ทรัพย์ของเราในภาชนะดิน
“เรามีทรัพย์นั้นในภาชนะดิน เพื่อกำลังที่มากกว่าปกติจะเป็นของพระเจ้า และมิใช่มาจากตัวเราเอง.”—2 โกรินโธ 4:7, ล.ม.
1. ตัวอย่างของพระเยซูน่าจะให้กำลังใจเราอย่างไร?
ขณะที่ได้รับการนวดปั้นโดยพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกนี้ พระเยซูทรงประสบด้วยพระองค์เองถึงความอ่อนแอบอบบางของมนุษยชาติ. ตัวอย่างของพระองค์ในการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงน่าจะให้กำลังใจแก่เราสักเพียงไร! ท่านอัครสาวกบอกเราดังนี้: “ที่จริง ท่านทั้งหลายถูกเรียกไว้สำหรับแนวทางนี้ เพราะแม้แต่พระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ทรงวางแบบอย่างไว้ให้ท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์อย่างใกล้ชิด.” (1 เปโตร 2:21, ล.ม.) โดยการยอมตัวต่อการนวดปั้นเช่นนั้น พระเยซูทรงมีชัยเหนือโลก. พระองค์ยังทรงเสริมความกล้าให้แก่เหล่าอัครสาวกด้วยเพื่อเขาจะได้เป็นผู้ชนะ. (กิจการ 4:13, 31; 9:27, 28; 14:3; 19:8) และคำกล่าวลงท้ายในการสนทนากับพวกเขาครั้งสุดท้ายช่างให้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่สักเพียงไร! พระองค์ทรงประกาศดังนี้: “เราได้บอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้าทั้งหลายเพื่อเจ้าจะมีสันติสุขโดยเรา. ในโลกนี้เจ้ามีความทุกข์ลำบาก แต่จงกล้าหาญเถิด! เราชนะโลกแล้ว.”—โยฮัน 16:33, ล.ม.
2. เมื่อเทียบกับความมืดมนของโลกแล้ว เรามีแสงสว่างอะไร?
2 ในทำนองเดียวกัน หลังจากเทียบความแตกต่างระหว่างความมืดมนที่ “พระเจ้าของระบบนี้” ชักนำให้เกิดขึ้นกับ “แสงสว่างแห่งข่าวดีอันรุ่งโรจน์” แล้ว อัครสาวกเปาโลจึงได้กล่าวถึงงานรับใช้อันมีค่ายิ่งของเราดังนี้: “เรามีทรัพย์นั้นในภาชนะดิน เพื่อกำลังที่มากกว่าปกติจะเป็นของพระเจ้า และมิใช่มาจากตัวเราเอง. เราถูกกดดันจากทุกทาง แต่ก็ไม่ถูกบีบจนกระดิกไม่ไหว; เรางงงัน แต่ก็ไม่ถึงกับหาทางออกไม่ได้; เราถูกข่มเหง แต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง; เราถูกตีล้มลง แต่ก็ไม่ถูกทำลาย.” (2 โกรินโธ 4:4, 7-9, ล.ม.) แม้ว่าเราเป็น “ภาชนะดิน” ที่บอบบาง พระเจ้าได้ทรงนวดปั้นเราโดยพระวิญญาณของพระองค์จนเราสามารถมีชัยอย่างเด็ดขาดเหนือโลกของซาตาน.—โรม 8:35-39; 1 โกรินโธ 15:57.
การนวดปั้นในยิศราเอลโบราณ
3. ยะซายาพรรณนาอย่างไรเกี่ยวกับการนวดปั้นชาติยิว?
3 พระยะโฮวาทรงนวดปั้นไม่เพียงเฉพาะปัจเจกบุคคล แต่ทั้งชาติเลยทีเดียว. ตัวอย่างเช่น เมื่อชาติยิศราเอลโบราณอ่อนน้อมยอมให้พระยะโฮวาทรงนวดปั้น ชาตินี้ก็รุ่งเรือง. แต่ในที่สุดชาตินี้แข็งขืนเข้าสู่แนวทางแห่งการไม่เชื่อฟัง. ผลก็คือ พระผู้ก่อตั้งชาติยิศราเอลทรงนำ “วิบัติ” มาสู่ชาตินี้. (ยะซายา 45:9) ในศตวรรษที่แปดก่อนสากลศักราช ยะซายากราบทูลพระยะโฮวาเกี่ยวด้วยความผิดบาปอันร้ายแรงของชาติยิศราเอล โดยกล่าวดังนี้: “โอ้พระบิดาเจ้าข้า, ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนดินเหนียว, พระองค์เป็นช่างปั้นหม้อ, ข้าพเจ้าทั้งหลายล้วนเป็นหัตถกิจของพระองค์. . . . สิ่งทั้งหลายที่พวกข้าพเจ้านิยมชมชื่นก็เริดร้างไปหมด.” (ยะซายา 64:8-11) ยิศราเอลได้ถูกปั้นเป็นภาชนะที่เหมาะสำหรับความพินาศเท่านั้น.
4. ยิระมะยาแสดงอุทาหรณ์อะไร?
4 หนึ่งศตวรรษต่อมา ขณะที่วันแห่งการคิดบัญชีคืบใกล้เข้ามา พระยะโฮวาทรงแจ้งแก่ยิระมะยาให้นำเอาขวดดินใบหนึ่งและไปที่หุบเขาฮินนอมด้วยกันกับพวกผู้เฒ่าผู้แก่บางคนแห่งกรุงยะรูซาเลม โดยทรงมีพระบัญชาแก่ท่านว่า “เจ้าจงหักขวดใบนั้น, ในที่ผู้ชายทั้งปวงที่ไปด้วยเจ้าจะได้เห็น, แลเจ้าจงบอกแก่เขาทั้งปวงว่า, พระยะโฮวาเจ้าของพลโยธาทั้งหลายได้ตรัสดังนี้ว่า เหมือนฉะนั้นเราจะหักไพร่พลเหล่านี้, แลเมืองนี้ดุจเขาหักขวดของช่างหม้อใบหนึ่งใบใดที่จะแก้ให้เป็นปกติอีกมิได้.”—ยิระมะยา 19:10, 11.
5. พระยะโฮวาทรงพิพากษาชาติยิศราเอลถึงขนาดไหน?
5 ในปี 607 ก.ส.ศ. นะบูคัดเนซัรทำลายกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารจนเหลือแต่ซาก และกวาดต้อนชาวยิวที่รอดชีวิตไปเป็นเชลยในบาบูโลน. แต่หลังจากอยู่ในสภาพพลัดถิ่นเป็นเวลา 70 ปี ชาวยิวที่กลับใจก็สามารถกลับมาสร้างกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารของกรุงนี้ขึ้นอีกครั้ง. (ยิระมะยา 25:11) อย่างไรก็ตาม พอถึงศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช ชาตินี้ก็ได้ละทิ้งช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง และท้ายที่สุดก็เสื่อมทรุดทางศีลธรรมถึงขั้นประกอบอาชญากรรมอันเลวร้ายที่สุดด้วยการฆ่าพระบุตรของพระเจ้าเอง. ในปีสากลศักราช 70 พระเจ้าทรงใช้มหาอำนาจโลกโรมันเป็นผู้สำเร็จโทษ กวาดล้างระบบยิว บดขยี้กรุงยะรูซาเลมและพระวิหารของกรุงนี้. ชาติยิศราเอลไม่มีทางจะถูกปั้นโดยพระหัตถ์ของพระยะโฮวาอีกต่อไปในฐานะสิ่งที่ “บริสุทธิ์และทรงสง่าราศี.”a
การปั้นชาติฝ่ายวิญญาณ
6, 7. (ก) เปาโลพรรณนาอย่างไรถึงการปั้นชาติยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ? (ข) จำนวนที่ครบถ้วนของ “ภาชนะแห่งความเมตตา” นั้นมีเท่าไร และจำนวนดังกล่าวมีขึ้นอย่างไร?
6 ชาวยิวที่ได้ยอมรับพระเยซูถูกปั้นให้เป็นสมาชิกที่เป็นรากฐานของชาติใหม่ซึ่งเป็นชาติฝ่ายวิญญาณ คือ “ยิศราเอลของพระเจ้า.” (ฆะลาเตีย 6:16) ดังนั้น คำกล่าวของเปาโลนับว่าเหมาะทีเดียวที่ว่า “ฝ่ายช่างปั้นหม้อเล่า ไม่มีสิทธิที่จะเอาดินจากก้อนเดียวมาปั้นเป็นภาชนะอันหนึ่งดี และอันหนึ่งเลวหรือ . . . พระเจ้าประสงค์จะสำแดงความพิโรธของพระองค์ และบันดาลให้ฤทธิ์เดชของพระองค์ปรากฏ, แต่ยังได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานแก่ผู้เหล่านั้นที่เป็นเครื่องภาชนะแห่งความพิโรธซึ่งทรงจัดเตรียมไว้สำหรับความพินาศ และเพื่อจะได้ทรงสำแดงสง่าราศีอันอุดมของพระองค์แก่ผู้เหล่านั้นที่เป็นเครื่องภาชนะแห่งความเมตตา, ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับสง่าราศีนั้น.”—โรม 9:21-23.
7 ในเวลาต่อมา พระเยซูผู้ถูกปลุกให้คืนพระชนม์ทรงแจ้งให้ทราบว่า “เครื่องภาชนะแห่งความเมตตา” เหล่านี้จะมีจำนวน 144,000 คน. (วิวรณ์ 7:4; 14:1) เนื่องจากยิศราเอลโดยกำเนิดมีไม่ครบตามจำนวนดังกล่าว พระยะโฮวาจึงทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์ออกไปยังประชาชนในชาติต่าง ๆ. (โรม 11:25, 26) ประชาคมคริสเตียนที่เกิดขึ้นใหม่นี้ขยายอย่างรวดเร็ว. ภายในเวลา 30 ปี ข่าวดีได้รับการ “ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า.” (โกโลซาย 1:23) ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการนำประชาคมมากมายที่กระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลที่เหมาะสม.
8. ใครที่ประกอบกันขึ้นเป็นคณะกรรมการปกครองชุดแรก และคณะกรรมการนี้มีการพัฒนาอย่างไรบ้าง?
8 พระเยซูได้ทรงจัดอัครสาวก 12 คนไว้ให้เป็นคณะกรรมการปกครองชุดแรก ฝึกอบรมพวกเขารวมทั้งคนอื่น ๆ สำหรับงานรับใช้. (ลูกา 8:1; 9:1, 2; 10:1, 2) ในวันเพนเตคอสเตปี ส.ศ. 33 ก็ได้มีการตั้งประชาคมคริสเตียนขึ้น และเมื่อผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง คณะกรรมการปกครองของประชาคมคริสเตียนก็ขยายใหญ่ขึ้นโดยมีสมาชิกทั้ง “อัครสาวกและผู้ปกครองในกรุงยะรูซาเลม.” ผ่านไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง ยาโกโบน้องชายต่างบิดาของพระเยซูซึ่งแม้ว่าไม่ใช่อัครสาวก ดูเหมือนว่าได้ทำหน้าที่เป็นประธาน. (กิจการ 12:17; 15:2, 6, 13; 21:18) ตามที่นักประวัติศาสตร์ยูเซบิอุสกล่าวไว้ เหล่าอัครสาวกได้ตกเป็นเป้าพิเศษของการข่มเหงและกระจัดกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ. องค์ประกอบของคณะกรรมการปกครองจึงมีการปรับตามเหตุการณ์.
9. พระเยซูทรงแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีเหตุการณ์อันน่าเศร้าอะไรเกิดขึ้น?
9 เมื่อใกล้จะสิ้นศตวรรษแรก ‘ศัตรูซึ่งก็คือมาร’ เริ่ม “หว่านข้าวละมาน” ปนไปกับผู้รับมรดกแห่ง “แผ่นดินสวรรค์” ที่เป็นเสมือนข้าวดี. พระเยซูได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า จะมีการยอมให้เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นจนกระทั่งถึงเวลาเกี่ยวในคราว “สิ้นโลก [“อวสานของระบบ,” ล.ม.].” จากนั้น “ผู้ชอบธรรมจะรุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดินพระบิดาของ เขาดุจแสงดวงอาทิตย์” อีกครั้งหนึ่ง. (มัดธาย 13:24, 25, 37-43) จะเป็นเช่นนั้นเมื่อไร?
การนวดปั้นยิศราเอลของพระเจ้าในปัจจุบัน
10, 11. (ก) การนวดปั้นยิศราเอลของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันดำเนินไปอย่างไร? (ข) คำสอนที่แตกต่างกันอะไรบ้างที่พบในคริสต์ศาสนจักรและในท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่สุจริตใจ?
10 ในปี 1870 ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ ตั้งกลุ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลขึ้นกลุ่มหนึ่งในเมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา. ในปี 1879 ท่านเริ่มพิมพ์วารสารรายเดือนซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อหอสังเกตการณ์. ไม่ช้า นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเหล่านี้ ซึ่งต่อมามีคนเรียกพวกเขาด้วยชื่อดังกล่าว ก็ตระหนักว่าคริสต์ศาสนจักรได้รับเอาคำสอนนอกรีตซึ่งไม่เป็นตามหลักพระคัมภีร์ อย่างเช่นคำสอนเรื่องความเป็นอมตะของจิตวิญญาณ, ไฟนรก, ไฟชำระ, พระตรีเอกานุภาพ, และการให้บัพติสมาแก่ทารก.
11 อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญกว่านั้นก็คือคนเหล่านี้ผู้รักความจริงของคัมภีร์ไบเบิลฟื้นฟูคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิล อย่างเช่นการไถ่ถอนโดยทางเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูและการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานอันสงบสุขภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า. ยิ่งกว่าอื่นใด มีการเน้นถึงการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งฐานะพระผู้เป็นเจ้าองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพของพระยะโฮวาพระเจ้าซึ่งจวนจะมีขึ้น. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเชื่อว่าคำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะได้รับคำตอบ ที่ว่า “พระบิดาแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด. พระทัยประสงค์ของพระองค์สำเร็จแล้วในสวรรค์อย่างไร ก็ขอให้สำเร็จบนแผ่นดินโลกอย่างนั้น.” (มัดธาย 6:9, 10, ล.ม.) พวกเขากำลังถูกนวดปั้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าให้เป็นสังคมทั่วโลกแห่งคริสเตียนที่รักสันติ.
12. กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้มาเข้าใจถึงปีหนึ่งที่มีความสำคัญโดยวิธีใด?
12 การศึกษาอย่างลึกซึ้งในพระธรรมดานิเอลบท 4 และคำพยากรณ์อื่น ๆ ช่วยกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลให้เชื่อมั่นว่าการประทับของพระเยซูในฐานะกษัตริย์มาซีฮาใกล้จะเกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน. พวกเขาเข้าใจว่าปี 1914 จะเป็นปีที่ “เวลากำหนดของคนต่างประเทศ” สิ้นสุดลง. (ลูกา 21:24; ยะเอศเคล 21:26, 27) นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลขยายกิจกรรมของตนอย่างรวดเร็ว ก่อตั้งชั้นเรียนคัมภีร์ไบเบิล (ซึ่งต่อมาเรียกว่าประชาคม) ขึ้นทั่วประเทศสหรัฐ. ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ งานให้การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลของพวกเขาก็ขยายเข้าไปในยุโรปและออสเตรเลีย นิวซีแลนด์รวมทั้งหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก. ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบที่ดี.
13. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้มาซึ่งสถานภาพอะไรที่ถูกต้องตามกฎหมาย และนายกสมาคมคนแรกได้ทำหน้าที่อย่างโดดเด่นเช่นไร?
13 เพื่อกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะมีสถานภาพถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้มีการก่อตั้งและจดทะเบียนเป็นสมาคมไซโอนส์ว็อชเทาเวอร์แทร็กต์ในปี 1884 ที่สหรัฐ โดยมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองพิตส์เบิร์ก เพนซิลเวเนีย. คณะผู้อำนวยการของสมาคมทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองกลาง ดูแลการประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าไปทั่วโลก. นายกสมาคมคนแรก ชาลส์ ที. รัสเซลล์ เขียนชุดคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์ ซึ่งมีหกเล่ม และออกเดินทางไปในการประกาศอย่างกว้างไกล. ท่านยังได้บริจาคเงินก้อนใหญ่ที่ท่านได้เก็บสะสมไว้ก่อนที่จะเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เพื่อใช้ในงานราชอาณาจักรตลอดทั่วโลก. ในปี 1916 ขณะที่มหาสงครามกำลังสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักในยุโรป บราเดอร์รัสเซลล์ซึ่งเหนื่อยล้าถึงขีดสุดก็สิ้นชีวิตลงขณะอยู่ระหว่างการเดินทางประกาศเผยแพร่. ท่านได้ให้ทุกสิ่งที่ท่านให้ได้เพื่อแผ่ขยายการให้คำพยานเกี่ยวด้วยเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.
14. เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ได้ “ทำการต่อสู้ที่ดี” อย่างไร? (2 ติโมเธียว 4:7, ล.ม.)
14 โจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งเคยเป็นผู้พิพากษาอยู่ชั่วระยะหนึ่งในรัฐมิสซูรี ได้กลายเป็นนายกสมาคมคนถัดมา. เนื่องด้วยการที่ท่านสนับสนุนความจริงของคัมภีร์ไบเบิลโดยปราศจากความกลัว นักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรจึงร่วมมือกับนักการเมือง “ออกกฎหมายประกอบการชั่วร้าย.” ในวันที่ 21 มิถุนายน 1918 บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดและนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอีกเจ็ดคนซึ่งเป็นกลุ่มที่นำหน้าถูกจำคุก โดยถูกตัดสินลงโทษเป็นรายกระทงรวมกัน 10 ปีบ้าง 20 ปีบ้าง. กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโต้กลับ. (บทเพลงสรรเสริญ 94:20; ฟิลิปปอย 1:7, ล.ม.) เมื่อมีการอุทธรณ์ พวกเขาได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 26 มีนาคม 1919 และต่อมาก็พ้นจากความรับผิดโดยสิ้นเชิงในข้อกล่าวหาเท็จที่ว่าปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง.b ประสบการณ์นี้ช่วยนวดปั้นพวกเขาให้เป็นผู้สนับสนุนความจริงที่เข้มแข็ง. ด้วยความช่วยเหลือของพระยะโฮวา พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณเพื่อประกาศข่าวดีแม้เผชิญการต่อต้านของบาบูโลนใหญ่. การต่อสู้ดังกล่าวดำเนินมาจนถึงขณะนี้ปี 1999.—เทียบกับมัดธายบท 23; โยฮัน 8:38-47.
15. เหตุใดปี 1931 จึงมีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์?
15 ในช่วงทศวรรษ 1920 ถึง 1930 ยิศราเอลที่ถูกเจิมของพระเจ้าได้รับการนวดปั้นอยู่ต่อ ๆ ไปภายใต้การชี้นำของช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่. แสงแห่งคำพยากรณ์จากพระคัมภีร์สว่างจ้าขึ้น ถวายพระเกียรติแด่พระยะโฮวาและเน้นที่ราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเยซู. ในปี 1931 กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลยินดีรับเอาชื่อใหม่ คือพยานพระยะโฮวา.—ยะซายา 43:10-12; มัดธาย 6:9, 10; 24:14.
16. และกรอบหน้า 19. จำนวนของชน 144,000 คนครบถ้วนไปแล้วเมื่อไร และมีหลักฐานอะไรในเรื่องนี้?
16 ในช่วงทศวรรษ 1930 จำนวนของ “คนเหล่านั้นที่ถูกเรียกและเลือกไว้และซื่อสัตย์” คือชน 144,000 คน ดูเหมือนว่าครบแล้ว. (วิวรณ์ 17:14, ล.ม.; ดูกรอบหน้า 19.) เราไม่ทราบว่ามีผู้ถูกเจิมกี่คนถูกรวบรวมในศตวรรษแรกและจากท่ามกลาง “ข้าวละมาน” ในช่วงหลายศตวรรษอันมืดมนแห่งการออกหากครั้งใหญ่ของคริสต์ศาสนจักร. แต่ในปี 1935 จากยอดผู้ประกาศทั้งหมด 56,153 คนทั่วโลก มี 52,465 คนที่แสดงถึงความหวังฝ่ายสวรรค์ของตนโดยรับเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์. บั้นปลายของคนอีกมากมายที่ยังจะได้ถูกรวบรวมจะเป็นเช่นไร?
“นี่แน่ะ! ชนฝูงใหญ่”
17. เกิดประวัติการณ์อะไรในปี 1935?
17 ในการประชุมภาคครั้งหนึ่งซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 1935 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดได้ให้คำบรรยายสำคัญซึ่งมีชื่อว่า “มหาชนหมู่ใหญ่.”c ชนกลุ่มนี้ “ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้” จะปรากฏตัวออกมาขณะที่การประทับตราขั้นสุดท้ายของชน 144,000 คนแห่งยิศราเอลฝ่ายวิญญาณใกล้จะสิ้นสุดลง. คนเหล่านี้ก็เช่นกันจะแสดงความเชื่อในอำนาจไถ่ถอนของ “พระโลหิตของพระเมษโปดก” ซึ่งหมายถึงพระเยซู และถวายการรับใช้ศักดิ์สิทธิ์ในการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเกี่ยวกับพระวิหารเพื่อการนมัสการ. กลุ่มของพวกเขาจะรอดชีวิต “ออกมาจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” เพื่อรับมรดกอันได้แก่อุทยานบนแผ่นดินโลกซึ่ง “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป.” ในช่วงสามปีก่อนการประชุมภาคครั้งนั้น คนกลุ่มนี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นชนจำพวกโยนาดาบ.—วิวรณ์ 7:9-17, ล.ม.; 21:4; ยิระมะยา 35:10.
18. ปี 1938 มีความสำคัญในทางใดบ้าง?
18 ปี 1938 เป็นปีสำคัญที่มีการระบุตัวชนสองจำพวกอย่างชัดเจน. หอสังเกตการณ์ 15 มีนาคมและ 1 เมษายน 1938 ลงบทความศึกษาสองตอนที่มีชื่อเรื่องว่า “ฝูงแกะของพระองค์” และให้ความกระจ่างเกี่ยวกับฐานะที่สัมพันธ์กันของชนที่เหลือผู้ถูกเจิมกับมิตรสหายของพวกเขา คือชนฝูงใหญ่. จากนั้น ฉบับ 1 และ 15 มิถุนายนก็ออกบทความศึกษาเรื่อง “องค์การ” ซึ่งอาศัยยะซายา 60:17. ได้มีการเชิญให้ทุกประชาคมส่งคำขอต่อคณะกรรมการปกครองให้แต่งตั้งผู้รับใช้ประจำประชาคม และโดยวิธีนี้จึงมีการจัดสิ่งต่าง ๆ ตามระบอบของพระเจ้าที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นและเป็นดังที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้. ประชาคมต่าง ๆ ก็ได้ทำตามคำเชิญดังกล่าว.
19. และเชิงอรรถ. ข้อเท็จจริงอะไรบ้างที่ยืนยันว่า การเรียกทั่วไปที่มีมายัง “แกะอื่น” ได้ดำเนินมาจนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว?
19 รายงานในหนังสือประจำปีแห่งพยานพระยะโฮวา 1939 กล่าวว่า “บัดนี้ ผู้ติดตามที่ถูกเจิมของพระคริสต์เยซูมีจำนวนน้อย และจำนวนของพวกเขาจะไม่เพิ่มขึ้น. คนเหล่านี้ได้รับการระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่าเป็น ‘ชนที่เหลือ’ แห่งพงศ์พันธุ์ของซีโอน องค์การของพระเจ้า. (วิวรณ์ 12:17) บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังรวบรวม ‘แกะอื่น’ เข้ามาหาพระองค์ ซึ่งคนเหล่านี้จะประกอบกันเป็น ‘มหาชนหมู่ใหญ่.’ (โยฮัน 10:16) คนที่กำลังถูกรวบรวมอยู่ในขณะนี้เป็นมิตรสหายของชนที่เหลือ ทำงานด้วยกันกับชนที่เหลือ. นับแต่นี้ไป คนที่ประกอบเป็น ‘แกะอื่น’ จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีการรวบรวม ‘มหาชนหมู่ใหญ่.’” ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมได้รับการนวดปั้นเพื่อให้ดูแลการรวบรวมชนฝูงใหญ่เข้ามา. คนเหล่านี้ก็เช่นกันต้องได้รับการนวดปั้นในขณะนี้.d
20. มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่เกิดขึ้นกับการจัดระเบียบองค์การนับตั้งแต่ปี 1942?
20 ในเดือนมกราคม 1942 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถึงช่วงที่รบกันดุเดือดที่สุด โจเซฟ รัทเทอร์ฟอร์ดก็สิ้นชีวิต และ นาทาน นอรร์ รับตำแหน่งเป็นนายกสมาคมคนต่อไป. นายกสมาคมคนที่สามได้รับการระลึกถึงด้วยความรักใคร่ที่ได้ก่อตั้งโรงเรียนตามระบอบของพระเจ้าในประชาคม และตั้งโรงเรียนกิเลียดสำหรับฝึกอบรมมิชชันนารี. ในการประชุมประจำปีของสมาคมปี 1944 ท่านประกาศว่ากำลังมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนกฎบัตรของสมาคมเพื่อให้สมาชิกภาพขึ้นอยู่กับสภาพฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่การบริจาคด้านวัตถุ. ในระหว่าง 30 ปีต่อมา จำนวนคนที่ทำงานในเขตทำงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 156,299 คนเป็น 2,179,256 คน. ในระหว่างปี 1971-1975 จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางประการเพิ่มขึ้นในองค์การ. คนเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่นายกสมาคมไม่สามารถดูแลงานราชอาณาจักรทั่วโลกได้อย่างทั่วถึงอีกต่อไป. คณะกรรมการปกครอง ซึ่งมีคนหนึ่งผลัดกันขึ้นเป็นประธาน จึงได้เพิ่มสมาชิกซึ่งเป็นผู้ถูกเจิมเป็น 18 คน ซึ่งเวลานี้เกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้สิ้นชีวิตทางแผ่นดินโลกไปแล้ว.
21. อะไรที่ทำให้สมาชิกของแกะฝูงเล็กมีคุณวุฒิสำหรับราชอาณาจักร?
21 สมาชิกที่ยังเหลืออยู่ของแกะฝูงเล็กได้รับการนวดปั้นมาตลอดหลายทศวรรษที่เต็มไปด้วยการทดลอง. พวกเขามีกำลังใจดี เนื่องจากได้รับ ‘พยานของพระวิญญาณ’ อย่างไม่ต้องสงสัย. พระเยซูได้ตรัสกับพวกเขาดังนี้: “เจ้าทั้งหลายเป็นผู้ที่ได้แนบสนิทอยู่กับเราในการทดลองของเรา; และเราทำสัญญาไมตรีกับเจ้าทั้งหลาย เช่นเดียวกับพระบิดาของเราได้ทำสัญญาไมตรีกับเรา ในเรื่องราชอาณาจักร เพื่อเจ้าทั้งหลายจะกินและดื่มที่โต๊ะของเราในราชอาณาจักรของเรา และนั่งบนบัลลังก์เพื่อจะพิพากษายิศราเอลสิบสองตระกูล.”—โรม 8:16, 17; ลูกา 12:32; 22:28-30, ล.ม.
22, 23. แกะฝูงเล็กและแกะอื่นกำลังถูกนวดปั้นอย่างไร?
22 ขณะที่จำนวนของชนที่เหลือแห่งผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณบนแผ่นดินโลกได้ลดน้อยลง พี่น้องชายที่อาวุโสของชนฝูงใหญ่ก็ได้รับมอบหน้าที่ให้ดูแลสิ่งฝ่ายวิญญาณในเกือบทุกประชาคมทั่วโลก. และขณะที่กลุ่มสุดท้ายของพยานผู้ถูกเจิมซึ่งชราแล้วสิ้นชีวิตทางแผ่นดินโลก ซารีมʹ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าชายแห่งแกะอื่นจะได้รับการฝึกอบรมอย่างดีให้ทำหน้าที่บริหารในฐานะชนจำพวกหัวหน้าบนแผ่นดินโลก.—ยะเอศเคล 44:3; ยะซายา 32:1.
23 ทั้งแกะฝูงเล็กและแกะอื่นยังคงได้รับการนวดปั้นต่อ ๆ ไปให้เป็นภาชนะสำหรับวัตถุประสงค์อันมีเกียรติ. (โยฮัน 10:14-16) ไม่ว่าความหวังของเราอยู่ที่ “ฟ้าสวรรค์ใหม่” หรือที่ “แผ่นดินโลกใหม่” ขอให้เราตอบรับอย่างสุดหัวใจต่อคำเชิญของพระยะโฮวาที่ว่า “ท่านทั้งหลาย จงยินดีปรีดา และจงปีติชื่นชมตลอดไปในสิ่งที่เรากำลังสร้างอยู่นั้น. เพราะนี่แน่ะ เรากำลังสร้างยะรูซาเลม [ฝ่ายสวรรค์] ให้เป็นเหตุที่จะมีความชื่นชม และสร้างพลเมืองของกรุงนั้นให้เป็นเหตุที่จะมีความยินดีปรีดา.” (ยะซายา 65:17, 18, ล.ม.) ขอให้เราซึ่งเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอรับใช้อย่างถ่อมใจอยู่เสมอ ถูกนวดปั้นโดย “กำลังที่มากกว่าปกติ” ซึ่งก็คืออำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า!—2 โกรินโธ 4:7, ล.ม.; โยฮัน 16:13
[เชิงอรรถ]
a นี่นับเป็นคำเตือนสำหรับคริสต์ศาสนจักรที่ทรยศต่อพระเจ้า ซึ่งชาติยิศราเอลโบราณเป็นภาพเล็งถึง ว่าพวกเขาจะประสบกับการพิพากษาคล้ายกันนี้จากพระยะโฮวา.—1 เปโตร 4:17, 18.
b ผู้พิพากษาแมนตันซึ่งเป็นชาวโรมันคาทอลิกผู้ได้ปฏิเสธที่จะให้กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลประกันตัว ในเวลาต่อมาได้ถูกจำคุกเสียเอง ด้วยข้อหารับสินบน.
c พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งออกในปี 1950 ใช้คำว่า “ชนฝูงใหญ่” เป็นคำแปลที่ดีกว่าของคำในภาษากรีกซึ่งเขียนขึ้นโดยการดลใจ.
d ในปี 1938 จำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ทั่วโลกคือ 73,420 คน โดยมี 39,225 คนรับเครื่องหมาย—53 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด. เมื่อถึงปี 1998 ผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 13,896,312 คน โดยมีเพียง 8,756 คนรับเครื่องหมาย เฉลี่ยแล้วมีผู้รับเครื่องหมายไม่ถึง 1 คนต่อทุก 10 ประชาคม.
คุณจำได้ไหม?
▫ พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างสำหรับเราอย่างไรในการยอมตัวต่อการนวดปั้นจากพระบิดาของพระองค์?
▫ การนวดปั้นเช่นไรซึ่งเกิดขึ้นในชาติยิศราเอลโบราณ?
▫ “ยิศราเอลของพระเจ้า” ได้ถูกนวดปั้นอย่างไรจนกระทั่งถึงเวลานี้?
▫ “แกะอื่น” ถูกนวดปั้นด้วยวัตถุประสงค์อะไร?
[กรอบหน้า 18]
การนวดปั้นอีกขั้นหนึ่งในคริสต์ศาสนจักร
ข่าวจากสำนักข่าวเอพีซึ่งส่งมาจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ รายงานดังต่อไปนี้เกี่ยวกับผู้นำในระดับสูงคนใหม่ของคริสตจักรกรีกออร์โทด็อกซ์ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้: “เป็นที่คาดหมายว่าเขาจะเป็นผู้ส่งข่าวสันติสุข. แต่สิ่งที่ผู้นำในระดับสูงของคริสตจักรกรีกออร์โทด็อกซ์กล่าวฟังดูคล้ายกับนายพลกำลังเตรียมทำสงครามเสียมากกว่า.
“‘หากมีความจำเป็น เราก็พร้อมเสมอที่จะหลั่งโลหิตและเสียสละ. เราในฐานะคริสตจักรขออธิษฐานเพื่อสันติภาพ . . . แต่เราอวยพรแก่อาวุธอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้อาวุธ’ อาร์ชบิชอป คริสโตดูลอส กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ในวันเทศกาลบริสุทธิ์เนื่องในวาระแม่พระขึ้นสู่สวรรค์ ซึ่งฉลองควบกับวันกองทัพของประเทศกรีซ.”
[กรอบหน้า 19]
“ไม่มีการเพิ่มอีกแล้ว!”
ในวันจบหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนกิเลียดในปี 1970 เฟรเดอริก แฟรนซ์ ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งรองนายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ บอกกับนักศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขา ซึ่งทั้งหมดเป็นแกะอื่นที่มีความหวังทางแผ่นดินโลก อาจได้ให้บัพติสมาแก่บางคนที่อาจอ้างว่าเขาเป็นชนที่เหลือแห่งผู้ถูกเจิม. อาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ไหม? ท่านอธิบายว่าโยฮันผู้ให้บัพติสมาเป็นแกะอื่น และท่านให้บัพติสมาแก่พระเยซูและอัครสาวกบางคน. จากนั้นท่านกล่าวต่อไปโดยถามว่ายังคงมีการเรียกเพิ่มเติมในการรวบรวมชนที่เหลืออีกหรือไม่. ท่านกล่าวว่า “ไม่ ไม่มีการเพิ่มอีกแล้ว! การเรียกนั้นสิ้นสุดลงตั้งแต่ในช่วงปี 1931-1935! ไม่มีการเพิ่มอีกแล้ว. ถ้าอย่างนั้น บางคนที่เข้ามาสมทบใหม่ซึ่งรับเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์เป็นใครล่ะ? หากเขาเป็นชนที่เหลือ พวกเขาก็เป็นผู้เข้ามาทดแทน! พวกเขาไม่ใช่ส่วนที่เพิ่มเข้ากับตำแหน่งผู้ถูกเจิม หากแต่เป็นผู้เข้ามาทดแทน คนที่อาจล้มพลาดไป.”
[รูปภาพหน้า 15]
งานรับใช้มีค่าสูงยิ่งสำหรับเราสักเพียงไร!
[รูปภาพหน้า 16]
ชาติยิศราเอลโบราณได้กลายเป็นภาชนะที่เหมาะสำหรับความพินาศเท่านั้น