เรื่องราวชีวิตจริง
พระยะโฮวาอวยพรผมมากกว่าที่ผมจะนึกออกได้
‘ผมรู้นะว่าควรเป็นไพโอเนียร์ แต่ก็สงสัยว่าการเป็นไพโอเนียร์มันน่าสนใจและน่าตื่นเต้นจริง ๆ เหรอ’ ผมชอบงานที่ทำในเยอรมนีมาก มันเป็นงานส่งออกอาหารไปยังที่ต่าง ๆ แถบแอฟริกา เช่น เมืองดาร์เอสซาลาม เมืองเอลิซาเบทวิลล์ และเมืองอัสมารา ผมไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งจะได้มารับใช้พระยะโฮวาเต็มเวลาในที่เหล่านั้นและในที่อื่น ๆ ทั่วแอฟริกา
ในที่สุดผมก็เริ่มเป็นไพโอเนียร์ แล้วมันก็ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปในแบบที่นึกไม่ถึงเลย (อฟ. 3:20) คุณอาจสงสัยว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปได้ยังไง? เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น
ผมเกิดที่เบอร์ลินประเทศเยอรมนีในปี 1939 ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่เดือนหลังสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้น และเมื่อสงครามใกล้จะจบในปี 1945 กรุงเบอร์ลินถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ครั้งหนึ่งบ้านหลายหลังบนถนนเดียวกันกับบ้านเราถูกระเบิด ครอบครัวเราพากันวิ่งเข้าไปในหลุมหลบภัย หลังจากนั้น เราก็หนีไปที่เมืองแอร์ฟูร์ทซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ผมเพื่อความปลอดภัย
กับพ่อแม่และน้องสาวในเยอรมนี ประมาณปี 1950
แม่เป็นคนที่กระตือรือร้นตามหาความจริง แม่เลยอ่านหนังสือหลายเล่มของพวกนักปรัชญาและตรวจสอบหลายศาสนา แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ประมาณปี 1948 พยานฯ 2 คนมาที่บ้านของเรา แม่เชิญพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้วถามคำถามหลายข้อ ไม่ถึงชั่วโมงแม่ก็บอกผมกับน้องสาวว่า “แม่เจอความจริงแล้ว!” ไม่นานหลังจากนั้น แม่ ผม และน้องสาวก็เริ่มไปประชุมที่เมืองแอร์ฟูร์ท
ในปี 1950 เราย้ายกลับมาที่เบอร์ลิน เราไปประชุมที่ประชาคมเบอร์ลินคอสเบิร์ก หลังจากนั้นเราก็ย้ายบ้านอีกครั้งแต่ยังอยู่ในเบอร์ลิน เราได้ไปประชุมกับประชาคมเบอร์ลินเทมเพลฮอฟ ในที่สุดแม่ผมตัดสินใจรับบัพติศมา แต่ผมยังลังเล คุณอยากรู้ไหมว่าทำไม?
เอาชนะนิสัยขี้อาย
ผมไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่เพราะผมเป็นคนขี้อายมาก แม้ผมจะไปประกาศ 2 ปีแล้ว แต่ไม่เคยพูดเองเลย แล้วอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ผมใช้เวลากับพี่น้องที่กล้าหาญและอุทิศทั้งชีวิตให้พระยะโฮวา บางคนเคยถูกขังในค่ายกักกันนาซีหรือคุกในเยอรมนีตะวันออก ส่วนคนอื่นยอมเสี่ยงที่จะถูกจับและถูกขังคุกเพราะแอบเอาหนังสือเข้าไปในเยอรมนีตะวันออก ผมประทับใจตัวอย่างของพวกเขามาก ผมคิดว่าถ้าพวกเขายอมเสี่ยงที่จะติดคุกเพราะพระยะโฮวาและพี่น้อง ผมก็ควรจะเลิกเป็นคนขี้อายได้แล้ว
ผมเริ่มเอาชนะนิสัยขี้อายตอนเข้าร่วมในการรณรงค์ประกาศพิเศษในปี 1955 ในจดหมายซึ่งพิมพ์ในใบแจ้งข่าวa พี่น้องนาธาน นอร์ประกาศว่า นี่คือหนึ่งในการรณรงค์ครั้งใหญ่ที่สุดที่องค์การเคยจัดขึ้นมา เขาบอกว่า ถ้าผู้ประกาศทุกคนมีส่วนร่วมในโครงการนี้ “มันจะเป็นเดือนที่วิเศษที่สุดตั้งแต่มีการประกาศบนโลกนี้” และมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ! ไม่นานหลังการรณรงค์ครั้งนั้น ผมได้ตัดสินใจอุทิศชีวิตให้กับพระยะโฮวา และในปี 1956 ผมก็รับบัพติศมาพร้อมกับพ่อและน้องสาว แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผมต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งในชีวิต
ผมรู้มาตลอดหลายปีว่าควรเป็นไพโอเนียร์ แต่คิดว่าเอาไว้ก่อนก็ได้ อย่างแรกที่ผมอยากทำคือ ผมตัดสินใจเรียนที่เบอร์ลินในหลักสูตรการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ แล้วผมก็อยากทำงานอย่างที่ได้เรียนมาเพื่อจะได้ประสบการณ์แล้วค่อยเริ่มเป็นไพโอเนียร์ ในปี 1961 ผมเลยไปทำงานที่ฮัมบูร์กซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี แต่ยิ่งผมทำงานนี้ ผมก็ยิ่งชอบมันมากขึ้นจนเลื่อนการเป็นไพโอเนียร์ออกไปเรื่อย ๆ อยากรู้ไหมว่าผมทำยังไงต่อ?
ผมรู้สึกขอบคุณที่พระยะโฮวาใช้พี่น้องที่รักมาช่วยผมให้เห็นว่าการรับใช้พระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพื่อนของผมหลายคนเริ่มเป็นไพโอเนียร์แล้วและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผม นอกจากนั้น พี่น้องเอริค มุนท์ซึ่งรอดชีวิตผ่านค่ายกักกันได้ให้กำลังใจผมที่จะไว้วางใจพระยะโฮวาด้วย เขาบอกว่าในค่ายกักกัน พี่น้องที่ไว้ใจตัวเองในที่สุดก็มีความเชื่ออ่อนแอลง แต่คนที่ไว้วางใจพระยะโฮวาสุดหัวใจจะรักษาความซื่อสัตย์ไว้ได้และเป็นเสาหลักของประชาคม
ตอนเริ่มเป็นไพโอเนียร์ปี 1963
นอกจากนั้น พี่น้องมาร์ติน เพิทซิงเกอร์ซึ่งต่อมาเป็นคณะกรรมการปกครองชอบให้กำลังใจพี่น้องคนอื่นบ่อย ๆ โดยบอกว่า “ความกล้าหาญเป็นเหมือนสินค้าที่มีค่ามากที่สุดที่คุณต้องมี” หลังจากคิดใคร่ครวญคำพูดของพี่น้องเหล่านี้แล้ว ในที่สุดผมลาออกจากงานและเริ่มเป็นไพโอเนียร์ในเดือนมิถุนายน 1963 นั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต หลังจากนั้น 2 เดือน ผมก็ได้รับเชิญให้เป็นไพโอเนียร์พิเศษ ตอนนั้นผมยังไม่ทันหางานใหม่ด้วยซ้ำ และอีกไม่กี่ปีต่อมา พระยะโฮวาก็ทำในสิ่งที่ผมนึกไม่ถึงเลย ผมได้รับเชิญให้เข้าโรงเรียนกิเลียดชั้นเรียนที่ 44
ได้เรียนบทเรียนที่มีค่าในกิเลียด
สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมได้เรียนคือ “อย่าถอดใจเร็วเกินไป” ผมได้เรียนจากพี่น้องนาธาน นอร์และไลแมน สวิงเกิล พวกเขาสนับสนุนให้เราอยู่ในงานมอบหมายต่อไปแม้จะไม่ง่าย พี่น้องนอร์บอกว่า “คุณจะสนใจที่อะไร? ความสกปรก แมลง หรือความยากจนไหม? หรือคุณจะมองไปที่ต้นไม้ ดอกไม้ และใบหน้าที่มีความสุข? คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักผู้คน” วันหนึ่งพี่น้องสวิงเกิลอธิบายว่าทำไมพี่น้องบางคนถึงถอดใจเร็วเหลือเกิน ตอนที่เล่าไปสักพัก เขาก็พูดต่อไม่ไหวจนต้องหยุดเล่าและมีน้ำตาคลอ เขาถึงกับต้องหยุดบรรยายแป๊บหนึ่ง เหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ผมประทับใจมากและตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ทำให้พระเยซูและพี่น้องที่ซื่อสัตย์ของท่านผิดหวัง—มธ. 25:40
ผม คล็อด และไฮน์ริคในงานมอบหมายมิชชันนารีที่เมืองลูบุมบาชิ ประเทศคองโก ปี 1967
ตอนที่นักเรียนรุ่นเราได้รับงานมอบหมาย สมาชิกเบเธลบางคนอยากรู้มากก็เลยมาถามพวกเราว่าได้รับมอบหมายให้ไปที่ไหนบ้าง พอเพื่อน ๆ ของผมบอกว่าได้ไปที่ไหน สมาชิกเบเธลก็พูดถึงเรื่องดี ๆ ของประเทศนั้น แต่พอถึงคิวผม ผมบอกว่า “คองโก (กินชาซา)” พวกเขาก็อึ้งกันไปเลยแล้วบอกว่า “โห! คองโกเลยเหรอ ขอให้พระยะโฮวาอยู่กับคุณนะ” สมัยนั้น คองโก (กินชาซา) มีแต่ข่าวเรื่องสงคราม อาชญากรรม และการฆ่ากันตาย ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็พยายามคิดถึงสิ่งที่ได้เรียนในโรงเรียนกิเลียด ไม่นานหลังจบการศึกษาในเดือนกันยายน 1967 ผมกับไฮน์ริค เดนบอสทัล และคล็อด ลินซีก็มุ่งหน้าไปที่กินชาซาเมืองหลวงของคองโก
การฝึกอบรมที่ดีเยี่ยมในช่วงที่เป็นมิชชันนารี
พอมาถึงกินชาซาเราต้องเรียนภาษาฝรั่งเศส 3 เดือน จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องบินไปที่เมืองลูบุมบาชิที่เมื่อก่อนมีชื่อว่าเอลิซาเบทวิลล์ ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของคองโกใกล้กับชายแดนแซมเบีย เราเข้าไปอยู่ในบ้านมิชชันนารีที่อยู่ใจกลางเมือง
เขตส่วนใหญ่ในเมืองลูบุมบาชิยังไม่มีใครไปประกาศ เราเลยตื่นเต้นที่ได้เจอผู้คนมากมายที่ยังไม่เคยได้ยินความจริงเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า ไม่นานเราก็มีนักศึกษาเยอะมากจนศึกษาไม่ไหว เรายังประกาศกับตำรวจและเจ้าหน้าที่หลายคนที่ทำงานให้รัฐบาลด้วย พวกเขาหลายคนนับถือคัมภีร์ไบเบิลและงานของเรามาก ผู้คนส่วนใหญ่พูดภาษาสวาฮิลี ผมกับคล็อด ลินซีเลยเรียนภาษานั้นด้วย ไม่นานเราก็ได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ที่ประชาคมภาษาสวาฮิลี
แม้เราจะมีประสบการณ์ดี ๆ มากมาย แต่ก็เจอปัญหาหลายอย่างด้วย บางครั้งเราต้องรับมือกับตำรวจที่ชอบกร่างและพวกทหารขี้เมาที่มีปืน พวกเขามักจะชอบตั้งข้อหาเท็จกับเรา ครั้งหนึ่งตำรวจหลายคนถือปืนบุกเข้ามาที่บ้านมิชชันนารีตอนเราประชุมอยู่และพาเราไปที่สถานีตำรวจ พวกเขาสั่งให้เรานั่งบนพื้นสกปรก ๆ จนถึง 4 ทุ่มก่อนจะปล่อยตัวเราไป
ในปี 1969 ผมได้รับมอบหมายให้ทำงานเป็นผู้ดูแลเดินทาง งานนี้ทำให้ผมต้องเดินไกลมากบนถนนที่มีแต่โคลนและหญ้าสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติในแอฟริกา ในหมู่บ้านหนึ่ง แม่ไก่ตัวหนึ่งพาลูกเข้ามานอนอยู่ใต้เตียงของผมตอนกลางคืน ผมยังจำได้ไม่ลืมว่ามันเริ่มปลุกผมเสียงดังลั่นตั้งแต่เช้ามืด ผมมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่คุยกับพี่น้องรอบกองไฟเรื่องความจริงในคัมภีร์ไบเบิล
ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือการรับมือกับพี่น้องปลอมซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสมาชิกกลุ่มคิทาวาลาb บางคนในกลุ่มนี้แทรกซึมเข้ามาในประชาคมและมาเป็นผู้ประกาศที่รับบัพติศมา และบางคนถึงกับได้เป็นผู้ดูแลในประชาคมด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ซึ่งเป็นเหมือน “หินโสโครก” ไม่สามารถหลอกพี่น้องที่ซื่อสัตย์ของเราได้ (ยด. 12) ในที่สุด พระยะโฮวาทำให้พี่น้องปลอมเหล่านี้ออกไปจากประชาคม และหลังจากนั้น ผู้คนมากมายก็เข้ามาในความจริงเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ในปี 1971 ผมได้รับมอบหมายให้ทำงานที่สำนักงานสาขาในกินชาซา ผมดูแลงานหลายอย่าง เช่น การโต้ตอบจดหมาย การสั่งหนังสือ และแผนกการรับใช้ ที่เบเธลผมเรียนรู้ที่จะจัดระเบียบงานรับใช้ในประเทศที่กว้างใหญ่แต่มีระบบสาธารณูปโภคที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลายครั้งเราส่งจดหมายทางเครื่องบิน แต่กว่าจะถึงประชาคมต่าง ๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือน ปกติแล้วไปรษณีย์จะเอาจดหมายจากเครื่องบินใส่ในเรือ แต่เรือก็จะไปติดที่กอผักตบชวาอยู่หลายอาทิตย์ ถึงจะมีปัญหาเหล่านี้รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ งานของเราในประเทศนี้ก็ก้าวหน้า
ผมรู้สึกทึ่งที่เห็นพี่น้องคองโกสามารถจัดการประชุมใหญ่ได้แม้จะมีงบประมาณจำกัด พวกเขาทำเวทีจากจอมปลวก และใช้หญ้าคาเป็นผนังและยังเอามาม้วน ๆ แล้วทำเป็นที่นั่งด้วย พวกเขาตัดไม้ไผ่มาทำเป็นโครงและเอากกมาสานเพื่อทำเป็นหลังคาและหน้าโต๊ะ พวกเขาเอาเปลือกไม้แข็ง ๆ มาทำเป็นตะปู ผมประทับใจไอเดียทั้งหมดนี้ของพี่น้องในการแก้ปัญหา ผมรักพวกเขามาก ผมคิดถึงพวกเขาจริง ๆ ตอนที่ต้องย้ายไปทำงานมอบหมายใหม่
รับใช้ที่เคนยา
ในปี 1974 ผมได้รับมอบหมายให้ย้ายไปที่สำนักงานสาขาที่กรุงไนโรบีประเทศเคนยา มีหลายอย่างที่เราต้องทำเพราะสาขาเคนยาดูแลงานประกาศอีก 10 ประเทศซึ่งบางประเทศงานของเราถูกสั่งห้าม ผมถูกส่งไปเยี่ยมประเทศที่ถูกสั่งห้ามเหล่านี้บ่อยมากโดยเฉพาะประเทศเอธิโอเปีย ตอนนั้นพี่น้องของเราที่นั่นถูกข่มเหงและเจอความยากลำบากมาก พวกเขาหลายคนถูกทำร้ายร่างกาย ถูกจับขังคุก บางคนถึงกับถูกฆ่า แต่พวกเขาก็อดทนอย่างซื่อสัตย์เพราะพวกเขาสนิทกับพระยะโฮวาและรักกัน
ในปี 1980 ผมมีความสุขมากที่ได้แต่งงานกับเกล แมทเทอสันพี่น้องหญิงชาวแคนาดา เราอยู่ชั้นเรียนเดียวกันในโรงเรียนกิเลียด เราเขียนจดหมายติดต่อกัน เกลได้รับมอบหมายให้ไปเป็นมิชชันนารีที่ประเทศโบลิเวีย หลังจาก 12 ปีผ่านไปเราเจอกันอีกครั้งที่นครนิวยอร์ก และไม่นานหลังจากนั้นเราก็แต่งงานกันที่เคนยา ผมรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่เกลเป็นคนที่คิดแบบพระยะโฮวาคิด และเป็นคนที่พอใจและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมี ตอนนี้เธอยังคงเป็นคู่ชีวิตที่น่ารักและคอยสนับสนุนผมเสมอ เธอมีค่ามากสำหรับผม
ในปี 1986 เราสองคนได้รับมอบหมายให้ทำงานเป็นผู้ดูแลเดินทางและผมยังเป็นคณะกรรมการสาขาด้วย งานผู้ดูแลเดินทางทำให้เราเดินทางไปหลายประเทศที่อยู่ภายใต้การดูแลของสาขาเคนยา
บรรยายในการประชุมใหญ่ที่เมืองอัสมารา ปี 1992
ผมมีความสุขที่นึกถึงตอนที่เตรียมการประชุมใหญ่ในปี 1992 ที่เมืองอัสมารา (อยู่ในเอริเทรีย) ตอนนั้นงานของเราที่นั่นยังไม่ถูกสั่งห้าม เราหาสถานที่ประชุมได้แค่ยุ้งฉางแห่งหนึ่งที่มองจากข้างนอกแล้วดูแย่มาก แต่สภาพข้างในยิ่งแย่กว่า พอถึงวันประชุมผมรู้สึกทึ่งสุด ๆ ที่พี่น้องเปลี่ยนที่นั่นให้เป็นสถานที่นมัสการที่คู่ควรสำหรับพระยะโฮวาจริง ๆ พี่น้องหลายครอบครัวช่วยกันเอาผ้ามาตกแต่งสถานที่และรู้วิธีปิดและคลุมอะไร ๆ ที่ดูไม่ค่อยดีไว้จนมิด เราประชุมกันอย่างมีความสุขและตื่นเต้น มีผู้เข้าร่วมประชุมตอนนั้น 1,279 คน
ตอนที่เราทำงานเป็นผู้ดูแลเดินทาง เราต้องปรับตัวมากเหมือนกันเพราะที่พักในแต่ละสัปดาห์ไม่เหมือนกันเลย ครั้งหนึ่งเราได้พักในบ้านหลังใหญ่หรูหราติดทะเล ในอีกที่หนึ่งเราก็พักในเพิงสังกะสีของคนงานก่อสร้างและต้องไปใช้ห้องน้ำไกลถึง 100 เมตร แต่ไม่ว่าเราจะรับใช้ที่ไหน สิ่งที่เราจำได้ดีและทำให้มีความสุขที่สุดคือการได้ไปรับใช้ตลอดวันกับไพโอเนียร์และผู้ประกาศที่กระตือรือร้น ต่อมาเราได้รับงานมอบหมายใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็ต้องจากเพื่อนที่รักเหล่านี้ไป และเราคิดถึงพวกเขามากจริง ๆ
ได้รับพรมากมายในเอธิโอเปีย
ช่วงปี 1987 ถึง 1992 งานของเราในประเทศต่าง ๆ หลายประเทศที่อยู่ภายใต้การดูแลของสาขาเคนยาได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผลคือมีการตั้งสำนักงานสาขาและสำนักงานประเทศขึ้นในหลายที่ ในปี 1993 เรา 2 คนได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้ที่สำนักงานประเทศซึ่งอยู่ในเมืองแอดดิสอาบาบาประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งงานที่นั่นต้องทำกันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่หลายสิบปี แต่ตอนนี้งานของเราได้รับการรับรองตามกฎหมายแล้ว
เป็นผู้ดูแลเดินทางในเขตชนบทของเอธิโอเปีย ปี 1996
พระยะโฮวาอวยพรงานที่เอธิโอเปีย พี่น้องหลายคนรับใช้เป็นไพโอเนียร์ ตั้งแต่ปี 2012 มีผู้ประกาศมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์รับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำ นอกจากนั้น มีการจัดโรงเรียนขององค์การขึ้นหลายแห่งเพื่อฝึกอบรมพี่น้อง และมีการก่อสร้างหอประชุมมากกว่า 120 แห่ง สมาชิกครอบครัวเบเธลได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ในปี 2004 และบนที่ดินเดียวกันนั้นเองก็มีการสร้างหอประชุมใหญ่ซึ่งนั่นเป็นพรจากพระยะโฮวาจริง ๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมกับเกลมีความสุขมากที่ได้สนิทกับพี่น้องเอธิโอเปียหลายคน เรารักพวกเขามากเพราะพวกเขาใจดีและน่ารักจริง ๆ แต่ไม่กี่ปีมานี้เรามีปัญหาสุขภาพ เราสองคนเลยได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ที่สาขายุโรปกลาง เราได้รับการดูแลอย่างดีที่นี่ แต่เรายังคงคิดถึงพี่น้องที่น่ารักในเอธิโอเปียเสมอ
พระยะโฮวาทำให้เติบโต
เราเห็นด้วยตาตัวเองว่าพระยะโฮวาทำให้งานของพระองค์เติบโตและก้าวหน้าอย่างไร (1 คร. 3:6, 9) เช่น ตอนที่ผมประกาศกับคนงานเหมืองชาวรวันดาหลายคนซึ่งมาทำเหมืองทองแดงที่คองโก ไม่มีผู้ประกาศในรวันดาเลย แต่ตอนนี้ที่นั่นมีผู้ประกาศมากกว่า 30,000 คน นอกจากนั้น ในปี 1967 มีผู้ประกาศที่คองโก (กินชาซา) ประมาณ 6,000 คน แต่ตอนนี้มีประมาณ 230,000 คนและมีผู้เข้าร่วมประชุมอนุสรณ์ปี 2018 มากกว่า 1 ล้านคน และในประเทศต่าง ๆ ที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของสาขาเคนยามีผู้ประกาศเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100,000 คน
ตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา พระยะโฮวาใช้พี่น้องหลายคนช่วยผมเริ่มทำงานรับใช้เต็มเวลา แม้ตอนนี้ผมยังเป็นคนขี้อายอยู่ แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระยะโฮวาเต็มที่ ประสบการณ์ที่ผมได้เรียนตอนที่อยู่แอฟริกาช่วยผมให้มีความอดทนและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ผมกับเกลชื่นชมพี่น้องที่น่ารักเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการแสดงน้ำใจต้อนรับแขก อดทนกับปัญหาหนักมากมาย และไว้วางใจพระยะโฮวา ผมขอบคุณความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์จริง ๆ พระยะโฮวาอวยพรผมมากกว่าที่ผมจะนึกออกได้—สด. 37:4
a ต่อมาเรียกว่าพระราชกิจของเรา ปัจจุบันคือคู่มือประชุมชีวิตและงานรับใช้ของคริสเตียน
b คำว่า “คิทาวาลา” เป็นภาษาสวาฮิลีหมายถึง “ครอบงำ ชี้นำ หรือปกครอง” เป้าหมายของกลุ่มนี้คือหวังผลทางการเมือง พวกเขาต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากการปกครองของเบลเยียม กลุ่มนี้จะเอาหนังสือของพยานพระยะโฮวามา พวกเขาศึกษาหนังสือเหล่านั้น และส่งต่อให้คนอื่น ๆ ด้วย แต่พวกเขาบิดเบือนคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อสนับสนุนความคิดทางการเมือง ธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับผีปีศาจ และการใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรม