บทความศึกษา 11
เพลง 51 เราอุทิศตัวให้พระเจ้า
รับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้แม้เจอความผิดหวัง
“คุณอุตส่าห์ทนกับความลำบากเพื่อเห็นแก่ชื่อของผม”—วว. 2:3
จุดสำคัญ
เรารับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้แม้เจอเรื่องที่ทำให้ผิดหวัง
1. เมื่อเราอยู่ในองค์การของพระยะโฮวา เราได้พรอะไรบ้าง?
เป็นพรสำหรับเราจริง ๆ ที่ได้อยู่ในองค์การของพระยะโฮวาในสมัยสุดท้ายที่ยากลำบากนี้ ถึงโลกนี้กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ แต่พระยะโฮวาให้เรามีพี่น้องซึ่งเป็นเหมือนครอบครัวของเรา (สด. 133:1) พระองค์ช่วยเราให้มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข (อฟ. 5:33–6:1) และพระยะโฮวายังให้เรามีสติปัญญาและความเข้าใจเพื่อจะช่วยให้เรามีความสงบใจ
2. เราต้องทำอะไร และทำไม?
2 ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องพยายามเต็มที่ที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป เพราะอะไร? เพราะบางครั้งเราอาจรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่คนอื่นพูดและทำ และเราอาจผิดหวังกับตัวเองที่ทำผิดพลาดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เราต้องอดทนรับใช้พระยะโฮวาต่อไป (1) เมื่อพี่น้องทำให้เราผิดหวัง (2) เมื่อคู่ของเราทำให้เราผิดหวัง และ (3) เมื่อเราผิดหวังกับตัวเอง ในบทความนี้เราจะคุยกันเกี่ยวกับ 3 สถานการณ์นี้ และจะดูว่าเราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยคัมภีร์ไบเบิล
อดทนเมื่อพี่น้องทำให้คุณผิดหวัง
3. ผู้รับใช้พระยะโฮวาเจอปัญหาอะไรบ้าง?
3 ปัญหา พี่น้องบางคนอาจมีนิสัยที่เราไม่ชอบ และเราอาจรู้สึกแย่เมื่อพี่น้องบางคนพูดแบบไม่คิดหรือทำไม่ดีกับเรา พี่น้องที่นำหน้าในองค์การอาจทำผิดพลาดด้วย พอเจอแบบนี้บางคนก็อาจสงสัยว่านี่จะใช่องค์การของพระเจ้าจริง ๆ หรือเปล่า แทนที่จะรับใช้ “เคียงบ่าเคียงไหล่” กับพี่น้องต่อไป บางคนอาจไม่ยอมพูดคุยกับคนที่พวกเขาไม่ชอบหรือถึงกับเลิกไปประชุม (ศฟย. 3:9) การทำแบบนี้ฉลาดจริง ๆ ไหม? ให้เรามาดูกันว่าเราจะเรียนอะไรได้บ้างจากผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในสมัยคัมภีร์ไบเบิลที่เจอปัญหาคล้าย ๆ กัน
4. อัครสาวกเปาโลเจอปัญหาอะไรบ้าง?
4 ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล อัครสาวกเปาโลรู้ว่าพี่น้องคริสเตียนเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น ตอนที่เขาไปที่ประชาคมในกรุงเยรูซาเล็ม มีพี่น้องบางคนไม่เชื่อว่าเขาเข้ามาเป็นสาวกจริง ๆ (กจ. 9:26) ต่อมา มีบางคนพูดไม่ดีลับหลังเปาโลและทำให้เขาเสียชื่อเสียง (2 คร. 10:10) เปาโลยังเห็นผู้ดูแลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องซึ่งอาจทำให้พี่น้องคนอื่นไม่สบายใจ (กท. 2:11, 12) และมาระโกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเปาโลก็ทำให้เขาเสียใจและผิดหวังมาก ๆ ด้วย (กจ. 15:37, 38) สถานการณ์ทั้งหมดนี้อาจทำให้เปาโลไม่คบหากับพี่น้องเหล่านี้ก็ได้ แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เปาโลมองพี่น้องในแง่บวกและยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป อะไรช่วยให้เปาโลทำแบบนั้นได้?
5. อะไรช่วยให้เปาโลไม่หมดหวังในตัวพี่น้อง? (โคโลสี 3:13, 14) (ดูภาพด้วย)
5 เปาโลรักพี่น้องของเขามาก นี่เลยทำให้เขาสนใจแต่ส่วนดีของพี่น้องและไม่มองที่ความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา นอกจากนี้ ความรักยังช่วยให้เขาทำสิ่งที่เขาเองเขียนไว้ในโคโลสี 3:13, 14 (อ่าน) ให้เรามาดูว่าเปาโลให้อภัยอย่างที่เขาเขียนไว้ยังไง แม้มาระโกทิ้งเปาโลระหว่างที่เขาเดินทางมิชชันนารีในรอบแรก แต่เปาโลไม่ได้เจ็บใจไม่หาย หลังจากนั้นตอนที่เปาโลเขียนจดหมายถึงประชาคมในเมืองโคโลสี เขาพูดชมเชยมาระโกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่ “ให้กำลังใจผมอย่างมาก” (คส. 4:10, 11) ตอนที่เปาโลถูกขังในกรุงโรม เขาเขียนจดหมายระบุอย่างเจาะจงว่าให้พามาระโกมาด้วยเพื่อจะช่วยเขา (2 ทธ. 4:11) เห็นได้ชัดเลยว่าเปาโลไม่ได้หมดหวังในตัวพี่น้อง เราได้เรียนอะไรจากเปาโล?
แม้เปาโลมีปัญหากับบาร์นาบัสและมาระโก แต่เปาโลไม่ได้เจ็บใจไม่หาย ต่อมาพวกเขารับใช้ด้วยกันอย่างมีความสุข (ดูข้อ 5)
6-7. อะไรจะช่วยให้เรารักพี่น้องต่อ ๆ ไปแม้พวกเขาจะไม่สมบูรณ์แบบ? (1 ยอห์น 4:7)
6 บทเรียน พระยะโฮวาอยากให้เราแสดงความรักกับพี่น้องต่อ ๆ ไป (อ่าน 1 ยอห์น 4:7) ถ้าพี่น้องคนไหนทำให้เราเสียใจ เราควรคิดว่าเขาอาจไม่ได้ตั้งใจทำให้เราเจ็บและเขาเองก็กำลังพยายามทำให้พระยะโฮวาพอใจอยู่เหมือนกัน (สภษ. 12:18) พระยะโฮวารักผู้รับใช้ของพระองค์ทุกคนแม้พวกเขาจะมีจุดอ่อนหรือข้อบกพร่อง เมื่อเราทำผิด พระยะโฮวาไม่ได้ทิ้งเราหรือพระองค์ไม่ได้โกรธเราไม่หาย (สด. 103:9) ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่เราจะต้องเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้อภัยเสมอ—อฟ. 4:32–5:1
7 ขอให้จำไว้ด้วยว่ายิ่งจุดจบของโลกชั่วใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งต้องสนิทกับพี่น้องของเราให้มากขึ้น เราคาดหมายได้เลยว่าการข่มเหงจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราอาจถึงกับต้องติดคุกเพราะความเชื่อ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะต้องการพี่น้องของเรามากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา (สภษ. 17:17) ให้เรามาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับจูเซปa ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่สเปน เขากับพี่น้องชายหลายคนต้องติดคุกเพราะรักษาความเป็นกลาง จูเซปเล่าว่า “ในคุกพวกเราต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็เลยอาจมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจกันบ้าง แต่เราทนกันและกันและให้อภัยกันเสมอ นี่ก็เลยช่วยให้เราสนิทกันและคอยดูแลและปกป้องกันตลอด เราต้องอยู่กับนักโทษคนอื่นที่ไม่ใช่พยานฯ ด้วย ครั้งหนึ่งผมเจ็บแขนแล้วต้องใส่ผ้าพันแผลไว้เลยทำอะไร ๆ ไม่ค่อยได้ แต่พี่น้องชายคนหนึ่งซักเสื้อผ้าให้ผมและคอยช่วยผมหลายอย่าง ผมเห็นเลยว่าตอนที่ผมต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดพี่น้องก็รักและคอยเอาใจใส่ผมจริง ๆ” เห็นได้ชัดเลยว่าเราต้องรักและให้อภัยกันตั้งแต่ตอนนี้
อดทนเมื่อคู่ของคุณทำให้คุณผิดหวัง
8. สามีภรรยาเจอปัญหาอะไรบ้าง?
8 ปัญหา คนที่แต่งงานแล้วต้องเจอปัญหาไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกตรง ๆ ว่าคนที่แต่งงานแล้วจะ “มีความยุ่งยากในชีวิต” (1 คร. 7:28) ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เพราะการแต่งงานคือการเอาคนสองคนที่ไม่สมบูรณ์แบบมาอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างนิสัยไม่เหมือนกัน มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกัน และสามีภรรยาบางคู่อาจเป็นคนละเชื้อชาติและอาจมีวัฒนธรรมและภูมิหลังที่ต่างกันด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ต่างฝ่ายต่างอาจแสดงนิสัยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแต่งงาน และนิสัยบางอย่างก็อาจทำให้พวกเขาถึงขั้นทะเลาะกัน แล้วแทนที่แต่ละคนจะพยายามช่วยกันแก้ไขก็กลับโทษกันไปโทษกันมาทั้ง ๆ ที่พวกเขาอาจทำผิดกันทั้งคู่ บางคู่อาจถึงกับคิดว่าการแยกกันอยู่หรือการหย่าร้างอาจเป็นทางออกที่ดีก็ได้ แต่การทำแบบนี้จะทำให้พวกเขามีความสุขมากกว่าจริง ๆ ไหม?b คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างของคนหนึ่งที่อดทนกับปัญหาหนักในชีวิตคู่ ให้เรามาดูด้วยกัน
9. อาบีกายิลเจอปัญหาอะไร?
9 ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล อาบีกายิลแต่งงานกับนาบาล คัมภีร์ไบเบิลบอกว่านาบาลเป็นคนก้าวร้าวและนิสัยไม่ดี (1 ซม. 25:3) อาบีกายิลคงต้องทุกข์ทรมานใจมากที่อยู่กับผู้ชายแบบนี้ แล้วเธอมีโอกาสที่จะจบชีวิตคู่ที่แสนเลวร้ายนี้ไหม? ใช่ จริง ๆ แล้วเธอได้โอกาสนั้นตอนที่กษัตริย์ดาวิดของชาติอิสราเอลตัดสินใจว่าจะฆ่านาบาลเพราะนาบาลดูถูกดาวิดกับคนของเขา (1 ซม. 25:9-13) ที่จริง อาบีกายิลจะหนีไปแล้วปล่อยให้ดาวิดฆ่านาบาลก็ได้ แต่เธอไม่ทำแบบนั้น เธอยังเกลี้ยกล่อมดาวิดให้ไว้ชีวิตนาบาลด้วย (1 ซม. 25:23-27) ทำไมอาบีกายิลถึงทำแบบนั้น?
10. อะไรอาจทำให้อาบีกายิลอดทนแม้จะมีปัญหาในชีวิตคู่?
10 อาบีกายิลรักพระยะโฮวาและนับถือการจัดเตรียมเรื่องชีวิตคู่ เธอรู้ว่าพระองค์พูดอะไรตอนที่ให้อาดัมกับเอวามนุษย์คู่แรกแต่งงานกัน (ปฐก. 2:24) และเธอก็รู้ดีว่าพระยะโฮวามองว่าการแต่งงานเป็นการจัดเตรียมที่ศักดิ์สิทธิ์ อาบีกายิลอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ นี่เลยทำให้เธอพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวรวมทั้งสามีด้วย อาบีกายิลรีบเข้าไปขวางดาวิดไม่ให้ฆ่านาบาล และเธอยังเต็มใจขอโทษแทนสามีทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเธอ เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักอาบีกายิลที่ทั้งกล้าหาญและไม่เห็นแก่ตัว แล้วทั้งสามีและภรรยาได้เรียนอะไรจากอาบีกายิล?
11. (ก) พระยะโฮวาอยากให้สามีภรรยาทำอะไร? (เอเฟซัส 5:33) (ข) คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของคาร์เมน? (ดูภาพด้วย)
11 บทเรียน พระยะโฮวาอยากให้สามีภรรยานับถือการจัดเตรียมเรื่องชีวิตคู่ และอยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันต่อไปถึงแม้ว่าคู่ของเขาอาจจะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันได้ยาก พระยะโฮวาคงต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ที่เห็นสามีภรรยาพยายามแก้ปัญหาและแสดงความรักและความนับถือต่อกัน (อ่านเอเฟซัส 5:33) ขอลองดูประสบการณ์ของคาร์เมน หลังจากที่เธอแต่งงานได้ 6 ปี เธอเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวาและหลังจากนั้นก็ได้รับบัพติศมา คาร์เมนเล่าว่า “สามีของฉันไม่ชอบเลย เขาเริ่มอิจฉาพระยะโฮวา เขาด่าว่าฉันและขู่ว่าจะทิ้งฉันไป” ถึงอย่างนั้นคาร์เมนก็อดทนและพยายามรักษาชีวิตคู่ไว้ เธอทำอย่างนี้มาตลอด 50 ปี เธอแสดงความรักและนับถือสามีเสมอ เธอเล่าต่อว่า “เมื่อเวลาผ่านไป ฉันพยายามมากขึ้นที่จะเข้าใจความรู้สึกของสามีและเรียนรู้วิธีที่จะพูดกับเขาอย่างที่แสดงความนับถือ ฉันรู้ว่าพระยะโฮวาถือว่าการสมรสเป็นการจัดเตรียมที่ศักดิ์สิทธิ์ และฉันจะพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาชีวิตคู่ไว้ ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เพราะฉันรักพระยะโฮวา”c ดังนั้น ถ้าคุณเจอปัญหาในชีวิตคู่ คุณมั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะอยู่เคียงข้างคุณและช่วยให้คุณอดทนได้
อาบีกายิลทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาครอบครัวไว้ คุณเรียนอะไรได้จากเรื่องนี้? (ดูข้อ 11)
อดทนเมื่อคุณผิดหวังกับตัวเอง
12. ถ้าเราทำผิดร้ายแรง เราอาจเจอปัญหาอะไรบ้าง?
12 ปัญหา เมื่อเราทำผิดร้ายแรง เราอาจรู้สึกท้อมากจนคิดว่าตัวเองไม่มีค่า คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่า เมื่อเราทำบาป หัวใจเรา “แตกสลาย” (สด. 51:17) พี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อโรเบิร์ตพยายามหลายปีเพื่อจะมีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ แต่พอเขาทำผิดร้ายแรง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้ทรยศพระยะโฮวาแล้ว เขาบอกว่า “ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีผมอย่างหนักและทำให้ผมเสียใจมาก ผมอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมคิดว่าพระเจ้าคงไม่มีวันฟังผมอีกแล้วเพราะผมทำให้พระองค์ผิดหวัง” เมื่อเราทำบาป เราอาจรู้สึกเสียใจมากจนคิดว่าพระยะโฮวาไม่สนใจเราแล้วและเราคงไม่มีทางรับใช้พระองค์ได้อีกต่อไป (สด. 38:4) ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนั้น ลองดูตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลของคนที่อดทนรับใช้พระยะโฮวาต่อไปถึงแม้ว่าเคยทำผิดร้ายแรง
13. อัครสาวกเปโตรทำผิดพลาดอะไรบ้าง? และความผิดร้ายแรงที่สุดที่เขาทำคืออะไร?
13 ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตบนโลก อัครสาวกเปโตรทำผิดพลาดหลายครั้งจนทำให้เขาทำผิดครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต เริ่มจากเปโตรมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาอวดว่าถึงอัครสาวกคนอื่น ๆ จะทิ้งพระเยซูไปหมด แต่เขาจะไม่ทิ้งท่านแน่นอน (มก. 14:27-29) ต่อมาในสวนเกทเสมนี พระเยซูบอกให้เปโตรเฝ้าระวัง แต่เปโตรก็พลาดหลายครั้ง (มก. 14:32, 37-41) จากนั้น ตอนที่มีคนกลุ่มใหญ่มาจับพระเยซู เปโตรกลับหนีไป (มก. 14:50) และในที่สุดเปโตรก็ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึง 3 ครั้ง เขาถึงกับสาบานเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ (มก. 14:66-71) พอเปโตรรู้ตัวว่าทำผิดร้ายแรงขนาดนี้ เขารู้สึกยังไง? เขาเสียใจมากและร้องไห้อย่างหนักซึ่งอาจเป็นเพราะเขารู้สึกผิดมากจริง ๆ (มก. 14:72) ลองคิดดูว่าเปโตรจะยิ่งรู้สึกแย่ขนาดไหนตอนที่พระเยซูถูกประหารชีวิตไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เปโตรคงต้องรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจริง ๆ
14. อะไรช่วยให้เปโตรอดทนรับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้? (ดูภาพหน้าปก)
14 อะไรช่วยให้เปโตรอดทนรับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้? อย่างแรก เขาไม่ได้แยกตัวอยู่คนเดียว เขาไปหาพี่น้องคนอื่น ๆ และคงได้รับกำลังใจจากพวกเขาแน่นอน (ลก. 24:33) นอกจากนั้น หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านปรากฏตัวให้เปโตรเห็นซึ่งเป็นไปได้ว่าท่านคงอยากให้กำลังใจเขา (ลก. 24:34; 1 คร. 15:5) หลังจากนั้น แทนที่พระเยซูจะซ้ำเติมเปโตรที่เขาทำผิดพลาด ท่านบอกเปโตรว่าเขาจะได้รับหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมากกว่านี้อีก (ยน. 21:15-17) เปโตรรู้ว่าเขาทำผิดพลาดร้ายแรง แต่เขาไม่ได้หมดหวังกับตัวเอง เพราะอะไร? เพราะเขามั่นใจว่าพระเยซูนายของเขาไม่หมดหวังในตัวเขา และเปโตรรู้ว่ามีพี่น้องที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาเสมอ เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของเปโตร?
ยอห์น 21:15-17 แสดงให้เห็นว่าพระเยซูไม่ได้หมดหวังในตัวเปโตร เปโตรเลยอดทนได้ต่อ ๆ ไป (ดูข้อ 14)
15. พระยะโฮวาอยากให้เรามั่นใจในเรื่องอะไร? (สดุดี 86:5; โรม 8:38, 39) (ดูภาพด้วย)
15 บทเรียน พระยะโฮวาอยากให้เรามั่นใจว่าพระองค์รักและพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ (อ่านสดุดี 86:5; โรม 8:38, 39) เมื่อเราทำบาป เราจะรู้สึกผิด ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกแบบนั้น แต่ตอนที่เราทำผิด เราต้องไม่คิดว่าพระยะโฮวาคงไม่มีทางรักเราได้อีกแล้วหรือพระองค์คงไม่ให้อภัยเรา แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราควรขอความช่วยเหลือทันที โรเบิร์ตที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ผมพลาดทำผิดเพราะผมพึ่งตัวเองมากเกินไป คิดว่าจะต้านทานการล่อใจได้” หลังจากนั้นโรเบิร์ตรู้ว่าเขาต้องไปคุยกับผู้ดูแล เขาบอกว่า “พอผมได้คุยกับผู้ดูแล พวกเขาก็ช่วยให้ผมเห็นเลยว่าพระยะโฮวายังรักผมอยู่ ผู้ดูแลไม่หมดหวังในตัวผมและช่วยผมให้เห็นว่าพระยะโฮวายังไม่ทิ้งผม” เราเองก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวารักเรามากและพร้อมจะให้อภัยถ้าเรากลับใจจากบาป ขอความช่วยเหลือ และพยายามสุดความสามารถที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก (1 ยอห์น 1:8, 9) การที่เรามั่นใจในเรื่องนี้จะช่วยให้เราไม่หมดหวังกับตัวเองตอนที่เราทำผิดพลาด
เมื่อคุณเห็นผู้ดูแลทำงานหนักเพื่อช่วยคุณ นี่ทำให้คุณมั่นใจในเรื่องอะไร? (ดูข้อ 15)
16. ทำไมคุณถึงอยากอดทนรับใช้พระยะโฮวาต่อไป?
16 พระยะโฮวาเห็นค่าที่เราพยายามรับใช้พระองค์ในสมัยสุดท้ายที่ยากลำบากนี้ ถ้าเรายอมให้พระยะโฮวาช่วย เราจะสามารถอดทนรับใช้พระองค์ต่อไปได้แม้เจอความผิดหวังหลายอย่าง เราจะสามารถรักพี่น้องต่อ ๆ ไปและให้อภัยพวกเขาได้แม้พวกเขาอาจทำให้เราเสียใจ เราจะแสดงความรักต่อพระเจ้าและแสดงความนับถือการจัดเตรียมของพระองค์เรื่องชีวิตคู่ได้โดยพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตคู่ และถ้าเราทำบาป เราขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาได้ ให้เรามั่นใจว่าพระองค์รักและพร้อมจะให้อภัยเรา และให้เราตั้งใจรับใช้พระองค์ต่อ ๆ ไป เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้รับพรมากมายถ้าเรา “ไม่ท้อในการทำดี”—กท. 6:9
เราจะรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้ยังไงแม้ . . .
พี่น้องทำให้เราผิดหวัง?
คู่ของเราทำให้เราผิดหวัง?
เราผิดหวังกับตัวเอง?
เพลง 139 นึกภาพตัวคุณเมื่อทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่
a บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
b คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสามีภรรยาไม่ควรแยกกันอยู่และบอกชัดว่าการแยกกันอยู่ไม่ได้ทำให้แต่ละฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะแต่งงานใหม่ แต่อาจมีบางสถานการณ์ที่คริสเตียนบางคนตัดสินใจแยกกันอยู่กับคู่ของเขา ดูคำอธิบายเพิ่มเติม 4 “การแยกกันอยู่” ในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป
c ดูอีกตัวอย่างหนึ่งจากวีดีโอชื่ออย่าหลงเชื่อสันติสุขปลอม!—ดาร์เรลและเดโบราห์ เฟรซิงเกอร์ ในเว็บไซต์ jw.org