อะกอรา—บริเวณสำคัญของเอเธนส์โบราณ
สังคมปัญญาชนในเอเธนส์อยู่ในสภาพเอะอะอึกทึก! มีการโฆษณาแนวคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอในอะกอราหรือตลาดของเมืองกรีกนั้น. อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นับว่าต่างออกไปทีเดียว. ชายยิวคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงในเมือง ดูเหมือนเป็น “ผู้เผยแพร่พระต่างประเทศ.” เขากล่าวถ้อยคำที่น่าสนใจต่อ “คนทั้งหลายซึ่งอยู่ที่นั่นพอดี.” พวกเอปีกูเรียวที่หยิ่งยโสกับพวกซะโตอิกที่มีสีหน้าเคร่งขรึมถามว่า “คนเก็บเดนความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้จะใคร่มาพูดอะไรให้เราฟังอีกเล่า.” แท้จริง อะกอราของเอเธนส์เป็นสถานที่เหมาะ สำหรับจัดการโต้วาทีอย่างเปิดเผยในหัวเรื่องต่าง ๆ ร้อยแปด. แต่การนำพระที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามานั้น—มันมากไป!—กิจการ 17:17, 18, ล.ม.
นั่นเป็นปฏิกิริยาหวาดระแวงของชาวเอเธนส์เมื่ออัครสาวกเปาโลเริ่มเผยแพร่เป็นครั้งแรกในอะกอราของเอเธนส์. ท่านกล่าวถึงพระเยซูคริสต์และการกลับเป็นขึ้นจากตาย. แต่สำหรับวัฒนธรรมของเอเธนส์ที่ดูเหมือนเปิดรับความคิดใหม่ ๆ นั้น สิ่งที่ผิดปกติจริง ๆ เกี่ยวกับการนำแนวคิดใหม่เช่นนั้นเข้ามาในอะกอราคืออะไร?
เอเธนส์ได้จัตุรัสสาธารณะ
สิ่งที่ผิดธรรมดาจริง ๆ คืออะกอรานั่นเองและบทบาทสำคัญในชีวิตทางศาสนาและชีวิตในชุมชนของชาวเอเธนส์. อะกอราของเอเธนส์เป็นบริเวณเอียงลาดเล็กน้อยมีเนื้อที่ประมาณ 62.5 ไร่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอะโครโปลิส. ดูเหมือนว่าต้นศตวรรษที่หกก่อนสากลศักราช ระหว่างช่วงชีวิตของโซลอนรัฐบุรุษและผู้ออกกฎหมายของเอเธนส์ มีการกำหนดให้ที่ดินผืนนี้เป็นสถานที่ของจัตุรัสสาธารณะประจำเมือง. การตั้งระบอบประชาธิปไตยในเอเธนส์ พร้อมด้วยมีการเน้นมากขึ้นในเรื่องวิถีชีวิตของพลเมือง ก่อให้เกิดการปลูกสร้างอย่างขนานใหญ่ระหว่างปีต้น ๆ ของศตวรรษต่อมา. นี่ทำให้อะกอรามีชีวิตชีวาและมีบทบาทสำคัญมากขึ้น.
คำภาษากรีกอะกอราʹ มีรากศัพท์อยู่ในคำกริยาที่หมายถึง “ชุมนุม, รวมกลุ่ม.” นี่ทำให้เหมาะที่จะใช้อะกอราเป็นสถานที่ประชุมสำคัญของเมือง. อะกอรากลายเป็นศูนย์รวมของกิจการต่าง ๆ ทางสังคมและชีวิตในชุมชน. อะกอราเป็นที่ตั้งของฝ่ายปกครองพลเมืองและฝ่ายตุลาการ, สถานที่สำคัญของการตลาดและธุรกิจ, เวทีการแสดงที่เสนอละครของกรีก, สถานที่จัดการแสดงทางกีฬา, และสถานประชุมอันเป็นที่ชื่นชอบสำหรับการอภิปรายที่แสดงถึงเชาวน์ปัญญา.
คุณอยากเที่ยวชมทั่วซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ของวิหาร, เสาระเบียง, รูปปั้น, อนุสาวรีย์, และสาธารณสถานต่าง ๆ ในอะกอราของเอเธนส์ไหม? ในการพยายามจะตรวจสอบดูอดีตของอะกอรา ขอให้เราละเสียงอึกทึกและความวุ่นวายของเมืองสมัยปัจจุบันไว้เบื้องหลังแล้วเดินไปตามทางที่เป็นกรวด ท่ามกลางความเงียบสงัดของซากปรักหักพังของหินอ่อน, หินแกะสลัก, และประตูทางเข้าที่พังซึ่งปกคลุมด้วยวัชพืชและสมุนไพรป่า.
วิหาร, ศาลเจ้า, และเทพเจ้าผู้พิทักษ์
ผู้มาเยือนได้รับความประทับใจจากการพบเห็นวิหาร, ศาลเจ้า, และอารามมากมายที่อุทิศให้กับเทพเจ้าต่าง ๆ. สิ่งเหล่านี้เคยทำให้อะกอราเป็นศูนย์กลางสำคัญของการนมัสการ เป็นรองก็แต่อะโครโปลิสเท่านั้น. ระหว่างยุคทองของเอเธนส์โบราณ ศาสนาได้แทรกซึมทุกแง่มุมของชีวิตในชุมชน. นี่ย่อมหมายความว่าเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ได้รับการระบุฐานะเป็น “เทพเจ้าผู้พิทักษ์” แห่งสถาบันต่าง ๆ ของรัฐและบริการด้านการปกครองถูกมอบให้มีวิหารเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ในอะกอรา.
ที่มีชื่อเสียงในบรรดาสิ่งก่อสร้างเหล่านี้คือวิหารฮิเฟสทุส. เทพธิดาอะเธนาเกี่ยวข้องกับฮิเฟสทุส. มีการนมัสการทั้งเทพเจ้าและเทพธิดานี้ฐานะผู้พิทักษ์แห่งศิลปะและวิชาช่าง. การค้นพบทางโบราณคดีเกี่ยวกับการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์โลหะและการทำเครื่องปั้นดินเผารอบ ๆ วิหารนี้ได้รับการระบุว่าเป็นของฮิเฟสทุส เทพเจ้าแห่งศิลปะของกรีกที่เรียกไฟมาใช้. บางทีในศตวรรษที่เจ็ดสากลศักราช วิหารที่ได้รับการรักษาอย่างดีนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโบสถ์กรีกออร์โทด็อกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ถึงแม้ไม่ได้ใช้โบสถ์ดังกล่าวแบบนั้นในปัจจุบันแล้วก็ตาม.
แน่นอน อะกอราต้องมีเทพเจ้าผู้พิทักษ์ด้วย. ผู้นี้คือเซอุส อะกอเรออส ผู้ที่เข้าใจกันว่าเป็นแรงบันดาลใจของศิลปะการพูดซึ่งได้รับการอุทิศแท่นบูชาที่แกะสลักจากหินอ่อนเพนเทลิกอันล้ำค่าประดับตกแต่งอย่างงดงาม. (เทียบกับกิจการ 14:11, 12.) แท่นบูชาแม่แห่งเทพเจ้าทั้งหลายที่อยู่ใกล้ ๆ นั้นมีอนุสาวรีย์วีรบุรุษขนาบข้างเป็นทิวแถวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ.
ห่างออกไปเล็กน้อย เราพบวิหารเล็ก ๆ แบบไอออนิก. นักภูมิศาสตร์ชื่อพอซาเนียสได้ระบุว่านั่นเป็นวิหารของอะพอลโล ผู้เป็นบิดา. เพราะเหตุใด? เพราะตามตำนานกรีกโบราณ เขาเป็นบิดาของไอออน ผู้เริ่มต้นเผ่าไอโอเนียนซึ่งชาวเอเธนส์ก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย.a ในตำแหน่งนี้ อะพอลโลจึงเป็นหนึ่งในเทพเจ้าผู้พิทักษ์องค์การฝ่ายปกครองของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับชมรมมากมายที่มีอยู่ในเมืองนั้น.
เราเห็นซากหินปูนของวิหารที่เล็กกว่า สร้างขึ้นระหว่างกลางศตวรรษที่สี่ก่อนสากลศักราชอยู่ติดกันขึ้นไปทางเหนือ. ที่นี่มีการนมัสการเซอุสกับอะเธนา ฟาทรีออส เทพเจ้าและเทพธิดาสำคัญแห่งชมรมทางศาสนาของบรรพบุรุษ. การเป็นสมาชิกในชมรมเหล่านี้แทบจะเป็นเงื่อนไขสำคัญอันดับแรกของการเป็นพลเมืองเอเธนส์. เพียงข้ามถนนไป เราก็พบซากแท่นบูชาของเทพเจ้าสิบสององค์.
ในเฉลียงของเซอุส เอลิวเธเรียสที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น มีการให้เกียรติเทพเจ้าองค์สำคัญของกรีกอีก คราวนี้ฐานะเทพเจ้าแห่งเสรีภาพและการปลดปล่อย. เฉลียงที่มีเสาเรียงเป็นแถวนี้เป็นสถานที่เดินเล่นและสถานที่ประชุมซึ่งนิยมกัน. กล่าวกันว่าโสกราตีสนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงได้พบกับเพื่อน ๆ ในเฉลียงนี้ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาสามารถนั่งคุยกันหรือเดินเล่น. มีการอุทิศและการถวายสิ่งของมากมายเพื่อประดับเฉลียงนี้ เช่น โล่ของนักรบซึ่งเสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อป้องกันเอเธนส์ไว้ มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับการช่วยนครนี้ให้พ้นจากศัตรูหรือการรักษาอิสรภาพของนครไว้.
ทางสายพานาทินเนียน
ถนนกว้างที่เป็นกรวดซึ่งมีชื่อว่าทางสายพานาทินเนียนตัดผ่านอะกอราเป็นเส้นทะแยงมุม. ชื่อและลักษณะพิเศษของถนนนี้ได้มาจากการฉลองประจำชาติของเอเธนส์ คือพานาทินเนีย. ระหว่างการฉลองนี้มีการถือผ้าคลุมหน้าของเทพธิดาอะเธนาไปตามถนนสายนี้ตั้งแต่สำนักจัดขบวนแห่ (อยู่ติดประตูเมือง) ไปจนถึงอะโครโปลิส. ลายแกะสลักบนเสาพาร์ทีนอนช่วยเราให้นึกภาพความโอฬารและความสง่างามของขบวนแห่การฉลองที่ประกอบด้วยทหารม้า, รถม้าสำหรับแข่ง, วัวและแกะที่ใช้บูชายัญ, ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการบูชายัญ. เพื่อความสะดวกของชาวเมืองเอเธนส์กับแขกของพวกเขาที่เฝ้าดูขบวนแห่ สถาปนิกได้ทำการจัดเตรียมให้มีที่กว้างพอเมื่อออกแบบอะกอรา. ตัวอย่างเช่น เฉลียงที่มีเสาเรียงรายพร้อมกับด้านหน้าที่ลดหลั่นและบันไดมีการกำหนดตำแหน่งไว้อย่างชำนาญแบบที่สัมพันธ์กับเส้นทางที่ขบวนแห่ผ่านไป. บันไดจำนวนมากที่เจาะเข้าไปในด้านหน้าระเบียงนั้นสามารถจุผู้ชมจำนวนมากมายได้.
‘เต็มไปด้วยรูปเคารพ’
โดยที่มีวิหาร, รูปปั้น, และอนุสาวรีย์มากมายจริง ๆ รวมกันอยู่ จึงไม่น่าแปลกที่อัครสาวกเปาโล “มีความเดือดร้อนวุ่นวายใจเพราะได้เห็นรูปเคารพเต็มไปทั้งเมือง.” (กิจการ 17:16) สิ่งที่เปาโลสังเกตเห็นขณะเข้าไปในอะกอราคงต้องทำให้ท่านตกตะลึง. รูปปั้นลึงค์ของเทพเจ้าเฮอมีสมีจำนวนมากจนกระทั่งต้องใช้พื้นที่เฉลียงที่รู้จักกันว่าเฉลียงของเฮอร์มีสทั้งเฉลียงทำเป็นที่เก็บรูปเหล่านั้น. เสื้อผ้าอาภรณ์ของรูปปั้นอื่นของเฮอร์มีสที่ทาสีมีภาพสวัสดิกะ—สัญลักษณ์ของการแพร่พันธุ์และชีวิต. ที่นั่นมีรูปปั้นของวีนัส เจเนทริกซ์ เทพธิดาแห่งความรักทางกามารมณ์ อีกทั้งรูปปั้นของไดโอนิซุสซึ่งมีไม้กางเขนรูปลึงค์จำนวนมาก. ที่บ่งบอก “ความศักดิ์สิทธิ์” ของอะกอราคือหินที่เป็นเส้นแบ่งเขตซึ่งมีอ่างบรรจุน้ำ “ศักดิ์สิทธิ์” สำหรับการชำระตัวตามพิธีกรรมของบรรดาคนเหล่านั้นที่เข้าไปในบริเวณนั้น.
เมื่อคำนึงถึงบรรยากาศที่เคร่งศาสนาอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น เราสามารถเข้าใจได้ง่ายว่าทำไมเปาโลจึงอยู่ในฐานะอันตรายอย่างยิ่ง. ท่านถูกสงสัยว่าเป็น “คนนำพระต่างประเทศเข้ามา” และกฎหมายในสมัยนั้นกำหนดว่า ‘ใครจะนับถือพระเจ้าใด ๆ ที่ต่างออกไปหรือพระเจ้าองค์ใหม่ไม่ได้; ทั้งเขาจะนมัสการพระต่างประเทศใด ๆ เป็นส่วนตัวไม่ได้นอกจากจะมีการอนุญาตพระเหล่านั้นอย่างเปิดเผย.’ ดังนั้นแล้ว ไม่น่าแปลกที่อัครสาวกถูกพาตัวไปศาลากลางบนเขาอาเรียวเพื่อซักถาม.—กิจการ 17:18, 19.
ศูนย์กลางการปกครอง
อาคารทรงกลมที่มีชื่อว่าทอลอสเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลเอเธนส์. เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารหลายคนของเมือง จะนอนในอาคารนี้ตอนกลางคืนเพื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบอยู่พร้อมเสมอ. เครื่องชั่งตวงวัดที่เป็นมาตรฐานถูกเก็บรักษาไว้ในทอลอส. อาคารสำหรับแผนกต่าง ๆ ของฝ่ายปกครองตั้งอยู่ใกล้เคียง. สภาที่ประชุม ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ขุดเจาะเนินเขาให้เป็นชั้นลดหลั่น ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทอลอส. ที่นั่น สมาชิกของสภา 500 จัดการประชุมคณะกรรมาธิการและตระเตรียมการออกกฎหมายสำหรับสภาสามัญ.
อาคารฝ่ายการปกครองที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือเฉลียงหลวง. ข้าหลวงของเอเธนส์—หนึ่งในผู้บริหารที่สำคัญสามคนของนครประจำอยู่ที่นั่น. จากที่นั่นเขาจัดการหน้าที่รับผิดชอบในการปกครองหลายอย่างที่เกี่ยวกับทั้งเรื่องศาสนาและเรื่องกฎหมาย. โสกราตีสคงถูกเรียกให้ปรากฏตัวที่บริเวณนี้แหละเมื่อเขาถูกกล่าวหาว่าไม่บูชาพระเจ้า. มีการสลักกฎหมายของเอเธนส์ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษลงบนผนังของอาคารที่หันไปทางเฉลียงหลวง. บนหินที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของอาคารโอ่อ่าหลังเดียวกันนี้ ผู้ปกครองหรือผู้บริหารคนสำคัญยืนกล่าวคำปฏิญาณในการรับตำแหน่งของเขาทุกปี.
เฉลียงของแอททาลุส
อาคารที่ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในอะกอราคือเฉลียงของแอททาลุส. ขณะเป็นชายหนุ่ม แอททาลุส กษัตริย์ของเปอร์กามุม (ศตวรรษที่สองก่อนสากลศักราช) ได้เล่าเรียนในสถานศึกษาต่าง ๆ ของเอเธนส์ เช่นเดียวกับเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ ในราชวงศ์ต่าง ๆ แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. เมื่อขึ้นครองราชย์ เขาได้ให้ของขวัญอันล้ำค่านี้ซึ่งก็คือเฉลียงของแอททาลุส แก่เมืองที่เขาสำเร็จการศึกษา.
เฉลียงแอททาลุสนี้ส่วนใหญ่ใช้เป็นสถานที่เดินเล่นที่สวยงามมีที่กำบังแดดและฝนสำหรับการคบหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างไม่เป็นทางการ. พื้นและลานของเฉลียงนี้เป็นบริเวณที่ดีเยี่ยมในการมองดูขบวนแห่ ขณะเดียวกัน เนื่องจากสถานที่นี้เป็นที่นิยมในการเดินเล่นคงต้องเป็นศูนย์การค้าที่ประสบความสำเร็จด้วยแน่ ๆ. พวกพ่อค้าคงเช่าร้านจากรัฐจนอาคารนั้นเป็นแหล่งรายได้ของรัฐ.
เนื่องจากได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพเดิม เฉลียงของแอททาลุสจึงให้ตัวอย่างดีเลิศของการออกแบบรูปทรงเรขาคณิต. สัดส่วนโดยรวมของเฉลียงนี้ ความแตกต่างระหว่างเสากลมแถวล่างและแถวบนในอัตราส่วนที่พอดี ความสัมพันธ์อย่างน่าทึ่งของแสงเงา และความวิจิตรงดงามของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ทั้งหมดล้วนทำให้อาคารนี้หาที่เปรียบไม่ได้. มีการลดความซ้ำซากลงในหลายหลากวิธี ที่เด่นชัดก็โดยการใช้เสากลมที่มียอดต่างกันสามแบบ คือแบบดอริก, แบบไอโอเนียน, และแบบอียิปต์.
สถานที่สำหรับกิจกรรมทางวัฒนธรรม
อาคารที่ใช้เป็นเวทีสำหรับเหตุการณ์สำคัญทางวัฒนธรรมหลายอย่างในเอเธนส์คือโรงแสดงดนตรี. นั่นเป็นของขวัญจากวีพซานยุส อะกริพพา บุตรเขยของเอากุสตุสจักรพรรดิโรมัน. บริเวณส่วนหน้าของโรงปูด้วยหินอ่อนหลากสี. ห้องประชุมซึ่งมีที่นั่งจุได้ประมาณ 1,000 ที่ มีความกว้างประมาณ 25 เมตรและเดิมทีมุงด้วยหลังคาโดยไม่มีเสาค้ำภายใน. นี่เป็นหนึ่งในบรรดาการทดลองที่อาจหาญที่สุดในการมุงหลังคาเท่าที่รู้กันในโลกสมัยโบราณ! อย่างไรก็ตาม ความบันเทิงส่วนใหญ่ซึ่งแสดงที่นั่นคงเป็นที่น่าสงสัยสำหรับคริสเตียนแท้ซึ่งมีมาตรฐานทางศีลธรรมสูงส่ง.—เอเฟโซ 5:3-5.
เป็นไปได้ที่คนอยากรู้อยากเห็นในสมัยโบราณจะไปเยือนหอสมุดแห่งพานเทนอส. ผนังของหอนั้นเต็มไปด้วยตู้เก็บม้วนพาไพรัสและแผ่นหนังที่เขียนด้วยมือ. ห้องใหญ่ของหอสมุดหันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งมีลานระเบียงที่มีเสาตั้งเรียงราย—เป็นสถานที่น่าเพลิดเพลินสำหรับเดินเล่น, อ่านหนังสือ, หรือคิดรำพึง. มีการพบคำจารึกเกี่ยวกับกฎของห้องสมุดสองข้อ. กฎเหล่านั้นมีว่า “ห้ามเอาหนังสือออกไป” และ “[ห้องสมุด] เปิดตั้งแต่หนึ่งโมงถึงหกโมง.”
อะกอราในปัจจุบัน
ในไม่กี่ปีมานี้ มีการขุดค้นอะกอราเกือบจะทั้งหมดโดยวิทยาลัยของอเมริกาที่ศึกษาอารยธรรมกรีกโบราณ. ตั้งอยู่อย่างสงบใต้ร่มเงาของอะโครโปลิสที่สูงตระหง่าน อะกอรากลายเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งต้องการพิจารณาประวัติของเอเธนส์โบราณอย่างรวบรัด.
ตลาดของเก่าที่มีชื่อว่ามอนาสทีราคีซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นั้น—โดยเดินอย่างสบาย ๆ จากอะกอราและอะโครโปลิสไปเล็กน้อย—เป็นขั้นตอนเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่มีเสน่ห์ตรึงใจ. ที่แห่งนั้นทำให้ผู้มาเยือนประหลาดใจทว่าทำให้ยินดีเมื่อได้เห็นขนบธรรมเนียมพื้นบ้านของกรีกและการซื้อขายกับการต่อรองราคาตามแบบตลาดตะวันออกกลาง. และแน่นอน ผู้มาเยือนจะเห็นพยานพระยะโฮวาที่นั่นทำในสิ่งเดียวกันกับที่อัครสาวกเปาโลได้ทำเมื่อ 1,900 กว่าปีมาแล้วด้วยความชื่นบานยินดี นั่นคือเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรอย่างเปิดเผย ‘แก่คนเหล่านั้นซึ่งอยู่ที่นั่นพอดี.’
[เชิงอรรถ]
a ชื่อไอโอเนียนมาจากชื่อของยาวาน บุตรชายของยาเฟ็ธและเป็นหลานของโนฮา.—เยเนซิศ 10:1, 2, 4, 5.
[กรอบหน้า 28]
การค้าในกรุงเอเธนส์
อะกอราใช่ว่าเป็นเพียงศูนย์กลางของปัญญาชนและพลเมืองแห่งกรุงเอเธนส์เท่านั้น แต่ยังเป็นตลาดดั้งเดิมของเมืองนั้นด้วย. เอเธนส์กลายเป็นศูนย์กลางของการค้า มีชื่อเสียงทั้งในด้านค่าของเงินตราที่แข็งและด้านความมีศีลธรรมของผู้บริหารซึ่งได้รับมอบอำนาจที่จะทำให้แน่ชัดว่าการดำเนินการทั้งสิ้นทางธุรกิจนั้นเป็นไปอย่างซื่อสัตย์และยุติธรรม.
เอเธนส์ส่งออกเหล้าองุ่น, น้ำมันมะกอก, น้ำผึ้ง, หินอ่อน, และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเช่นกระเบื้องและโลหะแปรรูป. เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน มีการนำเข้าข้าวสาลีเป็นหลัก. เนื่องจากแคว้นอัตติกา (ภูมิภาครอบ ๆ เอเธนส์) ไม่ได้ผลิตสินค้าเพียงพอที่จะสนองความต้องการของประชากร มาตรฐานของการค้าขายจึงเข้มงวด. ตลาดที่พิเรอุส (ท่าเรือของเอเธนส์) ต้องมีอาหารสดเพียงพอเสมอเพื่อสนองความต้องการทั้งของเมืองและกองทัพ. และไม่อนุญาตให้พ่อค้ากักตุนสินค้าไว้เพื่อขายในราคาสูงกว่าระหว่างช่วงที่มีการขาดแคลน.