บทความศึกษา 15
เพลง 23 พระยะโฮวาเริ่มปกครอง
การ “เข้ามาใกล้พระเจ้า”เป็นเรื่องดีสำหรับเรา
“ส่วนตัวผม เป็นเรื่องดีที่ผมเข้ามาใกล้พระเจ้า”—สด. 73:28
จุดสำคัญ
เราจะเข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้นได้ยังไง และเราได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น
1-2. (ก) ถ้าเราอยากสนิทกับใครสักคน เราต้องทำอะไร? (ข) เราจะคุยเรื่องอะไรในบทความนี้?
คุณมีเพื่อนสนิทไหม? แล้วคุณสนิทกับเขาได้ยังไง? ที่คุณสนิทกันอาจเป็นเพราะคุณใช้เวลาด้วยกัน ได้เห็นว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง รู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร และคุณเห็นว่าเพื่อนคนนี้มีคุณลักษณะดี ๆ ที่น่าเลียนแบบ ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้คุณรักเพื่อนของคุณ
2 การสนิทกับใครสักคนต้องใช้เวลาและความพยายาม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นด้วยกับการสนิทกับพระยะโฮวา ในบทความนี้เราจะคุยกันว่าเราจะสนิทกับพระยะโฮวาหรือเข้ามาใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นได้ยังไง และเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น แต่ก่อนอื่นให้เรามาดูกันว่าทำไมถึงเป็นเรื่องดีที่จะเข้ามาใกล้ชิดพระยะโฮวาเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา
3. ทำไมถึงเป็นเรื่องดีที่จะคิดถึงประโยชน์ของการเข้ามาใกล้พระยะโฮวา? ขอยกตัวอย่าง
3 คุณเห็นด้วยแน่ ๆ ว่าการใกล้ชิดกับพระยะโฮวาเป็นเรื่องที่ดี แต่การคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับเรายังไงจะกระตุ้นให้เราใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น (สด. 63:6-8) ลองนึกถึงตัวอย่างนี้ เรารู้ว่าถ้าเรากินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ มันจะดีต่อสุขภาพของเรา ถึงอย่างนั้นหลายคนไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องนี้และไม่สนใจทำตามเท่าไหร่ มันก็เลยส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขา แต่ถ้าเรายิ่งคิดว่าการทำสิ่งดี ๆ เหล่านี้เป็นประโยชน์กับเรายังไง เราก็ยิ่งอยากทำมากขึ้นและทำเป็นประจำ คล้ายกันถึงแม้เรารู้ว่าการเข้ามาใกล้พระยะโฮวาดีกับตัวเรา แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับเรายังไงก็ยิ่งจะกระตุ้นให้เราใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น—สด. 119:27-30
4. อย่างที่บอกไว้ในสดุดี 73:28 ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกอะไร?
4 อ่านสดุดี 73:28 ผู้เขียนสดุดีบท 73 เป็นชาวเลวีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักร้องนักดนตรีที่วิหารของพระยะโฮวา เขาน่าจะนมัสการพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มาหลายปีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องเตือนตัวเองและคนอื่น ๆ ว่าการ “เข้ามาใกล้พระเจ้า” เป็นเรื่องที่ดี แล้วการเข้ามาใกล้ชิดพระยะโฮวามีประโยชน์อะไรบ้าง?
การ “เข้ามาใกล้พระเจ้า”ทำให้มีความสุข
5. (ก) ทำไมการเข้ามาใกล้ชิดพระยะโฮวามากขึ้นถึงทำให้เรามีความสุข? (ข) จากสุภาษิต 2:6-16 ขอยกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าสติปัญญาของพระยะโฮวาช่วยคุณและปกป้องคุณยังไง
5 ยิ่งเราเข้ามาใกล้พระยะโฮวา เราก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น (สด. 65:4) เพราะอะไร? จริง ๆ มีหลายเหตุผล เหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อเราเอาคำแนะนำของพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้ เราก็ได้ประโยชน์มาก เราจะมีสติปัญญาจากพระเจ้าซึ่งช่วยปกป้องเราจากอิทธิพลที่ไม่ดีและช่วยเราไม่ให้ทำผิดพลาดร้ายแรง (อ่านสุภาษิต 2:6-16) คัมภีร์ไบเบิลเลยบอกว่า “คนที่พบสติปัญญาและมีความเข้าใจก็มีความสุข”—สภษ. 3:13
6. อะไรทำให้ผู้เขียนสดุดีบท 73 ไม่มีความสุข?
6 แม้แต่คนที่เป็นเพื่อนของพระยะโฮวาก็รู้สึกเศร้าเป็นบางครั้ง เช่น ผู้เขียนสดุดีบท 73 ก็เคยไม่มีความสุขเพราะเขาคิดลบ เขารู้สึกแย่และอิจฉาคนชั่วที่ไม่สนใจพระเจ้า ชอบใช้ความรุนแรง และหยิ่ง เขาคิดว่าคนเหล่านั้นมีชีวิตที่สะดวกสบาย ร่ำรวย มีสุขภาพดี และถึงกับไม่ต้องเจอความทุกข์ (สด. 73:3-7, 12) เขารู้สึกแย่มากจนถึงขนาดคิดว่าที่เขาทุ่มเทรับใช้ให้กับพระยะโฮวามันคุ้มค่าหรือเปล่า เขาถึงกับพูดออกมาว่า “ถึงผมจะรักษาใจให้บริสุทธิ์ และล้างมือเพื่อแสดงว่าไม่มีความผิดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”—สด. 73:13
7. เราจะทำอะไรได้บ้างตอนที่เรารู้สึกเศร้า? (ดูภาพหน้าปกด้วย)
7 ผู้เขียนสดุดีไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้า เขาลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อจะทำให้ตัวเขาเลิกคิดในแง่ลบ นั่นก็คือ เขา “เข้าไปในที่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” ซึ่งพระยะโฮวาได้ช่วยแก้ไขความคิดของเขา (สด. 73:17-19) ตอนที่เราเศร้า พระยะโฮวาซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง ถ้าเราอธิษฐานขอการชี้นำจากพระองค์และยอมรับความช่วยเหลือที่พระองค์ให้ผ่านทางคัมภีร์ไบเบิลและประชาคม เราจะมีความสงบใจและอดทนได้ แม้เราจะรู้สึกวิตกกังวลมาก แต่พระยะโฮวาจะปลอบเราและทำให้เราสบายใจขึ้น—สด. 94:19a
ชาวเลวีที่เขียนสดุดีบท 73 ยืนอยู่ใน “ที่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (ดูข้อ 7)
การ “เข้ามาใกล้พระเจ้า”ช่วยให้ชีวิตเรามีจุดมุ่งหมายและมีความหวัง
8. การเข้ามาใกล้พระเจ้ายังมีผลดีกับเรายังไงอีก?
8 การเข้ามาใกล้พระเจ้ายังมีผลดีกับเราอีก 2 อย่างด้วย นั่นก็คือช่วยให้ชีวิตเรามีจุดมุ่งหมายและช่วยให้เรามีความหวังที่ดีสำหรับอนาคต (ยรม. 29:11) ต่อไปเราจะมาคุยกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
9. การเข้ามาใกล้พระเจ้าทำให้เรามีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมายยังไง?
9 การเข้ามาใกล้พระเจ้าทำให้เรามีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย หลายคนในทุกวันนี้ที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม พวกเขาคิดว่าในอนาคตมนุษย์จะสูญพันธุ์กันหมด แต่สิ่งที่เราได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจว่า พระเจ้า “มีอยู่จริง และ . . . พระองค์ให้รางวัลกับคนที่เสาะหาพระองค์อย่างจริงจัง” (ฮบ. 11:6) แม้แต่ในตอนนี้เราก็มีชีวิตที่มีความสุขด้วย เพราะเราได้ใช้ชีวิตตามจุดประสงค์ที่เราถูกสร้างขึ้นมา นั่นก็คือ เราถูกสร้างมาให้นมัสการพระเจ้า—ฉธบ. 10:12, 13
10. สดุดี 37:29 พูดถึงความหวังอะไรเกี่ยวกับอนาคต?
10 ผู้คนในทุกวันนี้ไม่มีความหวังอะไรเลยเกี่ยวกับอนาคต พวกเขาแค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ทำงานเลี้ยงดูครอบครัว และเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ พวกเขาไม่ได้คิดถึงพระเจ้าเลย แต่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาไม่ได้เป็นแบบนั้น ความหวังของเราอยู่ที่พระองค์ เรารู้ว่าพระองค์จะดูแลเราอย่างดี (สด. 25:3-5; 1 ทธ. 6:17) เรามั่นใจในพระยะโฮวาและมั่นใจในคำสัญญาทุกอย่างของพระองค์ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พระองค์สัญญาก็คือเราจะได้นมัสการพระองค์ตลอดไปในโลกที่เป็นสวนอุทยาน—อ่านสดุดี 37:29
11. การเข้ามาใกล้พระเจ้ามีผลกับเรายังไง? และนี่ทำให้พระองค์รู้สึกยังไง?
11 การเข้ามาใกล้พระเจ้ามีประโยชน์กับเราหลายอย่าง เช่น เมื่อเรากลับใจจากบาปและเข้ามาใกล้พระองค์อีกครั้ง พระยะโฮวาก็สัญญาว่าจะให้อภัยบาปเรา (อสย. 1:18) เมื่อเป็นแบบนั้นเราจะไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจเพราะบาปในอดีต (สด. 32:1-5) และเมื่อเราเข้ามาใกล้พระยะโฮวา พระองค์จะมีความสุขด้วย (สภษ. 23:15) คุณอาจคิดถึงประโยชน์อีกหลายอย่างจากการเข้ามาใกล้พระยะโฮวา แล้วคุณจะเข้ามาใกล้ชิดกับพระองค์ต่อ ๆ ไปได้ยังไง?
จะ “เข้ามาใกล้พระเจ้า”ต่อ ๆ ไปได้ยังไง?
12. คุณได้ทำอะไรแล้วบ้างเพื่อจะเข้ามาใกล้พระเจ้า?
12 ถ้าคุณเป็นคริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้ว คุณก็คงได้เข้ามาใกล้พระเจ้าแล้ว คุณได้เรียนความจริงหลายอย่างเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระเยซู ได้กลับใจจากบาป แสดงความเชื่อในพระเจ้า และทำสิ่งที่สอดคล้องกับความประสงค์ของพระองค์ แต่เพื่อจะเข้ามาใกล้พระเจ้ามากขึ้น เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ต่อ ๆ ไป—คส. 2:6
13. มี 3 อย่างอะไรที่จะช่วยให้เราเข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป?
13 อะไรจะช่วยให้เราเข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป? (1) เราต้องอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ และตอนที่เราทำอย่างนั้นเราควรตั้งเป้าหมายไม่ใช่แค่เรียนความจริงพื้นฐานเกี่ยวกับพระยะโฮวาเท่านั้น แต่เราน่าจะพยายามเข้าใจว่าพระองค์อยากให้เราทำอะไรและใช้ชีวิตตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล (อฟ. 5:15-17) (2) เราต้องทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้นโดยการคิดใคร่ครวญถึงหลักฐานมากมายที่แสดงว่าพระยะโฮวารักเรา (3) เราต้องเกลียดสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียด และไม่เป็นเพื่อนกับคนที่ทำสิ่งไม่ดีเหล่านั้น—สด. 1:1; 101:3
14. อย่างที่บอกไว้ใน 1 โครินธ์ 10:31 มีอะไรบ้างที่เราทำได้ในแต่ละวันเพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ? (ดูภาพด้วย)
14 อ่าน 1 โครินธ์ 10:31 เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอใจ แต่นี่ไม่ใช่แค่การไปประกาศและไปประชุมเท่านั้น การทำสิ่งดี ๆ เพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจยังรวมถึงสิ่งที่เราทำในแต่ละวันด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อเราทำทุกสิ่งอย่างซื่อสัตย์และแบ่งปันสิ่งที่เรามีให้กับคนอื่น เราก็ทำให้พระยะโฮวามีความสุข (2 คร. 8:21; 9:7) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังเป็นผู้ให้ชีวิตกับเราด้วย พระองค์อยากให้เราเห็นค่าชีวิตที่พระองค์ให้กับเราเป็นของขวัญโดยดูแลสุขภาพของเราและมีความสมดุลในเรื่องการกินและการดื่ม เมื่อเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พระยะโฮวาพอใจแม้แต่ในเรื่องเล็ก ๆ เราก็จะทำให้พระองค์มีความสุขมากและรักเรามาก—ลก. 16:10
มีหลายอย่างที่เราทำให้พระยะโฮวาพอใจได้ เช่น ขับรถโดยคำนึงถึงความปลอดภัย ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ และมีน้ำใจกับคนอื่น (ดูข้อ 14)
15. พระยะโฮวาอยากให้เราปฏิบัติกับคนอื่นยังไง?
15 พระยะโฮวาทำดีกับทั้งคนดีและคนชั่ว (มธ. 5:45) และพระองค์ก็อยากให้เราทำแบบนั้นเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น พระองค์บอกเราว่า “อย่าพูดให้ร้ายใคร อย่าเป็นคนชอบทะเลาะ แต่ . . . แสดงความอ่อนโยนต่อทุกคนเสมอ” (ทต. 3:2) เราจะไม่ดูถูกคนอื่นเพียงเพราะว่าเขาไม่ได้มีความเชื่อในพระยะโฮวาเหมือนกันกับเรา (2 ทธ. 2:23-25) ดังนั้น การทำดีกับทุกคนเสมอจะช่วยให้เราเข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น
เรา “เข้ามาใกล้พระเจ้า” ได้แม้ทำผิดพลาด
16. ผู้เขียนสดุดีบท 73 เริ่มรู้สึกยังไงหลังจากที่เขารับใช้พระยะโฮวามาได้ระยะหนึ่งแล้ว?
16 จะว่ายังไงถ้าคุณรับใช้พระยะโฮวามาระยะหนึ่งแล้วแต่เริ่มรู้สึกว่าคุณไม่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากพระองค์? ที่จริง ผู้เขียนสดุดีบท 73 ก็เคยรู้สึกคล้าย ๆ กัน เขาบอกว่า “ส่วนผม ผมเกือบหลงทางไปแล้ว ผมเกือบจะลื่นล้มแล้ว” (สด. 73:2) เขายอมรับว่าเขารู้สึก “ขมขื่น” “เป็นคนไม่มีเหตุผล” และ “เป็นเหมือนสัตว์โง่ ๆ” (สด. 73:21, 22) ที่เขารู้สึกแบบนี้เป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองอ่อนแอและไม่สมควรได้รับความรักจากพระยะโฮวาไหม?
17. (ก) ถึงแม้ผู้เขียนหนังสือสดุดีจะอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุด แต่เขาทำอะไร? (ข) เราได้บทเรียนอะไรจากตัวอย่างของเขา? (ดูภาพด้วย)
17 แม้ผู้เขียนหนังสือสดุดีรู้สึกว่าพระยะโฮวาทิ้งเขาแล้ว แต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่แค่ชั่วคราว เรารู้ได้ยังไง? เพราะดูเหมือนว่าตอนที่เขาอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุด เขาก็ยังรู้ว่าเขาต้องเข้ามาใกล้พระเจ้า เราเห็นได้จากคำพูดของเขาที่บอกว่า “แต่ตอนนี้ผมอยู่กับ [พระยะโฮวา] เสมอ พระองค์จับมือขวาของผมไว้ พระองค์ให้คำแนะนำเพื่อนำทางผม แล้วพระองค์จะช่วยให้ผมได้รับเกียรติยศ” (สด. 73:23, 24) ตอนที่เรารู้สึกอ่อนแอหรือท้อใจ เราก็ควรพึ่งพระยะโฮวาด้วยเหมือนกัน พระองค์เป็นเหมือนหินผาที่มั่นคง (สด. 73:26; 94:18) และถึงแม้เราจะลื่นล้มไปหรือทำผิดร้ายแรง เราก็ยังสามารถกลับมาหาพระยะโฮวาได้และมั่นใจว่าพระองค์ “พร้อมจะให้อภัย” (สด. 86:5) ยิ่งเราอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุด เราก็ยิ่งควรจะเข้ามาใกล้พระยะโฮวา—สด. 103:13, 14
เมื่อเรารู้สึกว่าความเชื่ออ่อนแอลง เราควรเข้ามาใกล้พระยะโฮวาโดยทำกิจกรรมของคริสเตียนมากขึ้น (ดูข้อ 17)
“เข้ามาใกล้พระเจ้า” ตลอดไป
18. ทำไมเราถึงสามารถเข้ามาใกล้พระยะโฮวาได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด?
18 เราสามารถเข้ามาใกล้พระยะโฮวาได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด และเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ได้ไม่มีวันหมดสิ้น เพราะอะไร? เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวามีสติปัญญาและความรู้ที่ “ลึกซึ้ง” ไม่มีใคร “คาดเดาได้” ว่าพระองค์จะทำอะไร นี่แสดงว่าต่อให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์มากแค่ไหนก็ไม่มีวันเรียนรู้ได้ทั้งหมด—รม. 11:33
19. หนังสือสดุดีให้คำรับรองอะไรกับเราเกี่ยวกับอนาคต?
19 สดุดี 79:13 บอกว่า “พวกเราซึ่งเป็นประชาชนของพระองค์และเป็นฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์จะขอบคุณพระองค์ตลอดไป และพวกเราจะสรรเสริญพระองค์ทุกยุคทุกสมัย” ถ้าคุณเข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวาเสมอ คุณก็มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับพรจากพระองค์ตลอดไป และจะพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “พระเจ้าเป็นหินผาที่ปกป้องหัวใจของผมและเป็นส่วนแบ่งของผมตลอดไป”—สด. 73:26
เพลง 32 มาอยู่ฝ่ายพระยะโฮวา
a บางคนที่ทุกข์ใจ กังวล หรือเศร้าเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูหอสังเกตการณ์ ฉบับที่ 1, 2023