AWˬ LAWN 4
KʼA MUIˬ HKAWˇ 18 Htaiˍ hkʼawꞈ ve gu teh laˇ ve awˬ bon uiˍ jaˇ
Htaiˍ hkʼawꞈ ve gu teh taˍ laˇ ve htaꞈ ngaˬ hui awˬ bon hkʼaˬ hkʼe gʼa ve le?
‘Gʼuiˬ sha ngaˬ hui htaꞈ haꞈ ve hpeuꞈ maˍ laˇ ve yoˬ.’—1 YOˇHANˬ 4:9.
A YEˇ UIˍ VE AWˬ LAWN
ค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับคุณลักษณะที่น่าประทับใจของพระยะโฮวาและพระเยซู
1. Aˬ htoꞈ ma te ngaˬ hui teˇ hkʼawꞈ le le Yeˍsuˆ suh ve dawˇ nawˇ tuˬ hpawnˬ daꞈ˗e cawˇ ve le?
คุณเห็นด้วยแน่ ๆ ว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่ามาก (2 คร. 9:15) การที่พระเยซูสละชีวิตของท่าน ทำให้คุณได้สนิทกับพระยะโฮวาและทำให้คุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป เราเลยอยากขอบคุณที่พระยะโฮวาให้ค่าไถ่เพราะพระองค์รักเรามาก (รม. 5:8) เพื่อที่เราจะเห็นค่าที่มีค่าไถ่และไม่ลืมสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำเพื่อเรา พระเยซูจึงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์และอยากให้เราประชุมอนุสรณ์ทุกปี—ลก. 22:19, 20
2. Awˬ lawn chi ve hkʼaw ngaˬ hui aˬ htoꞈ ma htaꞈ henˇ tuˬ le?
2 การประชุมอนุสรณ์ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2025 เราทุกคนคงกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เราจะได้ประโยชน์มากแน่ ๆ ถ้าเราใช้ช่วงเวลาของการประชุมอนุสรณ์เพื่อคิดใคร่ครวญaว่าพระยะโฮวากับพระเยซูลูกของพระองค์ทำอะไรเพื่อเรา ในบทความนี้เราจะคุยกันว่าค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระเยซู ส่วนบทความหน้าจะช่วยให้เราเข้าใจว่าเราได้ประโยชน์อะไรบ้างจากค่าไถ่และเราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าเราเห็นค่าที่มีค่าไถ่
HTAIˍ HKʼAWꞈ VE YAˬHOˉVAˬ HTAꞈ CAˉ DAꞈ VE NGAˬ HUI HTAꞈ Aˬ HTOꞈ MA MAˍ LAˇ VE LE?
3. Chaw teˇ gʼaˇ suh˗e ve chaw laiˉ lanˬ gʼaˇ htaꞈ hkʼaˬ hkʼe te htaiˍ hkʼawꞈ piˇ gʼa ve le? (Awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
3 ค่าไถ่สอนเราว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม (ฉธบ. 32:4) ทำไมเราถึงบอกแบบนั้นได้? ลองคิดดูว่านับตั้งแต่อาดัมไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา เราซึ่งเป็นลูกหลานของเขาก็กลายเป็นคนบาปและในที่สุดก็ต้องตาย (รม. 5:12) เพื่อที่พระยะโฮวาจะช่วยเราให้หลุดพ้นจากบาปและความตาย พระองค์ได้จัดเตรียมให้พระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพื่อเรา แต่การสละชีวิตของมนุษย์สมบูรณ์แค่คนเดียวจะไถ่คนเป็นล้าน ๆ ได้ยังไง? อัครสาวกเปาโลให้คำตอบว่า “เหมือนกับที่การไม่เชื่อฟังของคนคนเดียว [อาดัม] ทำให้คนมากมายเป็นคนบาป การเชื่อฟังของคนคนเดียว [พระเยซู] ก็ทำให้คนมากมายเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า” (รม. 5:19; 1 ทธ. 2:6) พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรากลายเป็นคนบาปและต้องตายก็เพราะมนุษย์สมบูรณ์แบบคนเดียวที่ไม่เชื่อฟัง ดังนั้น การช่วยเราให้พ้นจากบาปและความตายก็ใช้แค่ชีวิตของมนุษย์สมบูรณ์แบบคนเดียวที่เชื่อฟังก็เพียงพอแล้ว
คนคนเดียวทำให้คนมากมายเป็นคนบาปและต้องตาย คนคนเดียวก็ทำให้เราพ้นจากบาปและความตายได้เหมือนกัน (ดูข้อ 3)
4. Aˬ htoꞈ ma te Yaˬhoˉvaˬ Aˍdanˍ ve awˬ yaˇ awˬ duˬ na yuˬ ve chaw htaꞈ co co taiˍ taiˍ a shaꞈ piˇ ve le?
4 พระยะโฮวาจำเป็นต้องส่งพระเยซูมาตายเพื่อเราจริง ๆ เหรอ? พระองค์แค่ให้ลูกหลานของอาดัมที่เชื่อฟังมีชีวิตตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ? ในมุมมองของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างเรา เราอาจคิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีและมีเหตุผล แต่สำหรับพระยะโฮวาซึ่งเป็นพระเจ้าที่แสดงความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ พระองค์ไม่สามารถที่จะมองข้ามการจงใจไม่เชื่อฟังของอาดัม
5. Aˬ htoꞈ ma te Yaˬhoˉvaˬ lehˬ hteˇ ve cawˇ ve htaꞈ tiˉ te ve tehꞈ ngaˬ hui yonˍ gʼa ve le?
5 แต่ถ้าพระยะโฮวายอมให้ลูกหลานของอาดัมที่ไม่สมบูรณ์แบบมีชีวิตตลอดไปโดยที่พระองค์ไม่จัดเตรียมให้มีค่าไถ่ล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้น พระยะโฮวาก็จะฝ่าฝืนมาตรฐานของพระองค์เองในเรื่องความยุติธรรม และนี่อาจทำให้มนุษย์คิดว่าจะมั่นใจในความยุติธรรมของพระองค์ในเรื่องอื่น ๆ ได้อยู่ไหม เช่น พระองค์จะทำตามที่สัญญาทุกเรื่องจริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียว การที่พระยะโฮวาทำตามมาตรฐานความยุติธรรมของพระองค์ในเรื่องนี้แม้ต้องเสียสละครั้งใหญ่ นั่นก็คือยอมสละลูกชายที่พระองค์รักมาก ทำให้เรามั่นใจเลยว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมเสมอ
6. Htaiˍ hkʼawꞈ ve lehˬ Yaˬhoˉvaˬ haꞈ pehnˇ ve htaꞈ mawˬ tuˬ hkʼaˬ hkʼe te laˇ ve le? (1 Yoˇhanˬ 4:9, 10)
6 นอกจากค่าไถ่จะช่วยให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรมแล้ว ค่าไถ่ยังช่วยให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดไหน (ยน. 3:16; อ่าน 1 ยอห์น 4:9, 10) คำสอนเรื่องค่าไถ่ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ใช่แค่อยากให้เรามีชีวิตตลอดไปเท่านั้น แต่พระองค์ยังอยากให้เราได้มาอยู่ในครอบครัวของพระองค์ด้วย ตอนที่อาดัมทำบาป พระยะโฮวาไล่เขาออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผู้นมัสการของพระองค์ นี่เลยทำให้เราทุกคนซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัมไม่ได้อยู่ในครอบครัวของพระองค์ตั้งแต่เกิด แต่พอพระยะโฮวาจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่ พระองค์เลยสามารถให้อภัยเราได้ และในอนาคตทุกคนที่แสดงความเชื่อและเชื่อฟังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระองค์ ถึงอย่างนั้น แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังได้ประโยชน์จากค่าไถ่ด้วย เราได้มีโอกาสสนิทกับพระยะโฮวาและกับพี่น้องร่วมความเชื่อ เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักเรามากจริง ๆ—รม. 5:10, 11
7. Yaˬhoˉvaˬ Yeˍsuˆ htaꞈ tuꞈ tcuh hkanˍ tcuh ve lehˬ, yawˇ ngaˬ hui htaꞈ haꞈ jaˇ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le?
7 เราสามารถเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าพระยะโฮวารักเราแค่ไหนถ้าเราคิดใคร่ครวญว่าพระองค์ต้องเสียสละขนาดไหนที่ส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่ ซาตานอ้างว่าไม่มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวาคนไหนจะซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์ถ้าเจอความยากลำบาก เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง พระยะโฮวาเลยยอมให้พระเยซูเจอความทุกข์ยากลำบากหลายอย่างก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต (โยบ 2:1-5; 1 ปต. 2:21) พระยะโฮวาต้องทนดูพระเยซูถูกหัวหน้าศาสนาเยาะเย้ย ถูกทหารเฆี่ยนด้วยแส้ ถูกตรึงบนเสาทรมาน และสุดท้ายพระองค์ต้องทนดูลูกชายสุดที่รักของพระองค์ตายอย่างเจ็บปวดทรมาน (มธ. 27:28-31, 39) พระยะโฮวามีอำนาจที่จะหยุดไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้เมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ตอนที่พวกผู้ต่อต้านบอกว่า “ถ้าพระเจ้าอยู่กับเขา ก็ให้พระองค์มาช่วยเขาเดี๋ยวนี้สิ” พระองค์จะลงมือช่วยพระเยซูตอนนั้นเลยก็ได้ (มธ. 27:42, 43) แต่ถ้าพระยะโฮวาทำแบบนั้นก็จะไม่มีการจ่ายค่าไถ่และเราก็จะไม่มีหวังอะไรเลย พระองค์เลยยอมให้พระเยซูทนทุกข์จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
8. Yaˬhoˉvaˬ yawˇ ve Yaˇ paˍ tuꞈ hkanˍ jaˇ ve htaꞈ gʼa mawˬ htaˇ, yawˇ nyi ma naˬ˗aw laˇ? Tawˇ pa haˉ kʼoˆ maˍ laˇ sheˍ. (Awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
8 เราไม่ควรคิดว่าเพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด พระองค์คงไม่มีความรู้สึกหรอก อย่าลืมว่าเราถูกสร้างตามแบบของพระองค์ ดังนั้น พระยะโฮวาก็ต้องมีความรู้สึกเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวารู้สึก “เสียใจ” และ “เศร้าใจ” (สด. 78:40, 41) นอกจากนั้น ลองคิดถึงตัวอย่างของอับราฮัมกับอิสอัคด้วย คุณคงจำได้ว่าพระยะโฮวาสั่งให้อับราฮัมถวายอิสอัคลูกชายคนเดียวของเขาเป็นเครื่องบูชา (ปฐก. 22:9-12; ฮบ. 11:17-19) ตอนที่อับราฮัมกำลังเงื้อมีดจะแทงลูกชายคนเดียวของตัวเอง เขาคงต้องมีความรู้สึกหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาและเจ็บปวดมากแน่ ๆ แต่ลองคิดดูสิว่า พระยะโฮวาจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่านั้นสักขนาดไหนที่เห็นพระเยซูถูกคนชั่วทรมานจนตาย—ดูวีดีโอเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา—อับราฮัม ตอน 2 ในเว็บไซต์ jw.org
พระยะโฮวาเจ็บปวดมากที่เห็นพระเยซูลูกชายของพระองค์ต้องทนทุกข์ (ดูข้อ 8)
9. Roˉmaꞈ liꞈ 8:32, 38, 39 hkʼaw Yaˬhoˉvaˬ haꞈ pehnˇ ve htaꞈ caˉ daꞈ ve ngaˬ hui htaꞈ aˬ htoꞈ ma maˍ laˇ ve le?
9 ค่าไถ่สอนเราว่าไม่มีใครรักเรามากเท่ากับพระยะโฮวาอีกแล้ว แม้แต่คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดหรือเพื่อนที่สนิทที่สุดก็ยังรักเราไม่มากเท่ากับพระองค์ (อ่านโรม 8:32, 38, 39) พระยะโฮวารักเรามากกว่าที่เรารักตัวเองซะอีก คุณอยากมีชีวิตตลอดไปไหม? พระยะโฮวาอยากให้คุณมีชีวิตตลอดไปมากกว่าที่คุณอยากซะอีก คุณอยากได้รับการอภัยบาปไหม? พระยะโฮวาอยากจะให้อภัยบาปคุณมากยิ่งกว่านั้นอีก สิ่งที่พระองค์ขอจากคุณก็มีแค่อยากให้คุณเห็นค่าสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อคุณ แสดงความเชื่อ และเชื่อฟังพระองค์ เราเห็นชัดเลยว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่ามากที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวารักเราจริง ๆ และในโลกใหม่เราจะยิ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวามากขึ้นอีก—ปญจ. 3:11
HTAIˍ HKʼAWꞈ VE YEˍSUˆ HTAꞈ CAˉ DAꞈ VE NGAˬ HUI HTAꞈ Aˬ HTOꞈ MA MAˍ LAˇ VE LE?
10. (a) Aˬ htoꞈ ma te Yeˍsuˆ yawˇ suh˗e ve htaꞈ caˉ daꞈ ve nyi ma luˬ jaˇ ve le? (b) Yeˍsuˆ Yaˬhoˉvaˬ ve awˬ meh yawˆ yan ve htaꞈ gʼa tuˬ hkʼaˬ hkʼe te ve le? (Awˇ ceˍ awˇ fa “Yeˍsuˆ ka tiꞈ yeˬ ve pa taw Yaˬhoˉvaˬ ve awˬ meh hkʼaˬ htaˆ kaꞈ yawˆ yan ve gʼa tuˬ te piˇ ve yoˬ” hkʼaw nyi sheˍ.)
10 พระเยซูเป็นห่วงชื่อเสียงพ่อของท่าน (ยน. 14:31) พระเยซูทุกข์ใจมากที่ท่านถูกตั้งข้อหาว่าหมิ่นประมาทพระเจ้าและเป็นคนก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งข้อหาเหล่านี้อาจทำให้ชื่อเสียงของพ่อท่านเสื่อมเสีย นี่เลยเป็นเหตุผลที่ท่านอธิษฐานว่า “พ่อครับ ถ้าเป็นได้ ขอให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไปจากผม” (มธ. 26:39) โดยการที่พระเยซูรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาจนเสียชีวิต เป็นการทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ
11. Yeˍsuˆ chaw yaˇ htaꞈ haꞈ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le? (Yoˇhanˬ 13:1)
11 ค่าไถ่ยังสอนเราด้วยว่าพระเยซูรักผู้คนมากโดยเฉพาะสาวกของท่าน (สภษ. 8:31; อ่านยอห์น 13:1) ตัวอย่างเช่น ตอนที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก ท่านรู้ว่าจะต้องเจอกับหลายเรื่องที่ยากมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของชีวิตท่านก็รู้ว่าจะต้องตายอย่างทรมาน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ทำงานรับใช้แค่พอเป็นหน้าที่ แต่ท่านให้ใจกับงานนี้ ท่านทุ่มเทตัวและตั้งใจทำงานประกาศ งานสอน และรับใช้คนอื่น แม้แต่วันที่ท่านจะตาย ท่านก็ยังล้างเท้าให้อัครสาวกและยังพูดให้กำลังใจและสอนหลายเรื่องกับพวกเขา (ยน. 13:12-15) และตอนที่ท่านถูกตรึงบนเสาทรมาน ท่านก็ยังพูดให้ความหวังกับผู้ร้ายที่กำลังจะตาย และยังจัดแจงให้แม่ของท่านได้รับการดูแล (ลก. 23:42, 43; ยน. 19:26, 27) เราเห็นชัดเลยว่าพระเยซูรักผู้คนมาก และท่านแสดงให้เห็นเรื่องนี้โดยไม่ใช่แค่ตายเพื่อพวกเขา แต่โดยแสดงความรักและความกรุณาตลอดช่วงที่ท่านอยู่บนโลก
12. Yeˍsuˆ ngaˬ hui awˬ pon chi teˇ hkui hkʼa gaˬ kaꞈ hkʼaˬ hkʼe yuˬ tanˇ laˇ sheˍ ve le?
12 พระเยซูตาย “ครั้งเดียว” เพื่อเรา แต่ท่านก็ยังคงเสียสละเพื่อเราจนถึงทุกวันนี้ (รม. 6:10) เป็นแบบนั้นได้ยังไง? ท่านยังคงใช้เวลาและความพยายามเพื่อจะช่วยเราให้ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ เช่น ตอนนี้ท่านรับใช้ในฐานะกษัตริย์ มหาปุโรหิต และผู้นำประชาคม (1 คร. 15:25; อฟ. 5:23; ฮบ. 2:17) ท่านยังเป็นผู้นำในการรวบรวมผู้ถูกเจิมและชนฝูงใหญ่ซึ่งงานนี้จะต้องทำให้เสร็จก่อนที่ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะจบลงb (มธ. 25:32; มก. 13:27) นอกจากนั้น ท่านยังคอยดูแลผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ให้มีความรู้ที่เสริมความเชื่ออยู่เสมอในสมัยสุดท้ายนี้ (มธ. 24:45) และในช่วงสมัยพันปีที่ท่านปกครอง ท่านก็ยังจะคอยดูแลพวกเราเสมอ พระยะโฮวาสละลูกชายของพระองค์เพื่อเราจริง ๆ
CAˉ LEH HENˇ SHEˍ
13. Yaˬhoˉvaˬ leh Yeˍsuˆ haꞈ pehnˇ ve htaꞈ caˉ daꞈ ve nawˬ caˉ leh henˇ shiˍ tuˬ aˬ htoꞈ ma te cawˇ ve le?
13 คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวาและพระเยซูได้ต่อ ๆ ไปถ้าคุณพยายามคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ของปีนี้คุณอาจอ่านหนังสือข่าวดีสักหนึ่งเล่มหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่อย่าอ่านทีเดียวเยอะ ๆ ให้อ่านช้า ๆ และลองหาจุดที่ทำให้คุณเห็นว่าทำไมคุณควรรักพระยะโฮวาและพระเยซู และพอได้เรียนบางจุดที่น่าสนใจ ก็ให้เล่าให้คนอื่นฟัง
14. Htaiˍ hkʼawꞈ ve leh awˬ nu ve maˍ laˇ ve htaꞈ caˉ daꞈ ve hpfuhˆ nyi ve lehˬ ngaˬ hui henˇ ve hkʼaw hkʼaˬ hkʼe ga laˇ ve le? (Chiˇ mvuh ve 119:97) (Awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
14 ถ้าคุณอยู่ในความจริงมาหลายปีแล้ว คุณอาจสงสัยว่ายังมีอะไรใหม่ ๆ อีกเหรอที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความยุติธรรมของพระยะโฮวา ความรักของพระองค์ และเรื่องค่าไถ่? แต่ความจริงก็คือเราสามารถเรียนรู้เรื่องเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าอย่างนั้นคุณควรทำอะไร? ขอให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากหนังสือและวารสารที่องค์การจัดเตรียมให้ ถ้าคุณอ่านข้อคัมภีร์สักข้อหนึ่งแล้วคุณไม่เข้าใจเต็มที่ ก็ให้ค้นคว้าเกี่ยวกับข้อคัมภีร์นั้น แล้วขอให้ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียน และคิดว่าเรื่องนั้นสอนอะไรคุณเกี่ยวกับพระยะโฮวา ลูกชายของพระองค์ และความรักที่พระองค์ทั้งสองมีต่อคุณ—อ่านสดุดี 119:97 และเชิงอรรถ
แม้จะเป็นพยานฯ มาหลายปีแล้ว เราก็ยังสามารถทำให้ตัวเองเห็นค่าในค่าไถ่มากขึ้น (ดูข้อ 14)
15. Aˬ htoꞈ ma te Liꞈ hpu hkʼaw awˬ hpfuhˇ hkʼaˆ jaˇ ve cuˇ yiˍ htaꞈ ngaˬ hui caˉ leh hpfuhˆ nyi cawˇ ve le?
15 อย่าท้อใจถ้าคุณรู้สึกว่าไม่เจออะไรใหม่ ๆ หรืออะไรที่น่าตื่นเต้นตอนที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือตอนที่ค้นคว้า จริง ๆ แล้วการที่คุณทำอย่างนี้ก็เหมือนกับการร่อนทอง คนที่ร่อนทองใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ กว่าจะได้เจอทองชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังพยายามทำอย่างนั้นต่อไปเพราะเขารู้ว่าทองทุกชิ้นมีค่ามากแม้มันจะเล็กนิดเดียว แต่ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีค่ามากกว่านั้นอีกหลายเท่า (สด. 119:127; สภษ. 8:10) ดังนั้น ขอให้คุณอดทนและอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำต่อ ๆ ไป—สด. 1:2
16. Ngaˬ hui Yaˬhoˉvaˬ leh Yeˍsuˆ htaꞈ hkʼaˬ hkʼe te henˇ yuˬ gʼa tuˬ le?
16 ตอนที่คุณศึกษาส่วนตัว ให้หาวิธีที่คุณจะเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลียนแบบความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้โดยปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไม่ลำเอียง และให้คุณเลียนแบบความรักที่พระเยซูมีต่อพ่อของท่านและต่อคนอื่นโดยยอมอดทนกับความยากลำบากเพื่อปกป้องชื่อเสียงของพระยะโฮวาและโดยเสียสละตัวเองเพื่อพี่น้อง นอกจากนั้น ให้คุณเลียนแบบพระเยซูโดยประกาศกับคนอื่นเพื่อที่พวกเขาจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่ามากจากพระยะโฮวา
17. Gʼuˇ suhˍ teˇ lawn hkʼaw ngaˬ hui aˬ htoꞈ ma htaꞈ henˇ tuˬ le?
17 เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป เราก็จะยิ่งรักพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเรารักพระองค์ทั้งสองมากขึ้น พระองค์ทั้งสองก็จะรักเรามากขึ้นด้วย (ยน. 14:21; ยก. 4:8) ดังนั้น ขอให้เราใช้สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้เราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป ในบทความหน้าเราจะได้เรียนว่าเราได้ประโยชน์อะไรบ้างจากค่าไถ่ และเราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าเรารู้สึกขอบคุณความรักที่พระยะโฮวามีต่อเรา
KʼA MUIˬ HKAWˇ 107 Gʼuiˬ sha ve haꞈ pehnˇ ve awˬ hkʼaˇ
a อธิบายคำศัพท์ “การคิดใคร่ครวญ” คือการจดจ่อกับบางเรื่องและคิดอย่างลึกซึ้ง
b การรวบรวม “ทุกสิ่ง . . . บนสวรรค์” ที่เปาโลพูดถึงในเอเฟซัส 1:10 ต่างจากการรวบรวม “คนที่พระเจ้าเลือกไว้” ที่พระเยซูพูดถึงในมัทธิว 24:31 และมาระโก 13:27 เปาโลพูดถึงตอนที่พระยะโฮวาเลือกคนที่จะปกครองในสวรรค์ร่วมกับพระเยซูโดยเจิมพวกเขาด้วยพลังบริสุทธิ์ ส่วนพระเยซูพูดถึงตอนที่ผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่จะถูกรวบรวมไปสวรรค์ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่