สนับสนุนอย่างภักดีต่อพระคำซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจของพระเจ้า
“เราได้สลัดทิ้งสิ่งต่าง ๆ อันเต็มด้วยเล่ห์เหลี่ยมน่าละอาย ไม่ประพฤติตนอย่างฉลาดแกมโกง ไม่ปนเปื้อนพระคำของพระเจ้า.”—2 โกรินโธ 4:2, ล.ม.
1. (ก) จำเป็นต้องมีอะไรเพื่อทำให้งานซึ่งกล่าวไว้ที่มัดธาย 24:14 และ 28:19, 20 สำเร็จลุล่วง? (ข) คัมภีร์ไบเบิลมีแพร่หลายขนาดไหนในภาษาต่าง ๆ ของผู้คนในตอนเริ่มต้นสมัยสุดท้าย?
ในคำพยากรณ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์เกี่ยวกับเวลาแห่งการประทับด้วยขัตติยอำนาจของพระองค์และอวสานของระบบโลกเก่า พระเยซูคริสต์ทรงบอกล่วงหน้าดังนี้: “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” พระองค์ยังได้สั่งสาวกของพระองค์ว่า “จง . . . ทำให้ชนจากทุกชาติเป็นสาวก . . . สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.; 28:19, 20, ล.ม.) ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับงานที่ทำกันอย่างมากมายในการแปลและพิมพ์คัมภีร์ไบเบิล, ในการสอนประชาชนให้เข้าใจความหมายของสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเอาไว้, และในการช่วยพวกเขาให้ใช้พระคัมภีร์ในชีวิตของตน. ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว! พอถึงปี 1914 คัมภีร์ไบเบิลหรือบางส่วนของพระคัมภีร์ก็ได้พิมพ์ไปแล้วใน 570 ภาษา. นับแต่นั้นมา ก็มีอีกหลายร้อยภาษาและภาษาถิ่นอีกมากมายได้เพิ่มเข้ามา และในหลายภาษามีมากกว่าหนึ่งฉบับแปล.a
2. เหตุจูงใจอะไรบ้างที่มีอิทธิพลต่องานของผู้แปลและผู้จัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิล?
2 นับเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของใครก็ตามที่เป็นผู้แปลที่จะถ่ายทอดเนื้อหาในภาษาหนึ่งและทำให้เป็นที่เข้าใจได้สำหรับผู้ที่อ่านและฟังในอีกภาษาหนึ่ง. ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลบางคนได้ทำงานของตนด้วยความสำนึกอย่างเต็มเปี่ยมว่า สิ่งที่เขากำลังแปลนั้นเป็นพระคำของพระเจ้า. แต่บางคนก็เพียงแต่หลงใหลในความท้าทายด้านวิชาการของโครงการ. พวกเขาอาจถือว่าเนื้อหาของคัมภีร์ไบเบิลเป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีค่า. สำหรับบางคนแล้ว ศาสนาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา และการพิมพ์หนังสือที่มีชื่อของตนในฐานะผู้แปลหรือผู้จัดพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของการหาเลี้ยงชีพ. แรงจูงใจของพวกเขามีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อวิธีที่พวกเขาทำงาน.
3. คณะกรรมการจัดทำคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่มีทัศนะอย่างไรต่องานของตน?
3 คำกล่าวของคณะกรรมการจัดทำคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่นับว่าน่าสนใจทีเดียวที่ว่า “การแปลพระคัมภีร์บริสุทธิ์หมายถึงการถ่ายทอดความคิดและคำตรัสของพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นอีกภาษาหนึ่ง . . . นั่นเป็นเรื่องที่น่าคิดมาก. คณะผู้แปลงานนี้ ซึ่งเกรงกลัวและรักพระเจ้าผู้ทรงเป็นผู้ประพันธ์พระคัมภีร์บริสุทธิ์ รู้สึกถึงความรับผิดชอบเป็นพิเศษต่อพระองค์ในอันที่จะถ่ายทอดความคิดและคำแถลงของพระองค์อย่างถูกต้องแม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้. พวกเขายังรู้สึกด้วยถึงความรับผิดชอบต่อผู้อ่านที่เป็นนักค้นคว้าซึ่งพึ่งงานแปลพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระเจ้าองค์สูงสุดเพื่อจะได้รับความรอดตลอดไป. ด้วยความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญดังกล่าว คณะกรรมการนี้ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่อุทิศตน ได้ใช้เวลาหลายปีจัดทำพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ ขึ้นมา.” เป้าหมายของคณะกรรมการนี้คือการทำฉบับแปลของคัมภีร์ไบเบิลที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย และยึดมั่นกับต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีกอย่างใกล้ชิดจนใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการเติบโตต่อไปในความรู้ถ่องแท้ได้.
เกิดอะไรขึ้นกับพระนามของพระเจ้า?
4. พระนามของพระเจ้าสำคัญเพียงไรในคัมภีร์ไบเบิล?
4 จุดประสงค์หลักของคัมภีร์ไบเบิลอย่างหนึ่งคือเพื่อช่วยผู้คนให้รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้. (เอ็กโซโด 20:2-7; 34:1-7; ยะซายา 52:6) พระเยซูคริสต์ทรงสอนสาวกให้อธิษฐานขอพระนามพระบิดาของพระองค์ “เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์,” ถือว่าศักดิ์สิทธิ์, หรือได้รับความนับถือในฐานะพระนามอันบริสุทธิ์. (มัดธาย 6:9) พระเจ้าทรงให้มีการเขียนพระนามเฉพาะของพระองค์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลมากกว่า 7,000 ครั้ง. พระองค์ทรงประสงค์ให้คนเรารู้จักพระนามนั้นและรู้จักคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ผู้ทรงพระนามนั้น.—มาลาคี 1:11.
5. ผู้แปลต่าง ๆ ได้นำเสนอพระนามของพระเจ้าอย่างไร?
5 ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลหลายคนได้แสดงความนับถืออย่างแท้จริงต่อพระนามของพระเจ้าและได้ใช้พระนามนี้อย่างเสมอต้นเสมอปลายในงานแปลของตน. ผู้แปลบางคนชอบพระนามยาห์เวห์มากกว่า. ส่วนคนอื่น ๆ เลือกใช้พระนามของพระเจ้าในแบบที่ปรับให้เข้ากับภาษาของตนเองโดยที่ยังคงเป็นพระนามเดียวกับที่ปรากฏในข้อพระคัมภีร์ภาษาฮีบรู ซึ่งอาจเป็นพระนามในรูปที่รู้จักกันดีเนื่องจากใช้กันมานาน. พระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ ใช้พระนามยะโฮวา 7,210 ครั้งในส่วนที่เป็นเนื้อหาหลัก.
6. (ก) ไม่กี่ปีมานี้ ผู้แปลบางคนได้ทำอะไรเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า? (ข) การทำอย่างนี้มีมากขนาดไหน?
6 ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้ว่าผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลยังคงเก็บชื่อต่าง ๆ ของพระนอกรีตเอาไว้อย่างเช่นบาละและโมเล็ก แต่พวกเขากำลังตัดพระนามเฉพาะของพระเจ้าเที่ยงแท้ออกไปจากฉบับแปลต่าง ๆ ของพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระองค์บ่อยขึ้นทุกที. (เอ็กโซโด 3:15; ยิระมะยา 32:35) ในข้อความอย่างเช่นที่มัดธาย 6:9 และโยฮัน 17:6, 26 ฉบับแปลอัลบาเนียนซึ่งมีการจำหน่ายจ่ายแจกอย่างกว้างขวาง ได้แปลวลีภาษากรีกที่มีความหมายว่า “พระนามของพระองค์” (กล่าวคือ พระนามของพระเจ้า) โดยแปลแต่เพียงว่า “พระองค์” ราวกับว่าในข้อดังกล่าวไม่ได้อ้างถึงพระนามเลย. ที่บทเพลงสรรเสริญ 83:18 ฉบับแปลเดอะ นิว อิงลิช ไบเบิล และฉบับแปลทูเดส์ อิงลิช ได้ตัดออกทั้งพระนามเฉพาะของพระเจ้าและข้อความที่แสดงข้อเท็จจริงว่าพระเจ้าทรงมีพระนาม. แม้ว่าในภาษาส่วนใหญ่พระนามเฉพาะของพระเจ้าปรากฏในฉบับแปลเก่า ๆ ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู แต่ฉบับแปลใหม่ ๆ มักตัดพระนามนี้ออกไปหรือลดความสำคัญของพระนามลงโดยให้ปรากฏอยู่เฉพาะในเชิงอรรถ. เรื่องนี้เป็นจริงในภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับในหลายภาษาของยุโรป, แอฟริกา, อเมริกาใต้, อินเดีย, และหมู่เกาะแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก.
7. (ก) ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาแอฟริกาบางคนกำลังทำอะไรกับพระนามของพระเจ้า? (ข) คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวด้วยการทำเช่นนี้?
7 ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาของแอฟริกาบางภาษากำลังก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง. แทนที่จะเพียงแค่เปลี่ยนพระนามพระเจ้าเป็นคำระบุตำแหน่งอย่างที่ปรากฏในพระคัมภีร์เช่นพระเจ้าหรือองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขากำลังใส่ชื่อต่าง ๆ ที่ได้จากความเชื่อทางศาสนาในท้องถิ่นเข้าไปแทน. ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่และบทเพลงสรรเสริญภาษาซูลู (ฉบับปี 1986) คำบ่งบอกตำแหน่ง พระเจ้า (นคูลูนคูลู) ถูกใช้สลับกันกับนามเฉพาะ (มเวลีนกานจี) ซึ่งชาวซูลูใช้หมายถึง ‘บรรพชนองค์ยิ่งใหญ่ผู้ได้รับการกราบกรานผ่านทางเหล่าบรรพชนที่เป็นมนุษย์.’ บทความในวารสารผู้แปลคัมภีร์ไบเบิล ฉบับเดือนตุลาคม 1992 (ภาษาอังกฤษ) รายงานว่า ในการจัดทำคัมภีร์ไบเบิลภาษาชีเชวาซึ่งจะใช้ชื่อว่าบูคู โลเยรา ผู้แปลใช้เชาตา เป็นนามเฉพาะแทนที่พระนามยะโฮวา. บทความดังกล่าวอธิบายว่า เชาตา คือ “พระเจ้าที่พวกเขารู้จักและนมัสการเสมอมา.” กระนั้น พวกเขาหลายคนนมัสการสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นวิญญาณของคนตายด้วย. เป็นความจริงไหมว่าถ้าคนเราวิงวอนต่อ “องค์สูงสุด” แล้วละก็ ไม่ว่าเขาใช้นามอะไรก็แล้วแต่สำหรับ “องค์สูงสุด” นั้นก็มีค่าเท่ากันกับการใช้พระนามเฉพาะยะโฮวา โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าการนมัสการของเขาอาจเกี่ยวพันกับอะไร? ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ๆ! (ยะซายา 42:8; 1 โกรินโธ 10:20) การเปลี่ยนพระนามเฉพาะของพระเจ้าด้วยบางสิ่งซึ่งทำให้คนเราคิดว่าความเชื่อตามประเพณีของตนนั้นเป็นความจริง ไม่ได้ช่วยเขาให้เข้ามาใกล้ชิดกับพระเจ้าเที่ยงแท้มากขึ้น.
8. เหตุใดพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักไม่ได้ถูกทำให้ล้มเหลว?
8 ทั้งหมดนี้มิได้ทำให้พระประสงค์ของพระยะโฮวาที่จะให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักเปลี่ยนหรือล้มเหลว. ในภาษาต่าง ๆ ของยุโรป, แอฟริกา, อเมริกา, ประเทศทางตะวันออก, และหมู่เกาะในมหาสมุทร ยังคงมีการจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลมากมายที่มีพระนามพระเจ้า. นอกจากนี้ยังมีพยานพระยะโฮวามากถึง 5,400,000 คนใน 233 ประเทศและดินแดนที่ได้อุทิศเวลารวมกันแล้วมากกว่าหนึ่งพันล้านชั่วโมงต่อปีในการบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระนามและพระประสงค์ของพระเจ้าเที่ยงแท้. พวกเขาพิมพ์และจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลซึ่งใช้พระนามพระเจ้าในภาษาต่าง ๆ ที่มีคนพูดกันประมาณ 3,600,000,000 คนของประชากรโลก เช่น ภาษาอังกฤษ, จีน, รัสเซีย, สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, และดัตช์. พวกเขายังได้พิมพ์คู่มือศึกษาคัมภีร์ไบเบิลในภาษาต่าง ๆ ที่ใช้กันเป็นส่วนมากของประชากรโลกด้วย. ไม่ช้า พระเจ้าเองจะทรงลงมือจัดการในวิธีที่จะทำให้คำประกาศของพระองค์สำเร็จอย่างแน่นอนที่ว่า นานาชาติ “จะได้รู้ว่า [พระองค์] คือยะโฮวา.”—ยะเอศเคล 38:23.
เมื่อความเชื่อส่วนตัวส่งผลกระทบการแปล
9. คัมภีร์ไบเบิลระบุอย่างไรถึงความรับผิดชอบหนักที่ตกอยู่กับคนที่ใช้พระคำของพระเจ้า?
9 ความรับผิดชอบหนักตกอยู่กับคนที่แปลพระคำของพระเจ้าเช่นเดียวกับคนที่สอน. อัครสาวกเปาโลกล่าวถึงงานรับใช้ของท่านและของเพื่อร่วมงานท่านดังนี้: “เราได้สลัดทิ้งสิ่งต่าง ๆ อันเต็มด้วยเล่ห์เหลี่ยมน่าละอาย ไม่ประพฤติตนอย่างฉลาดแกมโกง ไม่ปนเปื้อนพระคำของพระเจ้า แต่โดยการสำแดงความจริงให้ปรากฏ เราจึงแนะนำตัวเองแก่สติรู้สึกผิดชอบของคนทั้งปวงจำเพาะพระเจ้า.” (2 โกรินโธ 4:2, ล.ม.) การปนเปื้อนหมายถึงการทำให้เสื่อมเสียโดยนำเอาสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งที่ด้อยกว่าเข้ามาปน. อัครสาวกเปาโลไม่เป็นเหมือนผู้เลี้ยงแกะแห่งยิศราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ในสมัยยิระมะยาซึ่งพระยะโฮวาทรงตำหนิเนื่องจากพวกเขาสอนความคิดของตัวเองแทนที่จะสอนเรื่องที่พระเจ้าตรัส. (ยิระมะยา 23:16, 22) แต่เกิดอะไรขึ้นในสมัยปัจจุบัน?
10. (ก) เหตุจูงใจอื่นที่ไม่ใช่ความภักดีต่อพระเจ้ามีอิทธิพลต่อผู้แปลบางคนในสมัยปัจจุบันอย่างไร? (ข) พวกเขาถือสิทธิ์สวมบทบาทอะไรอย่างไม่เหมาะสม?
10 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง คณะกรรมการของนักเทววิทยาและนักเทศน์นักบวชร่วมมือกับรัฐบาลนาซีในเยอรมนีเพื่อจัดทำ “พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่” ฉบับปรับปรุง ซึ่งตัดข้ออ้างอิงทุกอย่างที่กล่าวในแง่ดีต่อชาวยิวและข้อบ่งชี้ทั้งสิ้นที่ว่าบรรพบุรุษของพระเยซูคริสต์เป็นชาวยิว. เมื่อไม่นานมานี้ ผู้แปลที่ร่วมกันจัดทำพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่และบทเพลงสรรเสริญ: ฉบับรวบรวม โอนเอียงไปทางตรงกันข้าม คือพยายามกำจัดข้อบ่งชี้ทุกอย่างที่ว่าชาวยิวต้องรับผิดชอบในเรื่องเกี่ยวกับการวายพระชนม์ของพระคริสต์. ผู้แปลเหล่านั้นยังคิดกันไปอีกว่าผู้อ่านที่เป็นนักนิยมสิทธิสตรีคงพอใจมากกว่าหากมีการกล่าวถึงพระเจ้าไม่ใช่ในฐานะพระบิดา แต่ในฐานะพระบิดา-มารดา และเรียกพระเยซูไม่ใช่ในฐานะพระบุตร แต่เป็นพระบุตรา-บุตรี. (มัดธาย 11:27) พอทำอย่างนี้แล้วเขาก็ได้ลบหลักการเรื่องภรรยาอยู่ใต้อำนาจของสามีและเรื่องความเชื่อฟังของบุตรต่อบิดามารดาไปด้วย. (โกโลซาย 3:18, 20) เห็นได้ชัดว่า ผู้จัดทำฉบับแปลเหล่านั้นไม่ร่วมในความตั้งใจแน่วแน่กับอัครสาวกเปาโลที่จะไม่ “ปนเปื้อนพระคำของพระเจ้า.” พวกเขาลืมบทบาทของผู้แปล สวมบทบาทของผู้ประพันธ์เสียเอง แล้วจัดทำหนังสือซึ่งใช้ชื่อของคัมภีร์ไบเบิลเป็นเครื่องมือส่งเสริมความเห็นส่วนตัวของตน.
11. คำสอนของคริสต์ศาสนจักรขัดแย้งอย่างไรกับคำสอนของคัมภีร์ไบเบิลเรื่องจิตวิญญาณและความตาย?
11 นิกายต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรโดยทั่วไปสอนว่าจิตวิญญาณมนุษย์ก็คือวิญญาณซึ่งออกจากร่างไปเมื่อตาย และบอกว่าจิตวิญญาณเป็นอมตะ. ตรงกันข้าม ฉบับแปลเก่า ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลในภาษาส่วนใหญ่บอกอย่างชัดเจนว่า มนุษย์เป็นจิตวิญญาณ, สัตว์เป็นจิตวิญญาณ, และจิตวิญญาณตายได้. (เยเนซิศ 12:5; 36:6, ล.ม.; อาฤธโม 31:28, ล.ม.; ยาโกโบ 5:20) ข้อพระคัมภีร์ดังกล่าวทำให้พวกนักเทศน์นักบวชลำบากใจ.
12. ฉบับแปลบางฉบับที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานทำให้ความจริงพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิลคลุมเครือไปอย่างไร?
12 เดี๋ยวนี้ฉบับแปลใหม่ ๆ บางฉบับได้ทำให้ความจริงในเรื่องเหล่านี้คลุมเครือไป. โดยวิธีใด? ในฉบับแปลเหล่านี้บางข้อพวกเขาเลี่ยงเสียไม่แปลคำนามภาษาฮีบรูเนเฟช (จิตวิญญาณ) อย่างตรงไปตรงมา. ที่เยเนซิศ 2:7 พวกเขาอาจกล่าวแต่เพียงว่ามนุษย์คนแรก “เริ่มมีชีวิต” (แทนที่จะบอกว่า “เกิดเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิตอยู่”). หรือฉบับแปลเหล่านี้อาจใช้คำ “สัตว์” แทนที่คำ “จิตวิญญาณ” ในกรณีที่กล่าวถึงชีวิตสัตว์. (เยเนซิศ 1:21) ในข้อพระคัมภีร์อย่างเช่นที่ยะเอศเคล 18:4, 20 ฉบับแปลเหล่านี้อ้างถึง “คนนั้น” หรือ “บุคคล” ว่าจะตาย (แทนที่จะใช้คำ “จิตวิญญาณ”). อาจเป็นได้ว่าในความคิดของผู้แปลคนนั้นการแปลเช่นนั้นสมเหตุสมผลแล้ว. แต่การแปลแบบนั้นจะให้ประโยชน์ได้มากแค่ไหนแก่คนที่แสวงหาความจริงอย่างจริงใจ ซึ่งความคิดของเขาถูกหล่อหลอมโดยคำสอนของคริสต์ศาสนจักรซึ่งไม่เป็นตามหลักพระคัมภีร์?b
13. โดยทางใดบ้างที่ฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลบางฉบับปิดบังพระประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวด้วยแผ่นดินโลก?
13 ด้วยความพยายามจะสนับสนุนความเชื่อของตนที่ว่าคนดีทุกคนไปสวรรค์ ผู้แปล—หรือนักเทววิทยาที่ตรวจงานแปลของพวกเขา—อาจพยายามที่จะปิดบังเรื่องที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับแผ่นดินโลกด้วย. ที่บทเพลงสรรเสริญ 37:11 มีหลายฉบับแปลที่อ่านได้ว่าคนถ่อมจะได้รับ “แผ่นดิน.” คำแปลอย่างหนึ่งที่อาจแปลคำ (เอʹเรตส์) ซึ่งใช้ในข้อพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูข้อนี้คือ “แผ่นดิน.” อย่างไรก็ตาม ฉบับแปลทูเดส์ อิงลิช (ซึ่งใช้เป็นหลักสำหรับการแปลเป็นภาษาอื่นอีกหลายภาษา) แปลข้อนี้ผิดจากความหมายเดิมไปไกลเลยทีเดียว. แม้ว่าฉบับแปลนี้ให้ความหมายของคำกรีกเก ว่า “แผ่นดินโลก” 17 ครั้งในกิตติคุณมัดธาย แต่ที่มัดธาย 5:5 ฉบับแปลนี้เปลี่ยนคำว่า “แผ่นดินโลก [ล.ม.]” เป็นวลี “สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้.” เป็นธรรมดาอยู่เองที่สมาชิกโบสถ์ย่อมจะคิดถึงสวรรค์. การแปลแบบนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างซื่อสัตย์ว่า ในคำเทศน์บนภูเขานั้น พระเยซูคริสต์ตรัสว่าคนอ่อนโยน, อ่อนน้อม, หรือมีใจถ่อมจะ “ได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก.”
14. แรงจูงใจแบบเห็นแก่ตัวอะไรซึ่งเห็นได้ชัดในฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลบางฉบับ?
14 ในบางฉบับแปลของพระคัมภีร์เห็นได้ชัดว่าได้มีการใช้คำด้วยความมุ่งหมายที่จะช่วยนักเทศน์ให้ได้รับเงินเดือนสูง ๆ. เป็นความจริงที่คัมภีร์ไบเบิลแจ้งไว้ว่า “คนที่ทำการควรจะได้ค่าจ้างของตน.” (1 ติโมเธียว 5:18) แต่สำหรับที่ 1 ติโมเธียว 5:17 (ล.ม.) ซึ่งกล่าวว่าผู้เฒ่าผู้แก่ที่ทำหน้าที่อย่างดีควร “ได้รับเกียรติสองเท่า” บางคนถือว่าเกียรติอย่างเดียวที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงนั้นคือเกียรติที่เกี่ยวกับเงิน. (เทียบกับ 1 เปโตร 5:2.) ด้วยเหตุนี้ ฉบับแปลเดอะ นิว อิงลิช ไบเบิล กล่าวว่าผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านี้ “ควรได้รับการพิจารณาว่าให้ได้รับเงินเดือนสองเท่า” และฉบับแปลคอนเทมโพรารี อิงลิช กล่าวว่า “สมควรจ่ายให้เขาสองเท่า.”
สนับสนุนพระคำของพระเจ้าอย่างภักดี
15. เราสามารถบอกได้อย่างไรว่าคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลใดที่น่าจะใช้?
15 ทั้งหมดนี้มีความหมายเช่นไรสำหรับผู้อ่านคัมภีร์ไบเบิลแต่ละคน และสำหรับคนที่ใช้คัมภีร์ไบเบิลสอนผู้อื่น? ในภาษาที่ใช้กันอยู่อย่างกว้างขวางโดยส่วนมากแล้ว มีฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลมากกว่าหนึ่งฉบับให้เลือก. จงสังเกตเข้าใจในการเลือกคัมภีร์ไบเบิลที่คุณใช้. (สุภาษิต 19:8) หากฉบับแปลใดไม่ซื่อสัตย์แม้กระทั่งในเรื่องเอกลักษณ์ของพระเจ้า—ลบพระนามของพระองค์ออกจากพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระองค์ไม่ว่าจะมีข้ออ้างเช่นไรก็ตาม—ผู้แปลอาจได้ทำให้เนื้อความส่วนอื่น ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลเสียหายด้วยไหม? เมื่อสงสัยความถูกต้องของการแปลในฉบับหนึ่ง ขอให้พยายามเทียบกับฉบับแปลเก่า ๆ. หากคุณเป็นครูสอนพระคำของพระเจ้า จงเลือกใช้ฉบับแปลที่ยึดตามข้อความในต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีกอย่างใกล้ชิด.
16. ในส่วนของเราเอง เราจะแสดงความภักดีในการใช้พระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระเจ้าได้อย่างไร?
16 เราทุกคนควรภักดีต่อพระคำของพระเจ้าในส่วนของเราเอง. เราทำเช่นนั้นโดยเอาใจใส่อย่างเพียงพอต่อสิ่งที่มีอยู่ในพระคำนั้น เพื่อว่าเราจะจัดเวลาบางส่วนเพื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลทุก ๆ วันหากเป็นไปได้. (บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3) เราเอาใจใส่พระคำโดยการนำคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลมาใช้อย่างเต็มที่ในชีวิตของเราเอง เรียนรู้ที่จะใช้หลักการและตัวอย่างต่าง ๆ เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล. (โรม 12:2; เฮ็บราย 5:14) เราแสดงว่าเราเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดีต่อพระคำของพระเจ้าโดยการประกาศพระคำแก่คนอื่นด้วยใจแรงกล้า. เรายังแสดงการสนับสนุนอย่างภักดีด้วยโดยเป็นครูที่ใช้คัมภีร์ไบเบิลอย่างรอบคอบ ไม่บิดเบือนหรือพูดเกินใจความในพระคัมภีร์เพื่อให้เข้ากับความคิดของเรา. (2 ติโมเธียว 2:15) สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงบอกล่วงหน้าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน. พระองค์ทรงภักดีในการทำให้พระดำรัสของพระองค์สำเร็จ. ขอให้เราภักดีในการสนับสนุนพระคำของพระองค์.
[เชิงอรรถ]
a สหสมาคมคัมภีร์ไบเบิลในปี 1997 ได้แจงรายชื่อภาษาและภาษาถิ่นทั้งหมด 2,167 ภาษาซึ่งได้มีการจัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลครบชุดหรือบางส่วน. ตัวเลขนี้รวมภาษาถิ่นซึ่งมีอยู่มากมายในบางภาษาด้วย.
b จุดที่พิจารณาอยู่นี้เพ่งเล็งที่ภาษาซึ่งมีความสามารถจะทำให้ประเด็นชัดเจน แต่ผู้แปลเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น. ในบางภาษา ศัพท์ซึ่งจะเลือกใช้ได้มีอยู่จำกัดทำให้ผู้แปลทำอะไรได้ไม่มากนัก. ในกรณีอย่างนี้ ผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์ก็จะอธิบายว่าแม้ผู้แปลใช้คำต่าง ๆ กันสำหรับคำนี้ หรือแม้ว่าเขาใช้คำที่มีน้ำหนักความหมายไม่เป็นตามหลักพระคัมภีร์ แต่คำในภาษาเดิมคือเนเฟช ใช้กับทั้งมนุษย์และสัตว์และหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่หายใจ, กิน, และตายได้.
คุณจำได้ไหม?
▫ เหตุจูงใจอะไรที่มีผลกระทบต่องานของผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลบางคนในสมัยนี้?
▫ เหตุใดแนวโน้มการแปลที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องพระนามของพระองค์เองล้มเหลว?
▫ บางฉบับแปลทำให้ความจริงของคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับจิตวิญญาณ, ความตาย, และแผ่นดินโลก คลุมเครือไปอย่างไร?
▫ เราอาจแสดงในทางใดได้บ้างว่าเราสนับสนุนพระคำของพระเจ้าอย่างภักดี?
[รูปภาพหน้า 16]
คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลใดที่คุณควรใช้?