แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 4-10 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | โรม 12-14
“การแสดงความรักแบบคริสเตียนหมายถึงอะไร?”
(โรม 12:10) ให้รักกันแบบพี่น้อง ริเริ่มให้เกียรติคนอื่นก่อน
it-1-E น. 55
ความรู้สึกรัก
ความรักแบบพี่น้อง (คำภาษากรีก phi·la·del·phiʹa ฟีลาเดลเฟีย แปลตรงตัวว่า “ความรู้สึกรักที่เรามีให้กับพี่น้อง”) ควรมีอยู่ในประชาคมคริสเตียน (รม 12:10; ฮบ 13:1; ดู 1ปต 3:8 ด้วย) ดังนั้น ความสัมพันธ์ของพี่น้องในประชาคมควรเป็นแบบอบอุ่น ใกล้ชิดกัน และเหนียวแน่นเหมือนกับความรักระหว่างคนในครอบครัว แม้พี่น้องในประชาคมจะแสดงความรักแบบนี้อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังได้รับการสนับสนุนให้ทำมากขึ้นอีก—1ธส 4:9, 10
คำภาษากรีก phi·loʹstor·gos (ฟีโลสตอร์โกส) หมายถึง “ความรักอย่างอบอุ่น” มีการใช้คำนี้กับคนที่สนิทกับอีกคนหนึ่งมากและเป็นความสัมพันธ์ที่อบอุ่น หนึ่งในรากศัพท์ของคำนี้ก็คือคำว่า sterʹgo (สเตอโก) ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงถึงความรักตามธรรมชาติเหมือนความรักระหว่างคนในครอบครัว อัครสาวกเปาโลสนับสนุนคริสเตียนให้ปลูกฝังคุณลักษณะนี้ (รม 12:10) เปาโลยังบอกด้วยว่าลักษณะอย่างหนึ่งของคนในสมัยสุดท้ายคือ “ไม่รักญาติพี่น้อง” (คำภาษากรีก aʹstor·goi อาสตอร์กอย ) และคนอย่างนั้นสมควรตาย—2ทธ 3:3; รม 1:31, 32
วันที่ 11-17 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | โรม 15-16
“มองไปที่พระยะโฮวาเพื่อจะอดทนและมีกำลังใจ”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
(โรม 16:25) ข่าวดีที่ผมประกาศและข่าวเรื่องพระเยซูคริสต์นั้นแสดงว่าพระเจ้าทำให้พวกคุณมั่นคงได้ ข่าวดีนี้เกี่ยวกับการเปิดเผยความลับศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปิดบังมายาวนาน
it-1-E น. 858 ว. 5
การรู้ล่วงหน้า การกำหนดไว้ล่วงหน้า
เมสสิยาห์หรือพระคริสต์เป็นลูกหลานตามคำสัญญาที่จะทำให้คนดีทุกคนในโลกได้รับพรจากพระเจ้า (กท 3:8, 14) มีการพูดถึง “ลูกหลาน” ที่ว่านี้ครั้งแรกหลังจากการกบฏในสวนเอเดน แต่เป็นช่วงก่อนอาเบลเกิด (ปฐก 3:15) และนั่นเป็นเวลาประมาณ 4,000 ปีก่อนจะมีการเปิดเผย “ความลับศักดิ์สิทธิ์” อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเมสสิยาห์ซึ่งก็คือ “ลูกหลาน” ที่มีการพูดถึง ดังนั้น เรื่องนี้ “ถูกปิดบังมายาวนาน” จริง ๆ—รม 16:25-27; อฟ 1:8-10; 3:4-11
วันที่ 18-24 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | 1 โครินธ์ 1-3
“คุณเป็นคนที่คิดแบบโลกหรือเป็นคนที่ได้รับการชี้นำจากพลังของพระเจ้า?”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
(1 โครินธ์ 1:20) คนมีปัญญาอยู่ไหนล่ะ? ครูสอนศาสนาไปอยู่ที่ไหนกันหมด? นักโต้วาทีของโลกนี้หายไปไหนแล้ว? พระเจ้าทำให้เห็นแล้วว่าปัญญาของโลกนี้เป็นเรื่องโง่ขนาดไหน
it-2-E น. 1193 ว. 1
สติปัญญา
สติปัญญาของโลกปฏิเสธการจัดเตรียมของพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์และบอกว่าเป็นเรื่องโง่ แม้พวกผู้ปกครองของโลกจะมีทั้งความสามารถและอำนาจในการตัดสิน แต่พวกเขาก็ยัง “ประหารผู้เป็นนายที่ยิ่งใหญ่” (1คร 1:18; 2:7, 8) แต่พระเจ้าทำให้เห็นแล้วว่าปัญญาของโลกนี้เป็นเรื่องโง่ พระองค์ทำให้คนมีปัญญาของโลกต้องอายเพราะพระองค์ใช้สิ่งที่พวกเขามองว่า “โง่” และใช้คนที่พวกเขามองว่า ‘โง่ อ่อนแอ ต่ำต้อย’ เพื่อทำให้ความประสงค์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของพระองค์เกิดขึ้นจริง (1คร 1:19-28) เปาโลเตือนคริสเตียนในเมืองโครินธ์ว่า “ปัญญาของโลกนี้ [และ] ของพวกผู้มีอำนาจปกครองในโลก” จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังนั้น ปัญญาของโลกไม่ใช่ส่วนหนึ่งของข่าวสารจากพระเจ้าที่อัครสาวกประกาศ (1คร 2:6, 13) เขาเตือนคริสเตียนในเมืองโคโลสีไม่ให้ติดกับดักของ “ปรัชญา [phi·lo·so·phiʹas ฟีโลโซเฟียส แปลตรงตัวว่า การรักสติปัญญา] และคำหลอกลวงเหลวไหลตามที่มนุษย์สอนต่อ ๆ กันมา”—คส 2:8; เทียบกับข้อ 20-23
วันที่ 25-31 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | 1 โครินธ์ 4-6
“เชื้อขนมปังแค่นิดเดียวก็ทำให้แป้งทั้งก้อนขึ้นฟูได้”
(1 โครินธ์ 5:1, 2) ที่จริง ผมได้รับรายงานว่ามีการทำผิดศีลธรรมทางเพศในหมู่พวกคุณ ซึ่งความผิดแบบนี้แม้แต่คนที่ไม่นับถือพระเจ้าก็ยังไม่ทำกัน คือมีคนหนึ่งอยู่กินกับภรรยาของพ่อตัวเอง 2 พวกคุณภูมิใจกับเรื่องนี้หรือ? พวกคุณน่าจะเศร้าใจมากกว่า แล้วให้คนที่ทำอย่างนั้นออกไปจากพวกคุณ
(1 โครินธ์ 5:5-8) ก็ให้พวกคุณไล่คนนั้นไปอยู่กับซาตานเพื่อกำจัดแรงชักจูงที่ผิดบาป จะได้รักษาน้ำใจที่ดีของประชาคมไว้ในวันของผู้เป็นนาย 6 ที่พวกคุณอวดอยู่นั้นไม่ดีเลย พวกคุณไม่รู้หรือว่าเชื้อขนมปังแค่นิดเดียวก็ทำให้แป้งทั้งก้อนขึ้นฟูได้? 7 รีบกำจัดเชื้อเก่านั้นออกไป พวกคุณจะได้เป็นเหมือนแป้งก้อนใหม่ที่ไม่มีเชื้ออย่างที่พวกคุณเป็นอยู่ตอนนี้ เพราะพระคริสต์ที่เป็นลูกแกะปัสกาของเรานั้นถูกถวายเป็นเครื่องบูชาแล้ว 8 ดังนั้น ให้เราถือเทศกาลปัสกาโดยไม่มีเชื้อเก่าอยู่ อย่าให้มีเชื้อของความเลวและความชั่ว แต่ให้เรากินขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งหมายถึงความจริงใจและความจริง
(1 โครินธ์ 5:13) ส่วนพระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินคนนอกเอง “พวกคุณต้องกำจัดคนชั่วออกไปจากพวกคุณ”
it-2-E น. 230
เชื้อ
อัครสาวกเปาโลใช้ภาพเปรียบเทียบนี้ตอนที่สั่งประชาคมคริสเตียนในเมืองโครินธ์ให้ไล่คนที่ทำผิดศีลธรรมออกไปจากประชาคม เขาบอกว่า “พวกคุณไม่รู้หรือว่าเชื้อขนมปังแค่นิดเดียวก็ทำให้แป้งทั้งก้อนขึ้นฟูได้? รีบกำจัดเชื้อเก่านั้นออกไป พวกคุณจะได้เป็นเหมือนแป้งก้อนใหม่ที่ไม่มีเชื้ออย่างที่พวกคุณเป็นอยู่ตอนนี้ เพราะพระคริสต์ที่เป็นลูกแกะปัสกาของเรานั้นถูกถวายเป็นเครื่องบูชาแล้ว” จากนั้น เปาโลทำให้เห็นชัดเจนว่า “เชื้อ” ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงอะไรโดยบอกว่า “ดังนั้น ให้เราถือเทศกาลปัสกาโดยไม่มีเชื้อเก่าอยู่ อย่าให้มีเชื้อของความเลวและความชั่ว แต่ให้เรากินขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งหมายถึงความจริงใจและความจริง” (1คร 5:6-8) เปาโลใช้เทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อของชาวยิวเป็นภาพเปรียบเทียบ เทศกาลนี้จะฉลองทันทีหลังจากเทศกาลปัสกา เหมือนกับที่แป้งเชื้อaก้อนเล็ก ๆ ทำให้ขนมปังทั้งก้อนกลายเป็นขนมปังที่ใส่เชื้อ ประชาคมที่เปรียบเหมือนร่างกายก็จะไม่สะอาดในสายตาของพระยะโฮวาถ้าพวกเขาไม่กำจัดอิทธิพลที่ไม่ดีของผู้ชายที่ทำผิดศีลธรรมคนนั้น พวกเขาต้องกำจัด “เชื้อ” ออกไป เหมือนกับที่ชาวอิสราเอลไม่สามารถเก็บเชื้อขนมปังไว้ในบ้านได้ในช่วงเทศกาล
it-2-E น. 869-870
ซาตาน
การ ‘ไล่คนหนึ่งไปอยู่กับซาตานเพื่อกำจัดแรงชักจูงที่ผิดบาป’ หมายความว่าอย่างไร?
เมื่อเปาโลแนะนำประชาคมโครินธ์ให้ลงมือจัดการกับสมาชิกคนหนึ่งในประชาคมที่ทำชั่วโดยทำผิดศีลธรรมทางเพศกับภรรยาของพ่อ เปาโลเขียนว่า “ให้พวกคุณไล่คนนั้นไปอยู่กับซาตานเพื่อกำจัดแรงชักจูงที่ผิดบาป” (1คร 5:5) นี่เป็นคำสั่งที่ให้ไล่คนนั้นออกจากประชาคม และตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเขา (1คร 5:13) การให้เขาไปอยู่กับซาตานเป็นการตัดเขาออกจากประชาคมและไปอยู่ในโลกที่ซาตานเป็นผู้ปกครองและเป็นพระเจ้า เหมือนกับ “เชื้อขนมปังแค่นิดเดียว” ใน “แป้งทั้งก้อน” ผู้ชายคนนั้นเป็น “แรงชักจูงที่ผิดบาป” ในประชาคม และโดยการไล่ผู้ชายที่ทำผิดศีลธรรมทางเพศคนนี้ออกไป ประชาคมที่อยากทำให้พระเจ้าพอใจก็จะกำจัด “แรงชักจูงที่ผิดบาป” ให้ออกไปจากพวกเขา (1คร 5:6, 7) คล้ายกัน เปาโลมอบฮีเมเนอัสกับอเล็กซานเดอร์ให้ซาตาน เพราะพวกเขาทิ้งความเชื่อไปและไม่ยอมใส่ใจความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำให้ความเชื่อของพวกเขาถูกทำลายเหมือนเรือแตก—1ทธ 1:20
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
(1 โครินธ์ 6:3) พวกคุณไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาแม้แต่ทูตสวรรค์? ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ตัดสินเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันด้วยล่ะ?
it-2-E น. 211
กฎหมาย
กฎหมายสำหรับทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์สูงส่งกว่ามนุษย์ พวกเขาอยู่ใต้กฎหมายและคำสั่งของพระเจ้า (ฮบ 1:7, 14; สด 104:4) พระยะโฮวาถึงกับสั่งและวางข้อจำกัดให้กับซาตานศัตรูของพระองค์ (โยบ 1:12; 2:6) มีคาเอลอัครทูตสวรรค์ยอมรับและนับถือตำแหน่งของพระยะโฮวาว่าเป็นผู้พิพากษาองค์สูงสุด เพราะตอนที่ท่านพูดโต้เถียงกับมาร ท่านพูดว่า “ให้พระยะโฮวาต่อว่าคุณเองก็แล้วกัน” (ยด 9 เทียบกับ ศคย 3:2) พระยะโฮวาพระเจ้าให้ทูตสวรรค์ทั้งหมดอยู่ใต้อำนาจของพระเยซูคริสต์ตอนที่ท่านได้รับเกียรติและการยกย่องแล้ว (ฮบ 1:6; 1ปต 3:22; มธ 13:41; 25:31; ฟป 2:9-11) ดังนั้น พระเยซูจึงใช้ทูตสวรรค์ซึ่งเป็นผู้ส่งข่าวของท่านไปหายอห์น (วว 1:1) และใน 1 โครินธ์ 6:3 อัครสาวกเปาโลพูดถึงพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระคริสต์ว่าพวกเขาได้รับมอบหมายให้พิพากษาพวกทูตสวรรค์ ที่เขาพูดอย่างนี้น่าจะเป็นเพราะผู้ถูกเจิมจะมีส่วนร่วมในการพิพากษาพวกปีศาจไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง
[เชิงอรรถ]
a คือ แป้งทำขนมปังที่ใส่เชื้อแล้ว ซึ่งแบ่งเก็บไว้เพื่อนำไปผสมกับแป้งก้อนใหม่ให้ขึ้นฟู