ของประทานจากพระยะโฮวาอันได้แก่พระวิญญาณบริสุทธิ์
“ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คนทั้งปวงที่ขอจากพระองค์.”—ลูกา 11:13.
1, 2. (ก) พระเยซูทรงสัญญาอะไรไว้เกี่ยวด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเหตุใดเรื่องนี้ทำให้อุ่นใจได้จริง ๆ? (ข) พระวิญญาณบริสุทธิ์คืออะไร?
ฤดูใบไม้ร่วงปีสากลศักราช 32 ขณะที่พระเยซูประกาศข่าวดีในเขตยูดาย พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกถึงเรื่องพระทัยกว้างขวางของพระยะโฮวา. พระองค์ได้ใช้อุทาหรณ์บางเรื่องที่ให้ความหมายลึกซึ้ง ครั้นแล้วพระองค์ตรัสคำสัญญาอันดีเยี่ยมว่า “เหตุฉะนั้น ถ้าท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คนทั้งปวงที่ขอจากพระองค์.”—ลูกา 11:13.
2 ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นคำปลอบใจที่ดีอะไรเช่นนั้น! ขณะที่เราทนต่อความสับสนวุ่นวายแห่งยุคสุดท้ายของโลกนี้ ต้องรับมือกับปรปักษ์คือซาตานและภูตผีปิศาจบริวารของมัน และต่อสู้แนวโน้มของเราเองที่จะทำผิด เรารู้สึกอุ่นใจจริง ๆ เมื่อรู้ว่าพระเจ้าจะทรงชูกำลังพวกเราโดยทางพระวิญญาณของพระองค์. อันที่จริง การอดทนอย่างซื่อสัตย์เป็นไปไม่ได้ถ้าขาดการเกื้อหนุนเช่นนั้น. คุณเคยประสบฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณของพระองค์อันเป็นพลังปฏิบัติการของพระเจ้าเองไหม? คุณเข้าใจหรือเปล่าว่าพลังดังกล่าวสามารถช่วยคุณได้มากเพียงใด? คุณใช้พลังนี้เต็มที่ไหม?
ฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
3, 4. จงยกตัวอย่างถึงฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์.
3 ก่อนอื่นขอให้พิจารณาฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์. คิดย้อนไปเมื่อปี 1954. ปีนั้นได้มีการระเบิดลูกระเบิดไฮโดรเจนที่เกาะบิกินีในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้. ทันทีทันใดภายหลังการระเบิด เกาะที่สวยงามนั้นถูกปกคลุมด้วยลูกไฟขนาดมโหฬารและถูกกระหน่ำจากแรงระเบิดซึ่งเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 15 ล้านตันทีเดียว. แรงทำลายขนาดนั้นมาจากที่ไหน? มันเป็นผลของการเปลี่ยนเป็นพลังจากส่วนเล็กน้อยของธาตุยูเรเนียมกับไฮโดรเจนซึ่งประกอบขึ้นเป็นแกนลูกระเบิด. แต่สมมุติว่า นักวิทยาศาสตร์จะทำสิ่งตรงกันข้ามกับที่เขาได้บรรลุผลบนเกาะบิกินีล่ะ? สมมุติว่าเขาสามารถควบคุมพลังความร้อนดังไฟประลัยกัลป์ได้ทั้งหมด แล้วแปลงพลังนั้นเป็นธาตุยูเรเนียมกับไฮโดรเจนเพียงสองสามปอนด์. จะเป็นการสัมฤทธิ์ผลอย่างเกริกก้องสักปานใด! กระนั้น พระยะโฮวาได้กระทำบางอย่างที่คล้าย ๆ กัน แต่เป็นในขอบข่ายใหญ่มโหฬารมากกว่านั้น “เมื่อเดิมนั้น [พระองค์] ได้นฤมิตสร้างฟ้าและดิน.”—เยเนซิศ 1:1.
4 พระยะโฮวาทรงมีพลังงานที่เคลื่อนไหวสำรองไว้อย่างมหาศาล. (ยะซายา 40:26) ในคราวที่พระเจ้าทรงสร้างโลก พระองค์ย่อมต้องใช้พลังงานนี้เป็นบางส่วนเมื่อพระองค์ได้สร้างสสารทั้งมวลซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นเอกภพ. พระองค์ทรงใช้อะไรในงานเชิงประดิษฐ์สร้างสรรค์เช่นนี้? พระวิญญาณบริสุทธิ์. เราอ่านว่า “พระยะโฮวาได้ทรงสร้างท้องฟ้าด้วยคำตรัส ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ หมู่ดาวทั้งปวงก็เกิดขึ้น.” (บทเพลงสรรเสริญ 33:6) และบันทึกเรื่องการสร้างในพระธรรมเยเนซิศอ่านว่าดังนี้: “และพลังปฏิบัติงาน [พระวิญญาณบริสุทธิ์] ของพระเจ้าเคลื่อนไหวไปมาอยู่เหนือผิวน้ำ.” (เยเนซิศ 1:2, ล.ม.) พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังทรงอานุภาพอะไรเช่นนั้น!
ราชกิจอันประหลาดมหัศจรรย์
5. พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินการในแนวทางอันสูงส่งอะไรบ้าง?
5 พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงปฏิบัติการในแนวทางต่าง ๆ ที่สูงส่งยิ่งนัก. พระวิญญาณนี้แหละนำทางและชี้แนะองค์การของพระยะโฮวาทางภาคสวรรค์. (ยะเอศเคล 1:20, 21) เหมือนพลังงานที่ปล่อยออกมาจากลูกระเบิดไฮโดรเจน พระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกนำไปใช้ได้ในทางทำลายเพื่อสำเร็จโทษบรรดาศัตรูของพระยะโฮวา แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ปฏิบัติการในทางอื่น ๆ เช่นกันซึ่งทำให้เรารู้สึกพิศวง.—ยะซายา 11:15; 30:27, 28; 40:7, 8; 2 เธซะโลนิเก 2:8.
6. พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สนับสนุนโมเซและบุตรหลานชาวยิศราเอลอย่างไรเมื่อเกี่ยวข้องกับชาติอียิปต์?
6 เพื่อเป็นตัวอย่าง ประมาณปี 1513 ก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาได้ทรงใช้โมเซเข้าเฝ้าฟาโรห์แห่งอียิปต์เพื่อให้ปล่อยลูกหลานยิศราเอลเป็นอิสระ. ตลอดเวลา 40 ปีก่อนหน้านี้โมเซเป็นคนเลี้ยงแกะในเมืองมิดยาน ดังนั้น ทำไมฟาโรห์ควรจะเชื่อฟังคนเลี้ยงแกะ? ก็เพราะโมเซมาในนามแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว. เพื่อยืนยันเรื่องนี้ พระยะโฮวาทรงประทานอำนาจแก่โมเซให้ทำการอัศจรรย์. การอัศจรรย์เหล่านั้นก่อความประทับใจอย่างยิ่ง กระทั่งปุโรหิตชาวอียิปต์เองต้องฝืนใจรับว่า “เหตุนี้เป็นกิจการแห่งนิ้วพระหัตถ์พระเจ้า!”a (เอ็กโซโด 8:19) พระยะโฮวาทรงนำภัยพิบัติสิบอย่างมาสู่อียิปต์. อย่างสุดท้ายนั้นเองที่ทำให้ฟาโรห์จำต้องปล่อยไพร่พลของพระเจ้าออกไปจากอียิปต์. เมื่อฟาโรห์ยังดื้อดึงพร้อมกับนำกองทัพของตนไล่ติดตามไพร่พลเหล่านั้น พวกยิศราเอลรอดไปได้เมื่อมีการแยกทะเลแดงออกเป็นช่องอย่างอัศจรรย์. กองทัพอียิปต์ไล่ติดตามพวกเขาไปแล้วจมน้ำตายในทะเลนั้น.—ยะซายา 63:11-14; ฮาฆี 2:4, 5.
7. (ก) มีเหตุผลอะไรบ้างที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ก่อให้เกิดการอัศจรรย์? (ข) แม้การอัศจรรย์อันเนื่องมาแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่เหตุใดบันทึกเรื่องนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังคงถือว่าเป็นสิ่งปลอบประโลมใจ?
7 ใช่แล้ว พระยะโฮวาโดยพระวิญญาณของพระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ อันทรงพลานุภาพเพื่อประโยชน์ของพวกยิศราเอลสมัยโมเซ และ ณ โอกาสอื่น ๆ เช่นกัน. วัตถุประสงค์แห่งการอัศจรรย์เหล่านั้นคืออะไร? คือส่งเสริมพระประสงค์ของพระยะโฮวา ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จัก และสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์. และบางครั้ง ดังในกรณีของโมเซ การอัศจรรย์ต่าง ๆ เป็นข้อยืนยันอย่างชัดแจ้งว่าบุคคลผู้นั้นได้รับการสนับสนุนจากพระยะโฮวา. (เอ็กโซโด 4:1-9; 9:14-16) อย่างไรก็ดี การอัศจรรย์ซึ่งเป็นมาแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ค่อยจะมีบ่อยในประวัติศาสตร์สมัยต่าง ๆ.b ปัจเจกชนส่วนใหญ่ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยเขียนพระคัมภีร์มักจะไม่เคยประสบการอัศจรรย์เลย และสมัยนี้ก็ไม่มีการอัศจรรย์อีกแล้ว. ถึงกระนั้น ขณะที่พวกเรากำลังปลุกปล้ำกับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเอาชนะไม่ได้เช่นนั้น เราคงจะอุ่นใจมิใช่หรือเมื่อรู้ว่า ถ้าเราทูลขอพระยะโฮวาด้วยความเชื่อ พระองค์จะประทานพระวิญญาณอย่างเดียวกันที่เคยสนับสนุนโมเซตอนเข้าเฝ้าฟาโรห์ และที่ได้แยกน้ำในทะเลแดงออกเป็นช่องให้ชาวยิศราเอลเดินผ่านไปได้.—มัดธาย 17:20.
หนังสือที่เขียนโดยการดลใจ
8. พระวิญญาณบริสุทธิ์มีบทบาทอะไรในคราวที่พระเจ้าประทานบัญญัติสิบประการ?
8 ภายหลังการช่วยชาติยิศราเอลหลุดรอดจากอียิปต์แล้ว โมเซได้นำพวกเขาไปถึงภูเขาซีนาย ที่นั่นพระยะโฮวาทรงทำคำสัญญาไมตรีกับพวกเขาและประทานพระบัญญัติแก่เขา. ส่วนสำคัญแห่งพระบัญญัติที่ประทานผ่านโมเซนั้นได้แก่พระบัญญัติสิบประการ และต้นฉบับแท้ ๆ นั้นได้จารึกไว้บนแผ่นศิลา. วิธีใด? โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์. คัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างนี้: “เมื่อพระองค์ [พระยะโฮวา] ได้ตรัสแก่โมเซบนภูเขาซีนายเสร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานคำปฏิญาณ จารึกไว้ด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระองค์ บนแผ่นศิลาสองแผ่น.”—เอ็กโซโด 31:18; 34:1.
9, 10. พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินการอย่างไรเมื่อมีการเขียนพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู และเรื่องนี้ปรากฏชัดอย่างไรจากคำพูดซึ่งสาวกพระเยซูใช้?
9 นอกจากพระบัญญัติสิบประการแล้ว พระยะโฮวาโดยทางพระวิญญาณของพระองค์ก็ได้ประทานข้อกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ หลายร้อยข้อแก่ชาวยิศราเอลเพื่อจะนำวิถีชีวิตฝูงชนชายหญิงที่ซื่อสัตย์. และยังจะมีอีกมากตามมา. ภายหลังสมัยโมเซหลายร้อยปี พวกเลวีได้ให้การเป็นพยานเรื่องนี้ด้วยการอธิษฐานต่อพระยะโฮวา ณ ที่ประชุมดังนี้: “พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ [กับชาวยิศราเอล] หลายปี ได้สั่งสอนห้ามปรามเขาโดยประทานให้พระวิญญาณของพระองค์ทรงสถิตอยู่ในพวกผู้ทำนาย.” (นะเฮมยา 9:5, 30) คำพยากรณ์หลายตอนที่ผู้พยากรณ์ได้กล่าวโดยการดลบันดาลได้รับการบันทึกลงไว้. ยิ่งกว่านั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กระตุ้นบรรดาคนซื่อสัตย์ให้บันทึกประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งบทเพลงสดุดีซึ่งแสดงถึงการขอบคุณจากใจจริง.
10 เปาโลพูดถึงข้อเขียนเหล่านี้ทุกตอนเมื่อท่านกล่าวว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลบันดาลจากพระเจ้า.” (2 ติโมเธียว 3:16, ล.ม.; 2 ซามูเอล 23:2; 2 เปโตร 1:20, 21) ที่จริง เมื่อมีการยกข้อคัมภีร์ขึ้นมา สาวกของพระเยซูในศตวรรษแรกมักจะใช้ถ้อยคำเช่น “พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไว้โดยปากของกษัตริย์ดาวิด” “พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส . . . โดยยะซายา” หรือ “ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า.” (กิจการ 1:16; 4:25; 28:25, 26; เฮ็บราย 3:7) นับว่าเป็นพระพรมากเพียงใดที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเดียวกันนี้ที่ควบคุมการจารึกคัมภีร์ไบเบิลได้พิทักษ์พระคัมภีร์ไว้ด้วย เพื่อว่าจะเป็นเครื่องนำทางและปลอบโยนพวกเราสมัยปัจจุบัน!—1 เปโตร 1:25.
ไว้วางใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์
11. เมื่อมีการสร้างพลับพลานั้น กิจกรรมอะไรเนื่องมาแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเห็นประจักษ์?
11 ขณะที่ชาวยิศราเอลตั้งค่ายอยู่ ณ เชิงเขาซีนาย พระยะโฮวาทรงบัญชาพวกเขาสร้างพลับพลาประชุมเพื่อใช้เป็นศูนย์การนมัสการแท้. พวกเขาสามารถทำสำเร็จโดยวิธีใด? “ฝ่ายโมเซจึงกล่าวแก่ชนชาติยิศราเอลว่า ‘ดูก่อนท่าน พระยะโฮวาได้ทรงเรียกออกชื่อบะซาเลลบุตรอูรีผู้เป็นบุตรฮูระตระกูลยะฮูดา. และพระเจ้าได้บันดาลให้ผู้นั้นเต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระองค์ [พระเจ้า] ให้มีสติปัญญาและความเข้าใจและความรู้ในการกระทำต่าง ๆ.’” (เอ็กโซโด 35:30, 31) พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เป็นพลังเสริมทักษะใด ๆ ซึ่งบะซาเลลมีอยู่แล้วให้ชำนิชำนาญมากขึ้น และท่านสามารถดูแลการสร้างพลับพลาที่น่าทึ่งได้อย่างสำเร็จผล.
12. ต่อจากสมัยโมเซแล้วพระวิญญาณเสริมกำลังบุคคลเป็นส่วนตัวอย่างผิดธรรมดานั้นอย่างไร?
12 ในกาลต่อมา พระวิญญาณของพระยะโฮวาได้ดำเนินการภายในตัวซิมโซน ให้ท่านมีกำลังเรี่ยวแรงเกินมนุษย์เพื่อท่านจะช่วยชาติยิศราเอลพ้นเงื้อมมือชาวฟะลิศตีม. (ผู้วินิจฉัย 14:5-7, 9; 15:14-16; 16:28-30) ในกาลต่อมา ซะโลโมได้รับสติปัญญาเป็นพิเศษในฐานะกษัตริย์ปกครองไพร่พลของพระเจ้าที่สรรไว้เฉพาะ. (2 โครนิกา 1:12, 13) ประเทศยิศราเอลภายใต้กษัตริย์ซะโลโมมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และสภาพสงบสุขในแผ่นดินกลายเป็นแบบแผนแห่งพระพรต่าง ๆ ที่ไพร่พลของพระเจ้าจะได้รับในรัชสมัยพระเยซูคริสต์ผู้ใหญ่ยิ่งกว่าซะโลโม.—1 กษัตริย์ 4:20, 25, 29-34; ยะซายา 2:3, 4; 11:1, 2; มัดธาย 12:42.
13. บันทึกเรื่องพระวิญญาณหนุนกำลังบะซาเลล, ซิมโซน, และซะโลโมหนุนใจพวกเราสมัยนี้อย่างไร?
13 ช่างเป็นพระพรเสียนี่กระไรที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมพระวิญญาณอย่างเดียวกันไว้สำหรับพวกเรา! ยามใดเรารู้สึกว่าจะทำหน้าที่มอบหมายหรือร่วมงานประกาศสั่งสอนได้ไม่ดีเท่าที่ควร เราสามารถทูลขอพระยะโฮวาโปรดให้พระวิญญาณอย่างเดียวกันกับที่พระองค์ประทานแก่บะซาเลล. เมื่อเราเจ็บป่วยหรือทนรับการกดขี่ข่มเหง พระวิญญาณอย่างเดียวกันที่ให้กำลังเข้มแข็งผิดธรรมดาแก่ซิมโซนก็จะเสริมกำลังให้เรา—แต่แน่ละ ไม่ใช่อย่างอัศจรรย์. และเมื่อเราเผชิญปัญหายุ่งยากหรือต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ เราสามารถทูลพระยะโฮวา ผู้ประทานปัญญาเปรื่องปราดแก่ซะโลโม ขอทรงช่วยเราเพื่อว่าเราจะลงมือกระทำอย่างสุขุม. ครั้นแล้ว เหมือนเปาโล เราจะพูดว่า “ข้าพเจ้ามีกำลังสำหรับทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ประทานพลังให้ข้าพเจ้า.” (ฟิลิปปอย 4:13, ล.ม.) และคำรับรองของยาโกโบจะนำมาใช้สำหรับพวกเราที่ว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญาก็ให้คนนั้นขอแต่พระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานแก่คนทั้งปวงด้วยเต็มพระทัยและมิได้ทรงติว่าแล้วก็จะทรงประทานแก่ผู้นั้น.”—ยาโกโบ 1:5.
14. ใครบ้าง ทั้งในสมัยก่อนและสมัยนี้ ที่ได้รับการชูกำลังโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์?
14 อนึ่ง พระวิญญาณของพระยะโฮวาได้ครอบงำโมเซในงานพิจารณาตัดสินผู้คนในชาติยิศราเอล. เมื่อคนอื่นถูกแต่งตั้งให้ช่วยโมเซ พระยะโฮวาตรัสว่า “เราจะเอาวิญญาณที่อยู่กับเจ้าใส่ให้แก่เขา และจะให้เขาทั้งหลายทนการหนักของคนเหล่านี้กับด้วยเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ทนทานคนเดียว.” (อาฤธโม 11:17) ดังนั้น พวกที่ถูกแต่งตั้งจึงไม่ต้องทำการพิจารณาตัดสินโดยอาศัยกำลังของตัวเอง. พระวิญญาณบริสุทธิ์หนุนหลังพวกเขา. เราอ่านว่าในสมัยต่อมาพระวิญญาณของพระยะโฮวาดำเนินกิจภายในบุคคลอื่น. (ผู้วินิจฉัย 3:10, 11; 11:29) คราวที่ซามูเอลเจิมดาวิดให้เป็นกษัตริย์ชาติยิศราเอลในวันข้างหน้า บันทึกว่าดังนี้: “ซามูเอลก็หยิบขวดเขาสัตว์ที่ใส่น้ำมัน ชโลมเขาต่อหน้าหมู่พี่น้อง. และพระวิญญาณพระยะโฮวาก็สวมทับดาวิดตั้งแต่วันนั้น.” (1 ซามูเอล 16:13) เวลานี้บรรดาผู้ที่แบกความรับผิดชอบมาก—ไม่ว่าในครอบครัว, ประชาคม, หรือองค์การ—ย่อมสบายใจได้ที่ทราบว่าพระวิญญาณของพระเจ้ายังคงเสริมพลังหนุนหลังผู้รับใช้ของพระองค์ขณะที่เขาเอาใจใส่ดูแลหน้าที่รับผิดชอบของตน.
15. พระวิญญาณบริสุทธิ์เสริมกำลังองค์การของพระยะโฮวาในทางใดบ้าง (ก) ในสมัยฮาฆีและซะคาระยา? และ (ข) ในสมัยนี้?
15 ประมาณพันกว่าปีภายหลังโมเซสิ้นชีวิต ผู้ซื่อสัตย์บางคนจากท่ามกลางชาวยิศราเอลได้เดินทางออกจากบาบูโลนกลับไปยังยะรูซาเลมพร้อมกับหน้าที่มอบหมายให้บูรณะพระวิหาร. (เอษรา 1:1-4; ยิระมะยา 25:12; 29:14) แต่เกิดมีอุปสรรคซึ่งยากที่จะเอาชนะ และคนเหล่านั้นต่างก็รู้สึกท้อแท้อยู่หลายปี. ในที่สุด พระยะโฮวาได้บันดาลผู้พยากรณ์ฮาฆีและซะคาระยาหนุนใจชาวยิวไม่ให้หมายพึ่งกำลังของตัวเอง. แต่งานใหญ่นี้จะลุล่วงไปได้อย่างไร? “ยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลายตรัสว่า ‘ไม่ใช่ด้วยกำลังและฤทธิ์ แต่โดยพระวิญญาณของเรา.’” (ซะคาระยา 4:6) และด้วยการสนับสนุนแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า การก่อสร้างพระวิหารก็แล้วเสร็จ. ไพร่พลของพระเจ้าสมัยนี้ได้บรรลุความสำเร็จแล้วมากมายในทำนองนี้. การประกาศข่าวดีได้แผ่กระจายไปทั่วโลก. ปัจเจกบุคคลจำนวนหลายล้านคนกำลังได้รับการสอนและเรียนรู้ถึงความจริงและความชอบธรรม. มีการดำเนินงานจัดประชุมใหญ่ในที่ต่าง ๆ. มีการสร้างหอประชุมราชอาณาจักรและสำนักงานสาขาขึ้น. กิจการงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่ได้กระทำไปแล้วนั้นได้เผชิญการต่อต้านขัดขวางอย่างรุนแรง. แต่พยานพระยะโฮวาไม่ย่อท้อ โดยรู้ดีว่างานทุกอย่างแต่ละอย่างซึ่งสำเร็จเรียบร้อยไปนั้น หาใช่เป็นโดยกำลังพลหรืออำนาจมนุษย์ไม่ แต่สำเร็จโดยพระวิญญาณของพระเจ้า.
พระวิญญาณของพระเจ้าในสมัยศตวรรษแรก
16. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก่อนยุคคริสเตียนเคยมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับการดำเนินงานของพระวิญญาณของพระเจ้า?
16 ดังที่เราได้ทราบแล้ว ผู้รับใช้ของพระเจ้าก่อนยุคคริสเตียนนั้นตระหนักดีถึงฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า. พวกเขาอาศัยพระวิญญาณให้ช่วยเขาปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบสำคัญและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้สำเร็จ. นอกจากนั้น พวกเขารู้ว่าพระบัญญัติและบทจารึกอื่น ๆ อันศักดิ์สิทธิ์ได้เขียนขึ้นโดยการดลบันดาลภายใต้พลังอำนาจแห่งพระวิญญาณของพระยะโฮวา ฉะนั้น ข้อบัญญัติและบทจารึกเหล่านั้นจึงเป็น ‘พระวจนะของพระเจ้า.’ (บทเพลงสรรเสริญ 119:105) แต่จะว่าอย่างไรสำหรับยุคคริสเตียน?
17, 18. ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์เนื่องมาแต่พระวิญญาณนั้นมีอะไรบ้างในยุคคริสเตียน และการอัศจรรย์ต่าง ๆ เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร?
17 ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราชนี้ กิจกรรมต่าง ๆ อันประหลาดล้ำเนื่องด้วยวิญญาณของพระเจ้าก็มีให้เห็นเช่นเดียวกัน. เป็นต้นว่ามีการกล่าวพยากรณ์โดยรับการดลใจจากพระวิญญาณ. (1 โกรินโธ 14:1, 3) สมจริงตามคำสัญญาของพระเยซูที่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเตือนใจสาวกของพระองค์ให้ระลึกถึงทุกสิ่งซึ่งพระองค์ได้ตรัส และจะสอนเขาให้รู้แง่มุมอื่น ๆ แห่งสัจธรรม พระธรรมหลายเล่มได้รับการเขียนขึ้นมาก็โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์. (โยฮัน 14:26; 15:26, 27; 16:12, 13) และก็มีการอัศจรรย์ต่าง ๆ ดังที่จะได้พิจารณากันอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นในบทความถัดไป. ที่จริง ศตวรรษแรกเริ่มต้นขึ้นด้วยการอัศจรรย์ซึ่งน่าทึ่ง. ประมาณปีที่ 2 ก่อนสากลศักราช ทารกพิเศษคนหนึ่งจวนจะถือกำเนิดอยู่แล้ว และเพื่อเป็นหมายสำคัญ มารดาของทารกจะเป็นสาวพรหมจารี. เป็นไปได้อย่างไร? โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์. บันทึกแจ้งว่า “เรื่องการกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้. มาเรียผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้นเดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนจะได้อยู่กินด้วยกัน ก็เห็นว่ามาเรียมีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์.”—มัดธาย 1:18; ลูกา 1:35, 36.
18 ครั้นพระเยซูเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พระองค์ได้ขับผี, รักษาความเจ็บป่วย, กระทั่งทรงปลุกคนตายให้ฟื้นด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์. สาวกของพระองค์บางคนทำการอัศจรรย์และสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้เหมือนกัน. ความสามารถพิเศษเหล่านี้เป็นของประทานโดยพระวิญญาณ. อะไรคือวัตถุประสงค์ที่มีของประทานเช่นนี้? ก็เช่นเดียวกันกับการอัศจรรย์ต่าง ๆ ในครั้งกระโน้น การอัศจรรย์เหล่านั้นส่งเสริมพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและแสดงให้เห็นอำนาจของพระองค์. ยิ่งกว่านั้น การอิทธิฤทธิ์และการอัศจรรย์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าคำอ้างของพระเยซูที่ว่าพระเจ้าได้ส่งพระองค์เข้ามาในโลกนั้นเป็นความจริง และต่อมาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าประชาคมคริสเตียนศตวรรษแรกเป็นชาติที่พระเจ้าสรรไว้โดยเฉพาะ.—มัดธาย 11:2-6; โยฮัน 16:8; กิจการ 2:22; 1 โกรินโธ 12:4-11; เฮ็บราย 2:4; 1 เปโตร 2:9.
19. บันทึกเรื่องการอัศจรรย์ต่าง ๆ โดยพระเยซูคริสต์และอัครสาวกของพระองค์ในคัมภีร์ไบเบิลนั้นเสริมความเชื่อของเราให้เข้มแข็งโดยวิธีใด?
19 อย่างไรก็ดี อัครสาวกเปาโลกล่าวว่าปรากฏการณ์อย่างน่าอัศจรรย์แห่งพระวิญญาณนั้นเป็นของประชาคมตอนเริ่มต้นอันเปรียบเสมือนวัยเด็ก และจะล่วงผ่านไป ดังนั้น พวกเราทุกวันนี้ไม่เห็นการอัศจรรย์ต่าง ๆ อันเป็นผลงานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์. (1 โกรินโธ 13:8-11) กระนั้น การอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระเยซูและพวกอัครสาวกได้กระทำไม่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่น่าสนใจ. การอัศจรรย์เหล่านั้นเสริมความเชื่อของเราในคำสัญญาของพระเจ้าให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ที่ว่าความเจ็บป่วยและความตายจะหมดสิ้นไปภายใต้การปกครองของพระเยซูในโลกใหม่.—ยะซายา 25:6-8; 33:24; 65:20-24.
การรับประโยชน์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
20, 21. โดยส่วนตัวแล้ว เราจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากพระวิญญาณบริสุทธิ์?
20 พระวิญญาณของพระเจ้าช่างเป็นพลังทรงฤทธิ์เสียจริง ๆ! แต่คริสเตียนสมัยนี้จะทำอย่างไรเพื่อตนเองจะได้รับประโยชน์จากพระวิญญาณ? ประการแรก พระเยซูตรัสสั่งว่าเราควรอธิษฐานขอพระวิญญาณ ฉะนั้น ทำไมคุณไม่ทำเช่นนั้น? จงอธิษฐานขอพระยะโฮวาโปรดให้ของประทานอันวิเศษยิ่งนี้แก่คุณ ไม่เฉพาะในยามเดือดร้อน แต่ขอในทุกโอกาส. นอกจากนั้น จงอ่านพระคัมภีร์เพื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะพูดกับคุณ. (เทียบเฮ็บราย 3:7.) จงคิดรำพึงถึงสิ่งที่คุณอ่านและนำไปใช้ เพื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นพลังส่งผลกระทบชีวิตของคุณได้. (บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3) ยิ่งกว่านั้น จงสมาคมคบหากับบุคคลผู้ซึ่งวางใจในพระวิญญาณของพระเจ้า ทั้งในการคบหากันเป็นส่วนตัว ในประชาคม และเมื่อมีการประชุมใหญ่. พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมเสริมสร้างพลังแก่คนเหล่านั้นที่กล่าวสรรเสริญพระเจ้าของตน “ในที่ประชุม” อย่างบริบูรณ์เพียงใด!—บทเพลงสรรเสริญ 68:26.
21 พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ทรงมีพระทัยกว้างขวางมิใช่หรือ? พระองค์ตรัสว่าเราเพียงแต่ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระองค์จะประทานแก่เรา. ที่จะวางใจในสติปัญญาและกำลังเรี่ยวแรงของตัวเองนั้นนับว่าโง่ถนัดในเมื่อเราจะหาการช่วยเหลือซึ่งให้ผลมากมายเช่นนั้นได้! แต่มีสิ่งอื่น ๆ ที่พึงกระทำเกี่ยวเนื่องกับพระวิญญาณของพระเจ้าซึ่งส่งผลกระทบเราฐานะเป็นคริสเตียน. เราจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a คำพูดที่ว่า “นิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า” ปกติแล้วมักจะหมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์.—เทียบกับลูกา 11:20 และมัดธาย 12:28.
b การอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลนั้นส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์สมัยโมเซและยะโฮซูอะ, เอลียาและอะลีซา, และในสมัยพระเยซูกับพวกอัครสาวกของพระองค์.
คุณตอบคำถามต่อไปนี้ได้ไหม?
▫ พระยะโฮวาได้ทรงสร้างสสารทั้งมวลในเอกภพโดยวิธีใด?
▫ พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินการในทางใดบ้างก่อนยุคคริสเตียน?
▫ พวกเราสมัยนี้ได้รับการปลอบประโลมอย่างไรเมื่อได้ทราบถึงการสัมฤทธิ์ผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคราวโบราณ?
▫ พวกเราจะรับประโยชน์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นโดยวิธีใด?
[รูปภาพหน้า 10]
พระวิญญาณซึ่งช่วยให้ซิมโซนมีกำลังเรี่ยวแรงเกินมนุษย์ สามารถให้พลังแก่เราทำทุกสิ่งได้