บทความศึกษา 27
เพลง 79 สอนพวกเขาให้มีความเชื่อมั่นคง
ช่วยนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลให้ตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวา
“มีความเชื่อที่มั่นคง . . . และเข้มแข็งไว้”—1 คร. 16:13
จุดสำคัญ
เราจะช่วยนักศึกษาให้มีความเชื่อและความกล้าหาญได้ยังไงเพื่อที่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและรับใช้พระยะโฮวา
1-2. (ก) ทำไมนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางคนถึงลังเลไม่กล้าตัดสินใจเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา? (ข) เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
ก่อนที่คุณจะมาเป็นพยานฯ คุณเคยรู้สึกลังเลและไม่กล้าตัดสินใจมารับใช้พระยะโฮวาไหม? คุณอาจจะรู้สึกกลัวการต่อต้านจากคนในที่ทำงาน เพื่อน ๆ และครอบครัว หรือคุณอาจจะรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้าได้ ถ้าคุณเคยรู้สึกอย่างนั้น คุณก็คงเข้าใจความรู้สึกของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางคนและเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะตัดสินใจเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา
2 พระเยซูรู้ว่าความกลัวเหล่านี้จะทำให้บางคนในสมัยของท่านไม่กล้าตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวา (มธ. 13:20-22) แต่ท่านก็ไม่หมดหวังในตัวพวกเขา แทนที่จะรู้สึกอย่างนั้น ท่านแสดงให้เห็นว่าจะช่วยคนเหล่านั้นยังไงให้ (1) มองให้ออกว่าอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ไม่ก้าวหน้า (2) รักพระยะโฮวามากขึ้น (3) จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง และ (4) รับมือกับการต่อต้าน เราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไงเมื่อเราใช้หนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป เพื่อช่วยนักศึกษาให้กล้าตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวา?
ช่วยนักศึกษาของคุณมองให้ออกว่าอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ไม่ก้าวหน้า
3. อะไรอาจทำให้นิโคเดมัสไม่กล้ามาเป็นสาวกของพระเยซู?
3 นิโคเดมัสผู้นำชาวยิวคนหนึ่งเจอกับอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้ามาเป็นสาวกของพระเยซู หลังจากที่พระเยซูเริ่มทำงานรับใช้แค่ 6 เดือน นิโคเดมัสยอมรับว่าท่านเป็นคนที่พระเจ้าส่งมา (ยน. 3:1, 2) แต่เขากลับเลือกที่จะแอบไปหาพระเยซูตอนกลางคืน เพราะอะไร? เพราะเขา “กลัวพวกผู้นำชาวยิว” (ยน. 7:13; 12:42) เขาอาจคิดว่าถ้าจะมาเป็นสาวกของพระเยซู เขาก็จะต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไปa
4. พระเยซูช่วยนิโคเดมัสยังไงให้เข้าใจว่าพระเจ้าอยากให้เขาทำอะไร?
4 นิโคเดมัสมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายของโมเสส แต่ต้องมีคนช่วยเขาให้เข้าใจว่าพระยะโฮวาอยากให้เขาทำอะไร แล้วพระเยซูช่วยนิโคเดมัสยังไง? ท่านเต็มใจให้เวลาคุยกับเขาแม้เขาจะมาหาท่านในตอนกลางคืน และท่านบอกเขาตรง ๆ ว่าต้องทำอะไรเพื่อจะมาเป็นสาวกของท่าน ท่านบอกว่าเขาต้องกลับใจจากบาป รับบัพติศมาในน้ำ และแสดงความเชื่อในลูกของพระเจ้า—ยน. 3:5, 14-21
5. เราจะช่วยนักศึกษาได้ยังไงให้รู้ว่าอะไรทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวา?
5 ถึงแม้นักศึกษาของคุณจะเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลดี แต่ก็อาจต้องมีคนช่วยเขาให้รู้ว่าอะไรทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวา ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะเป็นงานอาชีพหรือการต่อต้านจากคนในครอบครัว ดังนั้น ให้คุณอยู่พร้อมที่จะช่วยนักศึกษา คุณอาจชวนเขาไปคุยกันในบรรยากาศที่สบาย ๆ เช่น ชวนไปกินกาแฟหรือไปเดินเล่น นั่นอาจช่วยให้เขาเปิดใจพูดว่าปัญหาของเขาคืออะไร ให้คุณสนับสนุนนักศึกษาให้ทำการปรับเปลี่ยน ไม่ใช่เพื่อทำให้คุณพอใจ แต่เพื่อแสดงว่าเขารักพระยะโฮวา
6. คุณจะช่วยนักศึกษาให้กล้าเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ได้ยังไง? (1 โครินธ์ 16:13)
6 เมื่อนักศึกษามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเขาให้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ได้ เขาก็จะกล้าเอาสิ่งที่ได้เรียนไปใช้ (อ่าน 1 โครินธ์ 16:13) หน้าที่ของคุณก็เป็นเหมือนกับครูที่โรงเรียน ลองคิดถึงสมัยที่คุณยังไปโรงเรียน ครูคนไหนที่คุณชอบมากที่สุด? น่าจะเป็นครูที่ใจเย็น ช่วยคุณอย่างอดทนให้มั่นใจว่าคุณมีความสามารถ คล้ายกันผู้นำการศึกษาที่ดีจะไม่ใช่แค่สอนว่าพระเจ้าอยากให้ทำอะไร แต่จะช่วยให้นักศึกษามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยให้เขาปรับเปลี่ยนชีวิตได้แน่นอน แล้วคุณจะเป็นผู้นำการศึกษาที่ดีแบบนั้นได้ยังไง?
ช่วยนักศึกษาของคุณให้รักพระยะโฮวามากขึ้น
7. พระเยซูช่วยสาวกยังไงให้รักพระยะโฮวามากขึ้น?
7 พระเยซูรู้ว่าความรักที่มีต่อพระเจ้าจะช่วยพวกสาวกให้อยากเอาสิ่งที่ได้เรียนไปใช้ ท่านเลยมักจะสอนหลายเรื่องที่ช่วยพวกเขาให้รักพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ท่านเปรียบเทียบพระยะโฮวาเป็นเหมือนกับพ่อที่ให้สิ่งดี ๆ กับลูก (มธ. 7:9-11) สาวกบางคนของพระเยซูอาจจะไม่เคยมีพ่อที่แสดงความรักแบบนั้น ลองคิดดูว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไงตอนที่ได้ฟังท่านยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องพ่อที่ต้อนรับลูกชายที่หลงหาย พวกเขาคงจะเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักพวกเขาซึ่งเป็นเหมือนลูก ๆ ของพระองค์มากแค่ไหน—ลก. 15:20-24
8. คุณจะช่วยนักศึกษาให้รักพระยะโฮวามากขึ้นได้ยังไง?
8 คุณเองก็สามารถช่วยนักศึกษาให้รักพระยะโฮวามากขึ้นได้โดยเน้นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ ตอนที่คุณสอนในแต่ละครั้ง พยายามทำให้นักศึกษาเห็นว่าเรื่องนั้นเกี่ยวข้องยังไงกับความรักที่พระยะโฮวามีต่อเขา เช่น ตอนที่เรียนเรื่องค่าไถ่ ให้เน้นว่าพระยะโฮวาไม่ได้ส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพราะรักมนุษย์โดยทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แต่เพราะพระองค์รักเขา (รม. 5:8; 1 ยน. 4:10) นักศึกษาจะรักพระยะโฮวามากขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าพระยะโฮวารักเขาเป็นส่วนตัว—กท. 2:20
9. อะไรช่วยให้ไมเคิลเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง?
9 ให้เรามาดูตัวอย่างของไมเคิลที่อยู่ในอินโดนีเซีย เขาโตมาในครอบครัวของพยานพระยะโฮวาแต่ตัวเขาเองไม่ได้รับบัพติศมา ตอนอายุ 18 เขาเดินทางไปต่างประเทศเพื่อจะไปทำงานเป็นคนขับรถบรรทุก ต่อมาเขาแต่งงาน แต่ก็ยังต้องไปทำงานต่างประเทศอยู่ ในระหว่างที่เขาทำงานต่างประเทศ ภรรยากับลูกสาวก็เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและก้าวหน้าเป็นอย่างดี หลังจากนั้นแม่ของไมเคิลเสียชีวิต ไมเคิลก็เลยตัดสินใจกลับบ้านเพื่อจะดูแลพ่อ ในระหว่างนั้นเองเขาก็ตกลงศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ตอนที่ไมเคิลศึกษาหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป บท 27 ในส่วน “เรียนรู้มากขึ้น” เขารู้สึกประทับใจมาก เขาได้คิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวารู้สึกยังไงเมื่อต้องเห็นพระเยซูทนทุกข์ทรมาน พอเขาคิดเรื่องนี้ มันทำให้เขาตื้นตันจนถึงกับน้ำตาไหลออกมา เขาเห็นค่าค่าไถ่ที่พระเยซูให้จนถึงกับเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและรับบัพติศมา
ช่วยนักศึกษาของคุณให้จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง
10. พระเยซูช่วยสาวกของท่านยังไงให้จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง? (ลูกา 5:5-11) (ดูภาพด้วย)
10 สำหรับสาวกรุ่นแรกของพระเยซู พอพวกเขารู้ว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ก็ยอมรับเรื่องนี้ทันที แต่พวกเขาก็ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพื่อจะเห็นว่าต้องให้งานรับใช้สำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ตอนที่พระเยซูชวนเปโตรกับอันดรูว์ให้มาติดตามท่านเต็มเวลา ทั้งสองคนก็เป็นสาวกของพระเยซูมาระยะหนึ่งแล้ว (มธ. 4:18, 19) ตอนนั้นพวกเขาทำธุรกิจประมงที่กำลังเจริญรุ่งเรืองซึ่งพวกเขาก็ทำด้วยกันกับยากอบและยอห์น (มก. 1:16-20) แต่พอพระเยซูชวน เปโตรกับอันดรูว์ก็ตัดสินใจ “ทิ้งแห” เพื่อจะติดตามท่านเต็มเวลา ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังทำให้แน่ใจว่าครอบครัวของพวกเขาจะไม่ขาดสิ่งจำเป็น แล้วอะไรกระตุ้นให้พวกเขาจัดลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่? เรื่องราวในหนังสือลูกาบอกว่าพระเยซูทำการอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะคอยดูแลพวกเขาให้มีสิ่งจำเป็นเสมอถ้าพวกเขาให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิต—อ่านลูกา 5:5-11
เราได้เรียนอะไรจากวิธีที่พระเยซูช่วยสาวกให้จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง? (ดูข้อ 10)b
11. เราจะเล่าอะไรให้นักศึกษาฟังได้บ้างเพื่อจะช่วยให้เขามีความเชื่อมากขึ้น?
11 แม้ตัวเราเองไม่สามารถทำการอัศจรรย์ได้อย่างที่พระเยซูทำ แต่เราก็สามารถเล่าประสบการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาคอยดูแลคนที่ให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิต ตัวอย่างเช่น คุณจำได้ไหมว่าพระยะโฮวาช่วยคุณยังไงตอนที่คุณเริ่มเข้าร่วมการประชุม? ตอนนั้นคุณอาจต้องไปหาหัวหน้างานเพื่ออธิบายว่าทำไมคุณถึงทำโอทีไม่ได้อีกต่อไปเพราะมันตรงกับเวลาประชุม ให้คุณเล่าให้นักศึกษาฟังว่าเมื่อคุณตัดสินใจให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต แล้วพระองค์ก็ช่วยคุณให้ทำอย่างนั้นได้ มันทำให้คุณมีความเชื่อมากขึ้นขนาดไหน
12. (ก) ทำไมคุณควรชวนพี่น้องคนอื่น ๆ ไปศึกษากับคุณด้วย? (ข) คุณจะใช้วีดีโอเพื่อช่วยให้คุณสอนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ยังไง? ขอยกตัวอย่าง
12 นอกจากนั้น นักศึกษาจะได้ประโยชน์ด้วยถ้าได้ยินประสบการณ์ดี ๆ จากพี่น้องคนอื่นเกี่ยวกับการให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น ให้คุณชวนพี่น้องหลากหลายภูมิหลังไปศึกษากับคุณด้วย คุณอาจขอให้พี่น้องคนนั้นเล่าประสบการณ์ให้นักศึกษาฟังว่าเขาเข้ามาเป็นพยานฯ ได้ยังไงและทำยังไงเพื่อจะให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต นอกจากนั้น คุณอาจดูวีดีโอต่าง ๆ ที่อยู่ในส่วน “เรียนรู้มากขึ้น” หรือ “ดูเพิ่มเติม” ซึ่งอยู่ในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป เช่น ตอนที่คุณศึกษาบท 37 กับนักศึกษา คุณอาจเน้นหลักการที่อยู่ในวีดีโอพระยะโฮวาจะดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็น
ช่วยนักศึกษาของคุณให้รับมือกับการต่อต้าน
13. พระเยซูเตรียมสาวกของท่านให้พร้อมสำหรับการต่อต้านยังไง?
13 พระเยซูพูดกับสาวกของท่านหลายครั้งว่าพวกเขาจะเจอการต่อต้านจากคนอื่น ๆ และแม้แต่จากคนในครอบครัวของตัวเองด้วย (มธ. 5:11; 10:22, 36) และในช่วงท้าย ๆ ที่พระเยซูทำงานรับใช้ ท่านเตือนสาวกว่าพวกเขาอาจถึงกับต้องถูกฆ่าเลยด้วยซ้ำ (มธ. 24:9; ยน. 15:20; 16:2) ท่านเตือนพวกเขาให้ระวังตัวตอนที่ทำงานประกาศ เช่น อย่าโต้เถียงกับคนที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขา และให้ทำงานรับใช้ด้วยความสุขุมรอบคอบเพื่อที่พวกเขาจะยังคงประกาศได้ต่อ ๆ ไป
14. เราจะเตรียมนักศึกษาให้พร้อมสำหรับการต่อต้านได้ยังไง? (2 ทิโมธี 3:12)
14 เราเองก็สามารถช่วยนักศึกษาให้เตรียมพร้อมเพื่อจะรับมือกับการต่อต้านได้ โดยอธิบายให้เขาฟังว่าเขาอาจได้ยินคำพูดแบบไหนบ้างจากคนในที่ทำงาน เพื่อน หรือแม้แต่คนในครอบครัว (อ่าน 2 ทิโมธี 3:12) เพื่อนร่วมงานบางคนอาจล้อเลียนหรือเยาะเย้ยเมื่อนักศึกษาของคุณพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อจะใช้ชีวิตตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล ส่วนคนอื่น ๆ หรือแม้แต่คนในครอบครัวก็อาจพูดโจมตีความเชื่อของเขา นับว่าดีที่เราจะเตรียมนักศึกษาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อตอนที่เขาเจอการต่อต้านจริง ๆ เขาจะรับมือได้
15. อะไรจะช่วยนักศึกษาของคุณให้รับมือกับการต่อต้านจากครอบครัวได้?
15 ถ้านักศึกษาของคุณเจอการต่อต้านจากครอบครัว ให้คุณช่วยนักศึกษาให้คิดว่าอะไรอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธ เป็นไปได้ที่คนในครอบครัวคิดว่าเขากำลังถูกหลอก หรือพวกเขาอาจมีอคติกับพยานพระยะโฮวา อย่าลืมว่าแม้แต่พระเยซูก็ยังเจอปฏิกิริยาที่ไม่ดีจากคนในครอบครัวด้วย (มก. 3:21; ยน. 7:5) ดังนั้น ให้คุณสอนนักศึกษาของคุณให้อดทนและพูดอย่างกรุณากับคนในครอบครัวและคนอื่น ๆ
16. เราจะช่วยนักศึกษาให้พูดความเชื่อของเขาในแบบที่กรุณาและมีเหตุผลได้ยังไง?
16 ถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะสนใจความจริง แต่ก็ดีกว่าถ้านักศึกษาจะไม่อธิบายความจริงทุกอย่างภายในครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นคนในครอบครัวของเขาก็อาจจะรู้สึกตกใจกับข้อมูลที่มากเกินไปและไม่อยากคุยเรื่องนั้นอีก ดังนั้น ให้คุณสนับสนุนนักศึกษาให้เล่าเกี่ยวกับความเชื่อแบบสั้น ๆ เพื่อให้คนในครอบครัวอยากฟังอีกคราวหน้า (คส. 4:6) อย่างเช่น เขาอาจบอกให้คนในครอบครัวลองเข้าเว็บไซต์ jw.org ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพยานพระยะโฮวาได้ตามที่เขาต้องการ
17. คุณจะฝึกนักศึกษาให้ตอบคนที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวาได้ยังไง? (ดูภาพด้วย)
17 คุณอาจใช้บทความชุด “คำถามที่พบบ่อย” ที่อยู่ในเว็บไซต์ jw.org เพื่อช่วยนักศึกษาให้เตรียมคำตอบง่าย ๆ ถ้ามีคนในครอบครัวหรือคนที่ทำงานถาม (2 ทธ. 2:24, 25) นอกจากนั้น ตอนที่ศึกษาหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป ให้ทบทวนส่วนที่ชื่อ “บางคนบอกว่า” ซึ่งอยู่ตอนท้ายของแต่ละบท ให้ใช้ส่วนนี้ฝึกซ้อมกับนักศึกษาเพื่อช่วยให้เขาตอบเป็นคำพูดของตัวเอง และถ้าคุณเห็นว่ามีบางจุดที่เขาอาจตอบให้ดีขึ้นได้ ก็ให้บอกเขาเลย การฝึกซ้อมแบบนี้จะช่วยเขาให้ปกป้องความเชื่อด้วยความมั่นใจ
ช่วยนักศึกษาให้ประกาศกับคนอื่นได้โดยฝึกซ้อมล่วงหน้า (ดูข้อ 17)c
18. คุณจะสนับสนุนนักศึกษาให้ตั้งเป้าเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติศมาได้ยังไง? (มัทธิว 10:27)
18 พระเยซูกระตุ้นสาวกของท่านให้ประกาศกับทุกคน (อ่านมัทธิว 10:27) ดังนั้น เมื่อไหร่ที่นักศึกษาเริ่มออกประกาศ เขาก็จะได้เห็นว่าพระยะโฮวาช่วยเขายังไงและนี่จะทำให้เขาไว้วางใจพระองค์มากขึ้น แล้วคุณจะช่วยนักศึกษาให้ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ประกาศได้ยังไง? ในช่วงที่มีการรณรงค์ประกาศแบบพิเศษ ลองชวนนักศึกษาให้คิดว่าเขาจะตั้งเป้าหมายเป็นผู้ประกาศได้ไหม คุณอาจอธิบายให้เขาฟังได้ว่าทำไมถึงง่ายกว่าถ้าจะเริ่มประกาศตอนที่มีการรณรงค์ นอกจากนั้น คุณอาจช่วยนักศึกษาของคุณให้ตั้งเป้าที่จะเป็นนักเรียนในการประชุมกลางสัปดาห์ด้วย ถ้าเขาทำอย่างนั้นเขาจะได้มีโอกาสฝึกประกาศและฝึกพูดความเชื่อของตัวเองด้วยความมั่นใจ
มั่นใจในนักศึกษาของคุณ
19. พระเยซูแสดงให้เห็นยังไงว่าท่านมั่นใจในสาวกของท่าน? และเราจะเลียนแบบท่านได้ยังไง?
19 ก่อนที่พระเยซูจะขึ้นไปบนสวรรค์ ท่านบอกกับพวกสาวกว่าพวกเขาจะได้อยู่กับท่านอีก พวกสาวกไม่เข้าใจว่าพระเยซูกำลังหมายความว่าพวกเขาจะได้ไปสวรรค์ ท่านรู้ว่าถึงแม้พวกเขาไม่ได้เข้าใจทุกอย่าง แต่ก็รู้ว่าพวกเขาภักดีและอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ (ยน. 14:1-5, 8) ท่านรู้ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเพื่อจะเข้าใจบางเรื่องอย่างดี เช่น เรื่องความหวังที่จะได้ไปสวรรค์ (ยน. 16:12) เราเองก็เหมือนกัน เราสามารถทำให้นักศึกษาเห็นว่าเรามั่นใจว่าเขาอยากทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอใจ
เมื่อไหร่ที่นักศึกษาเริ่มออกประกาศ เขาก็จะได้เห็นว่าพระยะโฮวาช่วยเขายังไงและนี่จะทำให้เขาไว้วางใจพระองค์มากขึ้น
20. พี่น้องหญิงคนหนึ่งในมาลาวีแสดงให้เห็นยังไงว่าเธอมั่นใจในตัวนักศึกษา?
20 เราต้องมั่นใจว่านักศึกษาของเราอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ลองดูประสบการณ์ของพี่น้องชิฟุนโดจากมาลาวี เธอศึกษาหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป กับผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เป็นคาทอลิกชื่ออาลินาเฟ หลังจากที่เรียนบท 14 จบ ชิฟุนโดถามอาลินาเฟว่าเธอคิดยังไงกับการใช้รูปเคารพในการนมัสการ อาลินาเฟโกรธมากและบอกว่า “หนูจะนมัสการยังไงมันก็เรื่องของหนู” ชิฟุนโดคิดว่าคงไม่ได้ศึกษากันต่อแล้ว แต่เธอก็ยังอดทนและศึกษากับอาลินาเฟต่อไปและหวังว่าสักวันเธอจะเข้าใจ ไม่กี่เดือนต่อมาตอนที่ศึกษากันในบท 34 ชิฟุนโดก็ถามอาลินาเฟว่า “ตั้งแต่คุณเริ่มเรียนคัมภีร์ไบเบิล และได้รู้จักกับพระยะโฮวา คุณได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?” ชิฟุนโดเล่าว่าอาลินาเฟตอบยังไง เธอบอกว่า “อาลินาเฟพูดถึงหลายจุดที่เธอชอบ จุดหนึ่งที่เธอประทับใจก็คือพยานพระยะโฮวาไม่ทำสิ่งที่ขัดกับคัมภีร์ไบเบิลเลย” ไม่นานหลังจากนั้นอาลินาเฟก็เลิกใช้รูปเคารพ แล้วในที่สุดเธอก็มีคุณสมบัติที่จะรับบัพติศมา
21. เราจะช่วยนักศึกษาให้อยากตัดสินใจรับใช้พระยะโฮวาได้ยังไง?
21 ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาเป็น “ผู้ทำให้เติบโต” แต่เราก็มีส่วนสำคัญในการช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้า (1 คร. 3:7) เราไม่เพียงสอนว่าพระเจ้าอยากให้เขาทำอะไร แต่เรายังสนับสนุนให้เขาแสดงความรักที่มีต่อพระเจ้าโดยจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง และเรายังสอนเขาให้พึ่งพระยะโฮวาเมื่อเจอกับปัญหา เมื่อเราแสดงให้เห็นว่ามั่นใจในตัวนักศึกษา เราก็ช่วยให้เขามั่นใจว่าตัวเขาเองก็สามารถใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวาได้ และช่วยให้เขาตัดสินใจมารับใช้พระองค์
เพลง 73 ขอช่วยให้เรากล้าหาญ
a สองปีครึ่งหลังจากนิโคเดมัสคุยกับพระเยซู เขาก็ยังคงเป็นสมาชิกศาลสูงของชาวยิว (ยน. 7:45-52) นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งคิดว่านิโคเดมัสเข้ามาเป็นสาวกหลังจากที่พระเยซูตายแล้ว—ยน. 19:38-40
b คำอธิบายภาพ เปโตรกับชาวประมงคนอื่น ๆ เลิกทำธุรกิจประมงเพื่อมาติดตามพระเยซู
c คำอธิบายภาพ พี่น้องหญิงซ้อมการประกาศกับนักศึกษา