บทความศึกษา 48
คุณก็มั่นใจในพระยะโฮวาได้แม้ชีวิตจะไม่แน่นอนและเจอความยากลำบาก
“‘ขอให้มีใจเข้มแข็ง . . . พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า ‘เราอยู่กับพวกเจ้า’”—ฮกก. 2:4
เพลง 118 “ขอช่วยให้พวกเรามีความเชื่อมากขึ้น”
ใจความสำคัญa
1-2. (ก) ชีวิตของเราทุกวันนี้เป็นเหมือนกับเชลยชาวยิวที่กลับจากบาบิโลนยังไง? (ข) ปัญหาที่ชาวยิวเจอส่งผลต่อพวกเขายังไง? (ดูกรอบ “เหตุการณ์ในสมัยฮักกัย เศคาริยาห์ และเอสรา”)
คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตไหม? ตอนนี้คุณอาจตกงานและกำลังเป็นห่วงว่าจะหาเลี้ยงครอบครัวยังไง หรือคุณอาจกังวลว่าครอบครัวจะปลอดภัยหรือเปล่าเพราะความวุ่นวายทางการเมือง ถูกข่มเหง หรือถูกต่อต้านเพราะงานประกาศ คุณกำลังเจอปัญหาแบบที่ว่านี้ไหม? ถ้าใช่ คุณจะได้กำลังใจเมื่อได้ดูว่าพระยะโฮวาช่วยชาวอิสราเอลในสมัยโบราณยังไงตอนที่พวกเขาเจอปัญหาคล้าย ๆ กัน
2 ตอนที่ชาวยิวกลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน พวกเขาต้องมีความเชื่อมากเพราะพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในบาบิโลนมาทั้งชีวิต พวกเขาต้องสละทรัพย์สมบัติและความสะดวกสบายเพื่อจะเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาแทบไม่รู้จัก พอถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็ต้องเจอกับความยากลำบากในการหาเลี้ยงครอบครัว ตอนนั้นอิสราเอลอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และที่นั่นก็มีแต่ความไม่สงบทางการเมือง ไม่ใช่แค่นั้น ชาวยิวยังเจอกับการต่อต้านจากชาติที่อยู่รอบ ๆ ด้วย ชาวยิวบางคนเลยรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่อกับการสร้างวิหาร ดังนั้น ประมาณปี 520 ก่อน ค.ศ. พระยะโฮวาเลยส่งผู้พยากรณ์ 2 คนไปให้กำลังใจ คือฮักกัยและเศคาริยาห์ (ฮกก. 1:1; ศคย. 1:1) ในบทความนี้เราจะได้เห็นว่า งานของผู้พยากรณ์สองคนนี้เกิดผลมากจริง ๆ เพราะพวกเขาทำให้ชาวยิวกลับมาสร้างวิหารต่อได้ แต่พอผ่านไปเกือบ 50 ปี ชาวยิวเหล่านั้นก็ท้อใจอีก พระยะโฮวาก็เลยส่งเอสรา ซึ่งเป็นผู้คัดลอกกฎหมายของโมเสส เดินทางจากบาบิโลนมาที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะช่วยชาวยิวให้เห็นว่าพวกเขาควรให้การนมัสการพระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต—อสร. 7:1, 6
3. เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไรบ้าง? (สุภาษิต 22:19)
3 เหมือนกับที่คำพยากรณ์ของฮักกัยและเศคาริยาห์ช่วยผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยนั้นให้ไว้วางใจพระองค์แม้เจอการต่อต้าน คำพยากรณ์เหล่านั้นก็ช่วยเราให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราเสมอแม้ต้องเจอกับความไม่แน่นอนและความยากลำบากในชีวิต (อ่านสุภาษิต 22:19) เมื่อเราดูคำพยากรณ์ของฮักกัยและเศคาริยาห์และดูตัวอย่างของเอสรา เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามต่อไปนี้ ชาวยิวที่กลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลนเจอกับความไม่แน่นอนและความยากลำบากอะไรบ้าง? ทำไมเราควรสนใจที่การทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเสมอแม้จะเจอความยากลำบาก? และเราจะมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้นได้ยังไงแม้จะเจอปัญหา?
ความไม่แน่นอนและความยากลำบากที่ชาวยิวเจอส่งผลต่อพวกเขายังไง?
4-5. มีอะไรบ้างที่อาจทำให้ชาวยิวหมดความกระตือรือร้นที่จะสร้างวิหารขึ้นใหม่?
4 เมื่อชาวยิวเดินทางไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็มีงานหลายอย่างที่ต้องทำ พวกเขารีบสร้างแท่นบูชาและวางฐานรากวิหารขึ้นใหม่ (อสร. 3:1-3, 10) แต่พอเวลาผ่านไป ก็มีหลายอย่างที่ทำให้ชาวยิวหมดความกระตือรือร้น เช่น นอกจากงานสร้างวิหารขึ้นใหม่แล้ว พวกเขายังต้องสร้างบ้านของตัวเอง ทำไร่ไถนา และหาเลี้ยงครอบครัว (อสร. 2:68, 70) ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังเจอการต่อต้านจากชาติที่อยู่รอบ ๆ ซึ่งคอยขัดขวางแผนการก่อสร้างของพวกเขาด้วย—อสร. 4:1-5
5 นอกจากนั้น ชาวยิวยังต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ตอนนั้นอิสราเอลอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซีย หลังจากที่ไซรัสกษัตริย์เปอร์เซียตายในปี 530 ก่อน ค.ศ กษัตริย์แคมบีซิสซึ่งเป็นผู้สืบบัลลังก์ต่อจากไซรัสตั้งใจว่าจะไปสู้กับอียิปต์ ระหว่างที่กองทัพของเขามุ่งหน้าลงไปที่อียิปต์ ทหารของเขาอาจขอน้ำ อาหาร และที่พักจากชาวอิสราเอลด้วย ซึ่งนี่อาจทำให้ชาวอิสราเอลยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก พอมาถึงสมัยของกษัตริย์ดาริอัสที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สืบบัลลังก์ต่อจากแคมบีซิส การปกครองช่วงแรก ๆ ของดาริอัสมีแต่ความไม่สงบทางการเมืองและมีแต่คนก่อกบฏ นี่ต้องทำให้ชาวยิวหลายคนกังวลมากแน่ ๆ ว่าพวกเขาจะหาเลี้ยงครอบครัวของตัวเองยังไง ความไม่แน่นอนและความยากลำบากทั้งหมดนี้อาจทำให้ชาวยิวบางคนรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่เวลามาสร้างวิหารของพระยะโฮวา—ฮกก. 1:2
6. จากเศคาริยาห์ 4:6, 7 ชาวยิวเจอความยากลำบากอะไรอีก? และผู้พยากรณ์เศคาริยาห์ให้คำรับรองอะไรกับพวกเขา?
6 อ่านเศคาริยาห์ 4:6, 7 นอกจากชาวยิวต้องเจอกับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองแล้ว พวกเขายังต้องรับมือกับการข่มเหงด้วย ในปี 522 ก่อน ค.ศ. ศัตรูได้ยุยงให้รัฐบาลเปอร์เซียออกคำสั่งห้ามการสร้างวิหารของพระยะโฮวาขึ้นใหม่ และพวกเขาก็ทำสำเร็จ แต่ผู้พยากรณ์เศคาริยาห์รับรองกับชาวยิวว่าพระยะโฮวาจะใช้พลังของพระองค์ขจัดอุปสรรคทุกอย่างให้หมดไป ในปี 520 ก่อน ค.ศ. กษัตริย์ดาริอัสได้ยกเลิกคำสั่งห้ามการสร้างวิหาร เขาถึงกับให้เงินทุนเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างวิหารนี้และสั่งข้าราชการของเขาให้ช่วยสนับสนุนชาวยิวด้วย—อสร. 6:1, 6-10
7. เมื่อชาวยิวให้ความประสงค์ของพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พวกเขาได้พรอะไร?
7 พระยะโฮวาสัญญากับชาวยิวผ่านทางผู้พยากรณ์ฮักกัยและเศคาริยาห์ว่า ถ้าพวกเขาให้เรื่องการสร้างวิหารของพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พระองค์จะคอยช่วยพวกเขา (ฮกก. 1:8, 13, 14; ศคย. 1:3, 16) พอชาวยิวเหล่านั้นได้กำลังใจจากพวกผู้พยากรณ์ พวกเขาก็เลยเริ่มสร้างวิหารของพระองค์อีกครั้งในปี 520 ก่อน ค.ศ. และสร้างเสร็จโดยใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี พอชาวยิวให้ความประสงค์ของพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตแม้ต้องเจอกับความไม่แน่นอนและความยากลำบาก พระองค์ก็ไม่ได้แค่ช่วยพวกเขาให้มีสิ่งจำเป็นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาสนิทกับพระองค์ด้วย นี่ก็เลยทำให้พวกเขานมัสการพระองค์อย่างมีความสุข—อสร. 6:14-16, 22
สนใจที่การทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเสมอ
8. ฮักกัย 2:4 ช่วยเรายังไงให้สนใจที่การทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเสมอ? (ดูเชิงอรรถด้วย)
8 ยิ่งความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งต้องเชื่อฟังคำสั่งที่ให้ไปประกาศ (มก. 13:10) แต่เราอาจรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่อกับงานรับใช้เพราะอาจเจอปัญหาเรื่องเงินหรือเจอการต่อต้านในงานประกาศ แล้วอะไรจะช่วยให้งานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา? ขอให้จำไว้ว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ”b อยู่กับเรา พระองค์จะช่วยถ้าเราให้งานรับใช้เป็นอันดับแรกในชีวิตเสมอ และถ้าเราทำแบบนั้น เราจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย—อ่านฮักกัย 2:4
9-10. สามีภรรยาคู่หนึ่งได้เจอกับตัวเองยังไงว่าคำพูดของพระเยซูที่มัทธิว 6:33 เป็นจริง?
9 ให้เราดูเรื่องราวของโอเลกกับอีรีน่าc ซึ่งเป็นสามีภรรยาที่รับใช้เป็นไพโอเนียร์ หลังจากที่ย้ายไปช่วยอีกประชาคมหนึ่ง พวกเขาก็ตกงานเพราะเศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่มาก ถึงแม้ไม่มีงานประจำทำประมาณ 1 ปี แต่พวกเขารู้สึกว่าพระยะโฮวารักพวกเขาเสมอ และในบางครั้งพวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องด้วย พวกเขารับมือกับความไม่แน่นอนและความยากลำบากยังไง? โอเลกที่ตอนแรกรู้สึกเศร้าบอกว่า “การขยันทำงานรับใช้ช่วยเราให้จดจ่อกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต” ตอนที่พวกเขาหางานทำ พวกเขาก็ยังพยายามทำงานรับใช้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
10 วันหนึ่งหลังจากโอเลกกับอีรีน่ากลับมาจากงานรับใช้ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของพวกเขาเดินทางประมาณ 160 กิโลเมตรเพื่อเอาอาหารและของจำเป็นมาให้ที่บ้าน โอเลกบอกว่า “วันนั้นเราเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักเราขนาดไหน และพี่น้องในประชาคมก็เป็นห่วงเรามากด้วย เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาไม่มีวันลืมผู้รับใช้ของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะเจอปัญหาหนักแค่ไหนก็ตาม”—มธ. 6:33
11. ถ้าเราสนใจที่การทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเสมอ เรามั่นใจได้ในเรื่องอะไร?
11 พระยะโฮวาอยากให้เราสนใจที่การสอนคนให้เป็นสาวก และเหมือนกับที่เราได้เรียนไปแล้วในข้อ 7 ฮักกัยได้กระตุ้นให้ชาวยิวกลับมาสร้างวิหารอีกครั้ง และถ้าพวกเขาทำตามที่ฮักกัยบอก พระยะโฮวาก็สัญญาว่าจะ “อวยพร” พวกเขา (ฮกก. 2:18, 19) เราก็เหมือนกัน ถ้าเราให้งานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระยะโฮวาก็จะอวยพรเรา
เราจะมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้นได้ยังไง?
12. ทำไมเอสรากับชาวยิวที่มากับเขาต้องมีความเชื่อมาก?
12 ในปี 468 ก่อน ค.ศ. เอสรากับชาวยิวกลุ่มที่ 2 ได้เดินทางจากบาบิโลนไปกรุงเยรูซาเล็ม ในการเดินทางครั้งนั้นเอสราและชาวยิวเหล่านั้นต้องมีความเชื่อมาก เพราะอะไร? เพราะว่าพวกเขาต้องผ่านเส้นทางที่อันตราย แถมพวกเขาต้องขนทองคำและเงินจำนวนมากที่ได้จากการบริจาคไปด้วย นี่เลยอาจทำให้พวกเขาถูกดักปล้นได้ง่าย ๆ (อสร. 7:12-16; 8:31) พอมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็เห็นว่าเมืองนี้ไม่ปลอดภัยเพราะแทบจะไม่มีใครอยู่ในเมืองนี้ แถมกำแพงกับประตูเมืองก็พังเสียหาย ตัวอย่างของเอสราสอนเรายังไงเรื่องการทำให้ตัวเองมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น?
13. เอสราทำยังไงเพื่อจะมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น? (ดูเชิงอรรถด้วย)
13 เอสราได้เห็นมาแล้วว่าพระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ยังไงในช่วงเวลาที่ลำบาก ในปี 484 ก่อน ค.ศ. เอสราน่าจะอยู่ที่บาบิโลนตอนที่กษัตริย์อาหะสุเอรัสออกคำสั่งให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวทั่วจักรวรรดิเปอร์เซีย (อสธ. 3:7, 13-15) ชีวิตของเอสราและชาวยิวกำลังตกอยู่ในอันตราย พอพวกเขาได้ยินข่าวนี้พวกเขารู้สึกกลัวมากจนอดอาหารและร้องไห้คร่ำครวญและอธิษฐานถึงพระยะโฮวาขอให้พระองค์ช่วย (อสธ. 4:3) แต่พอคนที่คิดจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวถูกกำจัดซะเอง ลองนึกดูว่าเอสรากับชาวยิวจะดีใจขนาดไหน (อสธ. 9:1, 2) เหตุการณ์นั้นคงเตรียมเอสราให้พร้อมสำหรับสิ่งที่เขาต้องเจอในวันข้างหน้า และทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาสามารถปกป้องคนของพระองค์ได้d
14. พี่น้องหญิงคนหนึ่งได้เรียนอะไรจากการที่พระยะโฮวาช่วยเธอในเวลาที่ลำบาก?
14 เมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาในช่วงเวลาที่ลำบาก เราจะมั่นใจในพระองค์มากขึ้น ให้เรามาดูเรื่องราวของอนาสตาเซียพี่น้องหญิงที่อยู่ในยุโรปตะวันออก เธอลาออกจากงานเพราะต้องการรักษาความเป็นกลาง เธอบอกว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันไม่มีเงินเหลือเลย” เธอบอกต่ออีกว่า “ฉันฝากเรื่องนี้ไว้กับพระยะโฮวา และดูว่าพระองค์จะช่วยฉันยังไง และถ้าพระองค์ช่วยฉันวันนี้ มันก็ทำให้ฉันมั่นใจเลยว่า ถ้าวันหน้าฉันตกงานอีก พระองค์จะช่วยฉันแน่ ๆ”
15. อะไรช่วยให้เอสรามั่นใจในพระยะโฮวาเสมอ? (เอสรา 7:27, 28)
15 เอสราได้เห็นกับตัวเองว่าพระยะโฮวาช่วยเขายังไงบ้าง การที่เอสราคิดถึงตอนที่พระยะโฮวาช่วยเขาแต่ละครั้งคงต้องทำให้เขามั่นใจในพระองค์เสมอ เขาบอกว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าอยู่กับผม” (อ่านเอสรา 7:27, 28) เอสราใช้คำคล้าย ๆ กันนี้ถึง 6 ครั้งในหนังสือที่เขาเขียนด้วย—อสร. 7:6, 9; 8:18, 22, 31
มีสถานการณ์ไหนบ้างที่เราอาจได้เห็นด้วยตัวเองว่าพระยะโฮวากำลังช่วยเราอยู่? (ดูข้อ 16)e
16. มีสถานการณ์ไหนบ้างที่เราอาจได้เห็นด้วยตัวเองว่าพระยะโฮวากำลังช่วยเราอยู่? (ดูภาพด้วย)
16 พระยะโฮวาช่วยเราได้ตอนที่เราต้องเจอกับข้อท้าทายบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากไปประชุมภูมิภาค ให้เราไปคุยกับหัวหน้าเพื่อขอลางาน หรือถ้าเราอยากไปประชุมเป็นประจำทุกอาทิตย์ ก็ให้เราขอปรับตารางเวลางานด้วย เมื่อเราทำอย่างนี้ เราก็มีโอกาสเห็นว่าพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไง แล้วถ้าผลมันออกมาดี เราก็จะยิ่งมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น
ตอนที่เอสราอยู่ที่วิหาร เขาอธิษฐานและร้องไห้เสียใจที่ชาวอิสราเอลทำผิด ชาวอิสราเอลก็ร้องไห้ด้วย เชคานิยาห์ปลอบใจเอสราและรับรองกับเขาว่า “ยังพอมีหวังสำหรับอิสราเอลอยู่ . . . พวกเราจะอยู่ข้าง ๆ คุณ—อสร. 10:2, 4 (ดูข้อ 17)
17. ตอนที่เอสราเจอกับเรื่องที่ไม่ง่าย เขาทำอะไรที่แสดงว่าเขาถ่อมตัว? (ดูภาพหน้าปก)
17 เอสราถ่อมตัวและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ทุกครั้งที่เอสรากังวลเกี่ยวกับงานมอบหมาย เขาจะถ่อมตัวและอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเสมอ (อสร. 8:21-23; 9:3-5) เมื่อเอสราพึ่งพระยะโฮวา คนอื่น ๆ ก็อยากช่วยเขาและเลียนแบบความเชื่อของเขา (อสร. 10:1-4) คล้ายกัน เมื่อเรารู้สึกกังวลว่าจะมีเงินพอใช้หรือเปล่า หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว เราต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเรา
18. อะไรจะช่วยให้เรามั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น?
18 ถ้าเราถ่อมตัวขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาและยอมรับความช่วยเหลือจากพี่น้อง เราก็จะมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น ให้เรามาดูตัวอย่างของเอริก้าที่มีลูก 3 คน เธอมั่นใจในพระยะโฮวาเสมอแม้ต้องเจอกับการสูญเสียหลายอย่างในชีวิต เธอแท้งลูก และต่อมาไม่นานสามีของเธอก็ตาย ถึงจะเจอกับเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดนี้ แต่เธอก็บอกว่า “เราไม่มีทางรู้เลยว่าพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไง บางครั้งพระองค์อาจช่วยเราในแบบที่เราคิดไม่ถึง สำหรับตัวฉันเอง ฉันได้เห็นเลยว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานผ่านทางพี่น้องไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาพูดหรือทำ ถ้าฉันเปิดใจและพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาก็ช่วยฉันได้ง่ายขึ้น”
มั่นใจในพระยะโฮวาเสมอจนถึงที่สุด
19-20. เราได้เรียนอะไรจากชาวยิวที่ไม่สามารถกลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม?
19 เรายังได้บทเรียนที่ดีจากชาวยิวที่ไม่สามารถกลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม บางคนกลับไปไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว ป่วยหนัก หรือมีภาระครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังเต็มใจบริจาคของและสิ่งมีค่าเพื่อให้นำไปถวายที่วิหารของพระยะโฮวาที่กรุงเยรูซาเล็ม (อสร. 1:5, 6) และแม้จะผ่านไปประมาณ 19 ปีแล้วตั้งแต่ชาวยิวกลุ่มแรกกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็ม ก็มีรายงานว่าชาวยิวที่อยู่ในบาบิโลนยังส่งของไปที่กรุงเยรูซาเล็มเป็นประจำ—ศคย. 6:10
20 ถึงแม้บางครั้งเรารู้สึกว่า อยากรับใช้พระยะโฮวา แต่ทำไม่ได้มากอย่างที่อยากทำ เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเห็นค่าทุกอย่างที่เราทำเพื่อจะทำให้พระองค์พอใจ เรารู้ได้ยังไง? ในสมัยของเศคาริยาห์ พระยะโฮวาสั่งให้เขาเอาเงินและทองที่ได้จากชาวยิวในบาบิโลนไปทำเป็นมงกุฎ (ศคย. 6:11) “มงกุฎ” นี้จะทำให้ “ระลึกถึง” น้ำใจเสียสละของชาวยิวเหล่านั้น (ศคย. 6:14) เหมือนกัน เราก็มั่นใจได้ว่าแม้ชีวิตเราจะไม่แน่นอนและลำบาก แต่ถ้าเรารับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจ พระองค์จะไม่มีวันลืมเลย—ฮบ. 6:10
21. อะไรจะช่วยให้เรามั่นใจในพระยะโฮวาไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น?
21 ในสมัยสุดท้ายเรายังต้องเจอปัญหาและความลำบากอีกหลายอย่าง และในวันข้างหน้ามันอาจยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ (2 ทธ. 3:1, 13) แต่เราไม่ต้องกังวลจนเกินไป ขอให้จำสิ่งที่พระยะโฮวาพูดกับชาวยิวในสมัยฮักกัยว่า “เราอยู่กับพวกเจ้า . . . ไม่ต้องกลัว” (ฮกก. 2:4, 5) เราเองก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะอยู่กับเราถ้าเราพยายามสุดความสามารถเสมอเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์ต้องการ ถ้าเราเอาบทเรียนที่ได้จากคำพยากรณ์ของฮักกัยและเศคาริยาห์รวมถึงตัวอย่างของเอสราไปใช้ในชีวิต เราก็จะมั่นใจในพระยะโฮวาได้เสมอไม่ว่าชีวิตในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง
เพลง 122 ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว
a บทความนี้จะช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้นในพระยะโฮวาตอนที่เราเจอปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมือง หรือเจอการต่อต้านงานประกาศ
b ในหนังสือฮักกัยมีคำว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ” 14 ครั้ง ซึ่งเตือนใจชาวยิวและเตือนใจเราด้วยว่าพระยะโฮวามีอำนาจไม่จำกัด และพระองค์เป็นผู้นำกองทัพทูตสวรรค์มากมายมหาศาล—สด. 103:20, 21
c บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
d เนื่องจากเอสราเป็นผู้คัดลอกกฎหมายของพระเจ้า เขาจึงมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำให้คำพยากรณ์ต่าง ๆ เป็นจริงแม้แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม—2 พศ. 36:22, 23; อสร. 7:6, 9, 10; ยรม. 29:14
e คำอธิบายภาพ พี่น้องขอลาหยุดงานเพื่อไปประชุมภูมิภาค แต่หัวหน้าไม่ให้ เขาเลยอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยก่อนจะไปหาหัวหน้าอีกครั้ง และเขาก็เอาใบเชิญการประชุมภูมิภาคให้หัวหน้าดูและอธิบายว่าการประชุมนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลยังไงบ้าง หัวหน้าประทับใจและมีท่าทีเปลี่ยนไป