พระธรรมเล่มที่ 59—ยาโกโบ
ผู้เขียน: ยาโกโบ
สถานที่เขียน: ยะรูซาเลม
เขียนเสร็จ: ก่อนปี ส.ศ. 62
1. อะไรทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการที่ยาโกโบเป็นผู้เขียนพระธรรมที่ใช้ชื่อยาโกโบ?
“พระองค์วิกลจริตแล้ว.” นั่นคือสิ่งที่ญาติ ๆ ของพระเยซูคิดเกี่ยวกับพระองค์. ระหว่างเวลาที่พระองค์รับใช้บนแผ่นดินโลก “ที่จริง น้อง ๆ ของพระองค์มิได้สำแดงความเชื่อในพระองค์” และยาโกโบ รวมทั้งโยเซฟ, ซีโมน, และยูดาก็ไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในเหล่าสาวกรุ่นแรก ๆ ของพระเยซู. (มโก. 3:21, ฉบับแปลใหม่; โย. 7:5, ล.ม.; มัด. 13:55) ถ้าเช่นนั้น โดยหลักฐานอะไรจึงกล่าวได้ว่า ยาโกโบน้องชายร่วมมารดาของพระเยซูเป็นผู้เขียนพระธรรมที่ใช้ชื่อยาโกโบ?
2. มีอะไรสนับสนุนว่าน้องชายร่วมมารดาของพระเยซูเป็นผู้เขียนพระธรรมยาโกโบ?
2 บันทึกแสดงว่าพระเยซูผู้ทรงคืนพระชนม์ได้ปรากฏแก่ยาโกโบ และไม่ต้องสงสัยว่า เรื่องนี้ทำให้ท่านแน่ใจว่าพระเยซูเป็นพระมาซีฮา. (1 โก. 15:7) กิจการ 1:12-14 บอกว่า แม้แต่ก่อนวันเพนเตคอสเต นางมาเรียกับน้อง ๆ ของพระเยซูได้ร่วมประชุมอธิษฐานพร้อมกับเหล่าอัครสาวกในห้องชั้นบนที่ยะรูซาเลม. แต่ไม่ใช่อัครสาวกคนหนึ่งคนใดที่ชื่อยาโกโบหรอกหรือที่เขียนจดหมายฉบับนี้? ไม่ใช่ เพราะในตอนเริ่มต้น ผู้เขียนระบุตัวเองว่าเป็น ‘ทาสของพระเยซูคริสต์เจ้า’ ไม่ใช่เป็นอัครสาวก. ยิ่งกว่านั้น คำนำของพระธรรมยูดาก็คล้ายกับของยาโกโบที่กล่าวถึงยูดา (หรือยูดาส) เช่นกันว่าเป็น “ทาสของพระเยซูคริสต์ แต่เป็นน้องชายของยาโกโบ.” (ยโก. 1:1; ยูดา 1, ล.ม.) จากเรื่องนี้เราจึงสรุปอย่างวางใจได้ว่ายาโกโบและยูดา น้องชายร่วมมารดาของพระเยซูเขียนพระธรรมที่ใช้ชื่อของพวกท่าน.
3. ยาโกโบมีคุณสมบัติประการใดสำหรับการเป็นผู้เขียน?
3 ยาโกโบมีคุณวุฒิดีเด่นที่จะเขียนจดหมายให้คำแนะนำประชาคมคริสเตียน. ท่านได้รับความนับถืออย่างสูงในฐานะผู้ดูแลคนหนึ่งในประชาคมยะรูซาเลม. เปาโลพูดถึง “ยาโกโบน้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ว่าเป็น “หลัก” ในประชาคมร่วมกับเกฟาและโยฮัน. (ฆลา. 1:19; 2:9) ความดีเด่นของยาโกโบมีแสดงให้เห็นโดยการที่เปโตรส่งข่าวถึง “ยาโกโบกับพวกพี่น้อง” ทันทีหลังจากท่านถูกปล่อยตัวจากคุก. และก็เป็นยาโกโบมิใช่หรือซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกแทน “เหล่าอัครสาวกกับผู้เฒ่าผู้แก่” ในคราวที่เปาโลและบาระนาบาเดินทางไปยะรูซาเลมเพื่อขอให้มีการตัดสินเกี่ยวกับการรับสุหนัต? อนึ่ง คำตัดสินนี้และจดหมายของยาโกโบต่างขึ้นต้นด้วยคำทักทายแบบเดียวกันคือ “สวัสดี!” ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้อีกประการหนึ่งว่าพระธรรมทั้งสองเล่มเขียนโดยผู้เขียนคนเดียวกัน.—กิจ. 12:17; 15:13, 22, 23, ล.ม.; ยโก. 1:1, ล.ม.
4. อะไรแสดงว่าจดหมายของยาโกโบเขียนขึ้นไม่นานก่อนปี ส.ศ. 62?
4 นักประวัติศาสตร์โยเซฟุสบอกเราว่า มหาปุโรหิตอะนานุส (อะนาเนีย) ซึ่งเป็นพวกซาดูกายเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบที่ยาโกโบตายโดยถูกหินขว้าง. เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังการตายของเฟสตุส (เฟศโต) ผู้ว่าราชการชาวโรมันเมื่อประมาณปี ส.ศ. 62 และก่อนที่อัลบีนุสผู้สืบตำแหน่งจะเข้ารับหน้าที่.a แต่ยาโกโบเขียนจดหมายของท่านเมื่อไร? ยาโกโบจ่าหน้าจดหมายของท่านซึ่งเขียนจากยะรูซาเลมถึง “สิบสองตระกูลที่อยู่กระจัดกระจาย.” (ยโก. 1:1, ล.ม.) คงต้องใช้เวลาเพื่อศาสนาคริสเตียนจะแพร่ออกไปหลังจากการเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ในปี ส.ศ. 33 และคงต้องใช้เวลาเช่นกันกว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงซึ่งมีกล่าวไว้ในจดหมายจะเกิดขึ้น. นอกจากนั้น จดหมายนี้แสดงว่าชนคริสเตียนไม่ใช่กลุ่มเล็ก ๆ แล้ว แต่พวกเขาถูกจัดเป็นประชาคมต่าง ๆ ซึ่งมี “ผู้เฒ่าผู้แก่” ที่อาวุโสซึ่งสามารถอธิษฐานเผื่อและสนับสนุนคนที่อ่อนแอ. นอกจากนั้น เวลาได้ผ่านไปนานพอที่การถือความพอใจของตนเองเป็นใหญ่และการยึดตามแบบแผนจะแทรกซึมเข้ามา. (2:1-4; 4:1-3; 5:14; 1:26, 27) ดังนั้น จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ยาโกโบเขียนจดหมายในช่วงท้าย ๆ บางทีในช่วงไม่นานก่อนปี ส.ศ. 62 ถ้าบันทึกของโยเซฟุสเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความตายของเฟสตุสและถ้าแหล่งต่าง ๆ ที่บอกว่าความตายของเฟสตุสเกิดขึ้นในราวปี ส.ศ. 62 นั้นถูกต้อง.
5. อะไรพิสูจน์ความเชื่อถือได้ของพระธรรมยาโกโบ?
5 เกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของพระธรรมยาโกโบ พระธรรมนี้อยู่ในฉบับสำเนาวาติกันหมายเลข 1209, ฉบับสำเนาไซนายติก, และฉบับสำเนาอะเล็กซานดริน. พระธรรมนี้ถูกรวมไว้ในบัญชีรายชื่อโบราณอย่างน้อยที่สุด 10 ชุดก่อนการประชุมสังคายนาที่คาร์เทจเมื่อปี ส.ศ. 397.b ผู้เขียนของคริสตจักรในยุคแรก ๆ ได้ยกข้อความจากยาโกโบไปกล่าวอย่างกว้างขวาง. ความสอดคล้องภายในทุกประการกับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์เห็นได้ชัดมากในจดหมายของยาโกโบ.
6. (ก) สภาพการณ์อะไรทำให้ยาโกโบต้องเขียนจดหมาย? (ข) แทนที่จะขัดแย้ง ยาโกโบสนับสนุนการหาเหตุผลของเปาโลในเรื่องความเชื่ออย่างไร?
6 เหตุใดยาโกโบจึงเขียนจดหมายนี้? การพิจารณาจดหมายนี้อย่างถี่ถ้วนเผยให้เห็นว่าสภาพการณ์ภายในกำลังก่อความยุ่งยากขึ้นท่ามกลางพี่น้อง. มีการลดมาตรฐานแบบคริสเตียน ใช่ กระทั่งละเลยด้วยซ้ำ ถึงขนาดที่บางคนกลายเป็นคนเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณโดยการเป็นมิตรกับโลก. ด้วยความกระหายจะกุเรื่องที่ทึกทักว่าเป็นข้อขัดแย้ง บางคนอ้างว่า ที่จดหมายของยาโกโบสนับสนุนความเชื่อด้วยการกระทำนั้นหักล้างข้อความที่เปาโลเขียนเกี่ยวกับความรอดโดยความเชื่อไม่ใช่โดยการกระทำ. อย่างไรก็ตาม บริบทเผยให้เห็นว่ายาโกโบพาดพิงถึงความเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนโดยการกระทำ ไม่ใช่แค่คำพูด ขณะที่เปาโลหมายความอย่างชัดเจนถึงการกระทำตามพระบัญญัติ. ที่จริง ยาโกโบสนับสนุนการหาเหตุผลของเปาโล ด้วยการไปไกลกว่าอีกขั้นหนึ่งโดยทำให้เห็นชัดเจนว่าจะสำแดงความเชื่ออย่างไร. คำแนะนำของยาโกโบใช้ได้ผลอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาปัญหาประจำวันของคริสเตียน.
7. ยาโกโบเลียนแบบการสอนของพระเยซูอย่างไร และยังผลประการใด?
7 อุทาหรณ์จากชีวิตประจำวันซึ่งรวมถึงสัตว์, เรือ, เกษตรกร, และพืช ให้สีสันแก่การหาเหตุผลของยาโกโบในเรื่องความเชื่อ, ความอดทน, และความเพียรอดทน. การเลียนแบบวิธีสอนที่ประสบผลสำเร็จของพระเยซูนี้ทำให้คำแนะนำของท่านมีพลังยิ่ง. จดหมายนี้ทำให้คนเราประทับใจกับการที่ยาโกโบมีความสังเกตเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องแรงดลใจที่กระตุ้นแต่ละคน.
เนื้อเรื่องในยาโกโบ
8. ความเพียรอดทนจะก่อผลเช่นไร แต่ความปรารถนาที่ผิดก่อผลอะไร?
8 เพียรอดทนในฐานะเป็น “ผู้ปฏิบัติตามพระคำ” (1:1-27). ยาโกโบเริ่มด้วยถ้อยคำหนุนกำลังใจว่า “พี่น้องของข้าพเจ้า จงถือว่าเป็นความยินดีทั้งสิ้นเมื่อท่านทั้งหลายประสบการทดลองต่าง ๆ.” โดยความเพียรอดทน พวกเขาจะถูกทำให้ครบถ้วน. ถ้าคนใดขาดสติปัญญา เขาควรทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าต่อ ๆ ไป ไม่ใช่ด้วยความสงสัยเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา แต่ด้วยความเชื่อ. คนต่ำต้อยจะถูกยกขึ้น แต่คนร่ำรวยจะเลือนหายไปเหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย. ความสุขเป็นของคนที่เพียรอดทนการทดลอง เพราะ “เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระยะโฮวาทรงสัญญาไว้กับคนเหล่านั้นที่ยังคงรักพระองค์อยู่มิได้ขาด.” พระเจ้าไม่ได้ล่อลวงคนใดด้วยสิ่งชั่วเพื่อทำให้เขาล้มพลาด. เป็นความปรารถนาที่ผิดของคนเรานั่นเองที่ปฏิสนธิและทำให้เกิดบาป แล้วจากนั้นจึงนำไปสู่ความตาย.—1:2, 12, 22, ล.ม.
9. อะไรเกี่ยวข้องอยู่ในการ “เป็นผู้ปฏิบัติตามพระคำ” และการนมัสการแบบไหนที่พระเจ้าพอพระทัย?
9 ของประทานอันดีทั้งปวงมาจากไหน? มาจาก ‘พระบิดาแห่งดวงสว่างทั้งหลายแห่งฟ้าสวรรค์’ ผู้ไม่มีวันแปรปรวน. ยาโกโบกล่าวว่า “เพราะพระองค์ตั้งพระทัยไว้แล้ว พระองค์จึงทรงให้เราบังเกิดโดยพระคำแห่งความจริง เพื่อให้เราเป็นผลแรกบางอย่างในสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้าง.” ดังนั้น คริสเตียนจึงควรว่องไวในการฟัง, ช้าในการพูด, ช้าในการโกรธ, และควรสลัดทิ้งบรรดาความโสโครกและความเลวร้ายด้านศีลธรรม และยอมรับการปลูกฝังพระคำแห่งความรอด. “จงเป็นผู้ปฏิบัติตามพระคำ และไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น.” เพราะผู้ที่เพ่งพิจารณากฎหมายแห่งเสรีภาพอันเป็นเสมือนกระจกเงา และยึดมั่นอยู่ในกฎหมายนั้น “จะเป็นสุขในการปฏิบัติตามกฎหมายแห่งเสรีภาพนั้น.” การนมัสการตามแบบแผนของคนที่ไม่เหนี่ยวรั้งลิ้นของตนนั้นไร้ค่า แต่ “แบบแห่งการนมัสการที่สะอาดและปราศจากมลทินจากทัศนะของพระเจ้าและพระบิดาของเราเป็นดังนี้: ให้เอาใจใส่ดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายในความทุกข์ยากของเขา และรักษาตัวให้ปราศจากด่างพร้อยของโลก.”—1:17, 18, 22, 25, 27, ล.ม.
10. (ก) การแบ่งแยกแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง? (ข) การกระทำกับความเชื่อมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
10 ความเชื่อสมบูรณ์โดยการกระทำที่ถูกต้อง (2:1-26). พวกพี่น้องกำลังทำให้เกิดการแบ่งแยกโดยชอบคนรวยมากกว่าคนจน. แต่เป็นความจริงมิใช่หรือที่ “พระเจ้าได้ทรงเลือกผู้ที่ยากจนในโลกนี้ให้ร่ำรวยในความเชื่อและเป็นทายาทแห่งราชอาณาจักร”? คนรวยคือผู้กดขี่มิใช่หรือ? พวกพี่น้องควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติที่ว่า “เจ้าต้องรักเพื่อนบ้านของเจ้าเหมือนตนเอง” และควรหลีกเลี่ยงการเลือกที่รักมักที่ชัง. ให้พวกเขาสำแดงความเมตตาด้วย เพราะเกี่ยวกับพระบัญญัติแล้ว ใครก็ตามที่ละเมิดข้อใดข้อหนึ่งก็ละเมิดทั้งหมด. ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ไร้ความหมาย เช่น การบอกกับพี่น้องชายหรือหญิงที่ขัดสนว่า “ขอให้อบอุ่นและอิ่มหนำสำราญเถิด” โดยไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ. จะแสดงความเชื่อแยกต่างหากจากการกระทำได้ไหม? ความเชื่อของอับราฮามสมบูรณ์โดยการกระทำของท่านในการถวายยิศฮาคบนแท่นบูชามิใช่หรือ? เช่นเดียวกัน ราฮาบหญิงแพศยา “ได้รับการประกาศว่าชอบธรรมด้วยการกระทำ.” ดังนั้น ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ตายแล้ว.—2:5, 8, 16, 19, 25, ล.ม.
11. (ก) ยาโกโบเตือนเรื่องลิ้นโดยใช้ตัวอย่างประกอบอะไรบ้าง? (ข) จะต้องสำแดงปัญญาและความเข้าใจอย่างไร?
11 การควบคุมลิ้นเพื่อสอนสติปัญญา (3:1-18). พี่น้องควรระวังให้มากในเรื่องการเป็นครู มิฉะนั้นพวกเขาจะรับการพิพากษาที่หนักกว่า. แต่ละคนล้มพลาดกันหลายหน. เช่นเดียวกับสายบังเหียนที่ควบคุมม้าและหางเสือเล็ก ๆ ควบคุมเรือใหญ่ ลิ้นซึ่งเป็นอวัยวะเล็ก ๆ ก็มีอำนาจมากเหมือนกัน. ลิ้นเป็นเหมือนไฟที่สามารถเผาทั้งป่าได้! สัตว์ป่าถูกทำให้เชื่องได้ง่ายกว่าลิ้น. ด้วยลิ้น คนเราสรรเสริญพระยะโฮวา แต่ถึงกระนั้นก็แช่งด่าเพื่อนมนุษย์. นั่นไม่ถูกต้อง. น้ำพุจะให้ทั้งน้ำกร่อยและน้ำจืดพร้อมกันได้หรือ? ต้นมะเดื่อเทศจะออกผลมะกอกเทศได้หรือ? เถาองุ่นจะออกผลมะเดื่อเทศได้หรือ? น้ำเค็มจะให้น้ำจืดได้หรือ? ยาโกโบถามต่อไปว่า “ใครบ้างในพวกท่านมีปัญญาและความเข้าใจ?” จงให้เขาสำแดงการงานด้วยความอ่อนน้อมและหลีกเลี่ยงการทุ่มเถียง การโอ้อวดคัดค้านความจริงอย่างเดรัจฉาน. เพราะ “สติปัญญาจากเบื้องบนนั้นประการแรกบริสุทธิ์, แล้วก่อให้เกิดสันติสุข, มีเหตุผล, พร้อมที่จะเชื่อฟัง, เต็มไปด้วยความเมตตาและผลอันดี, ไม่เลือกหน้าผู้ใด, ไม่หน้าซื่อใจคด.”—3:13, 17, ล.ม.
12. (ก) สภาพการณ์ไม่ถูกต้องอะไรมีอยู่ในประชาคม และมาจากแหล่งไหน? (ข) เจตคติอะไรที่ควรหลีกเลี่ยงและคุณลักษณะอะไรที่ควรปลูกฝังเพื่อให้ได้รับความพอพระทัยจากพระยะโฮวา?
12 จงหลีกหนีความเพลิดเพลินทางเนื้อหนังและการเป็นมิตรกับโลก (4:1-17). “การต่อสู้ท่ามกลางพวกท่านมาจากแหล่งใด?” ยาโกโบตอบคำถามของท่านเองว่า “จากความกระหายอยากได้ความเพลิดเพลินทางเนื้อหนังของท่านทั้งหลาย”! บางคนมีแรงกระตุ้นที่ผิด. คนที่จะเป็นมิตรกับโลกเป็น “หญิงเล่นชู้” และพวกเขากลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า. ดังนั้น ท่านจึงกระตุ้นเตือนว่า “จงต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีไปจากท่านทั้งหลาย. จงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านทั้งหลาย.” พระยะโฮวาจะทรงยกชูคนที่ถ่อมใจ. ดังนั้น พี่น้องควรเลิกตัดสินกัน. และเพราะไม่มีใครจะแน่ใจได้ในเรื่องชีวิตจากวันหนึ่งถึงอีกวัน พวกเขาควรกล่าวว่า “ถ้าพระยะโฮวาทรงประสงค์ เราก็จะมีชีวิตอยู่และทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้นด้วย.” การหยิ่งทะนงเป็นความชั่ว และการที่รู้ว่าอะไรถูกต้องแต่ไม่ทำก็เป็นบาป.—4:1, 4, 7, 8, 15, ล.ม.
13. (ก) เหตุใดจึงเกิดวิบัติแก่คนร่ำรวย? (ข) ยาโกโบยกตัวอย่างประกอบอย่างไรเพื่อแสดงให้เห็นความจำเป็นที่จะต้องเพียรอดทน และผลเป็นประการใด?
13 ความสุขเป็นของผู้ที่เพียรอดทนด้วยความชอบธรรม! (5:1-20). ยาโกโบประกาศว่า ‘ผู้ร่ำรวยทั้งหลาย จงร้องไห้ ร้องโหยหวน. สนิมแห่งความมั่งคั่งของท่านจะเป็นพยานปรักปรำท่าน. พระยะโฮวาแห่งพลโยธาทรงได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่เกี่ยวซึ่งท่านยักค่าจ้างไว้. ท่านทั้งหลายได้อยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยและเพลิดเพลินทางเนื้อหนัง และท่านทั้งหลายได้ปรับโทษและฆ่าคนชอบธรรม.’ อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนึงถึงการประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ใกล้เข้ามา พี่น้องทั้งหลายควรแสดงความอดทนเหมือนเกษตรกรที่คอยการเก็บเกี่ยว และเอาแบบอย่างของพวกผู้พยากรณ์ “ที่ได้กล่าวในนามของพระยะโฮวา.” ความสุขเป็นของคนที่เพียรอดทน! พี่น้องควรระลึกถึงความเพียรอดทนของโยบและผลตอบแทนที่พระยะโฮวาทรงประทาน “ว่า พระยะโฮวาทรงเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อันอ่อนละมุนและเมตตา.”—5:1-6, 10, 11, ล.ม.
14. มีการให้คำแนะนำตอนท้ายอะไรในเรื่องการสารภาพบาปและการอธิษฐาน?
14 ให้พวกเขาเลิกสาบาน. แต่ให้คำของพวกเขาที่ว่า “ใช่ หมายความว่าใช่” และ “ไม่ หมายความว่าไม่.” พวกเขาควรสารภาพบาปของตนโดยเปิดเผยและอธิษฐานเผื่อกัน. ดังที่มีแสดงไว้โดยการอธิษฐานของเอลียา “คำวิงวอนของคนชอบธรรม . . . มีพลังมาก.” หากคนใดถูกชักนำให้หลงไปจากความจริง คนที่ทำให้เขากลับมา “จะช่วยให้จิตวิญญาณของเขารอดพ้นจากความตายและจะปกปิดความบาปไว้มากหลาย.”—5:12, 16, 20, ล.ม.
เหตุที่เป็นประโยชน์
15. ยาโกโบใช้พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอย่างไร? จงยกตัวอย่าง.
15 แม้ยาโกโบเอ่ยพระนามของพระเยซูเพียงสองครั้ง (1:1; 2:1) แต่ท่านนำคำสอนของนายมาใช้อย่างได้ผล ดังที่การเปรียบเทียบจดหมายของยาโกโบกับคำเทศน์บนภูเขาอย่างละเอียดเผยให้เห็น. ขณะเดียวกัน พระนามพระยะโฮวาปรากฏ 13 ครั้ง (ฉบับแปลโลกใหม่) และมีการเน้นคำสัญญาต่าง ๆ ของพระองค์ว่าเป็นบำเหน็จสำหรับคริสเตียนที่รักษาความเชื่อ. (4:10; 5:11) ยาโกโบใช้พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูหลายครั้งหลายหนเพื่อยกตัวอย่างประกอบและยกข้อความมากล่าวอย่างเหมาะสมเพื่อให้มีคำแนะนำที่ใช้ได้ผล. ท่านระบุแหล่งข้อมูลโดยคำพูดที่ว่า “ตามข้อคัมภีร์ที่ว่า,” “ข้อพระคัมภีร์นั้นก็สำเร็จที่ว่า,” และ “ข้อพระคัมภีร์นั้นกล่าว”; แล้วท่านจึงพูดต่อเพื่อใช้ข้อพระคัมภีร์เหล่านั้นกับการดำเนินชีวิตแบบคริสเตียน. (2:8, 23, ล.ม.; 4:5, ล.ม.) ในการทำให้จุดสำคัญของคำแนะนำต่าง ๆ ชัดเจนและเสริมสร้างความเชื่อว่าพระคำของพระเจ้าสอดคล้องกันทั้งหมด ยาโกโบอ้างอย่างเหมาะสมถึงการกระทำด้วยความเชื่อของอับราฮาม, การสำแดงความเชื่อของราฮาบโดยการกระทำ, ความเพียรอดทนอย่างซื่อสัตย์ของโยบ, และการที่เอลียาพึ่งการอธิษฐาน.—ยโก. 2:21-25; 5:11, 17, 18; เย. 22:9-12; ยโฮ. 2:1-21; โยบ 1:20-22; 42:10; 1 กษัต. 17:1; 18:41-45.
16. ยาโกโบให้คำแนะนำและคำเตือนอะไรบ้าง และสติปัญญาที่ใช้ได้ผลจริงเหล่านี้มาจากแหล่งใด?
16 คำแนะนำของยาโกโบนับว่าหาค่ามิได้ เช่น คำแนะนำให้เป็นผู้ปฏิบัติตามพระคำและไม่ใช่เป็นแค่ผู้ฟัง, ให้หมั่นพิสูจน์ความเชื่อโดยการกระทำแห่งความชอบธรรม, ให้พบความยินดีเมื่อเพียรอดทนการทดลองต่าง ๆ, ให้ทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าต่อ ๆ ไป, ให้เข้ามาใกล้พระองค์เสมอด้วยการอธิษฐาน, และให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติที่ว่า “เจ้าต้องรักเพื่อนบ้านของเจ้าเหมือนตนเอง.” (ยโก. 1:22; 2:24; 1:2, 5; 4:8; 5:13-18; 2:8) ท่านให้คำเตือนหนักแน่นในเรื่องการสอนผิด, การใช้ลิ้นอย่างที่ก่อความเสียหาย, การทำให้เกิดการแบ่งแยกในประชาคม, การกระหายอยากได้ความเพลิดเพลินทางเนื้อหนัง, และการไว้ใจในทรัพย์สมบัติที่เสื่อมเสียได้. (3:1, 8; 2:4; 4:3; 5:1, 5) ยาโกโบทำให้เห็นชัดมากว่า การเป็นมิตรกับโลกเท่ากับการเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณและการเป็นศัตรูกับพระเจ้า, และท่านให้คำนิยามของแบบที่ถูกต้องของการนมัสการที่สะอาดในสายพระเนตรพระเจ้าดังนี้: “ให้เอาใจใส่ดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายในความทุกข์ยากของเขา และรักษาตัวให้ปราศจากด่างพร้อยของโลก.” (4:4; 1:27, ล.ม.) คำแนะนำทั้งหมดนี้ ซึ่งใช้ได้ผลยิ่งและเข้าใจง่าย คือสิ่งที่อาจคาดหมายได้จากผู้นี้ซึ่งเป็น ‘หลัก’ ของประชาคมคริสเตียนรุ่นแรก. (ฆลา. 2:9) ข่าวสารที่กรุณาในพระธรรมนี้ยังคงให้การแนะแนวแก่คริสเตียนในยุคที่ยุ่งยากของเราต่อไป เพราะข่าวสารนี้เป็น “สติปัญญาจากเบื้องบน” ซึ่งก่อ “ผลแห่งความชอบธรรม.”—3:17, 18, ล.ม.
17. มีการให้เหตุผลที่หนักแน่นอะไรสำหรับการเพียรอดทนในการงานที่ซื่อสัตย์?
17 ยาโกโบกระตือรือร้นอยากช่วยพี่น้องของท่านให้บรรลุเป้าหมายแห่งชีวิตของพวกเขาในราชอาณาจักรของพระเจ้า. ดังนั้น ท่านกระตุ้นพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน จงอดใจรอ; จงทำให้หัวใจของท่านมั่นคงเพราะการประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาใกล้แล้ว.” พวกเขามีความสุขถ้าพวกเขาเพียรอดทนการทดลองต่อ ๆ ไปเพราะความพอพระทัยจากพระเจ้าหมายถึงการได้รับ “มงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระยะโฮวาทรงสัญญาไว้กับคนเหล่านั้นที่ยังคงรักพระองค์.” (5:8; 1:12, ล.ม.) ดังนั้น คำสัญญาของพระเจ้าในเรื่องมงกุฎแห่งชีวิต—ไม่ว่าจะเป็นชีวิตอมตะในสวรรค์หรือชีวิตถาวรบนแผ่นดินโลก—จึงได้รับการเน้นในฐานะเป็นเหตุผลอันหนักแน่นเพื่อการเพียรอดทนในการงานที่ซื่อสัตย์. แน่นอนว่าจดหมายที่วิเศษฉบับนี้จะหนุนกำลังใจทุกคนให้พยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งชีวิตถาวรไม่ว่าในสวรรค์หรือในโลกใหม่ของพระยะโฮวาซึ่งปกครองโดยพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักร คือพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา.—2:5.
[เชิงอรรถ]
a ยุคโบราณของชาวยิว (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 20 หน้า 197-200 (ix, 1); พจนานุกรมชีวประวัติเล่มใหม่ของเว็บสเตอรส์ (ภาษาอังกฤษ) 1983 หน้า 350.
b ดูแผนภูมิหน้า 383.