ผู้ปกครองทั้งหลายจงปรับคนอื่นให้เข้าที่ด้วยน้ำใจอ่อนสุภาพ
หัวใจของคริสเตียนแท้อาจเปรียบเสมือนสวนฝ่ายวิญญาณที่ก่อให้เกิดผลที่ดีงาม. ตามปกติแล้ว ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นทนนาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนสุภาพ, และการรู้จักบังคับตนจะเจริญงอกงามที่นั่น. และทำไมจะไม่เป็นเช่นนั้นเล่า? ที่แท้แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้ายะโฮวาประทานให้ผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระองค์. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) กระนั้น คริสเตียนทุกคนซึ่งปรารถนาจะบำรุงรักษาสวนแห่งหัวใจของเขาไว้ให้เป็นสถานที่ซึ่งทำให้พระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเขาพอพระทัยนั้น ต้องทำการต่อสู้อย่างแข็งขันโดยไม่หยุดยั้งต่อผลอันไม่พึงปรารถนาของบาปที่สืบทอดมานั้น.—โรม 5:5, 12.
บางครั้ง สิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเริ่มงอกขึ้นในหัวใจที่ไม่สมบูรณ์ของบุคคลที่เลื่อมใสในพระเจ้า. เขาอาจเคยมีประวัติฝ่ายวิญญาณอันยอดเยี่ยม. แต่แล้วมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น บางทีเกิดจากการคบหาสมาคมที่ไม่ดีหรือการตัดสินใจที่ไม่ฉลาด. ผู้ปกครองในประชาคมจะช่วยบุคคลเช่นนั้นทางฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร?
คำแนะนำของอัครสาวก
ในการช่วยเหลือคริสเตียนผู้ที่ได้ทำผิด ผู้ปกครองจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลที่ว่า “พี่น้องทั้งหลาย ถ้าแม้นผู้ใดก้าวพลาดไปประการใดก่อนที่เขารู้ตัว ท่านทั้งหลายผู้มีคุณวุฒิทางฝ่ายวิญญาณจงพยายามปรับคนเช่นนั้นให้เข้าที่ด้วยน้ำใจอ่อนสุภาพ ขณะที่ท่านแต่ละคนเฝ้าระวังตนเอง เกรงว่าท่านอาจถูกล่อใจด้วย.” (ฆะลาเตีย 6:1, ล.ม.) เมื่อเพื่อนร่วมความเชื่อได้ “ก้าวพลาดไปประการใดก่อนที่เขารู้ตัว” ผู้ปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะเสนอความช่วยเหลือเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้.
เปาโลกล่าวถึง “ผู้ใด” ว่าก้าวพลาดไป. คำภาษากรีก (อันʹโทรพอส) ซึ่งใช้ ณ ที่นี้อาจนำมาใช้หมายถึงทั้งชายหรือหญิงได้. และการ “ปรับ” คน “ให้เข้าที่” นั้นหมายความอย่างไร? คำศัพท์ภาษากรีก (คาทาร์ทิʹโซ) หมายถึง “นำไปสู่การปรับให้ตรงแนวอย่างเหมาะสม.” คำเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้กับการชุนอวน. (มัดธาย 4:21) ยังมีการนำคำนี้มาใช้กับการทำให้แขนขาที่หักนั้นเข้าที่อีกด้วย. แพทย์ทำเช่นนี้ด้วยความระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้คนไข้เจ็บปวดโดยไม่จำเป็น. เช่นเดียวกัน การช่วยพี่น้องชายหรือหญิงให้ได้รับการปรับให้ตรงแนวฝ่ายวิญญาณที่เหมาะสมนั้นต้องใช้ความระวัง, การผ่อนหนักผ่อนเบา, และความเมตตาสงสาร.
ผู้ปกครองให้หลักฐานเกี่ยวกับสภาพฝ่ายวิญญาณของตนเองโดยการสำแดงน้ำใจอ่อนสุภาพเมื่อพยายามปรับคนหนึ่งให้เข้าที่. แน่นอน พระเยซูผู้มีใจอ่อนสุภาพคงจะจัดการกับเรื่องราวดังกล่าวด้วยความอ่อนสุภาพ. (มัดธาย 11:29) พวกผู้ปกครองควรแสดงคุณลักษณะเช่นนี้ต่อผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่ได้ก้าวพลาดไป เพราะพวกผู้ปกครองเองก็ใช่ว่าจะพ้นจากการถูกฉุดเข้าไปในบาป ซึ่งตรงกันข้ามกับเจตนาในหัวใจของเขา. สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตถ้าหากยังไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต.
ชายเหล่านี้ผู้มีคุณวุฒิฝ่ายวิญญาณควร ‘แบกภาระหนัก’ ของเพื่อนร่วมนมัสการของเขาด้วยความรัก. ที่จริง ผู้ปกครองพร้อมที่จะช่วยพี่น้องชายหรือหญิงให้ต่อสู้กับซาตาน, การล่อใจ, ความอ่อนแอของเนื้อหนัง, และการรุมล้อมของบาป. แน่นอน นี้เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ดูแลคริสเตียนจะทำ “ให้พระบัญญัติของพระคริสต์สำเร็จ.”—ฆะลาเตีย 6:2.
ชายที่มีคุณวุฒิฝ่ายวิญญาณอันแท้จริงนั้นเป็นคนถ่อมใจ สำนึกว่า “ถ้าคนใดถือว่าเป็นใหญ่ แต่ยังไม่เป็นอะไรเลย คนนั้นก็ลวงตนเอง.” (ฆะลาเตีย 6:3) ไม่ว่าผู้ปกครองพยายามอย่างแข็งขันเพียงไรก็ตามที่จะทำสิ่งถูกต้องและเป็นประโยชน์ เขาก็จะยังคงไม่บรรลุถึงพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้สมบูรณ์และมีความเห็นอกเห็นใจด้วยความรัก. แต่นั้นมิใช่เหตุผลที่พวกเขาจะไม่ทำสุดความสามารถของตน.
ผู้ปกครองทราบว่าคงจะผิดที่จะประณามเพื่อนร่วมความเชื่อด้วยท่าทีหยิ่งยโส ยกตนข่มท่าน! พระเยซูคงจะไม่ทำเช่นนั้นแน่ ๆ. พระองค์ทรงมอบชีวิตของพระองค์ไม่เพียงเพื่อมิตรสหายของพระองค์เท่านั้น แต่สำหรับศัตรูของพระองค์ด้วยซ้ำ! พวกผู้ปกครองพยายามจะแสดงความรักอย่างเดียวกันเมื่อพยายามช่วยพี่น้องชายหรือหญิงให้พ้นจากความยุ่งยาก และนำพวกเขามาใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเขาและมาตรฐานอันชอบธรรมของพระองค์. มีขั้นตอนอะไรบ้างที่จะช่วยพวกผู้ปกครองให้ปรับเพื่อนร่วมนมัสการให้เข้าที่?
ขั้นตอนที่เป็นประโยชน์บางประการ
พึ่งอาศัยพระยะโฮวาด้วยการอธิษฐานขณะที่พูดและปฏิบัติด้วยท่าทีอ่อนสุภาพ. พระเยซูทรงอ่อนสุภาพ อธิษฐานอย่างมุ่งมั่นต่อพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของพระองค์เพื่อการทรงนำ และกระทำสิ่งที่พอพระทัยพระบิดาเสมอ. (มัดธาย 21:5; โยฮัน 8:29) ผู้ปกครองควรทำอย่างเดียวกันเมื่อพยายามปรับคนที่ได้ก้าวพลาดไปนั้นให้เข้าที่. ในฐานะรองผู้บำรุงเลี้ยงที่อ่อนสุภาพ ผู้ปกครองจะสนับสนุนและเสริมสร้างขึ้นในการพูดจาปราศรัย ไม่ใช่ขู่เข็ญ. ระหว่างการสนทนา เขาจะพยายามสร้างบรรยากาศซึ่งคริสเตียนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจะรู้สึกสบายใจเท่าที่เป็นไปได้ในการแสดงความคิดของเขาออกมา. เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายนั้น การเริ่มต้นด้วยคำอธิษฐานอย่างจริงใจจะช่วยได้มากมาย. คนที่ได้รับคำแนะนำซึ่งมีการให้ด้วยความอ่อนสุภาพจะพร้อมในการเปิดหัวใจของเขาต่อคำแนะนำนั้นมากกว่าหากเขาทราบว่า เช่นเดียวกับพระเยซู ผู้ให้คำแนะนำต้องการทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย. คำอธิษฐานในตอนท้ายคงจะประทับใจบุคคลนั้นเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะเอาคำแนะนำซึ่งเขาได้รับด้วยท่าทีแสดงความรักและอ่อนสุภาพนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์.
ภายหลังคำอธิษฐาน ให้คำชมเชยอย่างจริงใจ. นั่นอาจเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะที่ดีงามของบุคคลนั้น เช่นความกรุณา, ความเชื่อถือได้, หรือความขยัน. อาจกล่าวพาดพิงถึงประวัติของเขาในเรื่องการรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ บางทีตลอดเวลาหลายปี. โดยวิธีนี้ เราแสดงว่าเราเอาใจใส่และมีความนับถือแบบพระคริสต์ต่อบุคคลนั้น. พระเยซูทรงเริ่มข่าวสารของพระองค์ถึงประชาคมธุอาไตระด้วยคำชมเชย โดยตรัสว่า “เรารู้จักกิจการของเจ้ากับความรักและความเชื่อและการปรนนิบัติกับความเพียร, และรู้ว่าการเบื้องปลายของเจ้าก็มากกว่าการเบื้องต้น.” (วิวรณ์ 2:19) ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้สมาชิกของประชาคมแน่ใจว่าพระเยซูทรงทราบการงานที่ดีซึ่งพวกเขากระทำอยู่นั้น. ถึงแม้ประชาคมมีข้อผิดพลาดของตน—มีการยอมให้กับอิทธิพลแบบ “อีซาเบล”—ประชาคมก็ทำดีในด้านอื่น ๆ และพระเยซูประสงค์ให้พี่น้องชายหญิงเหล่านั้นทราบว่ากิจการงานอันกระตือรือร้นของพวกเขามิได้ดำเนินไปโดยไม่มีใครสังเกต. (วิวรณ์ 2:20) ในทำนองเดียวกันผู้ปกครองควรให้คำชมเชยในประการที่สมควร.
อย่าปฏิบัติกับการก้าวพลาดไปรุนแรงเกินกว่าที่สภาพแวดล้อมเรียกร้อง. ผู้ปกครองต้องปกป้องฝูงแกะของพระเจ้าและรักษาองค์การของพระองค์ให้สะอาด. แต่การก้าวพลาดไปทางฝ่ายวิญญาณบางประการซึ่งจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำแรง ๆ นั้นอาจจัดการได้โดยความสุขุมรอบคอบของผู้ปกครองคนหนึ่งหรือสองคนโดยไม่ต้องมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการตัดสินความ. ในหลายกรณี ความอ่อนแอของมนุษย์แทนที่จะเป็นความชั่วโดยเจตนานั้นเป็นมูลเหตุของการก้าวพลาดไปของคริสเตียน. ผู้ปกครองควรปฏิบัติกับฝูงแกะอย่างอ่อนโยนและจดจำข้อนี้ไว้ “ผู้ที่ไม่สำแดงความเมตตาจะได้รับการพิพากษาโดยปราศจากความเมตตา. ความเมตตาปรีดาในชัยชนะเหนือการพิพากษา.” (ยาโกโบ 2:13, ล.ม.; กิจการ 20:28-30) ดังนั้นแล้ว แทนการทำให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ผู้ปกครองควรปฏิบัติกับเพื่อนร่วมความเชื่อที่สำนึกผิดนั้นด้วยท่าทีอ่อนสุภาพ เช่นเดียวกับพระยะโฮวา พระเจ้าของเราผู้เปี่ยมด้วยความสงสารและความเมตตา.—เอเฟโซ 4:32.
แสดงความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจได้นำไปสู่การก้าวพลาดไป. ผู้ปกครองจำเป็นต้องตั้งใจฟังขณะที่เพื่อนร่วมความเชื่อระบายความในใจของเขาออกมา. เนื่องจาก ‘พระเจ้าไม่ดูถูกดูหมิ่นใจแตกและฟกช้ำเลย’ พวกเขาก็ไม่ควรทำเช่นนั้นด้วย. (บทเพลงสรรเสริญ 51:17) บางทีการขาดการสนับสนุนทางด้านความรู้สึกจากคู่สมรสอาจเป็นสาเหตุของปัญหา. ความซึมเศร้าทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงและยืดเยื้ออาจเซาะกร่อนพลังทางด้านความรู้สึกบางประการของคนเราซึ่งปกติเข้มแข็ง หรืออาจทำให้เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะทำการตัดสินใจอย่างสุขุม. ผู้ปกครองที่มีความรักจะพิจารณาปัจจัยดังกล่าว เพราะถึงแม้เปาโลได้แนะนำพี่น้องของท่านให้ “ตักเตือนคนเกะกะ” ท่านยังได้เร่งเร้าให้ “พูดปลอบโยนผู้ที่หดหู่ใจ เกื้อหนุนคนที่อ่อนแอ อดกลั้นทนทานต่อคนทั้งปวง” อีกด้วย. (1 เธซะโลนิเก 5:14, ล.ม.) ขณะที่ผู้ปกครองไม่ควรทำให้พลังแห่งมาตรฐานอันชอบธรรมของพระเจ้านั้นเสื่อมถอยลง พวกเขาควรคำนึงถึงปัจจัยในการลดหย่อนผ่อนโทษ ดังที่พระเจ้าทรงกระทำนั้น.—บทเพลงสรรเสริญ 103:10-14; 130:3.
หลีกเลี่ยงการบ่อนทำลายความนับถือตัวเองของเพื่อนคริสเตียน. เราไม่ต้องการเลยที่จะปล้นศักดิ์ศรีไปจากพี่น้องชายหญิงคนใด ๆ ของเรา หรือทำให้เกิดความประทับใจว่าเขาไร้ค่า. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น คำรับรองที่ว่าเรามีความมั่นใจในคุณลักษณะแบบคริสเตียนและความรักของคนนั้นที่มีต่อพระเจ้าจะเป็นการหนุนกำลังใจเขาให้แก้ไขข้อผิดพลาด. ดูเหมือนว่าชาวโกรินโธได้รับการสนับสนุนให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เมื่อเปาโลบอกพวกเขาว่าท่านได้อวดกับคนอื่น ๆ ในเรื่อง “ใจพร้อมอยู่แล้ว” และ “ใจร้อนรน” ของพวกเขาในเรื่องนี้.—2 โกรินโธ 9:1-3.
แสดงให้เห็นว่าอาจเอาชนะปัญหาได้โดยการไว้วางใจในพระยะโฮวา. ถูกแล้ว จงพยายามอย่างจริงจังที่จะช่วยบุคคลนั้นให้เข้าใจว่าการไว้วางใจในพระเจ้าและการเอาคำแนะนำจากพระวจนะของพระองค์ไปใช้นั้นจะช่วยก่อให้เกิดการปรับให้เข้าที่ซึ่งจำเป็น. เพื่อจะเป็นเช่นนั้น คำพูดของเราต้องอาศัยพระคัมภีร์ และสรรพหนังสือที่อาศัยพระคัมภีร์เป็นหลัก. เป้าประสงค์ของเรามีสองต่อคือ (1) เพื่อช่วยคนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือนั้นให้แลเห็นเข้าใจทัศนะของพระยะโฮวา และ (2) เพื่อแสดงให้คนนั้นเห็นว่าเขาได้มองข้ามหรือพลาดไปบ้างในการปฏิบัติตามแนวชี้นำเหล่านี้ของพระเจ้า.
รวมเอาคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์มาเข้ากับคำถามที่กรุณาถึงแม้จะตรงจุด. นี้อาจบังเกิดผลทีเดียวในการเข้าถึงหัวใจ. โดยทางมาลาคี ผู้พยากรณ์ของพระองค์ พระยะโฮวาทรงใช้คำถามเพื่อทำให้ไพร่พลของพระองค์เข้าใจว่าพวกเขาได้หลงทางไปสักเพียงไร. พระองค์ตรัสถามว่า “ควรหรือที่มนุษย์จะฉ้อโกงพระเจ้า?” แล้วเสริมอีกว่า “แต่เจ้าทั้งหลายได้ฉ้อโกงเรา.” (มาลาคี 3:8) การที่พวกยิศราเอลไม่บริจาคส่วนสิบลดหนึ่งแห่งพืชผลของเขาตามที่พระบัญญัติของโมเซเรียกร้องนั้นเท่ากับเป็นการฉ้อโกงพระยะโฮวา. เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ ชนยิศราเอลจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธะของพวกเขาต่อการนมัสการแท้พร้อมกับความเชื่อที่ว่าพระเจ้าจะอวยพระพรพวกเขาอย่างบริบูรณ์. โดยทางคำถามที่กระตุ้นความคิดและเห็นอกเห็นใจ ผู้ปกครองยังอาจเน้นด้วยว่าการทำสิ่งถูกต้องในทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับการไว้วางใจในพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราและเชื่อฟังพระองค์. (มาลาคี 3:10) การถ่ายทอดความคิดเช่นนั้นถึงหัวใจจะมีส่วนสนับสนุนมากมายในการช่วยพี่น้องของเราให้ทำ ‘ทางที่เท้าของเขาจะเดินไปนั้นให้ตรงไป.’—เฮ็บราย 12:13.
เน้นผลประโยชน์ของการยอมรับคำแนะนำ. คำแนะนำที่บังเกิดผลนับรวมเอาทั้งคำตักเตือนในเรื่องผลลัพธ์จากการติดตามแนวทางที่ผิด และการเตือนให้ระลึกถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการแก้ไขเรื่องราว. หลังจากคำเตือนที่ทันกาล พระเยซูทรงรับรองกับคนเหล่านั้นในประชาคมที่เป็นทองไม่รู้ร้อนทางฝ่ายวิญญาณที่ละโอดีไกอะว่า ถ้าพวกเขากลับใจจากแนวทางแต่ก่อนของเขาและกลายเป็นสาวกที่กระตือรือร้นแล้ว พวกเขาจะได้รับสิทธิพิเศษอันโดดเด่น รวมทั้งความหวังในการปกครองร่วมกับพระองค์ในสวรรค์.—วิวรณ์ 3:14-21.
แสดงความสนใจว่ามีการเอาใจใส่ฟังคำแนะนำหรือไม่. เหมือนกับแพทย์ที่ดีตรวจเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่ากระดูกที่เขาจัดให้เข้าที่นั้นยังตรงแนวอย่างเหมาะสมอยู่หรือไม่ ผู้ปกครองควรพยายามตรวจสอบดูว่ามีการเอาคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์ไปใช้หรือไม่. พวกเขาอาจถามตัวเองว่า ความช่วยเหลือต่อไปอีกเป็นสิ่งจำเป็นไหม? ควรกล่าวซ้ำคำแนะนำไหม บางทีในอีกวิธีหนึ่ง? พระเยซูต้องแนะนำพวกสาวกของพระองค์หลายครั้งหลายหนถึงความจำเป็นในเรื่องความถ่อมใจ. มากกว่าหนึ่งครั้งทีเดียว พระองค์ทรงพยายามด้วยความอดทนที่จะปรับความคิดของพวกเขาให้เข้าที่โดยทางคำแนะนำ, อุทาหรณ์, และตัวอย่างที่เป็นจริง. (มัดธาย 20:20-28; มาระโก 9:33-37; ลูกา 22:24-27; โยฮัน 13:5-17) โดยเทียบเคียงแล้ว พวกผู้ปกครองอาจช่วยทำให้แน่ใจว่าการปรับให้เข้าที่ของพี่น้องชายหรือหญิงนั้นสำเร็จก็โดยการจัดเตรียมการนัดหมายกันอีกเพื่อการพิจารณาตามหลักพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่องซึ่งได้รับการจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมคนนั้นให้ก้าวหน้าไปสู่สุขภาพดีฝ่ายวิญญาณ.
ให้คำชมเชยสำหรับการปรับปรุงใด ๆ ที่ได้ทำไปนั้น. ถ้าคนที่ได้ก้าวพลาดไปนั้นพยายามอย่างจริงใจที่จะเอาคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์ไปใช้ จงชมเชยเขาอย่างอบอุ่น. นี้จะเสริมน้ำหนักให้กับคำแนะนำในตอนแรก และคงจะสนับสนุนการปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป. ในจดหมายฉบับแรกของเปาโลถึงชาวโกรินโธนั้น ท่านจำเป็นต้องให้คำแนะนำที่หนักแน่นแก่พวกเขาในเรื่องต่าง ๆ. ไม่นานหลังจากติโตได้แจ้งให้อัครสาวกทราบการตอบรับอย่างดีเยี่ยมต่อจดหมายของท่าน เปาโลจึงเขียนเพื่อชมเชยพวกเขา. ท่านกล่าวว่า “บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี, มิใช่เพราะท่านได้รับความเสียใจ, แต่เพราะที่ท่านได้รับความเสียใจนั้นจึงเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า.”—2 โกรินโธ 7:9.
สาเหตุสำหรับความยินดี
ถูกแล้ว เปาโลยินดีเมื่อท่านได้ยินว่าคำแนะนำของท่านได้ช่วยชาวโกรินโธ. ในทำนองเดียวกัน ผู้ปกครองปัจจุบันมีความยินดีเป็นอันมากเมื่อเพื่อนร่วมนมัสการฟื้นตัวจากการก้าวพลาดเนื่องจากการตอบรับแบบที่เอื้ออำนวยต่อการช่วยเหลือด้วยความรักของพวกเขา. พวกเขามีความพอใจได้จริง ๆ ในการช่วยคริสเตียนผู้สำนึกตัวให้ถอนรากวัชพืชที่เต็มด้วยหนามของบาปนั้นออกจากหัวใจของเขาเพื่อว่าผลแบบพระเจ้าจะงอกงามที่นั่นอย่างบริบูรณ์.
ถ้าผู้ปกครองบรรลุผลสำเร็จในการปรับบุคคลที่ก้าวพลาดไปบางประการให้เข้าที่แล้ว เขาอาจหันกลับจากแนวทางที่จะเป็นความหายนะฝ่ายวิญญาณอย่างสิ้นเชิงนั้นได้. (เทียบกับยาโกโบ 5:19, 20.) ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือเช่นนั้นควรแสดงความรู้สึกขอบพระคุณต่อพระเจ้ายะโฮวา. คำพูดด้วยความหยั่งรู้ค่าจริง ๆ ต่อความช่วยเหลือด้วยความรัก, ความเมตตาสงสาร, และความเข้าใจของผู้ปกครองคงจะเหมาะสมด้วย. และเมื่อการหายเป็นปกติทางฝ่ายวิญญาณสำเร็จลุล่วงไปแล้ว คนเหล่านั้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องด้วยสามารถยินดีได้ที่การปรับให้เข้าที่นั้นได้สำเร็จด้วยน้ำใจอ่อนสุภาพ.