บทสิบหก
บากบั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตถาวรสำหรับครอบครัวของคุณ
1. อะไรคือพระประสงค์ของพระยะโฮวาสำหรับการจัดเตรียมเกี่ยวกับครอบครัว?
เมื่อพระยะโฮวาทรงผูกพันอาดามและฮาวาเป็นหนึ่งเดียวในการสมรส อาดามแสดงความยินดีของเขาออกมาโดยการกล่าวบทกวีภาษาฮีบรูซึ่งเป็นบทแรกสุดที่มีการบันทึกไว้. (เยเนซิศ 2:22, 23) อย่างไรก็ดี พระผู้สร้างทรงคำนึงถึงยิ่งกว่าเพียงการนำความเพลิดเพลินมาสู่เหล่าบุตรของพระองค์ที่เป็นมนุษย์. พระองค์ทรงประสงค์ให้คู่สมรสและครอบครัวทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. พระองค์รับสั่งแก่มนุษย์คู่แรกว่า “จงบังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน; จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน; จงครอบครองฝูงปลาในทะเลและฝูงนกในอากาศ, กับบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตไหวกายได้ซึ่งอยู่บนแผ่นดิน.” (เยเนซิศ 1:28) ช่างเป็นงานมอบหมายที่ใหญ่โต ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจริง ๆ! พวกเขาและลูก ๆ ที่จะเกิดมาในอนาคตคงจะมีความสุขสักเพียงไรหากอาดามกับฮาวาทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาด้วยการเชื่อฟังอย่างครบถ้วน!
2, 3. ครอบครัวสามารถประสบความสุขมากที่สุดในทุกวันนี้ได้โดยวิธีใด?
2 ในทุกวันนี้ก็เช่นกัน ครอบครัวมีความสุขมากที่สุดเมื่อพวกเขาบากบั่นร่วมกันที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ว่า “ความเลื่อมใสในพระเจ้ามีประโยชน์ทุกทาง เพราะอำนวยประโยชน์แก่ชีวิตในปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย.” (1 ติโมเธียว 4:8, ล.ม.) ครอบครัวที่ดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าและติดตามการชี้แนะของพระยะโฮวาดังที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลนั้นจะประสบความสุขใน “ชีวิตในปัจจุบัน.” (บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3; 119:105; 2 ติโมเธียว 3:16) ถึงแม้สมาชิกเพียงคนเดียวในครอบครัวนำหลักการของคัมภีร์ไบเบิลมาใช้ ก็ดีกว่าที่ไม่มีสักคนนำหลักการเหล่านั้นมาใช้.
3 หนังสือนี้ได้พิจารณาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลหลายข้อที่ส่งเสริมความสุขในครอบครัว. บางทีคุณอาจได้สังเกตว่า มีการแสดงถึงหลักการบางอย่างหลายครั้งหลายหนตลอดทั้งเล่มของหนังสือนี้. เพราะเหตุใด? เพราะหลักการนั้นแสดงถึงความจริงที่มีพลังซึ่งเกิดผลในทางที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนในแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตครอบครัว. ครอบครัวที่พยายามนำหลักการเหล่านี้ในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ประสบว่า ความเลื่อมใสในพระเจ้า “อำนวยประโยชน์แก่ชีวิตในปัจจุบัน” จริง ๆ. ขอให้เราพิจารณาอีกครั้งหนึ่งถึงหลักการสำคัญเหล่านั้นสี่ประการ.
คุณค่าของการรู้จักบังคับตน
4. ทำไมการรู้จักบังคับตนจึงสำคัญยิ่งในชีวิตสมรส?
4 กษัตริย์ซะโลโมตรัสว่า “คนที่ไม่มีอำนาจบังคับระงับใจของตนเองก็เป็นเหมือนเมืองที่หักพังและไม่มีกำแพงเมือง.” (สุภาษิต 25:28; 29:11) ‘การบังคับระงับใจของคนเรา’ คือการรู้จักบังคับตน เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับคนเหล่านั้นซึ่งต้องการชีวิตสมรสที่มีความสุข. การยอมแพ้ต่ออารมณ์ที่ยังความเสียหาย เช่น ความเดือดดาลหรือราคะตัณหา จะก่อความเสียหายที่ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อจะแก้ไขให้ดีดังเดิม—ถ้าหากแก้ไขได้.
5. มนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์สามารถปลูกฝังการรู้จักบังคับตนได้อย่างไร และพร้อมด้วยผลประโยชน์อะไรบ้าง?
5 แน่นอน ไม่มีลูกหลานคนใดของอาดามสามารถควบคุมเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์ของตนได้อย่างครบถ้วน. (โรม 7:21, 22) กระนั้น การรู้จักบังคับตนเป็นผลแห่งพระวิญญาณอย่างหนึ่ง. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) เนื่องจากเหตุนี้ พระวิญญาณของพระเจ้าจะทำให้การรู้จักบังคับตนเกิดขึ้นในตัวเราหากเราอธิษฐานขอคุณลักษณะนี้, หากเราเอาคำแนะนำอันเหมาะสมที่มีอยู่ในพระคัมภีร์มาใช้, และหากเราคบหาสมาคมกับคนอื่นซึ่งสำแดงคุณลักษณะนี้และหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นที่ไม่ได้สำแดงคุณลักษณะดังกล่าว. (บทเพลงสรรเสริญ 119:100, 101, 130; สุภาษิต 13:20; 1 เปโตร 4:7) แนวทางเช่นนั้นจะช่วยเราให้ ‘หลีกหนีจากการล่วงประเวณี’ แม้แต่เมื่อเราถูกล่อใจ. (1 โกรินโธ 6:18) เราจะปฏิเสธความรุนแรงและจะหลีกเลี่ยงหรือเอาชนะการติดสุรา. และเราจะปฏิบัติอย่างใจเย็นมากขึ้นกับการยั่วโมโหและสภาพการณ์ที่ยุ่งยาก. ขอให้ทุกคน—รวมทั้งเด็ก ๆ —เรียนรู้ที่จะปลูกฝังผลของพระวิญญาณอันสำคัญยิ่งนี้.—บทเพลงสรรเสริญ 119:1, 2.
ทัศนะที่ถูกต้องต่อตำแหน่งประมุข
6. (ก) ลำดับตำแหน่งประมุขที่พระเจ้ากำหนดไว้นั้นคืออย่างไร? (ข) ผู้ชายต้องจดจำอะไรเพื่อว่าตำแหน่งประมุขของเขาจะนำความสุขมาสู่ครอบครัว?
6 หลักการสำคัญประการที่สองคือ การยอมรับตำแหน่งประมุข. เปาโลพรรณนาลำดับที่เหมาะสมเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า, พระคริสต์เป็นศีรษะของชายทุกคน, และชายเป็นศีรษะของหญิง, และพระเจ้าเป็นศีรษะของพระคริสต์.” (1 โกรินโธ 11:3) ทั้งนี้หมายความว่า ผู้ชายนำหน้าในครอบครัว ภรรยาให้การสนับสนุนด้วยความภักดี และลูก ๆ เชื่อฟังบิดามารดา. (เอเฟโซ 5:22-25, 28-33; 6:1-4) แต่โปรดสังเกตว่า ตำแหน่งประมุขนำไปสู่ความสุขก็ต่อเมื่อมีการปฏิบัติในวิธีที่เหมาะสมเท่านั้น. สามีซึ่งดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าทราบว่า ตำแหน่งประมุขไม่ใช่ระบอบเผด็จการ. พวกเขาเลียนแบบพระเยซู ประมุขของเขา. ถึงแม้พระเยซู “เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัตร” ก็ตาม พระองค์ “มิได้มาเพื่อให้เขาปรนนิบัติ. แต่ . . . มาเพื่อจะปรนนิบัติเขา.” (เอเฟโซ 1:22; มัดธาย 20:28) ในทำนองคล้ายกัน ชายคริสเตียนใช้ตำแหน่งประมุข ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง แต่เพื่อเอาใจใส่ผลประโยชน์ของภรรยาและลูก ๆ.—1 โกรินโธ 13:4, 5.
7. หลักการอะไรบ้างในพระคัมภีร์จะช่วยภรรยาให้ปฏิบัติตามบทบาทของเธอที่พระเจ้ากำหนดไว้ในครอบครัว?
7 สำหรับบทบาทของเธอ ภรรยาซึ่งดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าไม่แข่งขันกับสามีหรือพยายามจะมีอำนาจเหนือเขา. เธอยินดีสนับสนุนเขาและร่วมมือกับเขา. บางครั้งคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงภรรยาว่า สามี “เป็นเจ้าของ” ของเธอ ทำให้เห็นชัดว่า เขาเป็นประมุขของเธอ. (เยเนซิศ 20:3, ล.ม.) โดยการสมรสเธอมาอยู่ใต้ “กฎประเพณีสามีภรรยา.” (โรม 7:2) ในเวลาเดียวกัน พระคัมภีร์เรียกเธอว่า “ผู้ช่วย” และ “คู่เคียง.” (เยเนซิศ 2:20) เธอเสริมคุณลักษณะและความสามารถที่สามีของเธอขาดไป และเธอให้การสนับสนุนที่จำเป็นแก่เขา. (สุภาษิต 31:10-31) คัมภีร์ไบเบิลบอกด้วยว่าภรรยาเป็น “เพื่อน” ซึ่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับคู่ครองของตน. (มาลาคี 2:14) หลักการเหล่านี้ในพระคัมภีร์ช่วยสามีและภรรยาให้เข้าใจฐานะของแต่ละฝ่าย และให้ปฏิบัติต่อกันด้วยความนับถือและศักดิ์ศรีที่เหมาะสม.
“ว่องไวในการฟัง”
8, 9. จงอธิบายหลักการบางอย่างซึ่งจะช่วยทุกคนในครอบครัวให้พัฒนาทักษะในการสื่อความของตน.
8 มีการเน้นความจำเป็นในการสื่อความบ่อยครั้งในหนังสือนี้. เพราะเหตุใด? เพราะสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อคนพูดคุยกันและรับฟังกันและกัน. มีการเน้นหลายครั้งว่า การสื่อความเป็นเหมือนถนนที่มีการเดินรถทั้งไปและกลับ. สาวกยาโกโบแสดงให้เห็นเรื่องนั้นดังนี้: “จงให้ทุกคนว่องไวในการฟัง, ช้าในการพูด.”—ยาโกโบ 1:19.
9 เป็นเรื่องสำคัญด้วยที่จะระวังเกี่ยวกับวิธี ที่เราพูด. คำพูดแบบไม่ยั้งคิด, ชอบโต้เถียง, หรือติอย่างรุนแรงมิได้ก่อให้เกิดการสื่อความที่ประสบผลสำเร็จ. (สุภาษิต 15:1; 21:9; 29:11, 20) แม้แต่เมื่อสิ่งที่เราพูดนั้นถูกต้องก็ตาม หากแสดงออกด้วยท่าทีเหี้ยมเกรียม, หยิ่งยโส, หรือไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้ว ก็เกิดผลเสียมากกว่าผลดี. คำพูดของเราควรน่าฟัง “ปรุงด้วยเกลือให้มีรส.” (โกโลซาย 4:6) คำพูดของเราควรเป็นเหมือน “ผลแอปเปิลทำด้วยทองคำใส่ไว้ในกระเช้าเงิน.” (สุภาษิต 25:11) ครอบครัวซึ่งเรียนรู้ที่จะสื่อความอย่างดีได้ดำเนินการขั้นสำคัญไปสู่การประสบความสุข.
บทบาทที่สำคัญยิ่งของความรัก
10. ความรักชนิดใดสำคัญยิ่งในชีวิตสมรส?
10 คำว่า “ความรัก” ปรากฏหลายครั้งตลอดหนังสือเล่มนี้. คุณจำความรักชนิดที่มีการกล่าวถึงเป็นอันดับแรกได้ไหม? เป็นความจริงที่ว่า ความรักระหว่างชายและหญิง (ภาษากรีก, เอʹรอส) มีบทบาทสำคัญในชีวิตสมรส และในการสมรสที่ประสบผลสำเร็จนั้น ความรักใคร่และมิตรภาพอันลึกซึ้ง (ภาษากรีก, ฟีเลียʹ) งอกงามระหว่างสามีกับภรรยา. แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ความรักที่คำภาษากรีก อะกาʹเป หมายถึง. นี่เป็นความรักที่เราปลูกฝังต่อพระยะโฮวา, ต่อพระเยซู, และต่อเพื่อนบ้านของเรา. (มัดธาย 22:37-39) นี่เป็นความรักที่พระยะโฮวาแสดงต่อมนุษยชาติ. (โยฮัน 3:16) ช่างยอดเยี่ยมสักเพียงไรที่เราสามารถแสดงความรักอย่างเดียวกันต่อคู่สมรสและบุตรของเรา!—1 โยฮัน 4:19.
11. ความรักเกิดผลในทางที่ดีต่อชีวิตสมรสอย่างไร?
11 ในชีวิตสมรส ความรักอันสูงส่งนี้เป็น “เครื่องเชื่อมสามัคคีที่ดีพร้อม” อย่างแท้จริง. (โกโลซาย 3:14, ล.ม.) ความรักนี้ผูกพันคู่สมรสเข้าด้วยกันและทำให้เขาต้องการทำสิ่งดีที่สุดเพื่อกันและกันและเพื่อลูก. เมื่อครอบครัวเผชิญสภาพการณ์ยุ่งยาก ความรักช่วยเขาให้จัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างปรองดองกัน. ขณะที่คู่สมรสอายุมากขึ้น ความรักช่วยเขาให้เกื้อหนุนและยังคงหยั่งรู้ค่ากันและกัน. “ความรัก . . . ไม่แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเอง . . . ความรักทนรับเอาทุกสิ่ง, เชื่อทุกสิ่ง, หวังทุกสิ่ง, อดทนทุกสิ่ง. ความรักไม่ล้มเหลวเลย.”—1 โกรินโธ 13:4-8, ล.ม.
12. ทำไมความรักต่อพระเจ้าในส่วนของคู่สมรสทำให้ชีวิตสมรสของเขามั่นคง?
12 เครื่องผูกพันในชีวิตสมรสจะแน่นแฟ้นเป็นพิเศษเมื่อผนึกไม่เพียงด้วยความรักระหว่างคู่สมรสเท่านั้น แต่ด้วยความรักต่อพระยะโฮวาเป็นอันดับแรก. (ท่านผู้ประกาศ 4:9-12) เพราะเหตุใด? อัครสาวกโยฮันได้เขียนว่า “นี่แหละหมายถึงความรักต่อพระเจ้า คือว่าให้เราปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์.” (1 โยฮัน 5:3, ล.ม.) ฉะนั้น คู่สมรสควรอบรมลูกด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าไม่เพียงเพราะเขารักลูกของตนอย่างลึกซึ้งเท่านั้น แต่เพราะนี่เป็นพระบัญชาของพระยะโฮวา. (พระบัญญัติ 6:6, 7) พวกเขาควรหลีกเลี่ยงการประพฤติผิดศีลธรรมไม่เพียงเพราะเขารักกันและกันเท่านั้น แต่ที่สำคัญเป็นเพราะเขารักพระยะโฮวา ผู้ซึ่ง “จะทรงพิพากษาคนผิดประเวณีและคนเล่นชู้.” (เฮ็บราย 13:4, ล.ม.) ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งก่อปัญหาร้ายแรงในชีวิตสมรสก็ตาม ความรักต่อพระยะโฮวาจะกระตุ้นอีกฝ่ายหนึ่งให้ปฏิบัติตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป. แท้จริง ความสุขมีแก่ครอบครัวเหล่านั้นซึ่งให้ความรักต่อพระยะโฮวาผนึกความรักที่มีต่อกันให้แน่นแฟ้น!
ครอบครัวที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า
13. ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะช่วยคนเราให้เพ่งเล็งในสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงนั้นอย่างไร?
13 ชีวิตทั้งสิ้นของคริสเตียนรวมจุดอยู่ที่การทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. (บทเพลงสรรเสริญ 143:10) นี่เป็นสิ่งที่ความเลื่อมใสในพระเจ้าหมายถึงอย่างแท้จริง. การทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าช่วยครอบครัวให้เพ่งเล็งในสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง. (ฟิลิปปอย 1:9, 10) ตัวอย่างเช่น พระเยซูทรงเตือนว่า “เรามาเพื่อจะให้ลูกชายหมางใจกับบิดาของตน, และลูกสาวหมางใจกับมารดา, และลูกสะใภ้หมางใจกับแม่ผัว และผู้ที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกันก็จะเป็นศัตรูต่อกัน.” (มัดธาย 10:35, 36) จริงตามคำเตือนของพระเยซู สาวกหลายคนของพระองค์ได้รับการข่มเหงจากสมาชิกในครอบครัว. ช่างเป็นสภาพการณ์ที่น่าเศร้า น่าปวดร้าวใจจริง ๆ! ถึงกระนั้นก็ตาม ความผูกพันในครอบครัวไม่ควรมีความสำคัญกว่าความรักต่อพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์. (มัดธาย 10:37-39) หากคนเราอดทนทั้ง ๆ ที่มีการต่อต้านจากครอบครัว ผู้ต่อต้านอาจเปลี่ยนเมื่อเขาเห็นผลกระทบที่ดีจากความเลื่อมใสในพระเจ้า. (1 โกรินโธ 7:12-16; 1 เปโตร 3:1, 2) ถึงแม้ว่าไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นก็ตาม ก็ไม่ได้ประโยชน์ถาวรอะไรโดยการเลิกรับใช้พระเจ้าเนื่องจากการต่อต้าน.
14. ความปรารถนาที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะช่วยบิดามารดาให้ปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์อันดีที่สุดสำหรับลูกของเขาอย่างไร?
14 การทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าช่วยบิดามารดาให้ทำการตัดสินใจที่ถูกต้อง. ตัวอย่างเช่น ในชุมชนบางแห่ง บิดามารดามีแนวโน้มที่จะถือว่าลูกเป็นเหมือนการลงทุน และเขาหวังพึ่งลูกให้ดูแลเขาในยามชรา. ถึงแม้เป็นการถูกต้องและเหมาะสมที่ลูกซึ่งโตแล้วจะเอาใจใส่ดูแลบิดามารดาที่สูงอายุ การคำนึงถึงเช่นนั้นไม่ควรทำให้บิดามารดาชี้นำลูกไปยังรูปแบบชีวิตที่ฝักใฝ่ทางวัตถุ. บิดามารดาไม่ได้ช่วยลูกหากเขาเลี้ยงลูกให้ถือว่าสมบัติพัสถานมีค่ามากกว่าสิ่งฝ่ายวิญญาณ.—1 ติโมเธียว 6:9.
15. ยูนิเกมารดาของติโมเธียวเป็นตัวอย่างดีเลิศอย่างไรสำหรับมารดาที่ได้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า?
15 ตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้คือยูนิเก มารดาของติโมเธียว สหายหนุ่มของเปาโล. (2 ติโมเธียว 1:5) ถึงแม้เธอสมรสกับผู้ไม่มีความเชื่อ ยูนิเกพร้อมกับโลอียายของติโมเธียวได้ประสบผลสำเร็จในการเลี้ยงดูติโมเธียวให้ติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้า. (2 ติโมเธียว 3:14, 15) เมื่อติโมเธียวมีอายุมากพอแล้ว ยูนิเกได้อนุญาตให้เขาออกจากบ้านไปและรับเอางานประกาศราชอาณาจักรฐานะเพื่อนมิชชันนารีของเปาโล. (กิจการ 16:1-5) เธอคงต้องรู้สึกตื่นเต้นสักเพียงไรเมื่อลูกชายของเธอได้มาเป็นมิชชันนารีที่โดดเด่น! ความเลื่อมใสของเขาในพระเจ้าตอนเป็นผู้ใหญ่สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีถึงการอบรมในวัยเยาว์ที่เขาได้รับ. แน่นอน ยูนิเกคงประสบความพอใจและความยินดีเมื่อได้ยินรายงานเกี่ยวกับการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ของติโมเธียว ถึงแม้เธออาจจะอาลัยอาวรณ์ที่ลูกไม่ได้อยู่กับเธอก็ตาม.—ฟิลิปปอย 2:19, 20.
ครอบครัวและอนาคตของคุณ
16. ในฐานะบุตรชาย พระเยซูแสดงความห่วงใยที่เหมาะสมเช่นไร แต่เป้าประสงค์หลักของพระองค์คืออะไร?
16 พระเยซูได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวที่เลื่อมใสพระเจ้า และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พระองค์ในฐานะบุตรได้แสดงความห่วงใยอย่างเหมาะสมต่อมารดาของพระองค์. (ลูกา 2:51, 52; โยฮัน 19:26) อย่างไรก็ตาม เป้าประสงค์หลักของพระเยซูคือ ทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ และสำหรับพระองค์แล้วนี่หมายรวมถึงการเปิดทางเพื่อมนุษย์จะได้รับชีวิตนิรันดร์. พระองค์ทรงทำเช่นนี้เมื่อถวายชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับมนุษยชาติที่ผิดบาป.—มาระโก 10:45; โยฮัน 5:28, 29.
17. โอกาสอันรุ่งโรจน์อะไรที่แนวทางอันซื่อสัตย์ของพระเยซูเปิดทางไว้สำหรับคนเหล่านั้นที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า?
17 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู พระยะโฮวาทรงปลุกพระองค์ขึ้นสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์แล้วประทานอำนาจใหญ่ยิ่งให้พระองค์ ในที่สุดทรงสถาปนาพระองค์เป็นกษัตริย์ในราชอาณาจักรทางภาคสวรรค์. (มัดธาย 28:18; โรม 14:9; วิวรณ์ 11:15) การเสียสละของพระเยซูทำให้มีทางเป็นไปได้ที่มนุษย์บางคนจะถูกเลือกไปปกครองร่วมกับพระองค์ในราชอาณาจักรนั้น อีกทั้งเป็นการเปิดทางให้แก่มนุษยชาติที่สุจริตใจที่เหลืออยู่นั้นได้ชื่นชมกับชีวิตสมบูรณ์บนแผ่นดินโลกที่ได้รับการฟื้นฟูสู่สภาพอุทยาน. (วิวรณ์ 5:9, 10; 14:1, 4; 21:3-5; 22:1-4) สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งเรามีในทุกวันนี้คือบอกข่าวดียอดเยี่ยมนี้แก่เพื่อนบ้านของเรา.—มัดธาย 24:14.
18. มีการให้ข้อเตือนใจอะไรและการหนุนใจอะไรทั้งสำหรับครอบครัวและปัจเจกบุคคล?
18 ดังที่อัครสาวกเปาโลแสดงให้เห็น การดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าอำนวยประโยชน์แก่ผู้คนที่จะได้รับพระพรเหล่านั้นเป็นมรดกในชีวิต “อนาคต.” แน่นอน นี่เป็นแนวทางดีที่สุดที่จะพบความสุข! โปรดจำไว้ว่า “โลกกับความปรารถนาของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์.” (1 โยฮัน 2:17, ล.ม.) ฉะนั้น ไม่ว่าคุณเป็นบุตรหรือเป็นบิดามารดา, เป็นสามีหรือภรรยา, หรือเป็นผู้ใหญ่ตัวคนเดียวซึ่งมีลูกหรือไม่มีลูกก็ตาม จงมุ่งมั่นในการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. แม้แต่เมื่อคุณอยู่ภายใต้ความกดดันหรือเผชิญหน้ากับความยุ่งยากแสนสาหัส อย่าลืมว่า คุณเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. ด้วยเหตุนี้ ขอให้การกระทำของคุณนำความยินดีมาสู่พระยะโฮวา. (สุภาษิต 27:11) และขอให้ความประพฤติของคุณยังผลด้วยความสุขสำหรับคุณในขณะนี้และชีวิตนิรันดร์ในโลกใหม่ที่จะมาถึง!