บทความศึกษา 9
เพลง 51 เราอุทิศตัวให้พระเจ้า
รับบัพติศมาเลย ไม่ต้องรอ
“ตอนนี้คุณยังรออะไรอีก? ให้คุณรีบรับบัพติศมา”—กจ. 22:16
จุดสำคัญ
ดูว่าตัวอย่างของชาวสะมาเรีย เซาโลจากเมืองทาร์ซัส โคร์เนลิอัส และชาวเมืองโครินธ์จะช่วยคุณให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมาได้ยังไง
1. มีเหตุผลอะไรบ้างที่คุณควรรับบัพติศมา?
คุณรักพระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้สิ่งดี ๆ มากมายกับคุณแม้แต่ให้ชีวิตกับคุณไหม? คุณอยากทำให้พระองค์เห็นไหมว่าคุณรักพระองค์? วิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้ก็คือโดยการอุทิศตัวให้กับพระองค์และรับบัพติศมา สองขั้นตอนนี้จะทำให้คุณได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระยะโฮวา ผลก็คือพระยะโฮวาซึ่งเป็นพ่อและเพื่อนของคุณจะแนะนำและคอยดูแลคุณเพราะคุณจะเป็นคนของพระองค์ (สด. 73:24; อสย. 43: 1, 2) การอุทิศตัวและรับบัพติศมายังช่วยให้คุณมีโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไปด้วย—1 ปต. 3:21
2. เราจะเรียนอะไรในบทความนี้?
2 มีอะไรที่ทำให้คุณยังรับบัพติศมาไม่ได้ไหม? ถ้ามี คุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นแบบนั้น มีหลายล้านคนที่ต้องเจออุปสรรคก่อนจะรับบัพติศมาเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ปรับเปลี่ยนตัวเองทั้งความคิดและการกระทำเพื่อจะทำอย่างนั้นได้ แล้วตอนนี้พวกเขาก็กำลังรับใช้พระยะโฮวาด้วยความกระตือรือร้นและมีความสุข ในบทความนี้เราจะมาดูตัวอย่างของบางคนที่รับบัพติศมาในสมัยศตวรรษแรก พวกเขาเจออุปสรรคอะไรบ้าง และเราจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพวกเขา
ชาวสะมาเรียรับบัพติศมา
3. ชาวสะมาเรียอาจต้องเอาชนะอุปสรรคอะไรบ้างเพื่อจะรับบัพติศมาได้?
3 ชาวสะมาเรียในสมัยของพระเยซูหมายถึงสมาชิกของนิกายหนึ่งซึ่งอยู่ในแถบเมืองเชเคมโบราณและสะมาเรีย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นยูเดีย ก่อนที่ชาวสะมาเรียจะรับบัพติศมาได้ พวกเขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อจะมีความรู้ที่ถูกต้องอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับพระคัมภีร์ ชาวสะมาเรียยอมรับแค่หนังสือ 5 เล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งก็คือตั้งแต่หนังสือปฐมกาลจนถึงเฉลยธรรมบัญญัติ และอาจรวมถึงหนังสือโยชูวาด้วย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เชื่อว่าเมสสิยาห์จะมาบนโลกตามคำสัญญาของพระเจ้าที่บันทึกในเฉลยธรรมบัญญัติ 18:18, 19 (ยน. 4:25) และเพื่อที่พวกเขาจะรับบัพติศมาได้ พวกเขาต้องยอมรับว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้ และ “คนสะมาเรียหลายคน” ก็ทำแบบนั้นจริง ๆ (ยน. 4:39) ส่วนชาวสะมาเรียบางคนอาจต้องพยายามเอาชนะอคติที่มีต่อชาวยิวซึ่งฝังรากลึกมานาน—ลก. 9:52-54
4. จากกิจการ 8:5, 6, 14 ชาวสะมาเรียบางคนตอบรับยังไงเมื่อฟีลิปประกาศกับพวกเขา?
4 อะไรช่วยให้ชาวสะมาเรียรับบัพติศมา? ตอนที่ฟีลิปผู้ประกาศข่าวดี “ประกาศเรื่องพระคริสต์ให้คนที่นั่นฟัง” มีชาวสะมาเรียบางคน “ยอมรับคำสอนของพระเจ้า” (อ่านกิจการ 8:5, 6, 14) พวกเขาฟังฟีลิปทั้ง ๆ ที่ฟีลิปเป็นคนยิว บางทีพวกเขาอาจนึกถึงข้อคัมภีร์หลายข้อที่อยู่ในเพนทาทุกที่บอกว่าพระเจ้าไม่ลำเอียง (ฉธบ. 10:17-19) พวกเขา “ทุกคนก็ตั้งใจฟัง [ฟีลิป]” พูดเกี่ยวกับพระคริสต์ และพวกเขาก็เห็นหลักฐานชัดเจนว่าพระเจ้าอยู่กับฟีลิปด้วย เพราะฟีลิปทำการอัศจรรย์หลายอย่างซึ่งรวมถึงการรักษาคนป่วยให้หายและขับไล่ปีศาจ—กจ. 8:7
5. คุณได้บทเรียนอะไรจากชาวสะมาเรีย?
5 ชาวสะมาเรียจะไม่ฟังฟีลิปก็ได้เพราะเห็นว่าฟีลิปเป็นชาวยิว หรือพวกเขาอาจไม่ฟังฟีลิปเพราะไม่เคยได้ยินคำสอนเหล่านั้นมาก่อน แต่พวกเขาไม่ได้ปล่อยให้เป็นแบบนั้น พอชาวสะมาเรียเชื่อว่าฟีลิปกำลังสอนความจริง พวกเขาก็ไม่ได้รีรอที่จะรับบัพติศมา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เมื่อฟีลิปประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าและชื่อของพระเยซูคริสต์ ผู้คนทั้งชายและหญิงก็เชื่อและรับบัพติศมา” (กจ. 8:12) คุณมั่นใจไหมว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนความจริงและพยานพระยะโฮวาไม่มีอคติต่อกันและแสดงความรักแท้ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเราเป็นคริสเตียนแท้? (ยน. 13:35) ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นก็ไม่ต้องกลัวที่จะรับบัพติศมา คุณมั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะอวยพรคุณ
6. คุณได้ประโยชน์อะไรจากตัวอย่างของรูเบน?
6 รูเบนจากเยอรมนีโตมาในครอบครัวที่เป็นพยานพระยะโฮวา ตั้งแต่เด็ก ๆ เขาสงสัยว่าพระยะโฮวามีจริงหรือเปล่า แล้วเขาเอาชนะข้อสงสัยนี้ยังไง? รูเบนรู้ตัวว่าเขายังมีความรู้ไม่มากพอ เขาก็เลยตัดสินใจว่าจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ รูเบนเล่าว่า “ผมศึกษาส่วนตัวเพื่อจะหาข้อมูลว่าความจริงคืออะไร แล้วผมก็เลือกหัวเรื่องวิวัฒนาการ ผมค้นคว้าเรื่องนี้หลายครั้งเลยครับ” รูเบนอ่านหนังสือพระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม? หนังสือนี้ช่วยรูเบนได้มาก มันทำให้เขาได้ข้อสรุปว่า “โอ้โห พระยะโฮวามีจริงนะเนี่ย” และตอนที่เขาได้ไปที่สำนักงานใหญ่ เขาก็ยิ่งได้เห็นเลยว่าพี่น้องเป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆ ประสบการณ์นี้ทำให้เขาประทับใจมากจนรับบัพติศมาตอนอายุ 17 ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเรียน ขอให้จัดการกับมันโดยศึกษาค้นคว้าหนังสือขององค์การ คุณจะเอาชนะข้อสงสัยได้ด้วย “ความรู้ที่ถูกต้อง” (อฟ. 4:13, 14) และยิ่งถ้าคุณได้ยินประสบการณ์เกี่ยวกับพี่น้องของเราตลอดทั่วทั้งโลกว่าพวกเขารักและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขนาดไหน และคุณยิ่งได้เห็นหลักฐานเรื่องนี้ในประชาคมของคุณ คุณก็จะยิ่งรักพี่น้องทุกคนมากขึ้น
เซาโลจากเมืองทาร์ซัสรับบัพติศมา
7. เซาโลต้องปรับเปลี่ยนความคิดในเรื่องอะไร?
7 ให้เรามาดูตัวอย่างของเซาโลจากเมืองทาร์ซัส เขาเป็นคนที่ก้าวหน้าทางศาสนายิวและเป็นคนหนึ่งที่ชาวยิวนับหน้าถือตา (กท. 1:13, 14; ฟป. 3:5) ในตอนนั้นชาวยิวหลายคนมองว่าคริสเตียนเป็นพวกที่ทรยศพระเจ้า เซาโลก็มองแบบนั้น เขาก็เลยข่มเหงคริสเตียนอย่างหนัก ตอนนั้นเขาเชื่อจริง ๆ ว่านี่เป็นการทำตามความประสงค์ของพระเจ้า (กจ. 8:3; 9:1, 2; 26:9-11) แต่เพื่อที่เซาโลจะยอมรับพระเยซูและรับบัพติศมาเข้ามาเป็นคริสเตียน เขาต้องยอมตกเป็นเป้าของการข่มเหงด้วย
8. (ก) อะไรช่วยให้เซาโลรับบัพติศมา? (ข) จากกิจการ 22:12-16 อานาเนียช่วยเซาโลยังไง? (ดูภาพด้วย)
8 อะไรช่วยให้เซาโลรับบัพติศมา? ตอนที่พระเยซูพูดกับเซาโลจากสวรรค์ ก็มีแสงสว่างจ้าที่ทำให้เซาโลตาบอด (กจ. 9:3-9) เขาไม่กินไม่ดื่มอะไรเลย 3 วัน และคงได้ใช้เวลานั้นคิดใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้น นี่ทำให้เซาโลมั่นใจว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์และสาวกของท่านก็กำลังทำตามคำสอนของศาสนาแท้ เซาโลต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ ๆ ที่เขามีส่วนร่วมในการทำให้สเทเฟนต้องตาย (กจ. 22:20) พอครบ 3 วันก็มีสาวกคนหนึ่งที่ชื่ออานาเนียมาหาเซาโล เขาช่วยให้เซาโลมองเห็นได้อีกครั้ง และเขาก็สนับสนุนเซาโลให้รับบัพติศมาทันที (อ่านกิจการ 22:12-16) เซาโลถ่อมตัวลงฟังอานาเนียและรับบัพติศมา—กจ. 9:17, 18
ถ้ามีคนกระตุ้นคุณให้รับบัพติศมา คุณจะตอบรับเหมือนที่เซาโลตอบรับไหม? (ดูข้อ 8)
9. คุณได้บทเรียนอะไรจากเซาโล?
9 เราได้บทเรียนหลายอย่างจากเซาโล เซาโลอาจปล่อยให้อคติหรือการกลัวคนมาทำให้เขาไม่กล้ารับบัพติศมาก็ได้ แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เซาโลถ่อมตัวและเปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตเพื่อจะมาเป็นสาวกของพระเยซู (กจ. 26:14, 19) เขาเต็มใจเข้ามาเป็นคริสเตียนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะถูกข่มเหง (กจ. 9:15, 16; 20:22, 23) หลังจากที่เซาโลรับบัพติศมาแล้ว เขาก็ยังคงพึ่งพระยะโฮวาต่อไปเพื่อช่วยให้เขาอดทนกับความยากลำบากหลายอย่างที่เขาเจอ (2 คร. 4:7-10) เมื่อคุณรับบัพติศมาเป็นพยานพระยะโฮวา คุณก็อาจเจอความยากลำบากหรืออาจถูกทดสอบความเชื่อก็ได้ แต่คุณมั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวากับพระเยซูจะช่วยให้คุณอดทนและยังคงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ได้เสมอ—ฟป. 4:13
10. คุณได้ประโยชน์อะไรจากตัวอย่างของอันนา?
10 อันนาโตมาในครอบครัวของชาวเคิร์ดที่อยู่ทางยุโรปตะวันออก หลังจากที่แม่ของอันนารับบัพติศมาเป็นพยานพระยะโฮวา อันนาก็เริ่มเรียนคัมภีร์ไบเบิลด้วยตอนอายุ 9 ขวบ ซึ่งพ่อของเธอก็อนุญาตให้เธอเรียน แต่เนื่องจากครอบครัวของอันนาอยู่ด้วยกันกับญาติพี่น้องเป็นครอบครัวใหญ่ พอญาติ ๆ รู้ว่าอันนาเรียนคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวา พวกเขาก็ต่อต้านแล้วก็สั่งห้ามไม่ให้อันนาเรียน พวกเขาคิดว่าถ้าใครออกจากศาสนาที่สืบทอดกันมาในครอบครัว มันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก แต่อันนาก็ยังคงตั้งใจเรียนคัมภีร์ไบเบิลต่อไป จนในที่สุดตอนที่อันนาอายุ 12 เธอก็ขออนุญาตพ่อที่จะรับบัพติศมา แต่พ่อก็อยากรู้ว่าที่อันนาอยากรับบัพติศมาเป็นเพราะเธอตัดสินใจเองหรือโดนคนอื่นกดดัน อันนาเลยบอกพ่อว่าที่เธอตัดสินใจรับบัพติศมาก็เพราะ “หนูรักพระยะโฮวาค่ะ” พ่อก็เลยตกลงให้เธอรับบัพติศมาได้ หลังจากที่อันนารับบัพติศมาแล้ว เธอก็โดนเยาะเย้ยและถูกทำไม่ดีหลายอย่าง ญาติคนหนึ่งถึงกับบอกอันนาว่า “ฉันว่าเธอไปเป็นโสเภณีและสูบบุหรี่ยังดีกว่าไปเป็นพยานฯ” อันนารับมือกับเรื่องนี้ยังไง? เธอบอกว่า “พระยะโฮวาช่วยหนูให้เข้มแข็ง และพ่อแม่ก็คอยสนับสนุนหนูอย่างดีค่ะ” อันนาจะจดไว้ในสมุดเสมอว่าตอนไหนบ้างที่พระยะโฮวาช่วยเธอ และเธอก็จะคอยเอาที่จดไว้มาดูเป็นระยะ ๆ เพื่อจะไม่ลืมว่าพระยะโฮวาช่วยเธอยังไงบ้าง ดังนั้น ถ้าคุณกลัวการต่อต้านก็ให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณด้วยเหมือนกัน—ฮบ. 13:6
โคร์เนลิอัสรับบัพติศมา
11. อะไรอาจทำให้โคร์เนลิอัสลังเลไม่กล้ารับบัพติศมา?
11 เรายังได้บทเรียนที่ดีจากโคร์เนลิอัส เขาเป็น “นายร้อย” ซึ่งเป็นตำแหน่งทางทหารของกองทัพโรมันที่มีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาประมาณ 100 นาย (กจ. 10:1) การที่เขาเป็นนายร้อยอาจทำให้เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมและเป็นคนสำคัญในกองทัพ เขายัง “ช่วยเหลือคนจนมากมาย” ด้วย (กจ. 10:2) พระยะโฮวาได้ส่งอัครสาวกเปโตรไปประกาศข่าวดีกับเขา แล้วโคร์เนลิอัสจะลังเลไม่กล้ารับบัพติศมาเพราะกลัวจะมีผลกระทบกับตำแหน่งของตัวเองไหม?
12. อะไรช่วยให้โคร์เนลิอัสรับบัพติศมา?
12 อะไรช่วยให้โคร์เนลิอัสรับบัพติศมา? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขากับทุกคนในบ้าน . . . เกรงกลัวพระเจ้า” และโคร์เนลิอัสก็อธิษฐานอ้อนวอนพระเจ้าเสมอ (กจ. 10:2) ตอนที่เปโตรมาประกาศข่าวดีกับโคร์เนลิอัสและครอบครัว พวกเขาก็แสดงความเชื่อในพระเยซูและรับบัพติศมาทันที (กจ. 10:47, 48) โคร์เนลิอัสยอมทำทุกอย่างและปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่เขากับครอบครัวจะได้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน—ยชว. 24:15; กจ. 10:24, 33
13. คุณได้บทเรียนอะไรจากโคร์เนลิอัส?
13 เหมือนกับเซาโล โคร์เนลิอัสก็มีตำแหน่งที่มีหน้ามีตา เขาอาจเป็นห่วงตำแหน่งของตัวเองจนลังเลไม่กล้ารับบัพติศมาก็ได้ แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย แล้วคุณล่ะ? คุณต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิตที่เป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อที่คุณจะรับบัพติศมาไหม? ถ้าใช่ พระยะโฮวาจะเป็นผู้ช่วยของคุณ พระองค์จะอวยพรความตั้งใจแน่วแน่ของคุณที่จะเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตเพื่อจะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ได้
14. คุณได้ประโยชน์อะไรจากตัวอย่างของสึโยชิ?
14 สึโยชิจากญี่ปุ่นต้องปรับเปลี่ยนงานอาชีพเพื่อเขาจะรับบัพติศมาได้ เขาเป็นผู้ช่วยของครูใหญ่ของโรงเรียนสอนจัดดอกไม้อิเคโนโบะที่มีชื่อเสียงมาก เมื่อไหร่ที่ครูใหญ่ต้องไปร่วมงานศพแต่ไปไม่ได้ เขาจะต้องเป็นตัวแทนครูใหญ่เพื่อไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธในงานนั้น แต่พอสึโยชิเรียนคัมภีร์ไบเบิลและได้รู้ความจริงเกี่ยวกับความตาย เขาก็รู้ว่าการเข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธในงานศพเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขารับบัพติศมาไม่ได้ เขาก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีนั้นอีก (2 คร. 6:15, 16) แล้วสึโยชิก็ไปคุยเรื่องนี้กับครูใหญ่ ผลเป็นยังไง? เขาสามารถทำงานที่โรงเรียนนั้นต่อไปได้โดยที่เขาไม่ต้องเข้าร่วมพิธีในงานศพอีก หลังจากที่เขาเรียนคัมภีร์ไบเบิลได้ประมาณ 1 ปี เขาก็รับบัพติศมาa ดังนั้น ถ้าคุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับงานอาชีพเพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ ขอให้คุณมั่นใจว่าพระองค์จะดูแลคุณกับครอบครัวของคุณแน่นอน—สด. 127:2; มธ. 6:33
ชาวเมืองโครินธ์รับบัพติศมา
15. ชาวเมืองโครินธ์ต้องเอาชนะอุปสรรคอะไรบ้างเพื่อจะรับบัพติศมาได้?
15 ชาวเมืองโครินธ์โบราณสนใจแต่เรื่องเงินทองและเป็นคนไม่มีศีลธรรม หลายคนใช้ชีวิตแบบที่พระยะโฮวาไม่ชอบ การที่คนในเมืองนั้นเป็นแบบนี้เลยทำให้ยากสำหรับบางคนที่จะตอบรับข่าวดี ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตอนที่เปาโลไปประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์ในเมืองนั้น “มีชาวเมืองโครินธ์หลายคนได้ฟังแล้วก็เชื่อและรับบัพติศมา” (กจ. 18:7-11) ต่อมาพระเยซูปรากฏกับเปาโลในนิมิตและบอกเขาว่า “ในเมืองนี้ยังมีคนมากมายที่จะเข้ามาเชื่อ” ดังนั้น เปาโลเลยอยู่ที่เมืองโครินธ์ต่ออีกประมาณ 1 ปีครึ่งเพื่อจะประกาศข่าวดี
16. อะไรช่วยให้ชาวเมืองโครินธ์บางคนเอาชนะอุปสรรคและรับบัพติศมาได้? (2 โครินธ์ 10:4, 5)
16 อะไรช่วยให้ชาวเมืองโครินธ์รับบัพติศมาได้? (อ่าน 2 โครินธ์ 10:4, 5) คัมภีร์ไบเบิลและพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาช่วยให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ (ฮบ. 4:12) ชาวเมืองโครินธ์ที่ตอบรับข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์สามารถละทิ้งนิสัยและการประพฤติที่ไม่ดี เช่น การเป็นคนเมาเหล้า เป็นขโมย และรักร่วมเพศ—1 คร. 6:9-11b
17. คุณได้บทเรียนอะไรจากชาวเมืองโครินธ์?
17 ขอสังเกตว่าถึงแม้ชาวเมืองโครินธ์บางคนจะมีนิสัยไม่ดีที่ฝังรากลึกมานานที่ต้องเอาชนะ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดเอาเองว่าคงเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเข้ามาเป็นคริสเตียน พวกเขาพยายามเต็มที่ที่จะเดินบนทางแคบที่นำไปถึงชีวิตตลอดไป (มธ. 7:13, 14) ตัวคุณเองมีนิสัยหรือการประพฤติที่ไม่ดีบางอย่างที่ต้องเอาชนะเพื่อจะรับบัพติศมาไหม? ถ้ามี ก็ขอให้คุณสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้! ให้คุณขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาเพื่อช่วยให้คุณเอาชนะความต้องการที่จะทำสิ่งไม่ดี
18. คุณได้ประโยชน์อะไรจากตัวอย่างของโมนิก้า?
18 โมนิก้าจากประเทศจอร์เจียพยายามอย่างหนักที่จะเลิกพูดหยาบคายและเลิกดูความบันเทิงที่ไม่ดีเพื่อจะมีคุณสมบัติที่จะรับบัพติศมาได้ โมนิก้าบอกว่า “ตอนเป็นวัยรุ่นสิ่งที่ช่วยฉันได้มากก็คือการอธิษฐาน พระยะโฮวารู้ว่าฉันอยากทำสิ่งที่ถูกต้องและพระองค์ก็คอยช่วยฉันและชี้นำฉันเสมอ” โมนิก้ารับบัพติศมาตอนอายุ 16 แล้วคุณล่ะ? คุณมีนิสัยหรือการกระทำอะไรไหมที่ต้องเลิกให้ได้เพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างที่พระองค์ยอมรับ? ขอให้คุณอธิษฐานขอกำลังจากพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปเพื่อจะช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ พระยะโฮวาจะให้พลังบริสุทธิ์กับคุณแน่นอน—ยน. 3:34
ความเชื่อของคุณสามารถย้ายภูเขาได้
19. อะไรจะช่วยคุณให้เอาชนะอุปสรรคที่เป็นเหมือนภูเขาได้? (ดูภาพด้วย)
19 แม้จะมีอุปสรรคใหญ่แค่ไหนก็ตามที่ขัดขวางไม่ให้คุณรับบัพติศมา ขอให้มั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวารักคุณและอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระองค์ พระเยซูบอกกับสาวกของท่านในศตวรรษแรกว่า “ถ้าคุณมีความเชื่อขนาดเท่าเมล็ดมัสตาร์ดและสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘ย้ายจากที่นี่ไปที่นั่น’ มันก็จะไป จะไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้เลย” (มธ. 17:20) คนที่ได้ยินพระเยซูพูดเรื่องนี้เพิ่งเป็นสาวกของท่านได้ไม่กี่ปี ความเชื่อของพวกเขาก็เลยยังไม่เข้มแข็ง แต่พระเยซูรับรองว่าถ้าพวกเขามีความเชื่อมากพอ พระยะโฮวาก็จะช่วยให้พวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคที่เป็นเหมือนภูเขาได้ และพระยะโฮวาจะช่วยคุณด้วยเหมือนกัน
ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวารักคุณและอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระองค์ (ดูข้อ 19)c
20. ตัวอย่างของคริสเตียนในศตวรรษแรกและในปัจจุบันที่พูดถึงในบทความนี้กระตุ้นให้คุณทำอะไร?
20 ถ้าคุณเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้คุณยังรับบัพติศมาไม่ได้ ก็ให้รีบจัดการทันที ตัวอย่างของคริสเตียนในศตวรรษแรกและในปัจจุบันสามารถให้กำลังใจและช่วยให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้ ขอให้ตัวอย่างของพวกเขากระตุ้นให้คุณตัดสินใจที่จะอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและรับบัพติศมา นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ
เพลง 38 พระองค์จะทำให้คุณเข้มแข็ง
a เรื่องราวชีวิตจริงของพี่น้องสึโยชิ ฟูจิอิ อยู่ในตื่นเถิด! 8 สิงหาคม 2005 (ภาษาอังกฤษ) น. 20-23
b ดูวีดีโอ ‘ทำไมคุณลังเลที่จะรับบัพติศมา?’ ในเว็บไซต์ jw.org
c คำอธิบายภาพ พี่น้องทั้งผู้ชายและผู้หญิงกลุ่มใหญ่ต้อนรับคนที่เพิ่งรับบัพติศมา