การประสูติของพระเยซู—เรื่องจริง
ขอให้คิดถึงเหตุการณ์ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในประวัติศาสตร์ประเทศของคุณ. เรื่องนั้นได้รับการยืนยันอย่างดีโดยเอกสาร ได้รับการเขียนโดยนักประวัติศาสตร์มากกว่าหนึ่งคน. ตอนนี้ จะว่าอย่างไรถ้ามีคนบอกคุณว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่เป็นตำนาน? หรือพูดถึงเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่านั้น จะว่าอย่างไรถ้ามีคนอ้างว่าเรื่องส่วนใหญ่ที่ครอบครัวของคุณเล่าเกี่ยวกับการเกิดและชีวิตช่วงต้นของปู่คุณเองนั้นไม่จริง? ในแต่ละกรณี ข้อคิดเห็นนั้นเองอาจทำให้คุณขุ่นเคือง. แน่นอน คุณคงจะไม่ยอมรับคำอ้างดังกล่าวง่าย ๆ!
กระนั้น นักวิจารณ์ในทุกวันนี้โดยทั่วไปปฏิเสธบันทึกกิตติคุณเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซูโดยมัดธายและลูกา. พวกเขาบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้ขัดแย้งกันอย่างไม่มีทางแก้ไขและเข้ากันไม่ได้ และกิตติคุณทั้งสองมีเรื่องเท็จอย่างเห็นได้ชัดและมีข้อผิดพลาดทางประวัติศาสตร์. นั่นเป็นความจริงได้ไหม? แทนที่จะยอมรับข้อกล่าวหาเช่นนั้น ขอให้เราตรวจสอบดูบันทึกของกิตติคุณด้วยตัวเอง. ระหว่างนี้ ขอให้เราพิจารณาดูว่ากิตติคุณสอนอะไรแก่เราในทุกวันนี้.
จุดประสงค์ในการเขียน
แรกทีเดียวการจดจำจุดประสงค์ของเรื่องราวเหล่านี้จากคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยเรา. เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่ชีวประวัติ แต่เป็นกิตติคุณ. การแยกให้เห็นความแตกต่างนับว่าสำคัญ. ในชีวประวัติ ผู้ประพันธ์อาจใช้หน้ากระดาษหลายร้อยหน้าในการพยายามจะแสดงให้เห็นวิธีที่คนนั้นพัฒนาสู่บุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักดีทีเดียว. ดังนั้น ชีวประวัติบางเรื่องใช้หน้ากระดาษมากมายบอกรายละเอียดเกี่ยวกับบิดามารดา, การเกิด, และวัยเด็กในเรื่องราวของเขา. เกี่ยวกับกิตติคุณนั่นต่างออกไป. ในบันทึกกิตติคุณสี่เล่มนั้น กิตติคุณของมัดธายกับของลูกาเป็นสองเล่มเท่านั้นที่แจ้งให้ทราบเรื่องการประสูติและวัยเด็กของพระเยซู. อย่างไรก็ตาม เป้าประสงค์ของกิตติคุณสองเล่มนี้ไม่ใช่เพื่อแสดงว่าพระเยซูทรงพัฒนาไปอย่างไรเพื่อเป็นบุคคลอย่างที่พระองค์เป็นนั้น. อย่าลืมว่า เหล่าสาวกของพระเยซูยอมรับว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ฐานะบุคคลวิญญาณก่อนเสด็จมายังแผ่นดินโลก. (โยฮัน 8:23, 58) ดังนั้น มัดธายกับลูกาไม่ได้ใช้วัยเด็กของพระเยซูเพื่ออธิบายว่าพระองค์กลายมาเป็นบุคคลชนิดใด. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทั้งสองเล่าเหตุการณ์ที่เหมาะกับจุดประสงค์แห่งกิตติคุณของเขา.
และจุดประสงค์ในการเขียนกิตติคุณของเขาทั้งสองคืออะไร? คำ “กิตติคุณ” หมายถึง “ข่าวดี.” ทั้งสองคนมีข่าวสารเรื่องเดียวกัน คือว่าพระเยซูเป็นพระมาซีฮา หรือพระคริสต์ตามที่ทรงสัญญาไว้; พระองค์สิ้นพระชนม์เนื่องด้วยบาปของมนุษยชาติ; และพระองค์ได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์สู่สวรรค์. แต่ผู้เขียนสองคนมีภูมิหลังที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และเขียนสำหรับผู้อ่านที่ต่างกัน. มัดธายซึ่งเป็นคนเก็บภาษีทำให้เรื่องราวของเขาเหมาะกับผู้อ่านที่เป็นชาวยิวส่วนใหญ่. ลูกาซึ่งเป็นนายแพทย์เขียนถึง “ท่านเธโอฟีโล”—ผู้ซึ่งอาจมีตำแหน่งสูง—และโดยการแผ่ไปถึงผู้อ่านกว้างไกลกว่าที่ประกอบไปด้วยชาวยิวและคนต่างชาติ. (ลูกา 1:1-3) ผู้เขียนแต่ละคนเลือกเหตุการณ์ที่ตรงประเด็นมากที่สุดและดูเหมือนทำให้ผู้อ่านเฉพาะกลุ่มของเขามั่นใจมากที่สุด. ดังนั้น บันทึกของมัดธายจึงเน้นคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งสำเร็จเป็นจริงเกี่ยวกับพระเยซู. ในอีกด้านหนึ่ง ลูกาติดตามวิธีการทางประวัติศาสตร์มากกว่าซึ่งผู้อ่านที่ไม่ใช่ชาวยิวอาจยอมรับได้.
ไม่น่าแปลกใจ เรื่องของเขาต่างกัน. แต่เรื่องของคนทั้งสองไม่ได้ขัดแย้งกัน ดังที่นักวิจารณ์อ้าง. เรื่องนั้นเสริมกันและกันให้สมบูรณ์ ประสานกันอย่างยอดเยี่ยมจนก่อให้เกิดภาพที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น.
การประสูติของพระเยซูในเมืองเบธเลเฮ็ม
ทั้งมัดธายและลูกาบันทึกการอัศจรรย์ที่โดดเด่นเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู—พระองค์ประสูติจากหญิงพรหมจารี. มัดธายแสดงว่าการอัศจรรย์นี้สมจริงตามคำพยากรณ์ที่ยะซายากล่าวไว้ล่วงหน้าเป็นเวลาหลายศตวรรษ. (ยะซายา 7:14; มัดธาย 1:22, 23) ลูกาอธิบายว่าพระเยซูประสูติในเมืองเบธเลเฮ็มเนื่องจากการจดทะเบียนที่ซีซาร์กำหนดนั้นบีบให้โยเซฟกับมาเรียต้องเดินทางไปที่นั่น. (ดูกรอบในหน้า 7.) การที่พระเยซูประสูติในเมืองเบธเลเฮ็มนับว่าสำคัญ. หลายศตวรรษก่อนหน้านั้น ผู้พยากรณ์มีคาได้บอกล่วงหน้าว่าพระมาซีฮาจะมาจากเมืองที่ดูเหมือนไม่สำคัญนี้ซึ่งอยู่ใกล้กรุงยะรูซาเลม.—มีคา 5:2.
คืนที่พระเยซูประสูติกลายเป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงที่ผู้คนนำมาแสดงภาพเหตุการณ์การประสูติของพระองค์. อย่างไรก็ตาม เรื่องจริงนั้นต่างกันทีเดียวจากภาพที่มีการพรรณนาไว้บ่อยเหลือเกิน. นักประวัติศาสตร์ลูกาซึ่งบอกให้เราทราบเรื่องการสำรวจสำมะโนครัวที่พาโยเซฟกับมาเรียมาถึงเบธเลเฮ็ม ยังบอกถึงเรื่องคนเลี้ยงแกะที่อยู่กลางแจ้งกับฝูงสัตว์ของเขาในคืนที่สำคัญนั้นด้วย. สภาพการณ์สองอย่างนี้ทำให้นักค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิลหลายคนลงความเห็นว่า พระเยซูจะประสูติระหว่างเดือนธันวาคมไม่ได้. พวกเขาชี้ถึงการที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่ซีซาร์จะบีบบังคับชาวยิวที่มีแนวโน้มจะกบฏอยู่แล้วให้เดินทางไปเมืองเกิดของเขาระหว่างฤดูหนาวที่มีฝนตก ซึ่งอาจทำให้ผู้คนที่ดื้อรั้นแค้นเคืองมากขึ้น. ผู้คงแก่เรียนให้ข้อสังเกตว่า ที่ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้พอ ๆ กันก็คือการที่คนเลี้ยงแกะจะอยู่กลางแจ้งกับฝูงสัตว์ของตนในสภาพอากาศที่หนาวยะเยือกเช่นนั้น.—ลูกา 2:8-14.
โปรดสังเกตว่าพระยะโฮวาทรงเลือกที่จะประกาศการประสูติของพระบุตร มิใช่แก่ผู้นำทางศาสนาที่มีการศึกษาและมีอิทธิพลในสมัยนั้น แต่กับผู้ใช้แรงงานที่ลำบากซึ่งอยู่กลางแจ้ง. พวกอาลักษณ์และฟาริซายดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับคนเลี้ยงแกะซึ่งมีตารางเวลาทำงานไม่แน่นอนซึ่งขัดขวางเขาไว้จากการปฏิบัติตามรายละเอียดบางอย่างของกฎหมายสืบปาก. แต่พระเจ้าทรงประทานเกียรติอันใหญ่ยิ่งให้คนใจถ่อมและซื่อสัตย์เหล่านี้—เหล่าทูตสวรรค์ที่เป็นตัวแทนได้แจ้งให้พวกเขาทราบว่าพระมาซีฮาซึ่งไพร่พลของพระเจ้าได้รอคอยมาเป็นเวลาหลายพันปีนั้น เพิ่งประสูติในเมืองเบธเลเฮ็ม. ผู้ชายเหล่านี้แหละที่ได้ไปเยี่ยมมาเรียกับโยเซฟและได้เห็นทารกที่ไร้เดียงสาผู้นี้นอนอยู่ในรางหญ้า และหาใช่ “กษัตริย์สามองค์” ที่มีการแสดงไว้บ่อยครั้งทีเดียวในภาพเหตุการณ์การประสูติไม่.—ลูกา 2:15-20.
พระยะโฮวาทรงโปรดปรานผู้แสวงหาความจริงซึ่งเป็นคนใจถ่อม
พระเจ้าทรงโปรดปรานคนใจถ่อมที่รักพระองค์และสนใจอย่างแรงกล้าในการเห็นความสำเร็จเป็นจริงแห่งพระประสงค์ของพระองค์. นี่เป็นสาระสำคัญที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในเหตุการณ์แวดล้อมการประสูติของพระเยซู. ประมาณหนึ่งเดือนภายหลังการประสูติของพระกุมาร เมื่อโยเซฟกับมาเรียถวายพระองค์ ณ พระวิหารซึ่งเป็นการเชื่อฟังพระบัญญัติของโมเซ เขาทั้งสองถวาย “นกเขาคู่หนึ่งหรือลูกนกพิราบสองตัว.” (ลูกา 2:22-24) ที่จริง พระบัญญัติเรียกร้องให้ถวายแกะตัวผู้ แต่ก็เปิดโอกาสให้มีทางเลือกที่สิ้นเปลืองน้อยกว่าในกรณีที่ขัดสน. (เลวีติโก 12:1-8). ขอให้คิดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน. พระยะโฮวาพระเจ้า องค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ ทรงเลือกครอบครัวที่ไม่ร่ำรวย แต่เลือกครอบครัวยากจนเป็นแหล่งที่พระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์จะได้รับการเลี้ยงดู. หากคุณเป็นบิดาหรือมารดา เรื่องนี้ควรใช้เป็นข้อเตือนใจที่ชัดเจนว่า ของให้อันดีที่สุดที่คุณจะให้แก่ลูกคุณได้—ดียิ่งกว่าทรัพย์สมบัติฝ่ายวัตถุหรือการศึกษาอันทรงเกียรติ—นั่นคือสภาพแวดล้อมในบ้านที่จัดค่านิยมฝ่ายวิญญาณไว้เป็นอันดับแรก.
ณ พระวิหาร ผู้นมัสการที่ซื่อสัตย์และใจถ่อมอีกสองคนได้รับความโปรดปรานจากพระยะโฮวา. คนหนึ่งคืออันนา แม่ม่ายวัย 84 ปีซึ่ง “มิได้ [ขาด, ล.ม.] ไปจากโบสถ์เลย.” (ลูกา 2:36, 37) อีกคนหนึ่งเป็นชายชราที่ซื่อสัตย์ชื่อซิมโอน. ทั้งสองตื่นเต้นในสิทธิพิเศษที่พระเจ้าทรงประทานให้เขา—ก่อนเสียชีวิตได้เห็นผู้ที่จะเป็นพระมาซีฮาที่ทรงสัญญาไว้. ซิมโอนกล่าวคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระกุมารนั้น. เป็นคำพยากรณ์ที่เปี่ยมด้วยความหวัง ทว่าแฝงด้วยความเศร้าโศก. เขาบอกล่วงหน้าว่า สักวันหนึ่งมาเรียมารดาสาวผู้นี้จะถูกทิ่มแทงด้วยความเศร้าระทมเนื่องจากบุตรที่รักของเธอ.—ลูกา 2:25-35.
พระกุมารตกอยู่ในอันตราย
คำพยากรณ์ของซิมโอนเป็นข้อเตือนใจที่น่ากลัวที่ว่าพระกุมารไร้เดียงสาผู้นี้จะกลายเป็นเป้าของความเกลียดชัง. แม้แต่ขณะเป็นทารกอยู่ ความเกลียดชังนี้ก็มีผลกระทบอยู่แล้ว. เรื่องราวของมัดธายให้รายละเอียดว่าเป็นเช่นนั้นโดยวิธีใด. หลายเดือนผ่านไป ตอนนี้โยเซฟกับมาเรีย และพระเยซูอาศัยอยู่ในบ้านที่เบธเลเฮ็ม. พวกเขาได้ต้อนรับการมาเยือนของชาวต่างประเทศบางคนโดยมิได้คาดหมาย. ทั้ง ๆ ที่ภาพเหตุการณ์การประสูติแสดงไว้นับไม่ถ้วน มัดธายไม่ได้ระบุว่าคนเหล่านี้ที่มามีจำนวนเท่าไร ทั้งมิได้เรียกพวกเขาว่า “ปราชญ์” อย่าว่าแต่ “กษัตริย์สามองค์” เลย. เขาใช้คำภาษากรีกมาʹกี ซึ่งหมายถึง “นักโหราศาสตร์.” แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็น่าจะให้ร่องรอยแก่ผู้อ่านแล้วว่า สิ่งที่ชั่วร้ายกำลังเกิดขึ้นที่นี่ เพราะโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่พระคำของพระเจ้าตำหนิและชาวยิวที่ซื่อสัตย์หลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด.—พระบัญญัติ 18:10-12; ยะซายา 47:13, 14.
นักโหราศาสตร์เหล่านี้ได้ติดตามดาวดวงหนึ่งมาจากทิศตะวันออกและนำของขวัญมาให้ “ผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ชาติยูดาย.” (มัดธาย 2:2) แต่ดาวนั้นไม่ได้นำพวกเขาไปที่เบธเลเฮ็ม. ดาวนั้นพาพวกเขาสู่กรุงยะรูซาเลมไปถึงเฮโรดมหาราช. ไม่มีใครในโลกซึ่งมีทั้งอำนาจและเจตนารมณ์จะทำร้ายพระเยซูผู้เยาว์วัยเท่าเฮโรดมี. ชายผู้ทะเยอทะยานและเหี้ยมโหดคนนี้ได้สังหารสมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิดของตนหลายคนซึ่งเขาถือว่าเป็นภัยคุกคาม.a เพราะรู้สึกกังวลเมื่อได้ยินเรื่องการประสูติของ “กษัตริย์ชาติยูดาย” ในอนาคต เขาจึงรีบจัดการให้นักโหราศาสตร์ไปพบท่านผู้นั้นในเบธเลเฮ็ม. ขณะที่พวกเขาไป เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น. “ดาว” ซึ่งนำพวกเขาเดินทางสู่กรุงยะรูซาเลมดูเหมือนจะเคลื่อนที่.—มัดธาย 2:1-9.
ดาวนี้เป็นดวงสว่างจริง ๆ ในท้องฟ้าหรือไม่ หรือเป็นเพียงนิมิต เราไม่ทราบ. แต่เรารู้แน่ว่า “ดาว” นี้มิได้มาจากพระเจ้า. ด้วยความแม่นยำที่ส่อไปในทางร้าย ดาวนั้นนำผู้นมัสการนอกรีตเหล่านี้ตรงไปหาพระเยซู—เด็กที่ถูกทำร้ายได้ง่ายและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ซึ่งได้รับการปกป้องจากช่างไม้ที่ยากจนกับภรรยาของเขาเท่านั้น. นักโหราศาสตร์ซึ่งเป็นผู้ถูกเฮโรดหลอกโดยไม่รู้ตัว มีท่าว่าจะกลับไปรายงานต่อกษัตริย์ผู้คั่งแค้น ซึ่งจะนำไปสู่การสังหารเด็กนั้น. ทว่าพระเจ้าทรงเข้าแทรกแซงโดยความฝันแล้วส่งพวกเขากลับบ้านโดยใช้อีกเส้นทางหนึ่ง. ดังนั้นแล้ว “ดาว” คงต้องเป็นแผนของซาตานศัตรูของพระเจ้าซึ่งจะดำเนินการใด ๆ ก็ตามที่เป็นไปเพื่อทำอันตรายพระมาซีฮา. ช่างน่าขันสักเพียงไรที่มีการแสดง “ดาว” นั้นและนักโหราศาสตร์ฐานะเป็นทูตของพระเจ้าในภาพเหตุการณ์การประสูติ!—มัดธาย 2:9-12.
กระนั้น ซาตานมิได้เลิกรา. กษัตริย์เฮโรดซึ่งเป็นเครื่องมือของมันในเรื่องนี้ได้สั่งให้สังหารเด็กทุกคนในเบธเลเฮ็มที่อายุต่ำกว่าสองขวบ. แต่ซาตานไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้กับพระยะโฮวาได้. มัดธายได้ชี้ชัดว่าพระเจ้าทรงมองเห็นล่วงหน้านานมาแล้วกระทั่งการสังหารหมู่เด็กที่ไร้เดียงสานั้นอย่างชั่วร้าย. พระยะโฮวาทรงตอบโต้ซาตานอีกครั้ง ทรงเตือนโยเซฟโดยทางทูตสวรรค์ให้หนีไปอียิปต์เพื่อความปลอดภัย. มัดธายรายงานว่าหลังจากชั่วระยะหนึ่งโยเซฟได้ย้ายครอบครัวเล็ก ๆ ของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้วในที่สุดก็ตั้งรกรากอยู่เมืองนาซาเร็ธ ที่นั่นพระเยซูเติบโตขึ้นพร้อมกับเหล่าน้องชายและน้องสาวของพระองค์.—มัดธาย 2:13-23; 13:55, 56.
การประสูติของพระคริสต์—หมายความอย่างไรสำหรับคุณ
คุณเองรู้สึกค่อนข้างจะประหลาดใจไหมจากการสรุปเช่นนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์แวดล้อมการประสูติและช่วงต้น ๆ วัยเด็กของพระเยซู? หลายคนประหลาดใจ. พวกเขาประหลาดใจที่พบว่าเรื่องราวต่าง ๆ ประสานกันและถูกต้องอย่างแท้จริง ทั้ง ๆ ที่บางคนยืนยันตรงกันข้ามอย่างชัด ๆ. พวกเขารู้สึกประหลาดใจที่เรียนรู้ว่าเหตุการณ์บางอย่างได้รับการบอกล่วงหน้าไว้หลายร้อยปี. และพวกเขาประหลาดใจที่สภาพแวดล้อมสำคัญบางอย่างในกิตติคุณนั้นต่างกันอย่างเด่นชัดจากภาพวาดในเรื่องราวการประสูติที่สืบทอดมาตามประเพณีและภาพเหตุการณ์การประสูติของพระคริสต์.
แต่บางทีที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ การที่ส่วนใหญ่ของการฉลองคริสต์มาสตามประเพณีนั้นข้ามจุดสำคัญของเรื่องที่บรรยายในกิตติคุณไป. ตัวอย่างเช่น แทบจะไม่มีการคำนึงถึงพระบิดาของพระเยซูเลย—ซึ่งไม่ใช่โยเซฟ แต่เป็นพระยะโฮวาพระเจ้า. ขอให้นึกถึงความรู้สึกของพระองค์ในการมอบพระบุตรที่รักให้โยเซฟกับมาเรียเพื่อให้อบรมและเลี้ยงดูพระบุตรนั้น. ขอให้คิดถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของพระบิดาทางภาคสวรรค์ในการยอมให้พระบุตรเติบโตขึ้นในโลกที่มีกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชังจะวางแผนสังหารพระบุตรนั้นแม้แต่ตอนที่เป็นแค่เด็กด้วยซ้ำ! ความรักอย่างลึกซึ้งต่อมนุษยชาตินั่นเองที่กระตุ้นพระยะโฮวาให้ทำการเสียสละเช่นนี้.—โยฮัน 3:16.
บ่อยครั้งพระเยซูองค์ที่แท้จริงขาดหายไปในการฉลองคริสต์มาส. ไม่มีบันทึกว่าพระองค์เคยตรัสแก่สาวกเรื่องวันเดือนปีที่พระองค์ประสูติด้วยซ้ำ ทั้งไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่าเหล่าสาวกฉลองวันประสูติของพระองค์.
หาใช่การประสูติของพระเยซูไม่ แต่เป็นการวายพระชนม์ของพระองค์ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ต่างหากที่พระองค์ทรงบัญชาให้เหล่าสาวกฉลองเพื่อระลึกถึง. (ลูกา 22:19, 20) เปล่าเลย มิใช่ในฐานะทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ในรางหญ้าที่พระเยซูทรงประสงค์ให้รำลึกถึง เพราะตอนนี้พระองค์ไม่อยู่ในสภาพเช่นนั้นอีกต่อไป. มากกว่า 60 ปีหลังจากการประหารชีวิตของพระองค์ พระเยซูทรงเปิดเผยพระองค์เองในนิมิตแก่อัครสาวกโยฮันในฐานะพระมหากษัตริย์องค์เกรียงไกรทรงม้าเข้าสู่สงคราม. (วิวรณ์ 19:11-16) ในบทบาทนี้แหละ ฐานะผู้ปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าทางภาคสวรรค์ที่เราต้องรู้จักพระเยซูในทุกวันนี้ เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงโลก.
[เชิงอรรถ]
a ที่จริง ซีซาร์เอากุสตุสตั้งข้อสังเกตว่าเป็นหมูของเฮโรดก็ยังปลอดภัยกว่าเป็นบุตรชายของเฮโรด.
[กรอบ/ภาพหน้า 7]
ลูกาผิดพลาดไปหรือ?
พระเยซูซึ่งเจริญวัยในเมืองนาซาเร็ธและรู้จักกันทั่วไปว่าเป็นชาวนาซาเร็ธ จะประสูติในเมืองเบธเลเฮ็ม ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 150 กิโลเมตรได้อย่างไร? ลูกาอธิบายว่า “อยู่มาคราวนั้น [ก่อนการประสูติของพระเยซู] มีคำสั่งจากกายะซาออฆูซะโตให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน. นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัวเมื่อกุเรเนียวเป็นเจ้าเมืองซุเรีย. คนทั้งปวงต่างคนต่างได้ไปลงทะเบียนยังเมืองของตน.”—ลูกา 1:1; 2:1-3.
นักวิจารณ์โจมตีตอนนี้เป็นส่วนมากว่าเป็นความผิดพลาด หรือซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นบอกว่าเป็นการปั้นเรื่องขึ้น. พวกเขายืนกรานว่าการจดทะเบียนสำมะโนครัวนี้และช่วงระยะดำรงตำแหน่งของกุเรเนียวเกิดขึ้นในปี ส.ศ. 6 หรือ 7. ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายถูก เรื่องนี้จะก่อให้เกิดความสงสัยไม่ใช่เล่นในเรื่องราวของลูกา เพราะหลักฐานบ่งชี้ว่าพระเยซูประสูติในปี 2 ก.ส.ศ. แต่นักวิจารณ์เหล่านี้มองข้ามข้อเท็จจริงที่สำคัญสองอย่างไป. ประการแรก ลูกายอมรับว่ามีการจดทะเบียนสำมะโนครัวมากกว่าหนึ่งครั้ง—โปรดสังเกตว่าท่านอ้างถึงว่า “นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว.” ท่านทราบดีถึงการจดทะเบียนอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง. (กิจการ 5:37) การจดทะเบียนในภายหลังนี้เป็นครั้งเดียวกันกับที่นักประวัติศาสตร์โยเซฟุสได้พรรณนาไว้ ซึ่งเกิดขึ้นในปี ส.ศ. 6. ประการที่สอง ช่วงระยะการดำรงตำแหน่งของกุเรเนียวมิได้บีบบังคับเราให้กำหนดการประสูติของพระเยซูในวันเดือนปีที่ล่าเช่นนั้น. เพราะเหตุใด? เพราะโดยอาศัยหลักฐานที่หาได้ กุเรเนียวดำรงตำแหน่งนั้นสองครั้ง. ผู้คงแก่เรียนหลายคนยอมรับว่าช่วงระยะการดำรงตำแหน่งครั้งแรกของเขาครอบคลุมไปถึงปี 2 ก.ส.ศ.
นักวิจารณ์บางคนบอกว่าลูกาแต่งเรื่องการจดทะเบียนสำมะโนครัวขึ้นเพื่อทำให้มีเหตุผลที่พระเยซูจะประสูติในเมืองเบธเลเฮ็ม โดยวิธีนี้ทำให้คำพยากรณ์ในมีคา 5:2 สำเร็จเป็นจริง. ข้อคิดเห็นนี้ทำให้ลูกาเป็นคนโกหกโดยเจตนา และไม่มีนักวิจารณ์คนใดสามารถทำให้ข้ออ้างดังกล่าวสอดคล้องกับนักประวัติศาสตร์ที่ละเอียดรอบคอบซึ่งเขียนกิตติคุณและพระธรรมกิจการ.
อะไรอื่นบางอย่างที่นักวิจารณ์ไม่สามารถอธิบายได้คือ การจดทะเบียนสำมะโนครัวนั้นเองทำให้คำพยากรณ์ข้อหนึ่งสำเร็จเป็นจริง! ในศตวรรษที่หก ก.ส.ศ. ดานิเอลได้พยากรณ์ถึงผู้ปกครองคนหนึ่งซึ่งจะ “ส่งเจ้าพนักงานเก็บส่วยให้ไปตลอดทั่วราชอาณาจักรอันรุ่งโรจน์.” ข้อนี้นำมาใช้ได้กับเอากุสตุสและคำสั่งของเขาที่ให้ดำเนินการจดทะเบียนสำมะโนครัวในยิศราเอลไหม? คำพยากรณ์บอกล่วงหน้าต่อไปว่า พระมาซีฮา หรือ “เจ้าแห่งพันธสัญญา” จะถูก “ทำลายเสีย” ระหว่างรัชสมัยของผู้สืบตำแหน่งของผู้ปกครองคนนี้. พระเยซูถูก “ทำลายเสีย” อย่างแท้จริง ถูกประหารชีวิต ระหว่างรัชสมัยของติเบเรียว (ติเบริอุส) ผู้สืบตำแหน่งของเอากุสตุส.—ดานิเอล 11:20-22, ฉบับแปลใหม่.
[รูปภาพหน้า 7]
ซีซาร์ เอากุสตุส (27 ก.ส.ศ.–ส.ศ. 14)
ติเบริอุส ซีซาร์ (ส.ศ. 14-37)
[ที่มาของภาพ]
Musée de Normandie, Caen, France
Photograph taken by courtesy of the British Museum
[รูปภาพหน้า 8]
ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกข่าวดีเรื่องการประสูติของพระคริสต์แก่คนเลี้ยงแกะที่มีใจถ่อม