จงทำให้คำสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของคุณ
“ความเลื่อมใสในพระเจ้ามีประโยชน์ทุกทาง.”—1 ติโมเธียว 4:8, ล.ม.
1, 2. ผู้คนเป็นห่วงสุขภาพตัวเองถึงขีดไหน และผลที่ออกมาเป็นเช่นไร?
คนส่วนใหญ่จะเห็นพ้องด้วยทันทีว่าสุขภาพที่ดีนั้นเป็นทรัพย์ประเสริฐยิ่งในชีวิต. พวกเขาสละเวลาและเงินทองมากจริง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และทำให้แน่ใจว่าเขาได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์อย่างเหมาะสมยามที่เขาต้องรับการบำบัดรักษา. อาทิ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ค่าบริการด้านสุขภาพประจำปีสำหรับปีซึ่งเพิ่งผ่านไปมีมูลค่ามากกว่า 23.5 ล้านล้านบาท. นั้นหมายถึงกว่า 75,000 บาทต่อชาย, หญิง และเด็กทุกคนในประเทศนั้น และเฉลี่ยค่าบริการสำหรับประชากรแต่ละคนในประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วก็ใกล้เคียงกัน.
2 การสิ้นเปลืองทั้งเวลา, พลังงาน, และเงินทั้งหมดเหล่านี้ได้ผลประการใด? แน่นอน ไม่มีใครจะปฏิเสธว่า สมัยนี้พวกเราโดยส่วนรวมได้ก้าวหน้าไปมากกว่ายุคใดในประวัติศาสตร์ ในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และการจัดเตรียมต่าง ๆ. กระนั้น นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยังผลให้มีชีวิตพร้อมด้วยสุขภาพดีโดยอัตโนมัติ. อันที่จริง ในคำปราศรัยที่วางเค้าโครงไว้ว่าด้วยแผนบริการสุขภาพสำหรับประเทศสหรัฐ ประธานาธิบดีของสหรัฐได้ชี้แจงว่า นอกจาก “ค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองมากมายเนื่องจากความรุนแรงในประเทศนี้” ประชาชนของสหรัฐยัง “มีผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์, การสูบบุหรี่และการดื่มเหล้า, การตั้งครรภ์ในกลุ่มเด็กวัยรุ่น, ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย” สูงกว่าประเทศใด ๆ ทั้งสิ้นที่พัฒนาแล้ว. เขาสรุปอย่างไร? “พวกเราจำต้องเปลี่ยนแนวทางของเรา หากเราต้องการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริงในฐานะเป็นชนชาติหนึ่ง.”—ฆะลาเตีย 6:7, 8.
วิถีชีวิตอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
3. เมื่อคำนึงถึงวัฒนธรรมโบราณของกรีก เปาโลได้เสนอคำแนะนำอะไร?
3 สมัยศตวรรษที่หนึ่ง ชาวกรีกมีชื่อเสียงเลื่องลือมากในการทุ่มเทให้กับวิชาพลศึกษา, การฝึกกล้ามเนื้อให้เจริญเติบโต, และการแข่งกีฬา. โดยคำนึงถึงภูมิหลังด้านนี้ อัครสาวกเปาโลได้รับการดลใจให้เขียนถึงชายหนุ่มติโมเธียวว่า “เพราะการฝึกหัดกายนั้นให้ประโยชน์เล็กน้อย; แต่ความเลื่อมใสในพระเจ้ามีประโยชน์ทุกทาง เพราะอำนวยประโยชน์แก่ชีวิตในปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย.” (1 ติโมเธียว 4:8, ล.ม.) ด้วยวิธีนี้ เปาโลได้ชี้ให้เห็นสิ่งซึ่งผู้คนสมัยนี้กำลังยอมรับ นั่นคือการจัดเตรียมทางการแพทย์หรือทางกายภาพนั้นไม่อาจรับประกันวิถีชีวิตอันมีผลประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง. แต่เปาโลให้คำรับรองพวกเราว่า สิ่งซึ่งจะขาดเสียมิได้คือการฝึกฝนอบรมตนให้มีสุขภาพดีฝ่ายวิญญาณและความเลื่อมใสในพระเจ้า.
4. ประโยชน์ต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความเลื่อมใสในพระเจ้ามีอะไรบ้าง?
4 แนวทางดังกล่าวเป็นประโยชน์สำหรับ “ชีวิตในปัจจุบัน” เพราะเป็นการช่วยป้องกันไว้จากบรรดาสิ่งที่ก่อความเสียหายซึ่งคนไม่เลื่อมใสพระเจ้า หรือคนเหล่านั้นที่มีแค่ “ความเลื่อมใสต่อพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง,” นำมาสู่ตัวเขาเอง. (2 ติโมเธียว 3:5, ล.ม.; สุภาษิต 23:29, 30; ลูกา 15:11-16; 1 โกรินโธ 6:18; 1 ติโมเธียว 6:9, 10) คนเหล่านั้นที่ยอมให้ความเลื่อมใสในพระเจ้านวดปั้นชีวิตของตนมีความนับถือต่อข้อกฎหมายและข้อเรียกร้องต่าง ๆ ที่มาจากพระเจ้า, และการเช่นนี้กระตุ้นเขาที่จะทำให้คำสอนของพระเจ้าอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นเป็นวิถีชีวิตของตน. แนวทางดังกล่าวทำให้เขามีสุขภาพดีฝ่ายวิญญาณและด้านร่างกาย, มีความอิ่มเอิบใจ, และความสุข. และเขา “สะสมทรัพย์ประเสริฐอย่างปลอดภัยไว้สำหรับตนให้เป็นรากฐานอันดีสำหรับอนาคต เพื่อเขาจะยึดเอาชีวิตแท้ให้มั่น.”—1 ติโมเธียว 6:19, ล.ม.
5. เปาโลได้จัดคำแนะนำอะไรไว้ในจดหมายฉบับที่สองซึ่งท่านเขียนถึงติโต?
5 เนื่องจากชีวิตที่รับการชี้นำโดยคำสอนของพระเจ้าอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพนำมาซึ่งพระพรดังกล่าวทั้งในปัจจุบันและอนาคต เราจำต้องรู้ในภาคปฏิบัติว่า พึงทำอย่างไรเพื่อจะให้คำสอนของพระเจ้าอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเรา. อัครสาวกเปาโลจัดคำตอบไว้ในจดหมายที่มีไปถึงติโต. เราจะเอาใจใส่บทสองของพระธรรมเล่มนี้เป็นพิเศษ ที่นั่นท่านแนะนำติโตว่า “ฝ่ายท่าน จงพูดต่อ ๆ ไปถึงสิ่งที่เหมาะสำหรับการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ.” แน่นอน สมัยนี้ พวกเราทุกคนไม่ว่าคนหนุ่มคนสาว, คนสูงอายุ, ชายและหญิงย่อมได้ประโยชน์จาก “คำสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ” ดังกล่าว.—ติโต 1:4, 5; 2:1, ล.ม.
คำแนะนำสำหรับชายสูงอายุ
6. เปาโลได้ให้คำแนะนำอะไรสำหรับ “ชายที่สูงอายุ” และเหตุใดจึงว่าเป็นความกรุณาของท่านที่ทำเช่นนั้น?
6 แรกทีเดียว เปาโลมีคำแนะนำบางประการสำหรับชายสูงอายุในประชาคม. โปรดอ่านติโต 2:2. “ชายที่สูงอายุ” ในฐานะเป็นกลุ่มได้รับเกียรติและถือกันว่าเป็นตัวอย่างความเชื่อและความซื่อสัตย์ภักดี. (เลวีติโก 19:32; สุภาษิต 16:31) เพราะเหตุนี้ บางคนอาจรู้สึกลังเลที่จะให้คำแนะนำหรือการเสนอแนะเรื่องที่ไม่สำคัญนักแก่คนสูงอายุ. (โยบ 32:6, 7; 1 ติโมเธียว 5:1) ดังนั้น นับว่าเป็นความกรุณาของเปาโลที่ได้พูดเรื่องชายสูงอายุก่อน และคงเป็นการดีสำหรับพวกเขาที่จะเอาใจใส่จดจำคำพูดของเปาโล และเพื่อจะแน่ใจได้ว่า พวกเขา เหมือนกับเปาโล คือเหมาะสมคู่ควรกับการเอาอย่าง.—1 โกรินโธ 11:1; ฟิลิปปอย 3:17.
7, 8. (ก) การเป็นคน “ประมาณตนกับนิสัยต่าง ๆ” หมายรวมถึงอะไร? (ข) เหตุใดการเป็นคน “จริงจัง” ควรให้สมดุลกับ “การมีสุขภาพจิตดี?
7 ผู้ชายคริสเตียนที่สูงอายุ ประการแรกต้องเป็นคน “ประมาณตนกับนิสัยต่าง ๆ.” แม้ศัพท์เดิมอาจพาดพิงถึงการติดนิสัยดื่มของมึนเมา (“มีสติสัมปชัญญะ,” คิงดัม อินเทอร์ลิเนียร์) แต่คำนี้ยังหมายถึงการระมัดระวัง, ความคิดแจ่มใส, หรือการรักษาสติ. (2 ติโมเธียว 4:5; 1 เปโตร 1:13) ดังนั้น ไม่ว่าเป็นเรื่องการดื่มหรือการกระทำใด ๆ ผู้สูงอายุต้องเป็นคนรู้จักประมาณตน ไม่ปล่อยตัวจนเลยเถิด.
8 นอกจากนี้ เขาต้องเป็นคน “จริงจัง” และ “มีสุขภาพจิตดี” ด้วย. การเป็นคนจริงจัง หรือสง่าผ่าเผย, เป็นที่น่านับถือ, และสมควรได้รับความเคารพนับถือ ปกติแล้วมาพร้อมกับอายุ. แต่บางคนอาจโน้มเอียงจะจริงจังเกินไป จนกลายเป็นคนไม่ทนทานกับการกระทำของคนหนุ่มซึ่งเปี่ยมด้วยพลังวังชาเข้มแข็ง. (สุภาษิต 20:29) นี้แหละเป็นเหตุผลที่ว่า “ความจริงจัง” ต้องสมดุลกับ “สุขภาพจิตดี.” ผู้ชายสูงอายุจำต้องครองตนเป็นคนจริงจังสมกับวัยของตน แต่ในเวลาเดียวกันเป็นคนสมดุล รู้จักควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ของตน.
9. เหตุใดชายสูงอายุจึงต้องเข้มแข็งในความเชื่อและความรัก และโดยเฉพาะความอดทน?
9 สุดท้าย ผู้ชายสูงอายุต้องเป็นคน “สมบูรณ์ในความเชื่อ, ในความรัก, ในความอดทน.” เปาโลกล่าวไว้หลายครั้งในข้อเขียนของท่านโดยการจัดเอาความเชื่อและความรักรวมไว้กับความหวัง. (1 โกรินโธ 13:13; 1 เธซะโลนิเก 1:3; 5:8) พอตอนนี้ ท่านได้ยกเอา “ความอดทน” ขึ้นมาแทน “ความหวัง.” บางทีความรู้สึกอยากวางมืออาจแวบเข้ามาในจิตใจได้ง่ายเนื่องจากสูงอายุ. (ท่านผู้ประกาศ 12:1) อย่างไรก็ดี ดังพระเยซูตรัส “ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด.” (มัดธาย 24:13) ยิ่งกว่านั้น ผู้สูงอายุเหมาะจะเป็นตัวอย่างแก่คนอื่น ไม่เพียงเพราะสูงอายุและมีประสบการณ์ แต่เพราะมีคุณสมบัติฝ่ายวิญญาณที่เข้มแข็งนั้นเอง ซึ่งได้แก่ความเชื่อ, ความรัก, และความอดทน.
สำหรับสตรีสูงอายุ
10. เปาโลจัดเตรียมให้คำแนะนำอะไรสำหรับ “สตรีสูงอายุ” ในประชาคม?
10 ต่อจากนั้น เปาโลมุ่งไปที่สตรีสูงอายุในประชาคม. โปรดอ่านติโต 2:3. “สตรีสูงอายุ” เป็นสมาชิกอาวุโสท่ามกลางกลุ่มสตรีในประชาคม รวมทั้งภรรยาของ “ชายที่สูงอายุ” และผู้เป็นมารดา และคุณย่าคุณยายของสมาชิกคนอื่น ๆ. ในฐานะเช่นนั้น พวกเขาจึงนับว่ามีพลังชักนำมากทีเดียว ไม่ว่าทางดีหรือไม่ดี. นี้แหละเป็นเหตุผลที่เปาโลเริ่มถ้อยแถลงของท่านว่า “เช่นเดียวกัน,” ซึ่งหมายความว่า “สตรีสูงอายุ” มีความรับผิดชอบเช่นเดียวกันที่จะปฏิบัติตามเพื่อเขาจะทำบทบาทของตนในประชาคม.
11. ความประพฤติอันเป็นที่น่าเคารพหมายความอย่างไร?
11 ประการแรก เปาโลกล่าวว่า “ให้สตรีสูงอายุประพฤติตนเป็นที่น่าเคารพ.” “ความประพฤติ” คือการแสดงออกซึ่งทัศนะและลักษณะนิสัยของบุคคลจากภายใน ซึ่งปรากฏออกมาในการปฏิบัติและการปรากฏตัว. (มัดธาย 12:34, 35) ทีนี้ ท่าทีหรือลักษณะนิสัยของสตรีสูงอายุควรเป็นแบบไหน? พูดได้เลยว่า “เป็นที่น่าเคารพ.” คำนี้แปลจากคำภาษากรีกซึ่งหมายถึง “สิ่งที่เหมาะสมในตัวบุคคล, การกระทำหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ได้อุทิศแล้วแด่พระเจ้า.” แน่นอน คำแนะนำนี้เหมาะสมเมื่อคำนึงถึงพลังชักนำที่เขามีต่อคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสตรีที่อ่อนวัยกว่าในประชาคม.—1 ติโมเธียว 2:9, 10.
12. ทุกคนควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิ้นอย่างผิด ๆ อย่างไร?
12 ต่อจากนั้น ท่านกล่าวถึงการประพฤติสองแบบในด้านลบ ได้แก่: “ไม่พูดใส่ร้าย, ทั้งไม่ตกเป็นทาสของเหล้าองุ่นมาก.” น่าสนใจที่การประพฤติสองอย่างนี้นับรวมอยู่ด้วยกัน. ศาสตราจารย์ อี. เอฟ. สก็อตต์ ตั้งข้อสังเกตว่า “ในสมัยโบราณ เมื่อเหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว ณ งานสังสรรค์กลุ่มเล็ก ๆ ที่ใช้เหล้าองุ่นนี้แหละ ผู้หญิงสูงอายุจะนินทาใส่ร้ายเพื่อนบ้านของตน.” โดยทั่วไป ผู้หญิงมักจะห่วงใยผู้คนยิ่งกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นสิ่งน่าชมเชย. กระนั้น การห่วงใยอาจเสื่อมลงจนกลายเป็นการนินทาและพูดให้ร้ายด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อดื่มเข้าไปก็มักจะพูดเลอะเทอะ. (สุภาษิต 23:33) แน่นอน ผู้ชายผู้หญิงทุกคนซึ่งมุ่งติดตามทางชีวิตอย่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงควรระมัดระวังหลุมพรางอันนี้ให้ดี.
13. ในแนวทางใดบ้างที่สตรีสูงอายุสามารถเป็นผู้สอน?
13 เพื่อใช้เวลาที่มีอยู่ไปในทางสร้างสรรค์ สตรีสูงอายุได้รับการสนับสนุน “ให้เป็นผู้สอนสิ่งที่ดี.” ณ ที่อื่น เปาโลก็ได้ให้คำแนะนำชัดเจนว่าผู้หญิงไม่ควรเป็นผู้สอนในประชาคม. (1 โกรินโธ 14:34; 1 ติโมเธียว 2:12) อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ใช่ว่ากีดกันสตรีไม่ให้แจ้งข่าวที่เป็นความรู้อันประเสริฐเกี่ยวกับพระเจ้าภายในครัวเรือนของตนและแก่สาธารณชน. (2 ติโมเธียว 1:5; 3:14, 15) พวกเขาสามารถสำเร็จผลได้มากเช่นกันโดยการเป็นแบบอย่างคริสเตียนแก่สตรีที่อ่อนวัยกว่าในประชาคม ดังเห็นได้จากข้อต่อจากนี้.
สำหรับสตรีที่อ่อนวัย
14. สตรีที่อ่อนวัยกว่าจะแสดงความสมดุลได้อย่างไรเมื่อตนเอาใจใส่ต่อหน้าที่การงานของตน?
14 เมื่อกล่าวสนับสนุนสตรีสูงอายุให้เป็น “ผู้สอนสิ่งที่ดี” เปาโลกล่าวพาดพิงถึงสตรีที่อ่อนวัยกว่าโดยเฉพาะ. โปรดอ่านติโต 2:4, 5. ทั้งที่คำแนะนำส่วนใหญ่มุ่งไปที่การบ้านการเรือน สตรีคริสเตียนที่อ่อนวัยกว่าไม่ควรทำจนเลยเถิด โดยยอมให้ความกังวลเรื่องสมบัติวัตถุเข้าครอบงำชีวิตของตน. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาพึงเป็นคน “มีสุขภาพจิตดี, เป็นคนบริสุทธิ์, . . . เป็นคนดี” และยิ่งกว่าอะไรอื่น อยู่พร้อมจะสนับสนุนวิธีการจัดเตรียมความเป็นประมุขของคริสเตียน “เพื่อจะไม่มีผู้ใดลบหลู่พระวจนะของพระเจ้า.”
15. เหตุใดสตรีที่อ่อนวัยกว่าหลายคนในประชาคมต่าง ๆ สมควรได้รับคำชมเชย?
15 สมัยนี้ สภาพครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปมากจากความเป็นไปในสมัยของเปาโล. หลายครอบครัวแตกแยกกันทางความเชื่อ และบางครอบครัวมีบิดาหรือมารดาที่ไร้คู่. แม้แต่ครอบครัวทั่วไปซึ่งมีบิดามารดาลูกพร้อมหน้า และบิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว กระนั้น สิ่งที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ คือว่า ภรรยาหรือมารดาไม่เป็นผู้ดูแลบ้านช่องเต็มเวลา. ทั้งหมดนี้ก่อความกดดันและหน้าที่รับผิดชอบมากมายแก่สตรีคริสเตียนที่อ่อนวัยจำนวนไม่น้อย แต่ทั้งนี้พวกเขาก็หามีข้อยกเว้นสำหรับภาระหน้าที่ตามหลักพระคัมภีร์ไม่. ดังนั้น จึงเป็นความยินดีอย่างยิ่งเมื่อเห็นสตรีอ่อนวัยที่ซื่อสัตย์หลายคนขยันทำการงานเพื่อจัดหน้าที่หลายอย่างของตนให้สมดุล และยังคงจัดเอาผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรไว้เป็นอันดับแรก บางคนถึงกับสามารถรับใช้เป็นผู้ประกาศเต็มเวลาฐานะไพโอเนียร์สมทบและไพโอเนียร์ประจำเสียด้วยซ้ำ. (มัดธาย 6:33) คนเหล่านี้สมควรรับคำชมเชยอย่างแท้จริง!
สำหรับผู้ชายหนุ่ม ๆ
16. เปาโลมีคำแนะนำอะไรสำหรับผู้ชายอ่อนวัยกว่า และทำไมเรื่องนี้ทันกาล?
16 ครั้นแล้ว เปาโลมุ่งมาที่ผู้ชายอ่อนวัยกว่า รวมถึงติโตด้วย. โปรดอ่านติโต 2:6-8. เมื่อคำนึงถึงแนวทางอันไม่ยอมรับผิดชอบและเสื่อมทรามของคนหนุ่มหลายคนในทุกวันนี้ เช่น การสูบบุหรี่, การใช้ยาและแอลกอฮอล์ในทางที่ให้โทษ, การมีเพศสัมพันธ์อย่างผิดทำนองคลองธรรม, และการมุ่งติดตามสิ่งอื่น ๆ ทางโลก—อาทิ กีฬาที่รุนแรงมีอันตราย และดนตรีและการบันเทิงที่เสื่อมเสีย—นี้แหละคือคำแนะนำทันกาลทีเดียวสำหรับเยาวชนคริสเตียนผู้ซึ่งต้องการปฏิบัติตามแนวทางชีวิตที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นที่น่าพอใจ.
17. ผู้ชายอ่อนวัยกว่าสามารถจะเป็นผู้มี “สุขภาพจิตดี” และเป็น “แบบอย่างแห่งการงานที่ดี” ได้โดยวิธีใด?
17 เมื่อเปรียบเทียบกับชายหนุ่มของโลกนี้ ชายหนุ่มคริสเตียนควรเป็นผู้มี “สุขภาพจิตดี” และ “เป็นแบบอย่างแห่งการงานที่ดี.” เปาโลได้ชี้แจงว่า คนเราจะได้จิตใจที่มีสุขภาพจิตดีและมีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่นั้น ไม่ใช่โดยการศึกษาเท่านั้น แต่ “ด้วยการใช้จึงฝึกฝนความสามารถของตนในการสังเกตเข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิด.” (เฮ็บราย 5:14, ล.ม.) ช่างวิเศษอะไรเช่นนั้นที่เห็นคนหนุ่มสมัครใจสละเวลาและกำลังเรี่ยวแรงของตนเข้าส่วนร่วมเต็มที่ในการงานหลายอย่างของประชาคมคริสเตียน แทนที่จะใช้กำลังความหนุ่มแน่นของเขาให้หมดไปกับการมุ่งหาประโยชน์อย่างเห็นแก่ตัว! เมื่อเขากระทำเช่นนั้น ก็เช่นเดียวกับติโต เขาสามารถเป็นแบบอย่างแห่ง “การงานที่ดี” ภายในประชาคมคริสเตียน.—1 ติโมเธียว 4:12.
18. ที่จะแสดงความสุจริตในการสอน, จริงจังในการปฏิบัติ, และพูดสิ่งที่ก่อประโยชน์นั้นหมายความอย่างไร?
18 ผู้ชายอ่อนวัยกว่ารับการเตือนใจให้ “แสดงความสุจริตในการสอน, ความจริงจัง, การพูดสิ่งที่ก่อประโยชน์ซึ่งไม่มีผู้ใดตำหนิได้.” การสอน ‘อย่างสุจริต’ นั้นต้องมีพื้นฐานมั่นคงโดยอาศัยพระวจนะของพระเจ้า ดังนั้น ผู้ชายอ่อนวัยกว่าจึงต้องเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ขยันขันแข็ง. เช่นเดียวกับชายที่สูงอายุ คนอ่อนวัยกว่าต้องเป็นคนจริงจัง. พวกเขาต้องยอมรับว่า การเป็นผู้สอนพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นหน้าที่รับผิดชอบสำคัญ ด้วยเหตุนั้น เขาจึงต้อง “ประพฤติให้สมกับกิตติคุณของพระคริสต์.” (ฟิลิปปอย 1:27) ทำนองเดียวกัน คำพูดของเขาต้อง “ก่อประโยชน์” และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ ‘ไม่มีผู้ใดตำหนิได้’ เพื่อว่าฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์จะไม่มีสาเหตุจะบ่นว่าคนเหล่านั้นได้.—2 โกรินโธ 6:3; 1 เปโตร 2:12, 15.
สำหรับทาสและคนรับใช้
19, 20. คนเหล่านั้นที่รับจ้างทำงานให้ผู้อื่นจะ “ประดับโอวาทของพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่รอดของเรา” ได้โดยวิธีใด?
19 ประการสุดท้าย เปาโลมุ่งไปที่คนเหล่านั้นซึ่งทำงานให้คนอื่น. โปรดอ่านติโต 2:9, 10. สมัยนี้ พวกเรามีไม่มากที่เป็นทาสหรือคนรับใช้ แต่หลายคนเป็นลูกจ้างและทำงานบริการผู้อื่น. ดังนั้น หลักการซึ่งเปาโลแจกแจงเป็นราย ๆ ไปจึงใช้ได้เป็นอย่างดีในเชิงปฏิบัติในทุกวันนี้เช่นกัน.
20 การ “อยู่ใต้เจ้าของของตนในทุกสิ่ง” นั้นหมายความว่า คริสเตียนที่เป็นลูกจ้างต้องแสดงความนับถือนายจ้างและผู้ดูแลการงานด้วยใจจริง. (โกโลซาย 3:22, ล.ม.) อนึ่ง เขาต้องมีชื่อเสียงดีว่าเป็นคนทำงานที่สัตย์ซื่อ ทำงานของนายจ้างครบตามสัญญาว่าจ้าง. และเขาต้องรักษามาตรฐานการประพฤติที่ดีงามของคริสเตียน ณ ที่ทำงาน ไม่ว่าความประพฤติของคนอื่นที่นั่นเป็นอย่างไรก็ตาม. ทั้งหมดนี้ก็ “เพื่อว่าเขาจะประดับโอวาทของพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเราในทุกสิ่ง.” เรามักได้ยินเสมอเกี่ยวกับผลอันน่าชื่นใจเมื่อสุจริตชนผู้เฝ้าสังเกตได้ตอบรับความจริง เพราะการประพฤติดีของเพื่อนร่วมงานหรือลูกจ้างของเขาผู้ซึ่งเป็นพยานฯ. นี้คือรางวัลซึ่งพระยะโฮวาประทานแก่ผู้สอนทั้งหลายที่ปฏิบัติตามการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แม้ว่าเป็นสถานที่ทำงานซึ่งพวกเขารับจ้างอยู่ก็ตาม.—เอเฟโซ 6:7, 8.
ชนชาติหนึ่งที่ถูกชำระแล้ว
21. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาได้ทรงจัดเตรียมการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และพวกเราควรตอบสนองอย่างไร?
21 การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งเปาโลได้ชี้แจงแล้วนั้นไม่เป็นเพียงกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมหรือแนวคิดทางศีลธรรม ซึ่งเราอาจค้นขึ้นมาใช้ยามที่เราต้องการ. เปาโลชี้แจงต่อไปถึงวัตถุประสงค์ของการสอนนี้. โปรดอ่านติโต 2:11, 12. เพราะความรักและพระกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย พระเจ้ายะโฮวาทรงจัดเตรียมการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อว่าเราจะเรียนรู้ถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายและเป็นที่น่าพอใจในสมัยวิกฤตและมีอันตรายเวลานี้. คุณเต็มใจรับเอาการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพและทำให้เป็นวิถีชีวิตของคุณไหม? การทำเช่นนั้นย่อมหมายถึงความรอดสำหรับคุณ.
22, 23. เราจะได้รับพระพรอะไรโดยทำให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเรา?
22 ยิ่งกว่านั้น การทำให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเรา ทำให้เรามีสิทธิพิเศษยอดเยี่ยมที่สุดเวลานี้ และมีความหวังที่น่าชื่นใจในอนาคต. โปรดอ่านติโต 2:13, 14. ตามจริงแล้ว การทำให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเราแยกเราอยู่ต่างหากจากโลกอันเสื่อมทรามและกำลังจะตายในฐานะเป็นชนชาติที่ถูกชำระแล้ว. ถ้อยคำของเปาโลเปรียบเทียบกันได้กับข้อเตือนใจที่โมเซกล่าวต่อชนชาติยิศราเอลที่ภูเขาซีนายดังนี้: “พระยะโฮวา . . . จะทรงกระทำให้เจ้าทั้งหลายมีความสรรเสริญ, ชื่อเสียง, และยศศักดิ์สูงเหนือบรรดาประเทศ, ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้นั้น, เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้เป็นชนประเทศอันบริสุทธิ์แก่พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ตามซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้นั้น.”—พระบัญญัติ 26:18, 19.
23 ขอให้พวกเราทะนุถนอมสิทธิพิเศษอันล้ำค่าในการเป็นชนชาติที่ถูกชำระแล้วของพระยะโฮวาอยู่เสมอ โดยทำให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเรา! จงเฝ้าระวังเสมอที่จะปฏิเสธความไม่เลื่อมใสพระเจ้าและความปรารถนาทางโลกไม่ว่ารูปแบบใด เช่นนั้นแล้ว เราจะคงอยู่ในสภาพที่ถูกชำระแล้ว และเหมาะสำหรับงานใหญ่ที่พระยะโฮวาทรงใช้เรา ซึ่งพระองค์ทรงกระทำอยู่ในขณะนี้.—โกโลซาย 1:10.
คุณจำได้ไหม?
▫ เหตุใดความเลื่อมใสในพระเจ้าจึงมีประโยชน์ทุกทาง?
▫ คริสเตียนชายหญิงผู้สูงอายุจะมุ่งเอาการสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นมาเป็นวิถีชีวิตได้อย่างไร?
▫ เปาโลได้ให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นไรแก่ชายหญิงอ่อนวัยกว่าในประชาคม?
▫ พวกเราสามารถได้มาซึ่งสิทธิพิเศษและพระพรอะไรหากเราทำให้การสอนอันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นวิถีชีวิตของเรา?
[รูปภาพหน้า 18]
ทุกวันนี้ หลายคนกำลังปฏิบัติตามคำแนะนำจากติโต 2:2-4