดาชาวโลก.” เสียงอันดัง, ภัยพิบัติ, และพายุร้าย! “และคนที่ถูกพระยะโฮวาประหารในวันนั้นจะมีตั้งแต่ปลายแผ่นดินโลกข้างหนึ่งจนถึงปลายแผ่นดินโลกอีกข้างหนึ่ง.” จะไม่มีการคร่ำครวญ, ไม่มีการฝังศพ. พวกเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นดิน. ผู้เลี้ยงแกะปลอมจะถูกสังหารพร้อมกับผู้ทรงศักดิ์แห่งฝูงแกะ. พวกเขาไม่มีทางหนีพ้น. จงฟังเสียงร้องโหยหวนของพวกเขา! พระยะโฮวาเองทรง “ทำให้ทุ่งเลี้ยงสัตว์ของเขาเสีย . . . เพราะพิโรธอันแรงกล้า” ของพระองค์.—25:30-38, ล.ม.
23. (ก) มีการคบคิดกันเพื่อทำอะไรกับยิระมะยา และท่านป้องกันตัวอย่างไร และมีการกล่าวถึงเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านั้นเพื่อปล่อยท่าน? (ข) ยิระมะยาแสดงอย่างไรถึงการตกเป็นทาสชาวบาบูโลนซึ่งจะเกิดขึ้น และคำพยากรณ์อะไรเกี่ยวกับฮะนันยาที่เกิดขึ้นจริง?
23 ยิระมะยาได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง (26:1–28:17). พวกผู้ปกครองและประชาชนคบคิดกันจะฆ่ายิระมะยา. ยิระมะยาพูดแก้ต่าง. ท่านพูดจากพระคำของพระยะโฮวา. ถ้าพวกเขาฆ่าท่าน พวกเขาก็ฆ่าคนไม่มีความผิด. คำตัดสินคือ ไม่มีความผิด. ในการพิจารณากรณีของยิระมะยา พวกผู้เฒ่าผู้แก่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในสมัยก่อนหน้านั้นอันเกี่ยวกับผู้พยากรณ์มิคฆาและอุรียา. ต่อมาพระยะโฮวาทรงสั่งยิระมะยาให้ทำสายรัดและแอกใส่คอของท่าน แล้วส่งของเหล่านี้ไปยังชาติทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกว่า พวกเขาต้องรับใช้กษัตริย์บาบูโลนนานสามชั่วอายุของผู้ปกครอง. ฮะนันยาผู้พยากรณ์เท็จคนหนึ่งคัดค้านยิระมะยา. เขาประกาศว่าแอกบาบูโลนจะหักภายในสองปีและแสดงภาพด้วยการหักแอกไม้. พระยะโฮวารับรองคำพยากรณ์ของพระองค์โดยให้ยิระมะยาทำแอกเหล็กและบอกล่วงหน้าว่าฮะนันยาต้องตายในปีนั้น. ฮะนันยาก็ตายจริง ๆ.
24. (ก) ยิระมะยาส่งข่าวสารอะไรถึงเหล่าผู้ถูกเนรเทศในบาบูโลน? (ข) พระยะโฮวาจะทำสัญญาไมตรีใหม่กับใคร และสัญญาไมตรีใหม่นี้จะยิ่งใหญ่กว่าสัญญาไมตรีเก่าอย่างไร?
24 คำปลอบโยนสำหรับผู้ถูกเนรเทศในบาบูโลน (29:1–31:40). ยิระมะยาเขียนถึงเหล่าผู้ถูกเนรเทศไปยังบาบูโลนพร้อมกับยะคันยา (ยะโฮยาคิน) ว่า จงตั้งถิ่นฐานที่นั่น เพราะการเนรเทศจะนาน 70 ปี ก่อนที่พระยะโฮวาจะนำเจ้ากลับมา. พระยะโฮวาทรงสั่งยิระมะยาให้เขียนถึงเรื่องการกลับมาของพวกเขาไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า พระยะโฮวาจะหักแอกของพวกเขาและ “เขาทั้งหลายจะปรนนิบัติพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา, แลดาวิดกษัตริย์ของเขา, ที่เรา [ยะโฮวา] จะยกขึ้นให้พวกเขา.” (30:9) ราเฮลต้องหยุดส่งเสียงร้องไห้เพราะเหล่าบุตรของนาง “จะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู.” (31:16, ฉบับแปลใหม่) และบัดนี้เป็นการแถลงคำรับรองของพระยะโฮวาอีกครั้งหนึ่ง! พระองค์จะทำสัญญาไมตรีใหม่กับเรือนยูดาและยิศราเอล. สัญญาไมตรีนี้ยิ่งใหญ่กว่าสัญญาไมตรีที่พวกเขาได้ละเมิดนั้นมาก! พระยะโฮวาจะเขียนกฎหมายของพระองค์ลงไว้ลึกภายใน คือบนหัวใจพวกเขา. “แลเราจะเป็นพระเจ้าแก่เขาทั้งหลาย, แลเขาจะเป็นไพร่พลของเรา.” ตั้งแต่ผู้เล็กที่สุดจนถึงผู้ที่ใหญ่ที่สุด ทุกคนจะรู้จักพระยะโฮวา และพระองค์จะอภัยความผิดของพวกเขา. (31:31-34) เมืองของพวกเขาจะถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระยะโฮวา.
25. มีการเน้นอย่างไรถึงความแน่นอนของการฟื้นฟูยิศราเอล และคำของพระยะโฮวานำข่าวอะไรมา?
25 สัญญาไมตรีของพระยะโฮวากับดาวิดเป็นสิ่งแน่นอน (32:1–34:22). ระหว่างที่นะบูคัดเนซัรล้อมยะรูซาเลมครั้งสุดท้าย ยิระมะยาถูกกักบริเวณ. อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นหมายสำคัญว่าพระยะโฮวาจะทรงฟื้นฟูยิศราเอลอย่างแน่นอน ยิระมะยาจึงซื้อที่นาในอะนาโธธและใส่หนังสือสัญญาซื้อขายไว้ในภาชนะดิน. ตอนนี้คำของพระยะโฮวานำข่าวดีมา คือยูดาและยะรูซาเลมจะชื่นชมยินดีอีก และพระยะโฮวาจะทรงทำให้สัญญาไมตรีของพระองค์กับดาวิดสำเร็จเป็นจริง. แต่เจ้า ซิดคียา จงรู้เถิดว่ากษัตริย์บาบูโลนจะเผากรุงนี้ด้วยไฟและตัวเจ้าจะต้องไปเป็นเชลยที่บาบูโลน. วิบัติแก่เจ้าของทาสซึ่งสัญญาจะปลดปล่อยทาสแต่กลับฝืนคำสัญญาของตน!
26. พระยะโฮวาทรงสัญญาอะไรกับชาวเรคาบและเพราะเหตุใด?
26 คำสัญญาของพระยะโฮวากับชาวเรคาบ (35:1-19). ในสมัยของยะโฮยาคิม พระยะโฮวาทรงส่งยิระมะยาไปหาชาวเรคาบ. พวกเขาลี้ภัยในยะรูซาเลมในคราวที่ชาวบาบูโลนบุกครั้งแรก. ยิระมะยาให้เหล้าองุ่นพวกเขาดื่ม. พวกเขาปฏิเสธเนื่องด้วยคำสั่งที่โยนาดาบบรรพบุรุษของพวกเขาให้ไว้เมื่อ 250 ปีก่อนนั้น! แนวทางของพวกเขาต่างกันอย่างเด่นชัดจริง ๆ กับแนวทางที่ไม่ซื่อสัตย์ของพวกยูดา! พระยะโฮวาสัญญากับพวกเขาว่า “โยนาดับบุตรเรคาบจะไม่ขัดสนผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าเราเลย.”—35:19, ฉบับแปลใหม่.
27. อะไรทำให้จำเป็นต้องเขียนคำพยากรณ์ของยิระมะยาขึ้นใหม่?
27 ยิระมะยาเขียนหนังสือซ้ำอีก (36:1-32). พระยะโฮวาทรงสั่งยิระมะยาให้จดข้อความทั้งหมดแห่งคำพยากรณ์ของท่านจนถึงตอนนั้น. ยิระมะยาให้บารุคเขียนตามคำบอกและอ่านข้อความเหล่านี้ด้วยเสียงดังในพระวิหารของพระยะโฮวาในวันอดอาหาร. กษัตริย์ยะโฮยาคิมส่งคนไปเอาม้วนหนังสือนั้น และเมื่อได้ฟังตอนหนึ่งก็กริ้วจึงฉีกม้วนหนังสือเป็นชิ้น ๆ และทิ้งลงในไฟ. ท่านบัญชาให้จับยิระมะยากับบารุค แต่พระยะโฮวาทรงซ่อนพวกเขาไว้และบอกยิระมะยาให้เขียนซ้ำอีกม้วนหนึ่ง.
28. (ก) ยิระมะยากล่าวคำพยากรณ์ที่ต่อเนื่องเรื่องอะไร? (ข) แนวทางของเอเบ็ดเมเล็กต่างกันอย่างไรกับของพวกเจ้านาย?
28 ช่วงสุดท้ายของยะรูซาเลม (37:1–39:18). บันทึกย้อนเรื่องไปยังรัชสมัยของซิดคียา. กษัตริย์ขอยิระมะยาให้อธิษฐานต่อพระยะโฮวาเพื่อเห็นแก่ยูดา. ผู้พยากรณ์ปฏิเสธ โดยบอกว่าพินาศกรรมของยะรูซาเลมเป็นเรื่องแน่นอน. ยิระมะยาพยายามไปยังอะนาโธธแต่ถูกจับฐานเอาใจออกห่าง ถูกเฆี่ยนและจำขังหลายวัน. แล้วซิดคียาส่งคนไปนำตัวยิระมะยามาเฝ้า. มีคำตรัสจากพระยะโฮวาไหม? มีแน่นอน! “ฝ่าพระบาทจะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน.” (37:17, ฉบับแปลใหม่) ด้วยความโกรธเนื่องจากยิระมะยากล่าวคำพยากรณ์ที่ต่อเนื่องเรื่องความพินาศ พวกเจ้านายจึงจับยิระมะยาโยนลงในบ่อน้ำที่มีแต่โคลน. เอเบ็ดเมเล็กชาวเอธิโอเปียซึ่งเป็นขันทีในราชวังได้ช่วยทูลขอร้องแทนท่าน ยิระมะยาจึงได้รับการช่วยให้พ้นจากสภาพถูกปล่อยให้ตายช้า ๆ แต่ท่านยังคงถูกกักบริเวณในลานของราชองครักษ์. ซิดคียาเรียกยิระมะยามาเฝ้าอีก ซึ่งก็ได้รับแจ้งเพียงว่า ‘จงยอมจำนนแก่กษัตริย์บาบูโลนมิฉะนั้นยะรูซาเลมจะถูกยึดและทำลายเสีย!’—38:17, 18.
29. ตอนนี้เกิดภัยพิบัติอะไรแก่ยะรูซาเลม แต่ยิระมะยาและเอเบ็ดเมเล็กเป็นอย่างไร?
29 การล้อมยะรูซาเลมนาน 18 เดือน และหลังจากนั้นกรุงก็แตกในปีที่ 11 แห่งรัชสมัยของซิดคียา. กษัตริย์หนีไปกับทหารแต่ถูกจับได้. ราชบุตรและขุนนางถูกฆ่าต่อหน้า ท่านเองถูกทำให้ตาบอดและถูกล่ามโซ่นำไปบาบูโลน. กรุงถูกเผาและทำลายจนราบ และทุกคนถูกนำไปเป็นเชลยยังบาบูโลน เว้นแต่คนยากจนไม่กี่คน. ยิระมะยาถูกปล่อยออกจากลานราชวังตามบัญชาของนะบูคัดเนซัร. ก่อนถูกปล่อย ท่านบอกเอเบ็ดเมเล็กถึงคำสัญญาของพระยะโฮวาที่จะช่วยท่านให้รอด ‘เพราะท่านไว้ใจพระยะโฮวา.’—39:18.
30. ประชาชนที่เหลืออยู่ไม่ใส่ใจคำแนะนำของยิระมะยาอย่างไร และคำพิพากษาอะไรในเรื่องความพินาศที่ยิระมะยาแจ้งในอียิปต์?
30 เหตุการณ์ช่วงท้ายที่มิศพาและในอียิปต์ (40:1–44:30). ยิระมะยายังอยู่ที่มิศพากับฆะดัลยาซึ่งพวกบาบูโลนแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการดูแลประชาชนที่เหลืออยู่. สองเดือนต่อมาฆะดัลยาถูกฆ่า. ประชาชนขอคำแนะนำจากยิระมะยา และท่านถ่ายทอดพระคำจากพระเจ้าแก่พวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาจะไม่ถอนพวกเจ้าจากแผ่นดินนี้. อย่ากลัวเนื่องด้วยกษัตริย์บาบูโลน. แต่ถ้าพวกเจ้าลงไปยังอียิปต์พวกเจ้าจะตาย!’ พวกเขาลงไปยังอียิปต์โดยพายิระมะยากับบารุคไปด้วย. ที่ธาฟันเฮศในอียิปต์ ยิระมะยาแจ้งคำพิพากษาของพระยะโฮวาที่ให้ความพินาศว่าดังนี้: กษัตริย์บาบูโลนจะตั้งพระที่นั่งของท่านในอียิปต์. เป็นการไร้ประโยชน์ที่ยิศราเอลจะกราบไหว้พระของอียิปต์และฟื้นการถวายเครื่องบูชาแก่ “ราชินีแห่งฟ้าสวรรค์” ขึ้นอีก. พวกเขาลืมแล้วหรือว่าพระยะโฮวาทรงทำให้ยะรูซาเลมร้างเปล่าไปอย่างไรเพราะการไหว้รูปเคารพในกรุงนั้น? พระยะโฮวาจะทรงนำความหายนะมาสู่พวกเขาในแผ่นดินอียิปต์ และเขาจะไม่ได้กลับไปยังยูดา. เพื่อเป็นหมายสำคัญ พระยะโฮวาทรงมอบฟาโรห์ฮับราไว้ในมือศัตรู.
31. บารุคได้รับคำรับรองอะไร?
31 ส่วนแบ่งของบารุค (45:1-5). บารุคเป็นทุกข์ใจเมื่อได้ยินคำพยากรณ์ของยิระมะยาซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่องความพินาศ. ท่านได้รับการบอกให้คิดถึงราชกิจของพระยะโฮวาเป็นอันดับแรกเรื่องการสร้างและการรื้อถอน แทนที่จะ “แสวงหาซึ่งของใหญ่” สำหรับตนเอง. (45:5) ท่านจะได้รับการช่วยให้รอดพ้นความหายนะทั้งปวง.
32. “กระบี่แห่งพระยะโฮวา” จะมาต่อสู้ใคร?
32 ดาบของพระยะโฮวาต่อสู้ชาติทั้งหลาย (46:1–49:39). ยิระมะยาบอกถึงชัยชนะของบาบูโลนเหนืออียิปต์ที่คาระฆะมิศและที่อื่น ๆ. แม้ว่าชาติต่าง ๆ ถูกกวาดล้าง ยาโคบจะคงอยู่แต่จะต้องถูกลงโทษ. “กระบี่แห่งพระยะโฮวา” จะมาต่อสู้พวกฟะเลเซ็ธ, ต่อสู้โมอาบที่ยโสและอัมโมนที่โอ้อวด, ต่อสู้อะโดมและดาเมเซ็ก, เฆดารและฮาโซร. (47:6) คันธนูของเอลามจะต้องถูกหัก.
33. (ก) จะเกิดอะไรขึ้นกับถ้วยทองคำอันได้แก่บาบูโลน? (ข) ฉะนั้น ไพร่พลของพระยะโฮวาต้องทำอย่างไร?
33 ดาบของพระยะโฮวาต่อสู้บาบูโลน (50:1–51:64). พระยะโฮวาตรัสเกี่ยวกับบาบูโลนดังนี้: จงบอกเรื่องนี้ท่ามกลางชาติทั้งหลาย. อย่าปิดบังสิ่งใด. บาบูโลนถูกยึดและเหล่าพระของกรุงนี้ต้องอับอาย. จงหนีออกจากกรุงนี้. ค้อนตีเหล็กที่ได้ทุบชาติทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลกต้องมาหักเสียเอง. “โอ้เจ้าผู้จองหอง” ผู้ข่มเหงเชลยยิศราเอลและยูดา จงรู้ว่าพระยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลายเป็นผู้ไถ่ของเขาเหล่านั้น. บาบูโลนจะกลายเป็นที่แวะเวียนของสัตว์เห่าหอน. “ดุจพระเจ้าได้บันดาลให้เมืองซะโดมแลเมืองอะโมราล้มลง, . . . จะไม่มีบุตรชายมนุษย์ผู้ใดที่จะอยู่นั้นได้.” (50:31, 40) บาบูโลนเคยเป็นถ้วยทองคำในพระหัตถ์ของพระยะโฮวาที่ทำให้ชาติทั้งหลายเมามาย แต่ทันใดนั้นกรุงนี้ได้ล้มลงจนพังทลาย. ประชาชนทั้งหลาย จงร้องคร่ำครวญแก่นาง. พระยะโฮวาทรงเร้าใจกษัตริย์มาดายให้ทำลายกรุงนั้น. เหล่าชายฉกรรจ์ของบาบูโลนเลิกต่อสู้. พวกเขากลายเป็นเหมือนผู้หญิง. บุตรีของบาบูโลนจะถูกเหยียบย่ำจนแน่นแข็งเหมือนพื้นลานนวดข้าว. “เขาจะ . . . หลับอยู่เป็นนิตย์, แลจะไม่ตื่นขึ้นอีก.” ทะเลได้ขึ้นมาท่วมบาบูโลนด้วยคลื่นมากมาย. “ดูกรไพร่พลของเรา, เจ้าทั้งหลายจงออกมาแต่ท่ามกลางเมืองบาบูโลน, แลเจ้าทุกคนจงเอาชีวิตของตัวให้พ้นความพิโรธอันกล้าแห่งพระยะโฮวาเถิด.” (51:39, 45) จงฟังเสียงร้อง เสียงการพังพินาศครั้งใหญ่จากบาบูโลน! เครื่องอาวุธของบาบูโลนต้องถูกทำลายย่อยยับ เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแห่งการแก้แค้น. พระองค์จะทรงตอบแทนแน่.
34. หมายสำคัญอะไรแสดงถึงการล่มจมของบาบูโลน?
34 ยิระมะยาสั่งซะรายะว่า ‘จงไปยังบาบูโลนและอ่านข้อความพยากรณ์เหล่านี้ซึ่งมีแก่บาบูโลนด้วยเสียงดัง. แล้วให้ผูกหินไว้กับหนังสือนี้และโยนทิ้งเสียในแม่น้ำยูเฟรทิส. “แลท่านจงกล่าวว่า, ดุจดังนี้เมืองบาบูโลนจะต้องจมมิดไปเสีย, แลจะไม่ผุดขึ้นจากความร้ายที่เราจะนำมาบนเหนือเขา.”’—51:61-64.
35. บัดนี้จะมีบันทึกอะไรติดตามมา?
35 บันทึกการล่มจมของยะรูซาเลม (52:1-34). บันทึกเรื่องนี้เกือบตรงกับบันทึกที่มีอยู่ก่อนหน้าที่ 2 กษัตริย์ 24:18-20; 25:1-21, 27-30.
เหตุที่เป็นประโยชน์
36. (ก) แบบอย่างความมีใจแรงกล้าด้วยความกล้าหาญเช่นไรที่เราพบในยิระมะยา? (ข) ในด้านใดบ้างที่บารุค, ชาวเรคาบ, และเอเบ็ดเมเล็กเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราเช่นกัน?
36 คำพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจนี้ล้วนแต่เสริมสร้างและเป็นประโยชน์. จงดูแบบอย่างความกล้าหาญของผู้พยากรณ์เอง. ท่านไม่หวั่นกลัวในการประกาศข่าวสารอันไม่เป็นที่ชมชอบแก่ประชาชนที่ไม่เชื่อถือพระเจ้า. ท่านรังเกียจการเป็นมิตรกับคนชั่ว. ท่านตระหนักถึงความเร่งด่วนแห่งข่าวสารของพระยะโฮวา ทุ่มเทตัวเองอย่างสุดหัวใจแก่งานของพระยะโฮวาและไม่เคยหยุด. ท่านพบว่าพระคำของพระเจ้าเป็นเหมือนไฟในกระดูกของท่าน และพระคำนั้นเป็นความเบิกบานยินดีในหัวใจท่าน. (ยิระ. 15:16-20; 20:8-13) ขอให้เรามีใจแรงกล้าเช่นกันเพื่อพระคำของพระยะโฮวา! นอกจากนี้ ขอให้เราสนับสนุนผู้รับใช้พระเจ้าด้วยความภักดีเหมือนที่บารุคให้แก่ยิระมะยา. อนึ่ง ความเชื่อฟังอย่างจริงใจของชาวเรคาบก็เป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมแก่เรา รวมทั้งความห่วงใยด้วยความกรุณาที่เอเบ็ดเมเล็กมีต่อผู้พยากรณ์ที่ถูกกดขี่ข่มเหงก็เช่นกัน.—36:8-19, 32; 35:1-19; 38:7-13; 39:15-18.
37. การไตร่ตรองพระธรรมยิระมะยาเสริมความเชื่อในอำนาจพยากรณ์ของพระยะโฮวาอย่างไร?
37 พระคำของพระยะโฮวาที่มาถึงยิระมะยาได้สำเร็จเป็นจริงด้วยความแม่นยำอย่างน่าทึ่ง. เป็นที่แน่นอนว่าเรื่องนี้เสริมความเชื่อในอำนาจของพระยะโฮวาในการพยากรณ์. ยกตัวอย่าง ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่ยิระมะยาเองรอดชีวิตมาเห็น เช่น การจับซิดคียาเป็นเชลยและความพินาศของกรุงยะรูซาเลม (21:3-10; 39:6-9), การถอดกษัตริย์ซาลุม (ยะโฮอาฮัศ) จากบัลลังก์และความตายของท่านระหว่างการเป็นเชลย (ยิระ. 22:11, 12; 2 กษัต. 23:30-34; 2 โคร. 36:1-4), การจับกษัตริย์คัลนา (ยะโฮยาคิน) ไปเป็นเชลยที่บาบูโลน (ยิระ. 22:24-27; 2 กษัต. 24:15, 16), และการตายของฮะนันยาผู้พยากรณ์เท็จภายในหนึ่งปี. (ยิระ. 28:16, 17). คำพยากรณ์เหล่านี้และอื่น ๆ อีกหลายข้อได้สำเร็จเป็นจริงตามที่พระยะโฮวาทรงบอกล่วงหน้า. บรรดาผู้พยากรณ์และผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในสมัยต่อมาได้พบเช่นกันว่า คำพยากรณ์ของยิระมะยาเชื่อถือได้และเป็นประโยชน์. ตัวอย่างเช่น ดานิเอลสังเกตเข้าใจจากข้อความที่ยิระมะยาเขียนว่า ความร้างเปล่าของยะรูซาเลมต้องเป็น 70 ปี และเอษราชี้ให้สนใจในความสำเร็จเป็นจริงของถ้อยคำของยิระมะยาเมื่อ 70 ปีนั้นสิ้นสุด.—ดานิ. 9:2; 2 โคร. 36:20, 21; เอษรา 1:1; ยิระ. 25:11, 12; 29:10.
38. (ก) ในคำพยากรณ์ของยิระมะยา มีการเน้นสัญญาไมตรีอะไรซึ่งพระเยซูก็ได้อ้างถึงด้วย? (ข) มีการประกาศความหวังอะไรเกี่ยวกับราชอาณาจักร?
38 ในโอกาสที่พระเยซูทรงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นกับเหล่าสาวกของพระองค์นั้น พระองค์ทรงชี้ถึงความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ของยิระมะยาซึ่งเกี่ยวกับสัญญาไมตรีใหม่. ด้วยวิธีนี้ พระองค์ตรัสถึง “สัญญาไมตรีใหม่โดยอาศัยโลหิตของเรา” ซึ่งโดยสัญญาไมตรีใหม่นี้ พวกเขาได้รับการอภัยจากบาปของตนและพวกเขาถูกรวบรวมเป็นชนชาติฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา. (ลูกา 22:20, ล.ม.; ยิระ. 31:31-34) เหล่าผู้กำเนิดโดยพระวิญญาณที่ถูกนำเข้าสู่สัญญาไมตรีใหม่คือคนเหล่านั้นที่พระคริสต์ทรงนำเข้าสู่สัญญาไมตรีเกี่ยวกับราชอาณาจักรเพื่อจะปกครองกับพระองค์ในสวรรค์. (ลูกา 22:29; วิ. 5:9, 10; 20:6, ล.ม.) มีการกล่าวถึงราชอาณาจักรนี้หลายครั้งในคำพยากรณ์ของยิระมะยา. ในบรรดาคำกล่าวโทษยะรูซาเลมที่ปราศจากความเชื่อ ยิระมะยาได้ชี้ให้เห็นความหวังราง ๆ นั้นดังนี้: “นี่แน่ะ, พระยะโฮวาได้ตรัสว่า, วันคืนทั้งปวงจะมา, ที่เราจะให้ดาวิดเกิดกิ่ง ๆ หนึ่งที่จะเป็นซื่อสัตย์, แลจะมีกษัตริย์องค์หนึ่งเสวยราชย์, แลท่านจำเริญอยู่, แลจะตัดสินเป็นสัตย์ธรรมแลจะกระทำความชอบธรรมในแผ่นดินโลก.” ถูกแล้ว กษัตริย์ที่ได้สมญาว่า “พระยะโฮวาเป็นความชอบธรรมของพวกเรา.”—ยิระ. 23:5, 6.
39. การกลับจากบาบูโลนของชนที่เหลือดังที่ยิระมะยาบอกล่วงหน้านั้นรับรองเรื่องอะไร?
39 อีกครั้งหนึ่ง ยิระมะยาพูดถึงการฟื้นฟูว่า “เขาทั้งหลายจะปรนนิบัติพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา, แลดาวิดกษัตริย์ของเขา, ที่เราจะยกขึ้นให้พวกเขา.” (30:9) ในตอนท้าย ท่านพูดถึงข้อความอันดีที่พระยะโฮวาได้ตรัสเกี่ยวกับยิศราเอลและยูดาถึงขนาดที่ “ในคราวนั้นเวลานั้น, [พระยะโฮวา] จะกระทำกิ่งของความชอบธรรมให้งอกขึ้นแก่ดาวิด” เพื่อจะเพิ่มทวีพงศ์พันธุ์ของท่านและเพื่อจะมี “โอรสขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์บนบัลลังก์ของท่าน.” (33:15, 21, ล.ม.) ชนที่เหลือได้กลับจากบาบูโลนอย่างแน่นอนฉันใด ราชอาณาจักรแห่ง “กิ่ง” ที่ชอบธรรมนี้ก็จะดำเนินการด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรมในแผ่นดินโลกทั้งสิ้นอย่างแน่นอนฉันนั้น.—ลูกา 1:32.
[เชิงอรรถ]
a การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 326 480.