-
“ที่ใหญ่ที่สุดคือความรัก”หอสังเกตการณ์ 1990 | พฤศจิกายน 15
-
-
“ที่ใหญ่ที่สุดคือความรัก”
“บัดนี้ยังคงมีความเชื่อ ความหวัง ความรัก สามอย่างนี้; แต่ที่ใหญ่ที่สุดคือความรัก.”—1 โกรินโธ 13:13, ล.ม.
1. นักมนุษยศาสตร์คนหนึ่งพูดอย่างไรเกี่ยวกับความรัก?
นักมนุษยศาสตร์ที่เด่นดังคนหนึ่งของโลกเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า “เราเพิ่งเข้าใจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติว่า ความต้องการทางจิตใจขั้นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งของมนุษย์คือต้องการความรัก. ความรักเป็นจุดรวมแห่งความต้องการทุกอย่างสำหรับมนุษย์เหมือนดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางแห่งระบบสุริยะพร้อมด้วยดาวเคราะห์ที่โคจรไปรอบ ๆ. . . . เด็กซึ่งไม่เคยได้รับความรักจะต่างกันกับเด็กที่ได้รับความรักเสมอมา ทั้งในทางชีวเคมี ทางสรีระ และกระบวนการทางจิตใจ. การเติบโตของเด็กประเภทแรกก็ต่างไปจากประเภทหลัง. สิ่งที่เรารู้คือมนุษย์เราเกิดมาเพื่อมีชีวิตเหมือนกับว่าการดำรงชีวิตกับการรักเป็นอันเดียวกัน. จริงอยู่ นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่. นี้แหละคือการรับรองคำเทศน์บนภูเขา.”
2. (ก) อัครสาวกเปาโลได้แสดงให้เห็นความสำคัญของความรักนั้นโดยวิธีใด? (ข) มีคำถามอะไรควรแก่การพิจารณาขณะนี้?
2 ถูกแล้ว ดังที่ชายผู้นี้ซึ่งร่ำเรียนสูงได้ยอมรับ ความจริงเรื่องความสำคัญของความรักต่อสวัสดิภาพของมนุษย์เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่. อาจเป็นเรื่องที่ชาวโลกผู้คงแก่เรียนได้มาหยั่งรู้ค่าเพียงในสมัยนี้ แต่อยู่ในพระคำของพระเจ้าพันเก้าร้อยกว่าปีมาแล้ว. เหตุฉะนั้น อัครสาวกเปาโลจึงสามารถเขียนไว้ดังนี้: “บัดนี้ยังคงมีความเชื่อ ความหวัง ความรักสามอย่างนี้; แต่ที่ใหญ่ที่สุดคือ ความรัก.” (1 โกรินโธ 13:13, ล.ม.) คุณทราบไหมว่าเหตุใดความรักใหญ่กว่าความเชื่อและความหวัง? ทำไมอาจกล่าวได้ว่าความรักเป็นคุณลักษณะที่ใหญ่ยิ่งของพระเจ้าและใหญ่ที่สุดในบรรดาผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์?
-
-
“ที่ใหญ่ที่สุดคือความรัก”หอสังเกตการณ์ 1990 | พฤศจิกายน 15
-
-
7. อะไรคือลักษณะของความรักอะกาʹเป และความรักชนิดนี้ได้มีแสดงให้ปรากฏอย่างไร?
7 เปาโลใช้คำอะไรในภาษากรีกที่ 1 โกรินโธ 13:13 ซึ่งข้อนี้ท่านเอ่ยถึงความเชื่อ ความหวัง และความรัก และบอกว่า “ใหญ่ที่สุดคือความรัก”? คำนี้คือ อะกาʹเป เป็นคำเดียวกันซึ่งอัครสาวกโยฮันได้ใช้เมื่อท่านกล่าวว่า “พระเจ้าเป็นความรัก.” (1 โยฮัน 4:8, 16) นี้คือความรักที่ถูกชักนำหรือครอบงำโดยหลักการ. ความรักชนิดนี้อาจรวมเอาความรักใคร่ชอบพอเข้าไว้ด้วยหรือไม่นับรวมก็ได้ แต่ความรักแบบนี้เป็นความรู้สึกอย่างไม่เห็นแก่ตัวซึ่งอยากจะทำดีต่อคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงคุณความดีของผู้รับหรือไม่นึกถึงประโยชน์ใด ๆ ที่ผู้ให้ความรักจะได้รับ. ความรักชนิดนี้แหละกระตุ้นพระเจ้าทรงสละสิ่งมีค่ายิ่งในพระหฤทัยของพระองค์ซึ่งได้แก่พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวที่พระเจ้าทรงให้กำเนิด “เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.” (โยฮัน 3:16) ดังที่เปาโลกล่าวเตือนใจพวกเราเป็นอย่างดีว่า “ด้วยว่าไม่ใคร่จะมีใครตายแทนคนตรง แต่ชะรอยจะมีลางคนตายแทนคนดีกระมัง. แต่ฝ่ายพระเจ้าได้ทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะเมื่อเราทั้งหลายยังเป็นคนบาปพระคริสต์ได้ทรงยอมตายแทนเรา.” (โรม 5:7, 8) ใช่แล้ว อะกาʹเป ทำดีแก่ผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงสถานะความเป็นอยู่ของเขา ทั้งไม่คำนึงถึงผู้แสดงความรักต้องเสียอะไรไปก็ตาม.
เหตุใดจึงใหญ่กว่าความเชื่อและความหวัง?
8. เหตุใดอะกาʹเป ใหญ่กว่าความเชื่อ?
8 แต่ทำไมเปาโลบอกว่าความรักชนิดนี้ (อะกาʹเป) ใหญ่กว่าความเชื่อ? ท่านเขียนไว้ที่ 1 โกรินโธ 13:2, (ล.ม.) ว่า “ถ้าข้าพเจ้ามีของประทานกล่าวคำพยากรณ์ได้ และเข้าใจข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ และมีความรู้ทั้งสิ้น แม้ข้าพเจ้ามีความเชื่อทั้งสิ้น พอจะโยกย้ายภูเขาได้แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่เป็นอะไรเลย.” (เทียบกับมัดธาย 17:20.) ใช่แล้ว หากเราเพียงแต่บากบั่นแสวงความรู้และเพิ่มความเชื่อให้มากขึ้นเพื่อใช้สำหรับวัตถุประสงค์อย่างเห็นแก่ตัว เราก็คงจะไม่ได้ประโยชน์อันใดจากพระเจ้า. ทำนองเดียวกัน พระเยซูทรงชี้แจงว่าบางคนจะ ‘พยากรณ์โดยออกนามพระองค์ ขับผีได้โดยการออกนามพระองค์ ทั้งจะแสดงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ได้โดยออกนามพระองค์’ แต่เขาจะไม่ได้รับความโปรดปรานของพระองค์.—มัดธาย 7:22, 23.
9. เหตุใดความรักใหญ่กว่าความหวัง?
9 เหตุใดความรักอะกาʹเป ใหญ่กว่าความหวังด้วย? เพราะความหวังอาจเป็นในรูปของการครุ่นคิดถึงตัวเอง ห่วงแต่ผลประโยชน์ที่ตนจะได้ แต่ทว่าความรัก “ไม่แสวงผลประโยชน์สำหรับตนเอง.” (1 โกรินโธ 13:4, 5, ล.ม.) ยิ่งกว่านั้น ความหวัง—เช่นที่มั่นหมายว่าจะรอดชีวิตผ่าน “ความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง” เข้าสู่โลกใหม่—ครั้นเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ต้องหวังอีกต่อไป. (มัดธาย 24:21) อย่างเปาโลกล่าวว่า “เหตุว่าเราทั้งหลายได้รอด เพราะความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้หาได้เป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าได้เห็นสิ่งใดแล้วยังจะคอยหวังในสิ่งนั้นอีก แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังสิ่งที่เรายังไม่เห็น เราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น.” (โรม 8:24, 25) ความรักย่อมอดทนกับทุกสิ่ง และความรักจะไม่ล้มเหลวเลย. (1 โกรินโธ 13:7, 8, ล.ม.) ฉะนั้น ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว (อะกาʹเป) จึงใหญ่กว่าความเชื่อและความหวัง.
-