สิงหาคม
วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม
คนทำดีเจอความลำบากหลายอย่าง แต่พระยะโฮวาจะช่วยเขา ให้ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้—สด. 34:19
ขอสังเกตจุดสำคัญ 2 อย่างในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ (1) ถึงจะเป็นคนดี ชีวิตก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา (2) พระยะโฮวาจะช่วยเราให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ แล้วพระองค์จะช่วยเรายังไง? วิธีหนึ่งก็คือพระองค์ช่วยเราให้มองชีวิตตามความเป็นจริง แม้พระยะโฮวาสัญญาว่าเราจะมีความสุขในการรับใช้แต่พระองค์ก็ไม่ได้รับประกันว่าชีวิตเราจะไม่มีปัญหา (อสย. 66:14) พระยะโฮวาอยากให้เราสนใจที่อนาคตคือตอนที่เราจะมีชีวิตตลอดไปและมีความสุขอย่างที่พระองค์อยากให้เราเป็น (2 คร. 4:16-18) แต่ตอนนี้พระยะโฮวาก็ยังช่วยเรารับมือกับปัญหาเป็นวัน ๆ ไป และรับใช้พระองค์ต่อไปได้ (พคค. 3:22-24) เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของผู้รับใช้พระยะโฮวาทั้งในสมัยคัมภีร์ไบเบิลและสมัยปัจจุบัน? เราอาจเจอปัญหาโดยที่เราไม่คาดคิดก็ได้ แต่ถ้าเราพึ่งพระยะโฮวาเสมอ พระองค์จะช่วยเราแน่นอน—สด. 55:22 ห23.04 17:3-4
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม
เชื่อฟังคนที่มีอำนาจปกครอง—รม. 13:1
เราสามารถเรียนเรื่องการเชื่อฟังคนที่มีอำนาจได้จากตัวอย่างของโยเซฟกับมารีย์ ทั้งสองคนพร้อมเชื่อฟังแม้จะไม่ง่าย (ลก. 2:1-6) ตอนที่มารีย์ท้องได้ 9 เดือน ซีซาร์ออกัสตัสซึ่งเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิโรมันสั่งให้ผู้คนทั่วอาณาจักรไปจดทะเบียนสำมะโนครัว โยเซฟกับมารีย์เลยต้องเดินทางประมาณ 150 กิโลเมตรไปเบธเลเฮม ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเพราะเส้นทางที่ไปต้องข้ามเขาหลายลูก การเดินทางครั้งนั้นต้องลำบากแน่ ๆ โดยเฉพาะกับมารีย์ พวกเขาคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของมารีย์และลูกในท้อง และคงเป็นห่วงว่าถ้ามารีย์คลอดลูกกลางทางจะทำยังไง เด็กที่อยู่ในท้องมารีย์คือเมสสิยาห์ที่ผู้คนรอคอยด้วย พวกเขาจะใช้เหตุผลทั้งหมดนี้เพื่อจะไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาลไหม? ถึงโยเซฟกับมารีย์มีหลายเรื่องที่ต้องกังวล แต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของซีซาร์ พระยะโฮวาอวยพรที่พวกเขาทำแบบนั้น มารีย์ไปถึงเมืองเบธเลเฮมอย่างปลอดภัยและคลอดลูกชายที่แข็งแรง และนี่ทำให้คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นจริงด้วย—มคา. 5:2 ห23.10 42:9, 11-12
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม
ให้กำลังใจกัน—ฮบ. 10:25
คุณจะทำยังไงถ้าคุณไม่ค่อยกล้าออกความเห็น? การเตรียมการประชุมอย่างดีช่วยได้มาก (สภษ. 21:5) ยิ่งคุณคุ้นเคยกับเนื้อหา คุณก็ยิ่งรู้สึกกล้าตอบมากขึ้น นอกจากนั้น ให้ตอบสั้น ๆ (สภษ. 15:23; 17:27) การตอบสั้น ๆ จะช่วยให้คุณกลัวน้อยลง ถ้าคุณตอบสั้น ๆ เป็นคำพูดของตัวเองก็แสดงว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดีและเข้าใจเนื้อหาจริง ๆ แต่จะว่ายังไงถ้าคุณลองทำตามคำแนะนำบางอย่างแล้วแต่คุณก็ยังไม่กล้าตอบเกิน 1 หรือ 2 ครั้ง? ให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาเห็นค่าที่คุณพยายามมากที่สุดเท่าที่คุณทำได้เพื่อจะออกความเห็น (ลก. 21:1-4) พระองค์ไม่ได้ขอให้คุณทำสิ่งที่เกินความสามารถของคุณ (ฟป. 4:5) ให้ลองคิดดูว่าคุณจะทำมากขึ้นได้ไหม ตั้งเป้าหมาย และอธิษฐานขอพระองค์ให้ช่วยคุณไม่ตื่นเต้นเกินไป สำหรับพวกเราบางคนเป้าหมายแรกอาจเป็นการออกความเห็นสั้น ๆ สัก 1 ครั้ง ห23.04 18:6-8
วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม
ใส่ . . . เสื้อเกราะป้องกันอก และ . . . หมวกเกราะ—1 ธส. 5:8
อัครสาวกเปาโลเปรียบเราเหมือนทหารที่ตื่นตัวและใส่ชุดเกราะพร้อมจะเข้าสู่สนามรบ ในช่วงสงคราม ทหารต้องเตรียมพร้อมเสมอที่จะสู้กับศัตรู เหมือนกันเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับวันของพระยะโฮวาเสมอ โดยเอาความเชื่อและความรักใส่เป็นเสื้อเกราะป้องกันอกและเอาความหวังมาสวมเป็นหมวกเกราะ เสื้อเกราะช่วยป้องกันหัวใจของทหาร ความเชื่อและความรักก็ช่วยปกป้องหัวใจของเรา มันจะช่วยให้เรายังคงรับใช้พระยะโฮวาและติดตามพระเยซูได้ต่อ ๆ ไป ความเชื่อจะทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้รางวัลที่เราเสาะหาพระองค์สุดหัวใจ (ฮบ. 11:6) นอกจากนั้น ความเชื่อจะช่วยให้เรายังคงซื่อสัตย์ต่อพระเยซูผู้นำของเราแม้จะเจอความยากลำบาก เราสามารถมีความเชื่อมากขึ้นเพื่อจะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตได้ โดยคิดใคร่ครวญตัวอย่างของพี่น้องในปัจจุบันที่รักษาความซื่อสัตย์แม้จะเจอการข่มเหงหรือมีปัญหาเศรษฐกิจ และถ้าเราเลียนแบบคนที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เราก็จะไม่ต้องเจอกับผลเสียของการเป็นคนรักเงิน ห23.06 26:8-9
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม
คนที่สังเกตดูเมฆจะไม่เก็บเกี่ยว—ปญจ. 11:4
การควบคุมตัวเองมักจะหมายถึงการควบคุมตัวเราเองไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี จำไว้ว่าการควบคุมตัวเองเป็นผลที่เกิดจากพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า ดังนั้น ให้คุณขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาเพื่อจะช่วยให้คุณมีคุณลักษณะที่สำคัญนี้มากขึ้น (ลก. 11:13; กท. 5:22, 23) อย่ารอจนทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยทำ เราอยู่ในโลกของซาตาน ไม่มีทางที่ชีวิตจะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ถ้าเรารอจนทุกอย่างพร้อม เราอาจไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายได้ บางทีเราอาจไม่มีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำตามเป้าหมายก็เพราะเป้าหมายเราดูเหมือนทำได้ยากมาก ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นก็ลองเริ่มจากอะไรที่เล็ก ๆ และไม่ยากเกินไปก่อน ถ้าเป้าหมายของคุณคือการพยายามมีคุณลักษณะที่ดีแบบคริสเตียน ลองตั้งเป้าหมายว่าคุณจะแสดงคุณลักษณะนี้ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนได้ไหม หรือถ้าคุณตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้จบทั้งเล่ม ก็ให้เริ่มจากจัดเวลาอ่านให้สั้นลงและอ่านเป็นประจำ ห23.05 24:11-13
วันพุธที่ 6 สิงหาคม
ทางของคนดีเป็นเหมือนแสงสว่างยามเช้าซึ่งสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเที่ยงวัน—สภษ. 4:18
เราเห็นว่าตลอดสมัยสุดท้ายพระยะโฮวาได้ใช้องค์การของพระองค์เพื่อจัดเตรียมความรู้มากมายที่เป็นเหมือนอาหาร ซึ่งช่วยพวกเราทุกคนให้เดินต่อ ๆ ไปใน “ทางบริสุทธิ์” (อสย. 35:8; 48:17; 60:17) ถ้าคนไหนเริ่มเรียนคัมภีร์ไบเบิล เขาก็เข้ามาเดินใน “ทางบริสุทธิ์” แต่บางคนอาจจะเดินในทางนี้แค่ไม่นาน แล้วก็ออกไป ส่วนบางคนก็ตั้งใจจะเดินในทางนี้ต่อ ๆ ไปจนถึงจุดหมายปลายทาง แล้วจุดหมายปลายทางคือที่ไหนล่ะ? สำหรับคนที่มีความหวังจะไปสวรรค์ “ทางบริสุทธิ์” จะพาพวกเขาไป “อุทยานของพระเจ้า” ในสวรรค์ (วว. 2:7) ส่วนคนที่มีความหวังที่จะอยู่ตลอดไปบนโลก ทางนี้ก็จะพาพวกเขาไปจนถึงสิ้นสุดสมัย 1,000 ที่พระเยซูปกครอง ซึ่งตอนนั้นทุกคนจะกลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณกำลังเดินในทางนี้ อย่ามองไปข้างหลัง และอย่าออกจากทางนี้ไปจนกว่าคุณจะถึงจุดหมายปลายทางในโลกใหม่ ห23.05 22:15-18
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม
เราแสดงความรักก็เพราะพระองค์รักเราก่อน—1 ยน. 4:19
เมื่อคุณคิดถึงทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ คุณก็รู้สึกเห็นค่าและอยากจะอุทิศตัวให้พระองค์ (สด. 116:12-14) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระยะโฮวาให้ “ของดี ๆ และสมบูรณ์ทุกอย่าง” (ยก. 1:17) และของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระยะโฮวาให้กับคุณก็คือ พระองค์ให้พระเยซูมาเป็นค่าไถ่ ลองคิดดูสิว่าของขวัญนี้ดีมากขนาดไหน ค่าไถ่ช่วยให้คุณสนิทกับพระยะโฮวาได้และช่วยให้คุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป (1 ยน. 4:9, 10) ดังนั้น การอุทิศตัวให้พระยะโฮวาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงว่าคุณอยากขอบคุณพระองค์ที่พระองค์รักและให้สิ่งดี ๆ กับคุณมากมาย—ฉธบ. 16:17; 2 คร. 5:15 ห24.03 9:8
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม
คนซื่อตรงเกรงกลัวพระยะโฮวา—สภษ. 14:2
เมื่อเราเห็นมาตรฐานด้านศีลธรรมของโลกทุกวันนี้ เราก็รู้สึกเหมือนกับโลทที่ “ทุกข์ใจมากกับคนชั่วที่ประพฤติไร้ยางอาย” เพราะรู้ว่าพระยะโฮวาเกลียดการกระทำแบบนี้ (2 ปต. 2:7, 8) โลทเกรงกลัวพระยะโฮวาและรักพระองค์มาก เขาเลยไม่ทำตามมาตรฐานด้านศีลธรรมที่เสื่อมทรามของผู้คนในสมัยของเขา พวกเราในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน รอบตัวเรามีแต่คนที่แทบไม่สนใจมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวาหรือบางคนก็ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นอย่างนั้น เรายังเป็นคนที่สะอาดด้านศีลธรรมได้ ถ้าเรารักพระยะโฮวาเสมอ และเรียนรู้ที่จะเกรงกลัวพระองค์ เพื่อจะทำแบบนั้นได้ พระยะโฮวาให้คำแนะนำในหนังสือสุภาษิตกับเราซึ่งจะทำให้เราได้กำลังใจ คำแนะนำที่ฉลาดในหนังสือสุภาษิตเป็นประโยชน์จริง ๆ สำหรับคริสเตียนทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง วัยรุ่น หรือคนสูงอายุ เมื่อเราเกรงกลัวพระยะโฮวา เราก็จะไม่เป็นเพื่อนกับคนที่ทำสิ่งที่ไม่ดี ห23.06 28:1-2, 5
วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม
ถ้าใครอยากติดตามผม ก็ให้คนนั้นเลิกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ยอมแบกเสาทรมานของตัวเองทุก ๆ วัน แล้วติดตามผมเรื่อยไป—ลก. 9:23
คุณอาจกำลังเจอการต่อต้านจากครอบครัว หรือคุณได้เสียสละโอกาสที่จะทุ่มเทหาเงินหาทองเพื่อให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต (มธ. 6:33) ถ้าเป็นแบบนั้น คุณมั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาเห็นสิ่งที่คุณทำเพื่อพระองค์ (ฮบ. 6:10) คุณอาจได้เจอกับตัวเองว่าคำพูดของพระเยซูเป็นจริงที่ว่า “ทุกคนที่ยอมสละบ้าน หรือพี่น้อง หรือพ่อแม่ หรือลูก ๆ หรือไร่นาเพื่อติดตามผมและเพื่อข่าวดี เขาจะได้คืนอีก 100 เท่าในยุคนี้ คือ บ้าน พี่น้อง แม่ ลูก ๆ และไร่นา แต่ก็จะถูกข่มเหงด้วย และในยุคหน้าจะได้ชีวิตตลอดไป” (มก. 10:29, 30) ดังนั้น พรที่คุณได้ในตอนนี้มันมากกว่าสิ่งที่คุณเสียสละไปไม่รู้กี่เท่า—สด. 37:4 ห24.03 10:5
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม
เพื่อนแท้รักกันอยู่เสมอและเป็นเหมือนพี่น้องที่เกิดมาเพื่อช่วยกันในเวลาลำบาก—สภษ. 17:17
คริสเตียนในยูเดียเจอการขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ พี่น้องในเมืองอันทิโอก “ตกลงกันว่าจะส่งความช่วยเหลือไปให้พี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียตามที่แต่ละคนจะให้ได้” (กจ. 11:27-30) แม้พี่น้องที่เจอการขาดแคลนอาหารจะอยู่ไกลมาก แต่พี่น้องในอันทิโอกก็ตั้งใจจะช่วย (1 ยน. 3:17, 18) เราเองก็เห็นอกเห็นใจพี่น้องที่เจอภัยพิบัติได้ เราอาจลงมือช่วยพี่น้องทันทีได้โดยถามผู้ดูแลว่าเราจะอาสาไปช่วยได้ไหม โดยบริจาคเงินเพื่องานทั่วโลก หรือโดยอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านั้นที่เจอภัยพิบัติ พี่น้องของเราอาจต้องการความช่วยเหลือเพื่อจะมีสิ่งจำเป็นต่าง ๆ เมื่อตอนที่พระเยซูกษัตริย์ของเรามาเพื่อพิพากษา เราอยากให้ท่านเห็นว่าเรากำลังเห็นอกเห็นใจกัน และอยากให้ท่านเชิญเราให้ “มารับประโยชน์จากรัฐบาลของพระเจ้า”—มธ. 25:34-40 ห23.07 29:9-10, 12
วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม
ให้คนอื่นเห็นว่าพวกคุณเป็นคนมีเหตุผล—ฟป. 4:5
พระเยซูแสดงความมีเหตุผลเหมือนพระยะโฮวา ถึงพระเยซูจะถูกส่งมายังโลกเพื่อประกาศเฉพาะกับ “คนอิสราเอลเท่านั้น” แต่ท่านก็แสดงความมีเหตุผล ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลมาขอให้ท่านช่วยรักษาลูกสาวของเธอซึ่ง “ถูกปีศาจสิง” และ “เจ็บปวดทรมานมาก” พระเยซูเห็นอกเห็นใจเธอเลยทำตามที่เธอขอ ท่านรักษาลูกสาวของเธอจนหาย (มธ. 15:21-28) ให้เรามาดูอีกตัวอย่างหนึ่งด้วย พระเยซูเคยบอกว่า “ถ้าใครปฏิเสธผม . . . ผมก็จะปฏิเสธเขา” (มธ. 10:33) แล้วตอนที่เปโตรปฏิเสธท่านถึง 3 ครั้ง ท่านปฏิเสธเปโตรไหม? ไม่เลย พระเยซูรู้ว่าเปโตรกลับใจจริง ๆ และมีความเชื่อ และหลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายแล้ว ท่านก็มาหาเปโตรและยืนยันว่าท่านรักเขาและให้อภัยเขาแล้ว (ลก. 24:33, 34) เราเห็นแล้วว่าพระยะโฮวากับพระเยซูเป็นคนมีเหตุผล แล้วเราล่ะ? พระยะโฮวาก็อยากให้เราเป็นคนมีเหตุผลด้วย ห23.07 32:6-7
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป—วว. 21:4
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้มั่นใจในคำสัญญาของพระเจ้าเรื่องอุทยาน? เหตุผลแรก พระยะโฮวาให้คำสัญญานี้ด้วยตัวเอง หนังสือวิวรณ์บอกว่า “พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์นั้นพูดว่า ‘เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่’” และพระยะโฮวามีสติปัญญา พลังอำนาจ และความต้องการที่จะทำให้คำสัญญาของพระองค์เกิดขึ้นจริง เหตุผลที่สอง พระยะโฮวามั่นใจมากว่าคำสัญญาของพระองค์จะเกิดขึ้นจริง ถึงขนาดที่พระองค์พูดเหมือนกับว่ามันกำลังเกิดขึ้นแล้ว พระองค์บอกว่า “คำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้และเป็นความจริง . . . เรื่องทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว” เหตุผลที่ 3 เมื่อพระยะโฮวาเริ่มต้นทำอะไรแล้ว พระองค์ก็จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ พระองค์ยืนยันโดยบอกว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา” (วว. 21:6) พระยะโฮวาจะพิสูจน์ว่าซาตานนั่นแหละที่โกหกและล้มเหลว ดังนั้น คราวหน้าถ้าคุณได้อ่านวิวรณ์ 21:4 ให้ใครสักคนฟัง แล้วเขาบอกว่า “ดีขนาดนี้เลยเหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก” ลองอ่านวิวรณ์ 21:5, 6 แล้วอธิบายให้เขาฟัง ให้เขาได้ดูว่าพระยะโฮวารับประกันว่าคำสัญญานี้จะเป็นจริงแน่นอน พระองค์เซ็นชื่อรับรองไว้แล้ว—อสย. 65:16 ห23.11 46:18-19
วันพุธที่ 13 สิงหาคม
เราจะให้เจ้ากลายเป็นชาติใหญ่—ปฐก. 12:2
พระยะโฮวาสัญญากับอับราฮัมตอนที่เขาอายุ 75 ปีและยังไม่มีลูก (ปฐก. 12:1-4) อับราฮัมได้เห็นคำสัญญานี้เกิดขึ้นจริงไหม? เขาได้เห็นแต่ไม่ทั้งหมด หลังจากข้ามแม่น้ำยูเฟรติสและต้องรอ 25 ปี อับราฮัมได้เห็นลูกชายของเขาคืออิสอัคเกิดมาซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ และหลังจากนั้นอีก 60 ปี เขาก็ได้เห็นหลานชาย 2 คนของเขาก็คือเอซาวกับยาโคบเกิดมา (ฮบ. 6:15) อับราฮัมไม่เคยได้เห็นลูกหลานของเขากลายเป็นชาติใหญ่และได้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญา แต่อับราฮัมได้มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา (ยก. 2:23) และในอนาคตตอนที่เขาฟื้นขึ้นจากตาย เขาคงตื่นเต้นดีใจที่ได้รู้ว่าความเชื่อและความอดทนของเขาทำให้ทุกชาติได้รับพร (ปฐก. 22:18) บทเรียนคืออะไร? เราอาจจะไม่ได้เห็นคำสัญญาของพระยะโฮวาทั้งหมดเกิดขึ้นจริงตอนนี้ แต่ถ้าเราอดทนเหมือนอับราฮัม เราก็แน่ใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะให้รางวัลเราทั้งในตอนนี้และอีกมากมายในโลกใหม่ที่พระองค์สัญญา—มก. 10:29, 30 ห23.08 35:14
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม
ตอนที่อุสซียาห์รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ช่วยให้เขาเจริญขึ้น—2 พศ. 26:5
ตอนที่อุสซียาห์อายุยังน้อยเขาเป็นคนถ่อม เขาเรียนรู้ที่จะ “เกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้” เขามีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 68 ปีและพระยะโฮวาก็อวยพรเขาเกือบตลอดทั้งชีวิต (2 พศ. 26:1-4) อุสซียาห์รบชนะศัตรูมากมายและทำให้กรุงเยรูซาเล็มได้รับการปกป้องอย่างดี (2 พศ. 26:6-15) อุสซียาห์ต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ที่พระยะโฮวาช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ (ปญจ. 3:12, 13) กษัตริย์อุสซียาห์เคยชินกับการออกคำสั่ง เขาเลยอาจคิดว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากทำโดยไม่ต้องสนใจคำสั่งของพระยะโฮวา วันหนึ่งอุสซียาห์ตัดสินใจเข้าไปในวิหารของพระยะโฮวาเพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชาทั้ง ๆ ที่กษัตริย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น (2 พศ. 26:16-18) มหาปุโรหิตอาซาริยาห์พยายามห้ามเขาแต่เขาไม่ฟังและยังโกรธมาก น่าเสียดายอุสซียาห์รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มาตลอดแต่การไม่เชื่อฟังครั้งนี้ทำให้เขาต้องถูกลงโทษให้เป็นโรคเรื้อน (2 พศ. 26:19-21) ถ้าอุสซียาห์ถ่อมตัวเสมอ ชีวิตของเขาคงไม่ลงเอยแบบนี้ ห23.09 38:9-10
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม
เขาก็ปลีกตัวออกไปจากพี่น้องต่างชาติเพราะกลัวคนพวกนั้นที่ส่งเสริมการเข้าสุหนัต—กท. 2:12
ถึงแม้อัครสาวกเปโตรจะได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์แล้ว แต่เขาก็ต้องรับมือกับจุดอ่อนของเขาอยู่ ในปี ค.ศ. 36 พระยะโฮวาส่งเปโตรไปหาโคร์เนลิอัสซึ่งเป็นคนต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัต และเปโตรก็ได้เห็นโคร์เนลิอัสได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์ นี่เห็นได้ชัดเลยว่า “พระเจ้าไม่ลำเอียง” พระองค์ยอมรับคนต่างชาติทุกคนที่เกรงกลัวพระองค์ให้มาอยู่ในประชาคมคริสเตียน (กจ. 10:34, 44, 45) หลังจากเหตุการณ์นั้น เปโตรก็รู้สึกสบายใจที่จะกินข้าวกับคนต่างชาติซึ่งก่อนหน้านั้นเขาคงไม่มีทางทำแบบนี้แน่ ๆ แต่คริสเตียนชาวยิวบางคนรู้สึกว่าชาวยิวกับคนต่างชาติไม่ควรกินข้าวด้วยกัน แล้วพอคนที่คิดแบบนั้นมาที่เมืองอันทิโอก เปโตรก็เลิกกินข้าวกับคริสเตียนที่เป็นคนต่างชาติไปเลยเพราะกลัวว่าจะทำให้คริสเตียนชาวยิวไม่พอใจ พออัครสาวกเปาโลเห็นแบบนี้ก็เลยว่าเปโตรต่อหน้าคนอื่น (กท. 2:13, 14) แม้เปโตรจะทำผิดพลาดในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่หมดหวังในตัวเองและไม่ยอมแพ้ ห23.09 40:8
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม
พระองค์จะทำให้พวกคุณ . . . ไม่หวั่นไหว—1 ปต. 5:10
การตรวจสอบตัวเองอย่างตรงไปตรงมาอาจทำให้คุณเห็นว่าต้องปรับปรุงตัวเอง แต่ขออย่าท้อใจ “[พระเยซู] ผู้เป็นนายกรุณา” และจะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองได้ (1 ปต. 2:3) เปโตรรับรองกับเราว่า “พระเจ้า . . . จะทำให้การฝึกอบรมพวกคุณสำเร็จลุล่วง . . . พระองค์จะทำให้พวกคุณมั่นคง” ตอนแรกเปโตรรู้สึกว่าไม่คู่ควรที่จะได้อยู่ใกล้พระเยซู (ลก. 5:8) แต่ด้วยความรักและการช่วยเหลือจากพระยะโฮวาและพระเยซู เขาเลยติดตามพระเยซูต่อ ๆ ไปอย่างซื่อสัตย์ ดังนั้น พระยะโฮวาเลยให้เปโตร “ได้เข้ารัฐบาลที่คงอยู่ตลอดไปของพระเยซูคริสต์ผู้เป็นนายและผู้ช่วยให้รอดของเรา” (2 ปต. 1:11) นั่นเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ถ้าคุณไม่ยอมแพ้เหมือนเปโตรและยอมให้พระยะโฮวาฝึกอบรมคุณ คุณเองก็จะได้รับรางวัลเป็นชีวิตตลอดไปด้วยเหมือนกัน เปโตรบอกว่า “ความเชื่อนั้นจะทำให้พวกคุณได้รับรางวัล คือความรอด”—1 ปต. 1:9 ห23.09 41:16-17
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม
นมัสการพระองค์ผู้สร้างฟ้า [และ] โลก—วว. 14:7
ลานเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอิสราเอลสมัยโบราณเป็นพื้นที่โล่งที่มีรั้วกั้น และมีแต่พวกปุโรหิตเท่านั้นที่จะทำงานรับใช้ที่นี่ ในลานนั้นมีแท่นบูชาทองแดงสำหรับเครื่องบูชาเผา และมีอ่างทองแดงที่พวกปุโรหิตใช้เพื่อล้างมือล้างเท้าก่อนจะทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ (อพย. 30:17-20; 40:6-8) ทุกวันนี้ คริสเตียนผู้ถูกเจิมรับใช้อย่างซื่อสัตย์บนโลกในลานชั้นในของวิหารโดยนัย อ่างขนาดใหญ่ที่อยู่ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์กับวิหารเตือนใจพวกเขาและคริสเตียนทุกคนว่าต้องรักษาความสะอาดด้านศีลธรรมและด้านความเชื่ออยู่เสมอ แล้ว “ชนฝูงใหญ่” นมัสการพระเจ้าที่ไหน? อัครสาวกยอห์นเห็นพวกเขา “ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ . . . และทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้ [พระเจ้า] ทั้งวันทั้งคืนในวิหารของพระองค์” ดังนั้น ชนฝูงใหญ่นมัสการพระเจ้าบนโลกในลานชั้นนอกของวิหารโดยนัย (วว. 7:9, 13-15) เราเห็นค่าจริง ๆ ที่พระยะโฮวาให้เราได้มีโอกาสนมัสการพระองค์ในวิหารโดยนัยที่ยิ่งใหญ่ ห23.10 45:15-16
วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม
อับราฮัมไม่เคยสงสัยคำสัญญาของพระเจ้าในเรื่องนี้เลย กำลังของเขาฟื้นคืนมาเพราะความเชื่อ—รม. 4:20
วิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาช่วยให้เราเข้มแข็งก็คือ พระองค์ช่วยเราผ่านทางผู้ดูแล (อสย. 32:1, 2) ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกกังวล ให้เล่าให้ผู้ดูแลฟังว่าคุณรู้สึกยังไง และตอนที่เขาเสนอความช่วยเหลือก็ให้เต็มใจรับไว้ พระยะโฮวาสามารถใช้พวกเขาเพื่อช่วยให้คุณเข้มแข็ง ความหวังว่าเราจะได้อยู่ในอุทยานบนโลกตลอดไปช่วยให้เรามีกำลังด้วย (รม. 4:3, 18, 19) ความหวังช่วยให้เราอดทนกับปัญหา ประกาศข่าวดี และทำงานมอบหมายต่าง ๆ ในประชาคมได้ (1 ธส. 1:3) ความหวังเดียวกันนี้ก็ช่วยให้เปาโลเข้มแข็งด้วย เขา “ถูกกดดัน” “สับสน” “ถูกข่มเหง” และ “รู้สึกเจ็บปวดมาก” เขาถึงกับเกือบตายด้วยซ้ำ (2 คร. 4:8-10) เปาโลได้รับกำลังและความเข้มแข็งเพราะเขาคิดถึงความหวังของเขาในอนาคตเสมอ (2 คร. 4:16-18) เปาโลจดจ่ออยู่กับความหวังที่จะได้ชีวิตตลอดไปในสวรรค์ การคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับความหวังนี้เลยทำให้เขา “ได้รับการเสริมให้เข้มแข็งขึ้นทุกวัน” ห23.10 43:14-17
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม
พระยะโฮวาจะให้กำลังกับประชาชนของพระองค์ พระยะโฮวาจะอวยพรประชาชนของพระองค์ให้มีสันติสุข—สด. 29:11
ตอนที่คุณอธิษฐาน ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาต้องตอบคำอธิษฐานของคุณตอนนี้เลยไหม? เราอาจรู้สึกว่า พระยะโฮวาต้องตอบตอนนี้เลย แต่อย่าลืมว่าพระองค์รู้ดีที่สุดว่าควรช่วยเราตอนไหน (ฮบ. 4:16) ถ้าเราไม่ได้สิ่งที่เราขอทันที เราอาจคิดว่า พระยะโฮวากำลังบอกว่า ‘ไม่ได้’ แต่จริง ๆ แล้วพระองค์อาจกำลังบอกว่า ‘ยังไม่ใช่ตอนนี้’ เช่น ลองคิดถึงพี่น้องชายวัยรุ่นที่ขอพระยะโฮวาช่วยรักษาเขาให้หายป่วย แต่สุขภาพของเขาก็ไม่ดีขึ้นเลย ถ้าพระองค์ทำให้เขาหายเลย ซาตานก็อาจจะอ้างว่าเขารับใช้พระองค์เพียงเพราะพระองค์รักษาเขาให้หาย (โยบ 1:9-11; 2:4) นอกจากนั้น เรารู้ว่าพระยะโฮวากำหนดเวลาที่พระองค์จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกอย่างไว้แล้ว (อสย. 33:24; วว. 21:3, 4) กว่าจะถึงตอนนั้น เราไม่สามารถคาดหมายให้พระองค์รักษาเราด้วยการอัศจรรย์ได้ ดังนั้น พี่น้องชายวัยรุ่นคนนี้อาจปรับเปลี่ยนคำอธิษฐานของเขาเป็นขอพระยะโฮวาช่วยให้เขาสงบใจและมีกำลังที่จะอดทนกับอาการเจ็บป่วย เพื่อจะรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ต่อไปได้ ห23.11 49:13
วันพุธที่ 20 สิงหาคม
พระองค์ไม่ลงโทษพวกเราให้สมกับบาปของพวกเราและไม่ตอบแทนพวกเราให้สมกับความผิดที่พวกเราทำ—สด. 103:10
ถึงแซมสันจะทำผิดพลาดร้ายแรงแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขายังมองหาโอกาสในการทำตามความต้องการของพระยะโฮวาที่จะจัดการกับพวกฟีลิสเตีย (วนฉ. 16:28-30) แซมสันอ้อนวอนพระยะโฮวาว่า “ขอให้ผมได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตีย” พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของแซมสันโดยทำให้เขากลับมามีพละกำลังมหาศาลอีกครั้งหนึ่ง ผลก็คือแซมสันสามารถจัดการกับพวกฟีลิสเตียได้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แม้แซมสันต้องเจอกับผลที่เลวร้ายจากความผิดพลาดของเขา แต่เขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะทำตามความต้องการของพระยะโฮวา เหมือนกันถ้าเราทำผิดพลาดและต้องถูกว่ากล่าวตักเตือนหรือสูญเสียสิทธิพิเศษ เราต้องไม่ยอมแพ้ เราต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาไม่หมดหวังในตัวเรา (สด. 103:8, 9) ถึงเราจะทำผิดพลาด แต่พระยะโฮวาก็ยังจะใช้เราอยู่เหมือนกับที่พระองค์เคยใช้แซมสัน ห23.09 37:15-16
วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม
เมื่อเรามีความอดทนก็ทำให้พระเจ้าพอใจ เมื่อพระเจ้าพอใจก็ทำให้เรามีความหวัง—รม. 5:4
ถ้าคุณอดทน คุณก็จะเป็นคนที่พระเจ้าพอใจและเป็นที่ยอมรับของพระองค์ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระยะโฮวาพอใจที่เห็นคุณต้องเจอกับความยากลำบากและปัญหาหลายอย่าง สิ่งที่พระเจ้าพอใจก็คือตัวคุณ การรู้แบบนี้ทำให้คุณได้กำลังใจมากเลยใช่ไหม? (สด. 5:12) อับราฮัมต้องเจอกับความยากลำบากแต่เขาอดทนได้ และผลก็คือเขาทำให้พระยะโฮวาพอใจ ได้เป็นคนที่พระองค์ยอมรับ และได้เป็นเพื่อนกับพระองค์ (ปฐก. 15:6; รม. 4:13, 22) เราก็เป็นอย่างนั้นได้เหมือนกัน พระยะโฮวาไม่ได้พอใจเราเพราะเราทำงานรับใช้เยอะหรือเพราะมีสิทธิพิเศษบางอย่าง แต่พระองค์พอใจเราเพราะเราอดทนอย่างซื่อสัตย์ และไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ชีวิตเป็นแบบไหน หรือมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน เราทุกคนก็อดทนได้ ตอนนี้คุณกำลังเจอความยากลำบากและกำลังอดทนอย่างซื่อสัตย์อยู่ไหม? ถ้าใช่ ก็ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาพอใจในตัวคุณ การรู้เรื่องนี้จะช่วยให้เรามั่นใจในความหวังมากขึ้น ห23.12 51:13-14
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม
เป็นลูกผู้ชาย—1 พก. 2:2
พี่น้องชายควรฝึกที่จะฟังและสื่อสารได้ดี ซึ่งหมายถึงเป็นผู้ฟังที่ดีและเข้าใจความคิดกับความรู้สึกของคนอื่น (สภษ. 20:5) คุณควรฝึกสังเกตน้ำเสียง สีหน้า และท่าทางของคนที่คุยด้วย คุณจะฝึกแบบนี้ไม่ได้เลยถ้าคุณไม่ได้คุยกับใครแบบเจอตัวกัน และถ้าเอาแต่ติดต่อผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ส่งอีเมลหรือส่งข้อความ คุณก็จะฟังและสื่อสารได้ไม่ดี ดังนั้นแทนที่จะพูดคุยกันผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ให้คุณพยายามพูดคุยแบบเจอตัวกัน (2 ยน. 12) คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ต้องสามารถหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ (1 ทธ. 5:8) คุณควรเรียนทักษะสักอย่างหนึ่งที่จะเอามาเป็นอาชีพได้ (กจ. 18:2, 3; 20:34; อฟ. 4:28) นอกจากนั้น ให้มีนิสัยการทำงานที่ดีจนทำให้คนอื่นสังเกตได้ เช่น ขยันและรับผิดชอบงานจนเสร็จ การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณหางานได้ง่ายและมีงานทำตลอด ห23.12 53:12-13
วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม
วันของพระยะโฮวาจะมาเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน—1 ธส. 5:2
คำว่า “วันของพระยะโฮวา” ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงตอนที่พระยะโฮวาทำลายศัตรูของพระองค์และช่วยคนของพระองค์ให้รอด ในอดีตพระยะโฮวาทำลายบางชาติในวันของพระองค์ (อสย. 13:1, 6; อสค. 13:5; ศฟย. 1:8) แต่ในสมัยของเรา “วันของพระยะโฮวา” เริ่มต้นด้วยการเมืองทำลายบาบิโลนใหญ่และจบที่สงครามอาร์มาเกดโดน เพื่อที่เราจะรอดใน “วัน” ของพระยะโฮวาได้ เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ พระเยซูสอนว่าเราต้อง “เตรียมพร้อม” สำหรับ “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” ซึ่งหมายความว่าเราต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอด (มธ. 24:21; ลก. 12:40) ตอนที่เปาโลได้รับการดลใจให้เขียนจดหมายฉบับแรกถึงพี่น้องคริสเตียนในเมืองเธสะโลนิกา เขาใช้ภาพเปรียบเทียบหลายอย่างเพื่อช่วยพี่น้องที่นั่นให้เตรียมพร้อมสำหรับวันของพระยะโฮวาเสมอ ถึงเปาโลรู้ว่าวันของพระยะโฮวายังไม่มาในตอนนั้น แต่เขาก็ยังอยากให้พี่น้องที่นั่นเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนกับว่ามันจะมาถึงพรุ่งนี้ (2 ธส. 2:1-3) เราเองก็เอาคำแนะนำของเปาโลมาใช้ได้ด้วย ห23.06 26:1-2
วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม
พี่น้องที่รัก ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว—1 คร. 15:58
ในปี 1978 มีการสร้างตึกสูง 60 ชั้นในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลายคนที่เห็นสงสัยว่าตึกนี้จะอยู่รอดได้ไหมถ้าเกิดแผ่นดินไหว แล้วคนที่ออกแบบตึกทำยังไงเพื่อให้ตึกทนรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในกรุงโตเกียวได้? วิศวกรได้ออกแบบตึกนี้ให้แข็งแรงแต่ก็ยืดหยุ่นพอที่จะดูดซับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวและไม่ทำให้ตึกพังลงมา แล้วคริสเตียนในทุกวันนี้เป็นเหมือนกับตึกนั้นยังไง? คริสเตียนต้องเป็นคนสมดุลโดยต้องมีทั้งความหนักแน่นมั่นคงและความยืดหยุ่น เขาต้องยึดมั่นในเรื่องกฎหมายและมาตรฐานของพระยะโฮวาอย่างไม่หวั่นไหว เขา “พร้อมจะเชื่อฟัง” และไม่ยอมอะลุ่มอล่วย แต่เมื่อเจอสถานการณ์ที่จำเป็น เขาก็ต้องยืดหยุ่นและ “มีเหตุผล” (ยก. 3:17) คริสเตียนที่พยายามจะเป็นคนสมดุลจะไม่เป็นคนยืนกรานเกินไปหรือยอมไปซะทุกเรื่อง ห23.07 31:1-2
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม
ถึงแม้พวกคุณไม่เคยเห็นพระคริสต์ แต่ก็รักท่าน—1 ปต. 1:8
พระเยซูต้องต้านทานการล่อใจหลายอย่างจากซาตาน บางครั้งซาตานก็ถึงกับบอกให้ท่านเลิกภักดีต่อพระยะโฮวาด้วย (มธ. 4:1-11) ที่ซาตานทำแบบนั้นก็เพราะมันตั้งใจที่จะให้พระเยซูทำบาปเพื่อที่ท่านจะสละชีวิตเป็นค่าไถ่ไม่ได้ ช่วงที่พระเยซูรับใช้บนโลก ท่านเจอความยากลำบากอย่างอื่นด้วย เช่น ท่านเจอการข่มเหงและมีคนพยายามจะฆ่าท่าน (ลก. 4:28, 29; 13:31) พระเยซูต้องอดทนกับความไม่สมบูรณ์แบบของพวกสาวก (มก. 9:33, 34) และตอนที่ท่านถูกพิจารณาคดี ท่านก็ถูกเยาะเย้ย ถูกทรมานอย่างหนัก ถูกตัดสินประหารชีวิตในแบบที่น่าอับอายและเจ็บปวดทรมานที่สุด (ฮบ. 12:1-3) ไม่เพียงเท่านั้น ในนาทีสุดท้ายของชีวิต พระเยซูยังต้องอดทนด้วยตัวเองโดยที่พระยะโฮวาไม่ปกป้องท่าน (มธ. 27:46) เห็นได้ชัดเลยว่า พระเยซูยอมเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสหลายอย่างเพื่อจะเป็นค่าไถ่ให้เรา การที่เรารู้ว่าท่านเต็มใจทำเพื่อเราขนาดนี้ทำให้เรารักท่านมากจริง ๆ ห24.01 2:7-9
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม
ทุกคนที่รีบร้อนจะยากจน—สภษ. 21:5
การเป็นคนอดทนจะช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น มันจะช่วยให้เราตั้งใจฟังคนอื่นพูด (ยก. 1:19) นอกจากนั้น ถ้าเราเป็นคนอดทน เราจะอยู่กับคนอื่นได้อย่างสงบสุขด้วย เราจะไม่พูดหรือทำอะไรโดยไม่คิดแม้แต่ตอนที่รู้สึกเครียด และถึงแม้คนอื่นจะทำให้เรารู้สึกเจ็บ เราก็จะไม่โกรธง่ายหรือพยายามเอาคืน แต่เราจะ “ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป” (คส. 3:12, 13) การเป็นคนอดทนจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีกว่า ถ้าเราเป็นคนอดทน เราจะไม่รีบตัดสินใจโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่จะใช้เวลาค้นคว้าและคิดดูว่าจะตัดสินใจแบบไหนได้บ้าง แล้วก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังหางาน พอมีคนมาเสนองานให้ เราอาจรับงานนั้นทันที แต่ถ้าเราเป็นคนอดทน เราจะใช้เวลาคิดก่อนตัดสินใจ เราจะคิดว่าถ้าทำงานนี้มันจะมีผลกับครอบครัวยังไงและจะมีผลกับสายสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวาหรือเปล่า ดังนั้น ถ้าเราเป็นคนอดทน มันจะช่วยให้เราไม่ตัดสินใจผิดพลาด ห23.08 35:8-9
วันพุธที่ 27 สิงหาคม
ผมเห็นกฎอีกอย่างหนึ่งในร่างกายที่ต่อสู้กับกฎในใจผม และทำให้ผมตกอยู่ใต้บังคับกฎของบาปที่อยู่ในร่างกายผม—รม. 7:23
ถ้าคุณรู้สึกท้อเพราะต้องต่อสู้กับความต้องการผิด ๆ ให้คิดถึงคำสัญญาที่คุณให้ไว้กับพระยะโฮวาตอนที่อุทิศตัวให้พระองค์ การคิดถึงเรื่องนี้จะช่วยให้คุณเข้มแข็งและต่อสู้กับการล่อใจได้ แต่มันเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เมื่อคุณอุทิศตัวให้พระยะโฮวา คุณก็เลิกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง นี่หมายความว่าคุณจะไม่ทำอะไรที่ทำให้พระยะโฮวาเสียใจและไม่ตั้งเป้าหมายที่จะทำสิ่งที่พระองค์ไม่ชอบ (มธ. 16:24) ดังนั้น เมื่อคุณเจอกับการล่อใจ คุณจะไม่มานั่งเสียเวลาคิดเลยว่าจะทำยังไงดีเพราะคุณได้เลือกแล้วว่าจะรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอ คุณตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้พระองค์พอใจ ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็จะเป็นเหมือนกับโยบที่ถึงแม้จะเจอกับการทดสอบที่หนักมาก แต่เขาก็ยังพูดว่า “ผมจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย!”—โยบ 27:5 ห24.03 10:6-7
วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม
พระยะโฮวาอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์ คือทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์ด้วยความจริงใจ—สด. 145:18
พระยะโฮวาซึ่งเป็น “พระเจ้าผู้มีความรัก” อยู่กับเรา (2 คร. 13:11) พระองค์สนใจเราแต่ละคนเป็นส่วนตัว และเรามั่นใจว่าเราจะได้รับ “ความรักที่มั่นคงจากพระองค์” (สด. 32:10) ยิ่งเราคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับวิธีที่พระองค์แสดงความรักกับเรา เราก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์ห่วงใยเรา และนี่ทำให้เราสนิทกับพระองค์มากขึ้น เราสามารถอธิษฐานพูดคุยกับพระองค์ได้ทุกเรื่อง บอกพระองค์ว่าเราอยากให้พระองค์รักเราขนาดไหน รวมทั้งบอกว่าเรากังวลเรื่องอะไร และเรามั่นใจได้ว่าพระองค์เข้าใจความรู้สึกของเราและอยากช่วยเราจริง ๆ (สด. 145:18, 19) ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ เราคงอยากอยู่ใกล้ ๆ กองไฟเพื่อร่างกายจะอบอุ่น เหมือนกัน ในวันที่ชีวิตของเราเต็มไปด้วยปัญหาและความยากลำบาก เราก็อยากอยู่ใกล้พระยะโฮวาเพื่อพระองค์จะช่วยเรา ดังนั้น ขอให้คุณมีความสุขที่พระยะโฮวาให้ความรักที่อบอุ่นกับคุณ ขอให้เราทุกคนตอบรับความรักนี้โดยพูดว่า “ผมรักพระยะโฮวา”—สด. 116:1 ห24.01 4:19-20
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม
ผมทำให้พวกเขารู้จักชื่อของพระองค์แล้ว—ยน. 17:26
พระเยซูไม่ใช่แค่บอกคนอื่นว่าพระเจ้ามีชื่อว่าพระยะโฮวา ที่จริง ชาวยิวในสมัยพระเยซูก็รู้อยู่แล้วว่าพระเจ้าชื่ออะไร แต่พระเยซู “เป็นผู้ที่ทำให้ [พวกเขา] ได้มารู้จักพระองค์” (ยน. 1:17, 18) ตัวอย่างเช่น ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูบอกว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตาสงสาร (อพย. 34:5-7) แต่พระเยซูทำให้ความจริงนี้ชัดเจนขึ้นอีกโดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบเกี่ยวกับลูกที่หลงหาย ในตัวอย่างนั้นพระเยซูบอกว่า คนที่เป็นพ่อมองเห็นลูกคนนี้ “ตอนที่เขายังอยู่แต่ไกล” แล้วพ่อก็วิ่งเข้าไปหาเขา กอดเขา และให้อภัยเขา ตัวอย่างนี้ทำให้เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่มีความเมตตาสงสารมาก (ลก. 15:11-32) พระเยซูทำให้ผู้คนเห็นชัดเลยว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหนจริง ๆ ห24.02 6:8-9
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม
ให้กำลังใจ . . . เหมือนที่เราเองได้รับกำลังใจจากพระเจ้า—2 คร. 1:4
เมื่อคนที่กำลังเป็นทุกข์ได้กำลังใจจากพระยะโฮวา เขาก็จะสดชื่นเหมือนกัน แล้วเราจะเลียนแบบความเห็นอกเห็นใจและการให้กำลังใจคนอื่นได้ยังไง? วิธีหนึ่งก็คือการฝึกที่จะมีคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้เราอยากให้กำลังใจคนอื่น คุณลักษณะเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? อะไรจะช่วยให้เรารักพี่น้องต่อ ๆ ไปและ “ให้กำลังใจกันเสมอ” (1 ธส. 4:18) ทุกวันเราต้องฝึกที่จะมีคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ดี อย่างเช่น ความเห็นอกเห็นใจ การรักกันแบบพี่น้อง และการมีความกรุณาต่อกัน (คส. 3:12; 1 ปต. 3:8) คุณลักษณะเหล่านี้จะช่วยเรายังไง? ถ้าเราฝึกที่จะมีความเห็นอกเห็นใจและมีคุณลักษณะเหล่านี้จนกลายเป็นนิสัย เวลาเราเห็นใครเป็นทุกข์เราก็อดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจเขา อย่างที่พระเยซูบอกไว้ว่า “ใจเต็มไปด้วยอะไร ปากก็พูดอย่างนั้น คนดีพูดแต่สิ่งดี ๆ ที่อยู่ในใจของเขา” (มธ. 12:34, 35) การให้กำลังใจพี่น้องที่ทุกข์ใจเป็นวิธีสำคัญที่แสดงว่าเรารักเขา ห23.11 47:10-11
วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม
คนมีปัญญาจะเข้าใจ—ดนล. 12:10
เราต้องขอความช่วยเหลือถ้าเราอยากเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ สมมุติว่าคุณไปเที่ยวที่หนึ่งที่ไม่เคยไปมาก่อน แต่เพื่อนที่ไปกับคุณเคยไปเที่ยวที่นั่นมาแล้วและเขารู้จักแถวนั้นดี เขารู้ว่าตอนนี้คุณกับเขากำลังอยู่ตรงไหน และถนนแต่ละเส้นจะไปที่ไหนบ้าง คุณคงดีใจมากที่เพื่อนคนนี้ไปเที่ยวกับคุณด้วย เหมือนกันพระยะโฮวารู้ดีว่าเราอยู่จุดไหนของช่วงเวลาและรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ถ้าเราอยากเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล เราต้องถ่อมและขอให้พระยะโฮวาช่วย (ดนล. 2:28; 2 ปต. 1:19, 20) เหมือนกับพ่อแม่ที่รักลูก พระยะโฮวาอยากให้เรามีอนาคตที่ดีและมีความสุข (ยรม. 29:11) แต่พระองค์ไม่เหมือนกับพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์ตรงที่พระองค์สามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นและบอกได้ถูกต้องเสมอ พระยะโฮวาให้มีคำพยากรณ์มากมายในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อที่เราจะรู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรสำคัญเกิดขึ้นบ้าง—อสย. 46:10 ห23.08 34:3-4