บทความศึกษา 41
เพลง 17 “ผมอยากช่วย”
เลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูในช่วง 40 วันสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลก
“ท่านปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นหลายครั้งตลอดช่วง 40 วัน และพูดกับพวกเขาเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า”—กจ. 1:3
จุดสำคัญ
เรียนวิธีที่เราจะเลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูในช่วง 40 วันสุดท้ายที่ท่านมีชีวิตอยู่บนโลก
1-2. เกิดอะไรขึ้นกับสาวก 2 คนของพระเยซูระหว่างที่พวกเขาเดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูส?
วันที่ 16 เดือนนิสาน ค.ศ. 33 พวกสาวกของพระเยซูต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว มีสาวก 2 คนเดินทางออกจากกรุงเยรูซาเล็มและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 11 กิโลเมตร สาวก 2 คนนี้รู้สึกท้อมากเพราะพระเยซูซึ่งเป็นคนที่พวกเขาคอยติดตามเพิ่งถูกประหารชีวิต พวกเขาเคยหวังว่าเมสสิยาห์จะมาทำสิ่งดี ๆ ให้คนยิว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเมสสิยาห์ตายแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีหวังแล้ว แต่ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้เจอกับเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง
2 พวกเขาได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาคุยด้วยแล้วก็เดินไปพร้อม ๆ กับพวกเขา ระหว่างทางสาวก 2 คนนี้ก็เลยเล่าให้ชายคนนี้ฟังว่าพวกเขาเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู หลังจากที่ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ฟัง เขาก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำให้สาวก 2 คนนี้จดจำไปตลอดทั้งชีวิต เขาบอกว่าทำไมเมสสิยาห์ถึงต้องมาทนทุกข์และต้องตายโดยหาเหตุผล “เริ่มตั้งแต่หนังสือของโมเสสและของพวกผู้พยากรณ์” พอทั้ง 3 คนเดินทางมาถึงหมู่บ้านเอมมาอูส ชายแปลกหน้าคนนี้ก็เปิดเผยตัวว่า ที่แท้เขาคือพระเยซูที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว เราคงนึกภาพออกว่าสาวก 2 คนนี้ต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ได้รู้ว่าเมสสิยาห์ยังมีชีวิตอยู่—ลก. 24:13-35
3-4. ชีวิตของสาวกของพระเยซูเปลี่ยนไปยังไง? และเราจะได้เรียนอะไรในบทความนี้? (กิจการ 1:3)
3 พระเยซูอยู่บนโลก 40 วันก่อนที่ท่านจะกลับไปสวรรค์ ในช่วงนั้น ท่านได้ปรากฏตัวให้สาวกของท่านเห็นหลายครั้งและได้ให้กำลังใจพวกเขาด้วย (อ่านกิจการ 1:3) จากที่กำลังเศร้าและหวาดกลัว พวกสาวกของพระเยซูก็กลับมามีความมั่นใจ มีความสุข และมีความกล้าหาญที่ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าa
4 พวกเราจะได้ประโยชน์หลายอย่างจากการศึกษาช่วงชีวิตที่น่าตื่นเต้นนี้ของพระเยซู ในบทความนี้ เราจะได้เห็นว่าพระเยซูใช้เวลาที่ท่านมียังไงในการ (1) ให้กำลังใจสาวกของท่าน (2) ช่วยพวกเขาให้เข้าใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น และ (3) ฝึกพวกเขาให้พร้อมสำหรับหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นในอนาคต และเราจะดูว่าเราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไงในทั้ง 3 จุดนี้
ให้กำลังใจคนอื่น
5. ทำไมสาวกของพระเยซูต้องการกำลังใจ?
5 สาวกของพระเยซูต้องการกำลังใจ เพราะอะไร? เพราะพวกเขาบางคนต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งธุรกิจเพื่อจะติดตามพระเยซูเสมอ (มธ. 19:27) บางคนถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเพราะเลือกที่จะมาเป็นสาวกของท่าน (ยน. 9:22) แต่พวกเขาก็เต็มใจเสียสละและอดทนกับสิ่งเหล่านี้เพราะเชื่อว่าพระเยซูคือเมสสิยาห์ที่พระเจ้าสัญญา (มธ. 16:16) อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเยซูถูกประหารชีวิต ความหวังของพวกเขาก็สูญสิ้น และนี่ทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้มาก
6. พระเยซูทำอะไรหลังจากที่ท่านฟื้นขึ้นจากตาย?
6 พระเยซูรู้ดีว่าที่สาวกของท่านเศร้าเสียใจไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความเชื่ออ่อนแอ ท่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะเสียใจเมื่อต้องเจอกับการสูญเสีย ดังนั้น ในวันที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านเลยไปให้กำลังใจเพื่อน ๆ ของท่านทันที ตัวอย่างเช่น ท่านปรากฏตัวให้มารีย์มักดาลาเห็นตอนที่เธอกำลังร้องไห้อยู่หน้าอุโมงค์ฝังศพของท่าน (ยน. 20:11, 16) นอกจากนั้น ท่านยังปรากฏตัวกับสาวก 2 คนที่พูดถึงในตอนต้นของบทความ และยังปรากฎตัวให้อัครสาวกเปโตรเห็นอีกด้วย (ลก. 24:34) เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของพระเยซู? ให้เรามาดูเหตุการณ์ตอนที่ท่านปรากฏตัวกับมารีย์มักดาลา
7. ตามที่บันทึกไว้ในยอห์น 20:11-16 พระเยซูเห็นมารีย์ทำอะไรในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 16 เดือนนิสาน? และนั่นกระตุ้นให้ท่านทำอะไร? (ดูภาพด้วย)
7 อ่านยอห์น 20:11-16 ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 16 เดือนนิสาน มีผู้หญิงที่ซื่อสัตย์กลุ่มหนึ่งไปที่อุโมงค์ฝังศพของพระเยซู (ลก. 24:1, 10) ให้เรามาดูประสบการณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นพิเศษคือมารีย์มักดาลา ตอนที่เธอมาถึงอุโมงค์ฝังศพ เธอก็ไม่พบร่างของพระเยซูแล้ว เธอเลยรีบวิ่งไปบอกเปโตรกับยอห์น แล้วพอ 2 คนนี้รู้ พวกเขาก็รีบมาดูและมารีย์ก็ตามพวกเขามาด้วย หลังจากที่ 2 คนนี้ได้เห็นกับตาว่าร่างของพระเยซูไม่อยู่แล้ว พวกเขาก็กลับบ้าน แต่มารีย์ไม่กลับ เธอยังอยู่ที่เดิม ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น เธอไม่รู้ว่าตอนนั้นพระเยซูเห็นและกำลังดูเธออยู่ ท่านเห็นว่ามารีย์เสียใจแค่ไหนและอยากจะปลอบใจเธอ ท่านเลยปรากฏตัวกับมารีย์และทำบางอย่างซึ่งแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เธอได้รับกำลังใจมาก ท่านพูดกับเธอและให้งานมอบหมายที่สำคัญมากกับเธอ คือการไปบอกให้พี่น้องของท่านรู้ว่าท่านฟื้นขึ้นจากตายแล้ว—ยน. 20:17, 18
เลียนแบบพระเยซูโดยสังเกตและเห็นอกเห็นใจคนที่กำลังท้อใจ (ดูข้อ 7)
8. เราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง?
8 เราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? เราสามารถเลียนแบบพระเยซูได้โดยสังเกตว่าคนอื่นกำลังเจอปัญหาอะไรและพูดให้กำลังใจเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็จะช่วยพี่น้องของเราให้มีแรงที่จะรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้ ให้เรามาดูประสบการณ์ของโจเซลีนที่เสียน้องสาวไปเพราะอุบัติเหตุ เธอบอกว่า “แม้จะผ่านไปหลายเดือนแล้ว ฉันยังเศร้าอยู่เลยค่ะ” พี่น้องสามีภรรยาคู่หนึ่งชวนเธอไปที่บ้าน แล้วก็ตั้งใจฟังความรู้สึกของเธออย่างเห็นอกเห็นใจ พวกเขาช่วยให้เธอมั่นใจว่าเธอมีค่ามากสำหรับพระเจ้า โจเซลีนบอกว่า “ฉันรู้สึกว่าพระยะโฮวาใช้พี่น้อง 2 คนนี้ให้มาช่วยฉัน มันเหมือนกับพวกเขาฉุดฉันขึ้นจากทะเลที่ปั่นป่วน ให้มาอยู่บนเรือชูชีพที่ปลอดภัย พวกเขาช่วยฉันให้กลับมามีไฟในการรับใช้พระยะโฮวาอีกครั้ง” พวกเราเองก็สามารถให้กำลังใจคนอื่นได้โดยตั้งใจฟังพวกเขาระบายความรู้สึก และพูดอย่างเห็นอกเห็นใจโดยมีเป้าหมายที่จะช่วยพวกเขาให้รับใช้พระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไป—รม. 12:15
หาเหตุผลจากคัมภีร์ไบเบิล
9. สาวกของพระเยซูเจอกับข้อท้าทายอะไร? และพระเยซูช่วยพวกเขายังไง?
9 สาวกของพระเยซูเชื่อในคำสอนของพระเจ้าและพยายามเต็มที่ที่จะนำสิ่งที่ได้เรียนมาใช้ในชีวิต (ยน. 17:6) ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพระเยซูถึงต้องตายบนเสาทรมานในฐานะอาชญากร พระเยซูรู้ดีว่าที่พวกเขาสงสัยแบบนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขามีหัวใจที่ไม่ดี แต่พวกเขาแค่ยังไม่มีความเข้าใจอย่างเต็มที่ (ลก. 9:44, 45; ยน. 20:9) ดังนั้น ท่านเลยสอนพวกเขาให้หาเหตุผลจากพระคัมภีร์ ให้เรามาดูว่าท่านช่วยสาวก 2 คนที่เดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูสยังไง
10. พระเยซูช่วยสาวกของท่านยังไงให้มั่นใจว่าท่านคือเมสสิยาห์จริง ๆ? (ลูกา 24:18-27)
10 อ่านลูกา 24:18-27 ขอสังเกตว่าพระเยซูไม่ได้บอกสาวก 2 คนนั้นทันทีว่าท่านเป็นใคร แต่ท่านกลับใช้คำถามเพื่อถามพวกเขา เพราะอะไร? อาจเป็นไปได้ที่ท่านอยากให้พวกเขาเล่าความรู้สึกที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา และปรากฏว่าพวกเขาก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ พวกเขาบอกท่านว่า พวกเขาหวังว่าเมสสิยาห์จะมาปลดปล่อยชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระจากการกดขี่ของพวกโรมัน พอพวกเขาพูดสิ่งที่กังวลออกมาหมดแล้ว พระเยซูก็ใช้พระคัมภีร์เพื่อช่วยพวกเขาให้เข้าใจคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงb และหลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกัน พระเยซูก็ใช้เวลาอธิบายเพื่อช่วยให้สาวกของท่านมั่นใจในคำพยากรณ์เหล่านี้ (ลก. 24:33-48) เราได้เรียนอะไรจากเรื่องนี้?
11-12. (ก) เราได้บทเรียนอะไรจากวิธีที่พระเยซูสอนความจริง? (ดูภาพด้วย) (ข) ผู้นำการศึกษาของนอร์เต้ช่วยเขายังไง?
11 เราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? เมื่อเราสอนนักศึกษา ให้เราใช้คำถามเพื่อจะรู้ว่าเขาคิดและรู้สึกยังไงจริง ๆ (สภษ. 20:5) พอคุณรู้แล้ว ให้ช่วยนักศึกษาของคุณให้เห็นว่าเขาจะหาข้อคัมภีร์ที่เข้ากับสถานการณ์ของเขาได้ยังไง อย่าสั่งนักศึกษาของคุณว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แทนที่จะทำแบบนั้น ขอให้คุณช่วยเขารู้จักหาเหตุผลจากคัมภีร์ไบเบิลและดูว่าจะนำสิ่งที่เรียนไปใช้ในชีวิตได้ยังไง ให้เรามาดูประสบการณ์ของพี่น้องชายคนหนึ่งจากกานาที่ชื่อนอร์เต้
12 ตอนที่นอร์เต้อายุ 16 เขาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ถูกครอบครัวต่อต้าน อะไรช่วยให้นอร์เต้ไม่ยอมแพ้และศึกษาต่อ ๆ ไป? ผู้นำการศึกษาของเขาใช้มัทธิวบท 10 เพื่ออธิบายว่าคริสเตียนแท้จะถูกข่มเหง นอร์เต้บอกว่า “พอผมเริ่มเจอการข่มเหง ผมก็เลยมั่นใจว่าผมได้เจอความจริงแล้ว” นอกจากนั้น ผู้นำการศึกษาของเขายังช่วยเขาให้หาเหตุผลจากมัทธิว 10:16 เพื่อเขาจะสามารถพูดเรื่องความเชื่อที่บ้านได้ด้วยความนับถือและระมัดระวัง หลังจากที่นอร์เต้รับบัพติศมา เขาอยากเป็นไพโอเนียร์ แต่พ่อของเขาอยากให้เขาเรียนต่อมหาวิทยาลัย แทนที่ผู้นำการศึกษาจะบอกว่าควรทำอะไร เขากลับใช้คำถามเพื่อช่วยนอร์เต้ให้หาเหตุผลจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิลได้ ผลเป็นยังไง? นอร์เต้ตัดสินใจรับใช้เต็มเวลา แล้วพ่อก็ไล่นอร์เต้ออกจากบ้าน นอร์เต้รู้สึกยังไงกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น? เขาบอกว่า “ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว” เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าเมื่อเราใช้เวลาช่วยคนอื่นให้รู้จักหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ เราจะช่วยเขาให้เป็นคริสเตียนที่มีความเชื่อเข้มแข็งและรับใช้พระยะโฮวาได้ต่อไป—อฟ. 3:16-19
เลียนแบบพระเยซูโดยช่วยคนอื่นหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ (ดูข้อ 11)e
ฝึกพี่น้องชายให้มีคุณสมบัติเพื่อจะเป็น “ของขวัญที่เป็นมนุษย์”
13. พระเยซูทำอะไรเพื่อให้แน่ใจว่าจะยังคงมีคนทำงานประกาศต่อไปหลังจากที่ท่านกลับไปสวรรค์แล้ว? (เอเฟซัส 4:8)
13 ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกท่านทำตามที่พระยะโฮวาสั่งทุกอย่าง (ยน. 17:4) ท่านไม่ได้มีความคิดที่ว่า ‘ถ้าอยากให้มันออกมาดี ฉันก็ต้องทำเอง’ ช่วง 3 ปีครึ่งที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก ท่านฝึกหลายคนให้ทำงาน และก่อนที่ท่านจะกลับไปสวรรค์ท่านก็มอบหมายงานให้พวกสาวก ซึ่งตอนนั้นสาวกบางคนอาจมีอายุประมาณ 20 กว่า ๆ เท่านั้น ท่านมอบหมายให้พวกเขามีหน้าที่ดูแลฝูงแกะที่มีค่าของพระยะโฮวาและนำหน้าในงานประกาศและงานสอน (อ่านเอเฟซัส 4:8) พระเยซูใช้ 40 วันสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลกยังไงเพื่อช่วยสาวกที่ซื่อสัตย์ภักดีและขยันให้มีคุณสมบัติที่จะเป็น “ของขวัญที่เป็นมนุษย์”?
14. พระเยซูสอนอะไรบ้างให้พวกสาวกในช่วง 40 วันสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลก? (ดูภาพด้วย)
14 พระเยซูให้คำแนะนำสาวกอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็แสดงความรัก ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านสังเกตว่าสาวกบางคนสงสัยว่าท่านตายและฟื้นขึ้นจากตายจริงไหม ท่านก็ช่วยให้พวกเขารู้โดยให้คำแนะนำพวกเขา (ลก. 24:25-27; ยน. 20:27) พระเยซูยังสอนพวกเขาให้จดจ่ออยู่ที่การดูแลเอาใจใส่คนของพระยะโฮวาแทนที่จะสนใจเรื่องการทำธุรกิจหรืองานอาชีพของตัวเอง (ยน. 21:15) ท่านเตือนพวกเขาว่าอย่าสนใจมากเกินไปว่าคนอื่นจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร (ยน. 21:20-22) และเมื่อสาวกบางคนมีความคิดที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้า ท่านก็ช่วยพวกเขาให้สนใจที่การประกาศข่าวดี (กจ. 1:6-8) แล้วผู้ดูแลในทุกวันนี้จะเรียนอะไรได้จากพระเยซู?
เลียนแบบพระเยซูโดยฝึกพี่น้องชายให้มีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น (ดูข้อ 14)
15-16. (ก) ผู้ดูแลจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? ขออธิบาย (ข) แพทริคได้ประโยชน์ยังไงบ้างจากคำแนะนำ?
15 ผู้ดูแลจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? ผู้ดูแลต้องฝึกพี่น้องชายซึ่งรวมถึงพี่น้องชายที่อายุยังน้อยให้มีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นc ผู้ดูแลไม่ควรคาดหมายว่าคนที่เขาฝึกจะสมบูรณ์แบบ เขาต้องให้คำแนะนำในแบบที่แสดงความรักเพื่อพี่น้องชายที่อายุยังน้อยเหล่านี้จะมีประสบการณ์ และได้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องรับใช้คนอื่นอย่างถ่อมตัว ซื่อสัตย์ และเต็มใจ—1 ทธ. 3:1; 2 ทธ. 2:2; 1 ปต. 5:5
16 ให้เรามาดูตัวอย่างของพี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อแพทริคซึ่งได้ประโยชน์จากคำแนะนำ ตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่นเขามักจะทำตัวไม่น่ารักและพูดไม่ดีกับคนอื่นแม้แต่กับพี่น้องหญิง ผู้ดูแลคนหนึ่งที่มีความเป็นผู้ใหญ่สังเกตเห็นจุดอ่อนนี้ของแพทริคและให้คำแนะนำกับเขาตรง ๆ แต่ก็อ่อนโยน แพทริคบอกว่า “ผมดีใจที่เขาทำแบบนั้น ผมเคยแอบน้อยใจตอนเห็นคนอื่นได้สิทธิพิเศษที่ผมอยากได้ แต่คำแนะนำของผู้ดูแลคนนี้ช่วยให้ผมเห็นว่า ผมต้องรับใช้พี่น้องอย่างถ่อมตัวแทนที่จะสนใจที่ตำแหน่งหรือสิทธิพิเศษในประชาคม” ผลก็คือ ในที่สุดแพทริคได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลตอนอายุ 23—สภษ. 27:9
17. พระเยซูแสดงให้เห็นยังไงว่าท่านมั่นใจในพวกสาวก?
17 พระเยซูมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบให้พวกสาวกไม่ใช่แค่เรื่องการประกาศเท่านั้นแต่เป็นเรื่องการสอนด้วย (ดูคำว่า “สอนพวกเขา” ในข้อมูลสำหรับศึกษาที่มัทธิว 28:20) พวกสาวกอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่มอบหมายนี้ แต่พระเยซูเชื่อมั่นว่าพวกเขาทำได้ ท่านมั่นใจถึงขนาดบอกพวกเขาว่า “ผมจะใช้พวกคุณไปเหมือนที่พ่อของผมใช้ผมมา”—ยน. 20:21
18. ผู้ดูแลจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง?
18 ผู้ดูแลจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? ผู้ดูแลที่มีประสบการณ์จะฝึกคนอื่นให้ทำหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น (ฟป. 2:19-22) เช่น ผู้ดูแลอาจมอบหมายให้วัยรุ่นช่วยทำความสะอาดและดูแลหอประชุม เมื่อผู้ดูแลมอบหมายงานให้พวกเขาแล้ว ผู้ดูแลจะแสดงว่ามั่นใจในตัวพวกเขาโดยฝึกพวกเขาอย่างดีและเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะทำงานนั้นได้สำเร็จ แมทธิวซึ่งเป็นผู้ดูแลที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเล่าว่า เขาเห็นค่าที่พวกผู้ดูแลในประชาคมได้ฝึกเขาและมั่นใจว่าเขาจะทำหน้าที่มอบหมายได้สำเร็จ แมทธิวบอกว่า “ผมได้ประโยชน์จริง ๆ ครับ ตอนที่ผมทำงานผิดพลาด ผู้ดูแลจะช่วยให้เห็นว่าผมสามารถเรียนจากความผิดพลาดได้ และจะปรับปรุงให้ดีขึ้นในคราวหน้าได้ยังไง”d
19. เราตั้งใจที่จะทำอะไร?
19 พระเยซูใช้ 40 วันสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลกเพื่อให้กำลังใจ สอน และฝึกคนอื่น ขอให้เราตั้งใจที่จะเลียนแบบพระเยซูอย่างใกล้ชิดต่อ ๆ ไป (1 ปต. 2:21) ท่านจะช่วยให้เราทำแบบนั้นได้แน่นอน พระเยซูสัญญาว่า “ผมจะอยู่กับพวกคุณเสมอจนถึงสมัยสุดท้ายของโลกนี้”—มธ. 28:20
เพลง 22 รัฐบาลของพระเจ้าก่อตั้งแล้ว ขอให้มาปกครองโลกเถิด!
a หนังสือข่าวดีทั้งสี่เล่มและหนังสืออื่นในคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรารู้ว่าหลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายแล้ว ท่านปรากฏตัวให้สาวกหลายคนเห็น เช่น มารีย์มักดาลา (ยน. 20:11-18) สาวกผู้หญิงคนอื่น ๆ (มธ. 28:8-10; ลก. 24:8-11) สาวก 2 คน (ลก. 24:13-15) เปโตร (ลก. 24:34) พวกอัครสาวกยกเว้นโธมัส (ยน. 20:19-24) พวกอัครสาวกรวมทั้งโธมัส (ยน. 20:26) สาวก 7 คน (ยน. 21:1, 2) สาวกมากกว่า 500 คน (มธ. 28:16; 1 คร. 15:6) ยากอบน้องชายของพระเยซู (1 คร. 15:7) อัครสาวกทุกคน (กจ. 1:4) พวกอัครสาวกใกล้เมืองเบธานี (ลก. 24:50-52) และยังมีครั้งอื่น ๆ อีกที่ไม่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล—ยน. 21:25
b สำหรับคำพยากรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับเมสสิยาห์ ดูวีดีโอ “คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นกับพระเยซู ” ในเว็บไซต์ jw.org
c ผู้ดูแลบางคนที่อายุยังน้อยอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดูแลหมวดแม้แต่ตอนที่พวกเขาอายุประมาณ 25-30 ปี แต่อย่างน้อยพวกเขาต้องมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ดูแลมาก่อน
d สำหรับคำแนะนำเรื่องการช่วยพี่น้องชายให้มีคุณสมบัติจะทำหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ในองค์การ ดูหอสังเกตการณ์ เดือนสิงหาคม 2018 น. 11-12 ว. 15-17 และหอสังเกตการณ์ เดือนเมษายน 2015 น. 3-13
e คำอธิบายภาพ หลังจากผู้นำการศึกษาช่วยนักศึกษาหาเหตุผลจากพระคัมภีร์แล้ว นักศึกษาก็ตัดสินใจเอาของตกแต่งเกี่ยวกับวันคริสต์มาสทิ้งไป