กรกฎาคม
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม
พระเยซูเดินทางไปทั่วทุกแห่งเพื่อทำสิ่งดี ๆ และรักษาคน—กจ. 10:38
ทุกอย่างที่พระเยซูพูดและทำซึ่งรวมถึงการอัศจรรย์ทำให้เห็นว่าพระยะโฮวาคิดและรู้สึกยังไง (ยน. 14:9) เราเรียนอะไรได้จากการอัศจรรย์ของพระเยซู? พระเยซูกับพระยะโฮวาพ่อของท่านรักเรามาก ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านรักผู้คนมากขนาดไหนโดยทำการอัศจรรย์เพื่อช่วยคนที่มีความทุกข์ ครั้งหนึ่งมีผู้ชายตาบอด 2 คนมาขอให้พระเยซูช่วย (มธ. 20:30-34) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเยซู “เกิดความสงสาร” ท่านก็เลยรักษาพวกเขาจนหาย คำกรีกที่แปลว่า “เกิดความสงสาร” ในข้อนี้แสดงถึงความรู้สึกที่เห็นใจมาก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่มาจากส่วนลึกข้างใน ความรู้สึกเดียวกันนี้แหละที่ทำให้พระเยซูเลี้ยงอาหารคนที่หิวและรักษาผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นโรคเรื้อนซึ่งแสดงว่าท่านรักพวกเขามาก (มธ. 15:32; มก. 1:41) นี่ทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาซึ่งเป็นพระเจ้าที่ “เอ็นดูสงสาร” และพระเยซูลูกของพระองค์รักเรามากและรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อเห็นเราเจอความทุกข์ (ลก. 1:78; 1 ปต. 5:7) พระองค์ทั้งสองต้องอยากกำจัดความทุกข์ให้หมดไปจากโลกแน่ ๆ ห23.04 น. 3 ว. 4-5
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม
พวกคุณที่รักพระยะโฮวา ขอให้เกลียดสิ่งชั่วพระองค์คุ้มครองชีวิตคนที่ภักดีต่อพระองค์พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือคนชั่ว–สด. 97:10
เราต้องพยายามไม่อ่านและไม่ฟังความคิดที่ไม่ดีถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่กำลังดังและใคร ๆ ก็สนใจ นอกจากนั้น ให้เราพยายามใส่สิ่งดี ๆ ในความคิดของเรา เราต้องอ่านและศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิล ไปประชุม และไปประกาศเป็นประจำ ถ้าเราทำแบบนี้ พระยะโฮวาสัญญาว่าพระองค์จะไม่ปล่อยให้เราถูกล่อใจจนทนไม่ไหว (1 คร. 10:12, 13) เราทุกคนต้องอธิษฐานให้มากขึ้นเพื่อจะซื่อสัตย์กับพระยะโฮวาได้ในสมัยสุดท้ายที่ยากลำบากนี้ พระองค์อยากให้เรา “ระบายความในใจกับพระองค์” (สด. 62:8) ให้สรรเสริญพระยะโฮวาและขอบคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อคุณ อธิษฐานขอพระองค์ช่วยคุณให้มีความกล้าในงานรับใช้ รับมือกับปัญหา และเอาชนะการล่อใจที่คุณกำลังเจอได้ อย่าให้ใครหรืออะไรก็ตามมาทำให้คุณไม่ได้อธิษฐานเป็นประจำ ห23.05 น. 6-7 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม
ให้เราสนใจกัน . . . ให้กำลังใจกัน—ฮบ. 10:24, 25
ทำไมเราถึงเข้าร่วมการประชุม? เหตุผลสำคัญก็คือเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวา (สด. 26:12; 111:1) นอกจากนั้น การเข้าร่วมการประชุมจะทำให้เรามีโอกาสได้ให้กำลังใจกันในช่วงที่ยากลำบากนี้ (1 ธส. 5:11) และเมื่อเรายกมือตอบ มันก็ยิ่งทำให้เรามีโอกาสทั้งได้สรรเสริญพระยะโฮวาและทำให้พี่น้องได้กำลังใจ แต่บางครั้งก็ไม่ง่ายเพราะเราไม่กล้าออกความเห็น หรือเรายกมือแต่พี่น้องที่นำส่วนการประชุมไม่ค่อยเรียกเราให้ตอบเยอะ ๆ อย่างที่เราต้องการ อะไรจะช่วยเรารับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้? อัครสาวกเปาโลบอกว่าเราควรสนใจที่การ “ให้กำลังใจกัน” เมื่อเรารู้ว่าพี่น้องจะได้กำลังใจแม้ว่าเราออกความเห็นแม้จะแค่สั้น ๆ มันก็ทำให้เรากล้าออกความเห็นมากขึ้น และถ้าพี่น้องที่นำส่วนไม่ค่อยเรียกเราตอบ เราก็มีความสุขที่คนอื่นในประชาคมมีโอกาสได้ตอบบ้าง—1 ปต. 3:8 ห23.04 น. 20 ว. 1-3
วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม
กลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม . . . เพื่อไปสร้างวิหารของพระยะโฮวา—อสร. 1:3
กษัตริย์ไซรัสได้ออกคำประกาศว่าชาวยิวซึ่งถูกจับเป็นเชลยที่บาบิโลนนานถึง 70 ปีสามารถกลับไปยังอิสราเอลบ้านเกิดของตัวเองได้ (อสร. 1:2-4) มีแต่พระยะโฮวาเท่านั้นที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ ปกติแล้วบาบิโลนจะไม่ปล่อยเฉลยที่จับมาให้เป็นอิสระ (อสย. 14:4, 17) แต่พอบาบิโลนล่มสลาย ผู้นำคนใหม่ก็บอกให้ชาวยิวสามารถออกจากบาบิโลนได้ เลยทำให้ชาวยิวทุกคนโดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญว่าจะยังอยู่ที่บาบิโลนต่อไปหรือจะออกจากที่นั่น แต่การตัดสินใจเรื่องนี้อาจไม่ง่าย ชาวยิวที่อายุมากอาจไม่กล้าเสี่ยงที่จะเดินทางไกลและยากลำบาก นอกจากนั้น ชาวยิวส่วนใหญ่เกิดที่บาบิโลน ทั้งชีวิตของพวกเขาเลยรู้จักแค่บาบิโลนเท่านั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าอิสราเอลเป็นบ้าน แต่เป็นแค่แผ่นดินของบรรพบุรุษ และชาวยิวบางคนก็อาจอยู่ดีกินดีที่บาบิโลนอยู่แล้ว เลยอาจเป็นเรื่องยากที่พวกเขาต้องทิ้งบ้านที่สะดวกสบายหรือทิ้งธุรกิจแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศที่พวกเขาไม่รู้จักคุ้นเคย ห23.05 น. 14 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม
คุณเองก็ต้องเตรียมพร้อมอย่างนั้น—มธ. 24:44
คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เราพยายามมีความอดทน ความเห็นอกเห็นใจ และความรักมากขึ้นเรื่อย ๆ ลูกา 21:19 บอกว่า “ให้อดทนจนถึงที่สุด แล้วคุณจะได้ชีวิต” ที่โคโลสี 3:12 บอกว่า “ให้ปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ” และที่ 1 เธสะโลนิกา 4:9, 10 บอกว่า “พระเจ้าสอนพวกคุณให้รักกัน . . . พี่น้องครับ เราขอสนับสนุนพวกคุณให้ทำอย่างนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ” ข้อคัมภีร์ทั้งหมดนี้เขียนถึงสาวกที่มีความอดทน เห็นอกเห็นใจ และแสดงความรักอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงคุณลักษณะเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ คุณเองก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน มาดูกันว่าคริสเตียนยุคแรกแสดงคุณลักษณะเหล่านี้ยังไง และคุณจะเลียนแบบพวกเขาได้ยังไง การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณพร้อมสำหรับความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ และเมื่อความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่เริ่มต้น คุณก็จะรู้ว่าจะอดทนได้ยังไง และจะตั้งใจแน่วแน่ต่อไปที่จะอดทน ห23.07 น. 3 ว. 4, 8
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม
จะมีทางหลวงที่เรียกว่าทางบริสุทธิ์—อสย. 35:8
ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกเจิมหรือ “แกะอื่น” เราต้องอยู่บนทางบริสุทธิ์เสมอ เพราะมันจะช่วยให้เรานมัสการพระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไปทั้งในตอนนี้และในอนาคตตอนที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำให้โลกมีสิ่งดี ๆ มากมาย (ยน. 10:16) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 หลายล้านคนได้ออกจากบาบิโลนใหญ่ซึ่งก็คือศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก และเริ่มเดินอยู่ในทางนี้ ตอนที่ชาวยิวออกจากบาบิโลนพระยะโฮวาขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ชาวยิวกลับไปที่อิสราเอล (อสย. 57:14) แล้วพระองค์จะทำอย่างนั้นด้วยไหมกับ “ทางบริสุทธิ์” ในทุกวันนี้? หลายร้อยปีก่อนปี 1919 พระยะโฮวาใช้หลายคนที่เกรงกลัวพระองค์เพื่อขจัดสิ่งกีดขวางออกจากทางที่จะช่วยให้ผู้คนออกจากบาบิโลนใหญ่ (เทียบกับอิสยาห์ 40:3) พวกเขาทำหลายอย่างเพื่อเตรียมทางที่จะช่วยให้คนที่หัวใจดีสามารถออกจากบาบิโลนใหญ่และมานมัสการพระยะโฮวาร่วมกันกับคนของพระองค์ได้ ห23.05 น. 15-16 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม
ขอให้มานมัสการพระยะโฮวาอย่างมีความสุขและร้องดีใจเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์—สด. 100:2
พระยะโฮวาอยากให้เรารับใช้พระองค์อย่างมีความสุขและเต็มใจที่จะทำอย่างนั้น (คร. 9:7) แต่ถ้าเราไม่ค่อยอยากทำตามเป้าหมายของคริสเตียนล่ะ เรายังต้องพยายามอยู่ไหม? ให้เรามาดูตัวอย่างของอัครสาวกเปาโลด้วยกัน เปาโลบอกว่า “ผมฝึกฝนร่างกายอย่างหนักจนควบคุมได้เหมือนควบคุมทาส” (1 คร. 9:25-27) เปาโลบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้บางครั้งเขาไม่อยากทำ และพระยะโฮวาดีใจไหมที่เปาโลทำเพื่อพระองค์? แน่นอน พระยะโฮวาให้รางวัลกับเขา (2 ทธ. 4:7, 8) เหมือนกับตัวอย่างของเปาโล พระยะโฮวาจะดีใจถ้าเราพยายามทำตามเป้าหมายแม้เราไม่ค่อยอยากทำ เพราะพระองค์รู้ว่าถึงเราไม่ได้ชอบที่จะทำสิ่งนั้น แต่เราก็ทำเพราะเรารักพระองค์ พระยะโฮวาจะอวยพรเราเหมือนที่พระองค์อวยพรเปาโล (สด. 126:5) แล้วพอเราได้พรจากพระยะโฮวา เราก็อาจรู้สึกมีแรงกระตุ้นมากขึ้นที่จะทำ ห23.05 น. 29 ว. 9-10
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม
วันของพระยะโฮวา [กำลัง] จะมา—1 ธส. 5:2
อัครสาวกเปาโลเปรียบคนที่จะไม่รอดในวันของพระยะโฮวาเป็นเหมือนคนที่หลับ คนที่หลับไม่รู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน เขาก็เลยไม่รู้ว่ามีอะไรสำคัญเกิดขึ้นบ้างและเขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ก็เป็นเหมือนคนที่หลับ (รม. 11:8) พวกเขาไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเป็นหลักฐานว่าเรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย และความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว (2 ปต. 3:3, 4) ไม่ว่าผู้คนจะเป็นยังไง เรารู้ว่ายิ่งเวลาผ่านไปในแต่ละวันก็ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องตื่นตัว (1 ธส. 5:6) ดังนั้น เราต้องมีใจสงบและหนักแน่นมั่นคง เพราะอะไร? ก็เพื่อที่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองและปัญหาทางสังคมในทุกวันนี้ ยิ่งวันของพระยะโฮวาใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งถูกกดดันให้เลือกข้างในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น แต่เราไม่ต้องกังวลว่าเราควรทำยังไง เพราะพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาจะช่วยให้เรามีใจสงบและหนักแน่นมั่นคง และสามารถตัดสินใจได้อย่างฉลาด—ลก. 12:11, 12 ห23.06 น. 10 ว. 6-7
วันพุธที่ 9 กรกฎาคม
พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ขอพระองค์ระลึกถึงผมด้วย . . . ขอให้พลังกับผม—วนฉ. 16:28
พอได้ยินชื่อของแซมสันคุณคิดถึงอะไร? คุณอาจคิดถึงคนที่แข็งแรงเกินมนุษย์ แต่แซมสันก็เจอเรื่องที่แย่มาก ๆ ในชีวิตเพราะเขาตัดสินใจผิดพลาด ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวาก็เลือกมองที่ความซื่อสัตย์ของเขาและทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อรับใช้พระองค์ พระองค์ก็เลยให้บันทึกเรื่องราวของเขาไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อประโยชน์ของเรา พระยะโฮวาใช้แซมสันให้ทำสิ่งที่น่าทึ่งหลายอย่างเพื่อช่วยชาวอิสราเอลประชาชนของพระองค์ และหลายร้อยปีหลังจากที่แซมสันตายไปแล้วพระยะโฮวาก็ดลใจให้อัครสาวกเปาโลบันทึกชื่อของแซมสันไว้ในรายชื่อของคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องความเชื่อ (ฮบ. 11:32-34) ตัวอย่างของแซมสันให้กำลังใจเราด้วย เขาพึ่งพระยะโฮวาแม้แต่ในช่วงที่ชีวิตเขาลำบากมาก ห23.09 น. 2 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม
ให้ขอทุกสิ่งจากพระเจ้า—ฟป. 4:6
นอกจากนั้น เราจะฝึกให้ตัวเองอดทนมากขึ้นได้โดยอธิษฐานบอกพระยะโฮวาบ่อย ๆ ว่าเรากังวลเรื่องอะไร (1 ธส. 5:17) บางทีคุณอาจยังไม่เจอปัญหาหนักในตอนนี้ ถึงจะเป็นอย่างนั้นคุณก็ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่สบายใจ หรือไม่รู้จะทำยังไง ถ้าคุณพยายามตั้งแต่ตอนนี้ที่จะขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาทุกครั้งที่เจอปัญหาเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เมื่อถึงเวลาที่คุณเจอปัญหาที่หนักกว่าในอนาคต คุณก็จะไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากพระองค์และมั่นใจว่าพระองค์รู้ว่าจะต้องช่วยคุณเมื่อไหร่และช่วยคุณยังไง (สด. 27:1, 3) ถ้าเราอดทนความยากลำบากที่เจอในตอนนี้ได้ ก็ยิ่งเป็นไปได้ที่เราจะอดทนตอนที่เจอความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ในอนาคต (รม. 5:3) ทำไมถึงบอกแบบนั้น? พี่น้องหลายคนรู้สึกว่าทุกครั้งที่พวกเขาอดทนได้ มันก็ช่วยพวกเขาให้อดทนได้อีกเมื่อเจอปัญหาครั้งต่อไป เมื่อพวกเขาอดทนได้เพราะพระยะโฮวาช่วย พวกเขาก็ยิ่งเชื่อว่าถ้าเจอปัญหาอีก พระยะโฮวาจะอยากช่วยพวกเขาแน่ และความเชื่อแบบนั้นจะช่วยให้พวกเขาอดทนความยากลำบากที่ต้องเจอในวันข้างหน้า—ยก. 1:2-4 ห23.07 น. 3 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม
เราจะให้ตามที่ขอ—ปฐก. 19:21
พระยะโฮวาถ่อมและเห็นอกเห็นใจ นี่เลยทำให้พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผล ตัวอย่างเช่น พระองค์แสดงความถ่อมจริง ๆ ตอนที่จะทำลายเมืองโสโดม พระยะโฮวาใช้ทูตสวรรค์ไปสั่งโลทให้หนีไปที่เขตเทือกเขา แต่โลทกลัวมาก เขาเลยขอพระองค์ว่าให้เขากับครอบครัวไปที่เมืองโศอาร์ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาก็ตั้งใจว่าจะทำลายเมืองนั้นเหมือนกัน ที่จริงพระองค์อาจยืนกรานก็ได้ว่ายังไงโลทก็ต้องทำตามที่พระองค์สั่ง แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวายอมทำตามคำขอของโลทซึ่งนั่นหมายความว่าพระองค์จะไม่ทำลายเมืองโศอาร์อย่างที่ตั้งใจไว้ (ปฐก. 19:18-22) หลายร้อยปีต่อมาพระยะโฮวาเมตตาชาวเมืองนีนะเวห์ พระองค์ส่งผู้พยากรณ์โยนาห์ไปประกาศว่าพระองค์จะทำลายเมืองนีนะเวห์ แต่พอชาวนีนะเวห์กลับใจพระองค์ก็เห็นอกเห็นใจและสงสารพวกเขา พระองค์เลยไม่ทำลายเมืองนี้อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก—ยนา. 3:1, 10; 4:10, 11 ห23.07 น. 21 ว. 5
วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม
พวกเขาฆ่าเยโฮอาช . . . เยโฮอาชก็ตายและถูกฝังไว้ . . . แต่ไม่ใช่ในที่ฝังศพของกษัตริย์—2 พศ. 24:25
เราเรียนอะไรได้จากเรื่องราวของเยโฮอาช? เยโฮอาชเป็นเหมือนต้นไม้ที่รากหยั่งลึกลงไปในดินแค่ตื้น ๆ และผูกติดอยู่กับหลักที่คอยพยุงเขาเอาไว้ แต่เมื่อหลักซึ่งหมายถึงเยโฮยาดาไม่มีอีกต่อไป แล้วพอมีคนที่นมัสการพระเท็จมาชักจูง เยโฮอาชก็ทิ้งพระยะโฮวาไปเหมือนกับต้นไม้ที่รากไม่ลึกและไม่มีหลัก พอถูกลมพัดก็ล้มลง ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ทำให้เราเห็นเลยว่าเราไม่ควรเกรงกลัวพระยะโฮวาเพราะแค่อยากทำตามครอบครัวหรือคนอื่น ๆ ในประชาคม เพื่อที่เราจะสนิทกับพระองค์เสมอ เราต้องรักและเกรงกลัวพระองค์ด้วยตัวเราเอง และต้องทำอย่างนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขยันอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิล รวมทั้งคิดใคร่ครวญและอธิษฐานเป็นประจำ (ยรม. 17:7, 8; คส 2:6, 7) พระยะโฮวาไม่ได้ขอจากเรามากเกินไป สิ่งที่พระองค์อยากได้จากเรามีบอกไว้ในปัญญาจารย์ 12:13 ที่บอกว่า “ให้เกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้และทำตามคำสั่งของพระองค์ เพราะนี่คือหน้าที่ทั้งหมดของมนุษย์” ถ้าเราเกรงกลัวพระยะโฮวา ไม่ว่าเราจะเจออะไรในอนาคต เราก็จะยังคงซื่อสัตย์และภักดีต่อพระองค์ได้ และจะไม่มีอะไรมาทำลายสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวาได้เลย ห23.06 น. 18-19 ว. 17-19
วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม
เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่—วว. 21:5
คำสัญญาของพระเจ้าเริ่มต้นว่า “พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์นั้นพูดว่า” (วว. 21:5ก) คำพูดนี้พิเศษมากเพราะในหนังสือวิวรณ์มีแค่ 3 ครั้งที่บอกว่าพระยะโฮวาเป็นผู้พูด นี่แสดงว่าผู้รับประกันคำสัญญาไม่ใช่ทูตสวรรค์หรือพระเยซู แต่เป็นพระยะโฮวา ดังนั้น เราสามารถมั่นใจคำพูดต่อจากนั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าพระยะโฮวา “โกหกไม่ได้” (ทต. 1:2) ดังนั้น คำพูดที่อยู่ในวิวรณ์ 21:5, 6 เชื่อถือได้แน่นอน นอกจากนั้น พระยะโฮวาบอกว่า “เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่” ที่จริง พระยะโฮวากำลังพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่พระองค์พูดเหมือนกับว่ากำลังเกิดขึ้นแล้ว นี่แสดงว่าพระองค์มั่นใจมากว่าคำสัญญานี้จะเกิดขึ้นจริงแน่นอน—อสย. 46:10 ห23.11 น. 3-4 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม
เขาจึงออกไปร้องไห้เสียใจอย่างหนัก—มธ. 26:75
อัครสาวกเปโตรต้องต่อสู้กับจุดอ่อนของตัวเอง ให้เรามาดูบางอย่างด้วยกัน ตอนที่พระเยซูอธิบายว่าท่านจะต้องทนทุกข์และตายเหมือนที่คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ เปโตรก็ทักท้วงว่าท่านจะไม่เจอแบบนั้นหรอก (มก. 8:31-33) นอกจากนั้น เปโตรกับอัครสาวกคนอื่น ๆ ก็เถียงกันบ่อย ๆ ว่าใครเป็นใหญ่ที่สุด (มก. 9:33, 34) และในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่ เปโตรก็ไปตัดหูผู้ชายคนหนึ่งเพราะความวู่วามของเขา (ยน. 18:10) แถมในคืนเดียวกันนั้นเอง เปโตรกลัวมากจนถึงกับปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง (มก. 14:66-72) นี่ทำให้เปโตรร้องไห้เสียใจอย่างหนัก แม้เปโตรจะเสียใจและผิดหวังในตัวเองแต่พระเยซูก็ไม่หมดหวังในตัวเขา หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายท่านให้โอกาสเปโตรแสดงว่าเขารักท่านจริง ๆ พระเยซูเชิญเปโตรให้มาดูแลแกะของท่าน (ยน. 21:15-17) และเปโตรก็พร้อมจะทำทุกอย่างที่พระเยซูอยากให้เขาทำ ดังนั้น เปโตรเลยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในวันเพ็นเทคอสต์ และอยู่ในคนกลุ่มแรกที่ได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์ ห23.09 น. 21-22 ว. 6-7
วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม
ให้คุณดูแลแกะตัวเล็ก ๆ ของผม—ยน. 21:16
อัครสาวกเปโตรบอกเพื่อนผู้ดูแลของเขาว่า “ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้า” (1 ปต. 5:1-4) ถ้าคุณเป็นผู้ดูแล เรารู้ว่าคุณรักพี่น้องมากและอยากเอาใจใส่พวกเขา แต่อาจมีบางครั้งที่คุณยุ่งหรือเหนื่อยมากจนรู้สึกว่าไม่สามารถดูแลพี่น้องได้อย่างเต็มที่ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณควรทำอะไร? ให้บอกพระยะโฮวาเกี่ยวกับเรื่องที่คุณกังวลและบอกพระองค์ว่าคุณอยากช่วยพี่น้องมากแค่ไหน เปโตรเขียนว่า “ถ้าใครรับใช้ก็ให้เขารับใช้โดยพึ่งกำลังที่มาจากพระเจ้า” (1 ปต. 4:11) พี่น้องของคุณอาจเจอปัญหาหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมดในตอนนี้ แต่ขอให้จำไว้ว่าพระเยซูซึ่งเป็น “ผู้เลี้ยงคนสำคัญ” จะช่วยพี่น้องได้มากกว่าที่คุณทำได้ ท่านสามารถช่วยได้ตั้งแต่ตอนนี้และในโลกใหม่ด้วย ดังนั้น สิ่งที่พระยะโฮวาขอให้ผู้ดูแลทำตอนนี้ก็มีแค่ ให้รักพี่น้อง เอาใจใส่พวกเขา และ “เป็นตัวอย่างให้ฝูงแกะ” ห23.09 น. 29-30 ว. 13-14
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม
พระยะโฮวารู้ว่าความคิดของคนฉลาด ๆ นั้นไร้ประโยชน์—1 คร. 3:20
เราต้องระวังการคิดหาเหตุผลแบบคนในโลก ถ้าเราคิดแบบคนทั่วไปในโลก เราก็อาจเริ่มไม่สนใจพระยะโฮวาและมาตรฐานของพระองค์ (1 คร. 3:19) คนทั่วไปชอบ “ความฉลาดของโลกนี้” คนในเมืองเปอร์กามัมและธิยาทิรามองว่าการผิดศีลธรรมและการนมัสการรูปเคารพเป็นเรื่องธรรมดา และคริสเตียนบางคนในเมืองนั้นก็ได้รับอิทธิพลจากพวกเขา พระเยซูก็เลยเตือนสองประชาคมนั้นแรง ๆ ที่พวกเขายอมให้มีการทำผิดศีลธรรมทางเพศ (วว. 2:14, 20) ทุกวันนี้เราก็เจอความกดดันให้ยอมรับความคิดแบบผิด ๆ ของคนทั่วไปในโลก คนในครอบครัว ญาติ หรือเพื่อน ๆ อาจพูดโน้มน้าวให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเชื่อเข้มงวดเกินไปและไม่ต้องสนใจทำตามกฎหมายของพระเจ้าก็ได้ เช่น พวกเขาอาจบอกว่าการทำตามมาตรฐานด้านศีลธรรมในคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่เรื่องสำคัญแถมยังล้าสมัย บางครั้งอาจเป็นไปได้ที่เรารู้สึกว่าคำแนะนำของพระยะโฮวายังไม่ชัดพอ เราเลยอาจอยากทำ “เลยขอบเขตที่เขียนบอกไว้”—1 คร. 4:6 ห23.07 น. 16 ว. 10-11
วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม
เพื่อนแท้รักกันอยู่เสมอ และเป็นเหมือนพี่น้องที่เกิดมาเพื่อช่วยกันในเวลาลำบาก—สภษ. 17:17
มารีย์แม่ของพระเยซูต้องเข้มแข็ง เธอจะตั้งท้องทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่เคยมีลูกมาก่อน แต่เธอต้องดูแลเด็กคนหนึ่งที่จะกลายเป็นเมสสิยาห์ในอนาคต ไม่เพียงเท่านั้นมารีย์ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่เธอต้องบอกโยเซฟซึ่งเป็นคู่หมั้นของเธอว่า เธอจะต้องตั้งท้อง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ (ลก. 1:26-33) อะไรช่วยให้มารีย์เข้มแข็ง? คำตอบก็คือ มารีย์ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ตัวอย่างเช่น มารีย์ขอให้ทูตสวรรค์กาเบรียลบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานมอบหมายนี้ (ลก. 1:34) หลังจากนั้น มารีย์ก็เดินทางไปที่แถบภูเขาของเขตตระกูลยูดาห์เพื่อไปหาเอลีซาเบธญาติของเธอ เอลีซาเบธชมมารีย์และได้รับการดลใจจากพระยะโฮวาให้พูดถึงคำพยากรณ์เกี่ยวกับลูกชายของมารีย์ที่ยังไม่เกิดมา (ลก. 1:39-45) มารีย์บอกว่าพระยะโฮวา “ใช้พลังอำนาจทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่” (ลก. 1:46-51) เห็นชัดเลยว่า พระยะโฮวาใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลกับเอลีซาเบธเพื่อทำให้มารีย์เข้มแข็ง ห23.10 น. 14-15 ว. 10-12
วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม
ท่านทำให้เราเป็นรัฐบาลและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าผู้เป็นพ่อของท่าน—วว. 1:6
มีสาวกของพระเยซูจำนวน 144,000 คนที่ถูกเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์และได้มีสายสัมพันธ์ที่พิเศษกับพระยะโฮวา พวกเขาจะรับใช้เป็นปุโรหิตร่วมกับพระเยซูในสวรรค์ (วว. 14:1) ห้องบริสุทธิ์ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เป็นภาพแสดงถึงการที่ผู้ถูกเจิมถูกรับเป็นลูกของพระเจ้าตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก (รม. 8:15-17) ส่วนห้องบริสุทธิ์ที่สุดเป็นภาพแสดงถึงสวรรค์ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระยะโฮวา “ม่าน” ที่กั้นระหว่างห้องบริสุทธิ์กับห้องบริสุทธิ์ที่สุดเป็นภาพแสดงถึงร่างกายที่เป็นมนุษย์ของพระเยซู ซึ่งถ้าท่านยังมีร่างกายแบบนี้อยู่ ท่านก็ไม่สามารถไปสวรรค์เพื่อไปทำหน้าที่มหาปุโรหิตที่ยิ่งใหญ่ในวิหารโดยนัยได้ ท่านเลยต้องสละร่างกายของท่าน นอกจากนั้น การทำอย่างนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกเจิมทุกคนขึ้นไปสวรรค์ได้ แต่พวกเขาก็ต้องสละร่างกายที่เป็นมนุษย์ด้วยเพื่อจะได้รับรางวัลในสวรรค์—ฮบ. 10:19, 20; 1 คร. 15:50 ห23.10 น. 28 ว. 13
วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม
ผมไม่มีเวลาพอจะเล่าต่อเกี่ยวกับกิเดโอน—ฮบ. 11:32
ตอนที่คนในตระกูลเอฟราอิมมาว่ากิเดโอน เขาไม่ได้โกรธ เขาพูดดี ๆ กับคนเหล่านั้นด้วย (วนฉ. 8:1-3) กิเดโอนแสดงความถ่อมโดยตั้งใจฟังว่าคนเหล่านั้นโมโหเรื่องอะไร และเขาก็รู้วิธีพูดเพื่อทำให้คนในตระกูลเอฟราอิมรู้สึกดีขึ้น ผู้ดูแลที่ฉลาดจะเลียนแบบกิเดโอน แม้พี่น้องจะมาว่าพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่โมโห พวกเขาจะตั้งใจฟังว่าพี่น้องรู้สึกยังไงและจะตอบพี่น้องดี ๆ ด้วย (ยก. 3:13) ถ้าผู้ดูแลทำแบบนั้นก็จะทำให้ประชาคมสงบสุข ตอนที่ชาวอิสราเอลยกย่องกิเดโอนที่เอาชนะชาวมีเดียนได้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมายกย่องเขา แต่เขาบอกว่าพระยะโฮวาต่างหากที่ทำให้อิสราเอลชนะ (วนฉ. 8:22, 23) และผู้ดูแลจะเลียนแบบกิเดโอนได้ยังไง? เมื่อพวกเขาทำงานรับใช้ได้สำเร็จ พวกเขาควรยกย่องพระยะโฮวา (1 คร. 4:6, 7) ตัวอย่างเช่น ถ้ามีพี่น้องชมผู้ดูแลคนหนึ่งว่าสอนได้ดีสอนได้เก่ง เขาควรบอกว่าเรื่องที่เขาสอนมาจากคัมภีร์ไบเบิล หรือเขาอาจบอกว่าองค์การของพระยะโฮวาฝึกสอนเราทุกคนดีมาก บางครั้งผู้ดูแลอาจต้องคิดว่าเขากำลังทำให้คนอื่นยกย่องพระยะโฮวาหรือทำให้คนอื่นประทับใจในตัวเขา ห23.06 น. 4 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม
ความคิดของเราไม่เหมือนกับความคิดของเจ้า—อสย. 55:8
ถ้าพระยะโฮวายังไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา เราต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันขอถูกไหม?’ เราอาจคิดว่า เรารู้ว่าอะไรดีสำหรับเรา แต่มันอาจไม่ดีที่สุดก็ได้ ถ้าเราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเกี่ยวกับปัญหาอย่างหนึ่ง เราอาจขอพระองค์ให้ช่วยแก้ปัญหาแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วพระองค์รู้วิธีแก้ที่ดีกว่า หรือสิ่งที่เราขออาจไม่ตรงกับความประสงค์ของพระองค์ก็ได้ (1 ยน. 5:14) ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงตัวอย่างของพ่อแม่ที่ขอพระยะโฮวาให้ช่วยลูกให้รับใช้พระองค์ต่อไปและไม่ออกจากความจริง นี่ดูเหมือนเป็นคำขอที่ดี แต่เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่เคยบังคับใครให้รับใช้พระองค์ พระองค์อยากให้เราทุกคน รวมถึงเด็ก ๆ เลือกที่จะรับใช้พระองค์ด้วยตัวเอง (ฉธบ. 10:12, 13; 30:19, 20) ดังนั้น พ่อแม่อาจปรับเปลี่ยนคำอธิษฐานของพวกเขาเป็นขอพระยะโฮวาช่วยให้พวกเขารู้วิธีสอนในแบบที่เข้าถึงหัวใจลูก เพื่อให้ลูกรับใช้พระยะโฮวาและอยากเป็นเพื่อนกับพระองค์—สภษ. 22:6; อฟ. 6:4 ห23.11 น. 21 ว. 5; น. 23 ว. 12
วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม
ให้กำลังใจกันเสมอ—1 ธส. 4:18
ทำไมการให้กำลังใจถึงเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงว่าเรารักพี่น้อง? หนังสืออ้างอิงเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเล่มหนึ่งพูดถึงคำว่า “ให้กำลังใจ” ที่เปาโลใช้ ที่นั่นบอกว่า “การให้กำลังใจหมายถึงการยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่กำลังเจอปัญหาหนักเพื่อจะให้กำลังใจเขา” ดังนั้น เมื่อเราให้กำลังใจพี่น้องที่กำลังเจอความทุกข์ เราก็กำลังช่วยเขาให้รับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้อย่างซื่อสัตย์ และทุกครั้งที่เราช่วยเหลือและให้กำลังใจเขา นั่นก็แปลว่าเรารักเขา (2 คร. 7:6, 7, 13) ความเห็นอกเห็นใจกับการให้กำลังใจเกี่ยวข้องกันอย่างมาก คนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นจะอยากให้กำลังใจคนที่กำลังเป็นทุกข์ ดังนั้น เราต้องมีความเห็นอกเห็นใจก่อน เราถึงจะอยากให้กำลังใจเขา ให้เรามาดูกันว่าเปาโลเชื่อมโยงความเห็นอกเห็นใจของพระยะโฮวากับการที่พระองค์ให้กำลังใจคนอื่นยังไง? เปาโลบอกว่าพระยะโฮวา “เป็นพ่อที่มีความเมตตากรุณาและเป็นพระเจ้าที่คอยให้กำลังใจในทุกสถานการณ์”—2 คร. 1:3 ห23.11 น. 9 ว. 8-10
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม
มีความสุขด้วยเมื่อเจอความยากลำบาก—รม. 5:3
สาวกทุกคนของพระเยซูคาดหมายว่าจะต้องเจอกับความยากลำบาก อัครสาวกเปาโลเองก็เจอแบบนั้น เขาบอกพี่น้องที่อยู่ในเมืองเธสะโลนิกาว่า “ตอนที่อยู่กับพวกคุณ เราเคยบอกไว้แล้วว่าเราจะต้องเจอความยากลำบาก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ” (1 ธส. 3:4) นอกจากนั้น เขาเขียนถึงพี่น้องในเมืองโครินธ์ว่า “เราอยากให้พวกคุณรู้เรื่องความยากลำบากที่เราเจอ . . . เราคิดว่าคงต้องตายแน่ ๆ” (2 คร. 1:8; 11:23-27) คริสเตียนในทุกวันนี้ก็คาดหมายได้ว่าจะต้องเจอกับความยากลำบาก (2 ทธ. 3:12) คุณกำลังเจอความยากลำบากเพราะเชื่อในพระเยซูและเป็นสาวกของท่านไหม? เพื่อนหรือญาติอาจเยาะเย้ยคุณหรืออาจถึงกับต่อต้านคุณเลยด้วยซ้ำ และเนื่องจากคุณอยากจะซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง มันเลยทำให้คุณเจอปัญหาในที่ทำงานไหม? (ฮบ. 13:18) คุณเคยเจอการต่อต้านจากรัฐบาลเพราะคุณบอกเรื่องความหวังให้กับคนอื่นไหม? ไม่ว่าเราจะเจอกับความยากลำบากอะไรก็ตาม เปาโลบอกว่าเราควรจะมีความสุข ห23.12 น. 10-11 ว. 9-10
วันพุธที่ 23 กรกฎาคม
ลูก ๆ ทำให้พ่อเดือดร้อนมาก—ปฐก. 34:30
ยาโคบอดทนกับปัญหาหลายอย่าง ลูกชาย 2 คนของยาโคบคือสิเมโอนกับเลวีทำให้ครอบครัวขายหน้าและทำให้พระยะโฮวาเสียชื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ราเชลภรรยาที่ยาโคบรักก็ตายตอนที่คลอดลูกชายคนที่ 2 มิหนำซ้ำตอนที่เกิดการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ยาโคบก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อียิปต์ทั้งที่ตัวเองอายุมากแล้ว (ปฐก. 35:16-19; 37:28; 45:9-11, 28) ถึงยาโคบจะเจอแต่ปัญหาเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่เขาก็ยังเชื่อในพระยะโฮวาและคำสัญญาของพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง และพระยะโฮวาก็ทำให้ยาโคบเห็นว่าพระองค์ยังรักเขาเสมอ เช่น พระองค์อวยพรให้เขามีทรัพย์สมบัติเยอะขึ้นเรื่อย ๆ และลองนึกดูว่ายาโคบจะขอบคุณพระยะโฮวาขนาดไหนที่ได้มีโอกาสเจอกับโยเซฟลูกชายที่เขาคิดว่าตายไปนานแล้ว การที่ยาโคบสนิทกับพระยะโฮวาทำให้เขาสามารถรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตได้ (ปฐก. 30:43; 32:9, 10; 46:28-30) ดังนั้น ถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวาเสมอ ถึงจะเจอปัญหาโดยไม่คาดคิด เราก็จะรับมือได้แน่นอน ห23.04 น. 15 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม
พระยะโฮวาเลี้ยงดูผมเหมือนผู้เลี้ยงแกะ ผมจะไม่ขาดอะไรเลย—สด. 23:1
เนื้อหาในสดุดีบท 23 แสดงถึงความมั่นใจในความรักและการดูแลเอาใจใส่ของพระยะโฮวา ดาวิดเป็นเป็นผู้เขียนเพลงสดุดีบทนี้ เขาพรรณนาว่าพระยะโฮวาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะกับเขาสนิทกันมากจริง ๆ ดาวิดบอกว่าเขารู้สึกปลอดภัยที่พระยะโฮวาคอยชี้นำเขา และดาวิดก็ไว้ใจพระยะโฮวาเต็มที่ เขารู้ว่าพระยะโฮวาจะแสดงความรักกับเขาทุกวันตลอดชีวิต แล้วอะไรทำให้ดาวิดมั่นใจขนาดนี้? ดาวิดเห็นเลยว่าพระยะโฮวาดูแลให้เขามีสิ่งจำเป็นเสมอไม่เคยขาด และเขายังรู้ด้วยว่าพระยะโฮวาเป็นเพื่อนและพระองค์พอใจในตัวเขา นี่เลยทำให้เขามั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พระยะโฮวาจะดูแลให้เขามีสิ่งจำเป็นเสมอ เนื่องจากดาวิดมั่นใจว่าพระยะโฮวารักและจะดูแลเขาอย่างดี มันก็เลยทำให้เขาดีใจ มีความสุข และไม่กังวลอะไรเลย—สด. 16:11 ห24.01 น. 29 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม
ผมจะอยู่กับพวกคุณเสมอจนถึงสมัยสุดท้ายของโลกนี้—มธ. 28:20
ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา คนของพระยะโฮวาในหลายประเทศมีอิสระในการประกาศข่าวดี ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายได้รู้จักพระยะโฮวาและเข้ามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และตอนนี้งานประกาศก็ได้แพร่ขยายไปทั่วโลกแล้วในทุกวันนี้ คณะกรรมการปกครองก็ยังคงพึ่งการชี้นำที่มาจากพระเยซูต่อไป พวกเขาอยากให้คำแนะนำพี่น้องในแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของพระยะโฮวาและพระเยซูจริง ๆ แล้วพวกเขาก็จะใช้ผู้ดูแลหมวดและผู้ดูแลประชาคมเพื่อให้คำแนะนำกับพี่น้องในประชาคม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผู้ดูแลที่เป็นผู้ถูกเจิมและผู้ดูแลทั้งหมดในประชาคมต่าง ๆ “อยู่ในมือขวา” ของพระคริสต์ (วว. 2:1) ถึงอย่างนั้น ผู้ดูแลทุกคนก็เป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ พวกเขาทำผิดพลาดได้ และแม้แต่โมเสส โยชูวา และพวกอัครสาวกก็ทำผิดพลาดในบางครั้งด้วย (กดว. 20:12; ยชว. 9:14, 15; รม. 3:23) แต่เราเห็นได้ชัดเจนเลยว่าพระคริสต์กำลังชี้นำทาสที่ซื่อสัตย์และผู้ดูแลทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้ง และท่านจะทำอย่างนั้นต่อไป ดังนั้น เราจึงมั่นใจในการชี้นำของพระเยซูที่มาผ่านทางพี่น้องที่ได้รับการแต่งตั้งเหล่านี้ได้ ห24.02 น. 23-24 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม
เลียนแบบพระเจ้าอย่างลูกที่รักของพระองค์—อฟ. 5:1
ทุกวันนี้เราก็สามารถทำให้พระยะโฮวาดีใจได้โดยพูดกับคนอื่นว่าเรารู้สึกขอบคุณและรักพระองค์มากขนาดไหน ตอนที่เราทำงานรับใช้ เราต้องจำไว้เสมอว่าเราควรช่วยผู้คนให้มารู้จักพระยะโฮวาและมองพระองค์เหมือนที่เรามอง (ยก. 4:8) เราอยากช่วยคนอื่นให้รู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงพระยะโฮวายังไง และช่วยพวกเขาให้รู้จักคุณลักษณะที่ดีของพระองค์ เช่น ความรัก ความยุติธรรม สติปัญญา และอำนาจ รวมถึงคุณลักษณะที่ดีอื่น ๆ ของพระยะโฮวา นอกจากนั้น เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวาและทำให้พระองค์ดีใจได้โดยการเลียนแบบพระองค์ เมื่อเราทำแบบนี้ เราก็จะต่างจากคนอื่นในโลกชั่ว และอาจจะมีคนสังเกตเห็นความแตกต่างของเราและอาจอยากรู้ก็ได้ว่าทำไมเราถึงต่างจากพวกเขา (มธ. 5:14-16) ตอนที่เราใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไป ในแต่ละวันเราอาจมีโอกาสที่จะอธิบายให้พวกเขารู้ว่าทำไมเราถึงทำบางอย่างไม่เหมือนคนอื่น เมื่อเราทำแบบนี้เราก็อาจทำให้คนที่มีหัวใจดีอยากรู้จักพระองค์ก็ได้ การทำแบบนี้จะทำให้พระยะโฮวาดีใจแน่ ๆ—1 ทธ. 2:3, 4 ห24.02 น. 10 ว. 7
วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม
เพื่อเขาจะสามารถให้กำลังใจคนอื่น . . . และว่ากล่าวตักเตือน—ทต. 1:9
เพื่อที่คุณจะเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ คุณควรฝึกที่จะมีทักษะบางอย่าง การทำแบบนี้มีประโยชน์มาก เช่น มันจะทำให้คุณช่วยงานในประชาคมได้ หาเลี้ยงตัวเองหรือเลี้ยงครอบครัวได้ และช่วยให้สนิทกับพี่น้องมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ให้คุณฝึกที่จะอ่านและเขียนได้คล่อง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า คนที่อ่านและคิดใคร่ครวญคำสอนของพระยะโฮวาทุกวันจะมีความสุข และไม่ว่าเขาทำอะไรก็จะสำเร็จ (สด. 1:1-3) การอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันจะช่วยให้เขารู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงและคิดเหมือนกับพระองค์ และเขาจะรู้วิธีใช้คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล (สภษ. 1:3, 4) พี่น้องในประชาคมจะพึ่งพี่น้องชายที่สามารถสอนและให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลได้ ถ้าคุณอ่านและเขียนได้คล่อง คุณจะเตรียมคำบรรยายและออกความเห็นในแบบที่ทำให้พี่น้องมีความเชื่อเข้มแข็ง นอกจากนั้น ถ้าคุณอ่านและเขียนได้คล่อง มันจะช่วยให้คุณจดโน้ตได้ดี สิ่งที่คุณจดไว้จะช่วยให้คุณมีความเชื่อเข้มแข็งและจะช่วยให้คุณให้กำลังใจคนอื่นได้ ห23.12 น. 26-27 ว. 9-11
วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม
พระเจ้าที่คอยสนับสนุนพวกคุณยิ่งใหญ่กว่ามารที่สนับสนุนโลกนี้อยู่—1 ยน. 4:4
ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณกลัว ให้คิดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาจะทำในอนาคตเมื่อไม่มีซาตานอีกแล้ว ในการประชุมภูมิภาคปี 2014 มีการสาธิตฉากหนึ่งที่คนเป็นพ่อคุยกับทุกคนในครอบครัวว่าให้ลองเปลี่ยนคำพรรณนาที่พูดถึงใน 2 ทิโมธี 3:1-5 ในแบบที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง มันจะช่วยให้รู้ว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นยังไง “ในโลกใหม่จะเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข เพราะทุกคนในโลกจะรักกัน รักความจริง เจียมตัว ถ่อม ยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวา เชื่อฟังพ่อแม่ สำนึกบุญคุณ ภักดี รักญาติพี่น้อง ยอมกันและกัน ชอบชมเชยคนอื่น ควบคุมตัวเองได้ อ่อนโยน รักสิ่งที่ดี เป็นคนซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ไม่หัวดื้อ ไม่อวดดี ไม่เป็นคนรักสนุกแต่รักพระเจ้า เป็นคนเลื่อมใสพระเจ้าจากหัวใจ ขอให้คุณสนิทกับคนพวกนั้นไว้” แล้วคุณล่ะ คุณอยากลองคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ไหมว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นยังไง? ห24.01 น. 6 ว. 13-14
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม
พ่อพอใจในตัวลูกมาก—ลก. 3:22
เราได้กำลังใจจริง ๆ ที่รู้ว่า “พระยะโฮวาพอใจประชาชนของพระองค์” (สด. 149:4) แต่บางคนก็รู้สึกไม่มั่นใจและอาจสงสัยว่า ‘พระยะโฮวาพอใจในตัวฉันจริง ๆ ไหม?’ ผู้รับใช้พระองค์ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลบางคนก็เคยรู้สึกแบบนี้ (1 ซม. 1:6-10; โยบ 29:2, 4; สด. 51:11) คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่ามนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบก็ทำให้พระยะโฮวาพอใจได้ เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้เมื่อคนนั้นแสดงความเชื่อในพระเยซูและรับบัพติศมา (ยน. 3:16) ดังนั้น เราต้องทำให้คนอื่นเห็นว่าเรากลับใจจากบาปจริง ๆ และได้อุทิศตัวเพื่อจะทำทุกอย่างที่พระยะโฮวาต้องการ (กจ. 2:38; 3:19) พระยะโฮวาดีใจที่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่อจะสนิทกับพระองค์ เมื่อเราใช้ชีวิตสมกับการอุทิศตัวต่อ ๆ ไป พระยะโฮวาจะพอใจในตัวเราและถือว่าเราเป็นเพื่อนสนิทของพระองค์—สด. 25:14 ห24.03 น. 26 ว. 1-2
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม
พวกเราจะหยุดพูดเรื่องที่ได้เห็นและได้ยินนั้นไม่ได้—กจ. 4:20
เราสามารถเลียนแบบสาวกของพระเยซูได้โดยประกาศต่อ ๆ ไปถึงแม้เจ้าหน้าที่จะสั่งให้เลิกประกาศ เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราให้ทำงานรับใช้ได้สำเร็จ ดังนั้นให้เราอธิษฐานขอความกล้าหาญและสติปัญญาจากพระยะโฮวาและขอพระองค์ช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้ พวกเราหลายคนอาจเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจ มีคนที่รักตายจากไป มีปัญหาครอบครัว ถูกข่มเหง หรือมีปัญหาอื่น ๆ ในชีวิต และยิ่งถ้าเกิดโรคระบาดใหญ่หรือมีสงคราม การรับมือกับปัญหาเหล่านี้ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ถ้าคุณเจอแบบนี้อยู่ ให้อธิษฐานระบายกับพระยะโฮวาว่าคุณกำลังเจออะไรและรู้สึกยังไงเหมือนที่คุณระบายให้เพื่อนสนิทฟัง และให้มั่นใจว่าพระยะโฮวา “จะช่วยคุณ” (สด. 37:3, 5) การอธิษฐานบ่อย ๆ จะช่วยให้เรา “อดทนเมื่อเจอความยากลำบาก” (รม. 12:12) พระยะโฮวารู้ว่าผู้รับใช้ของพระองค์กำลังเจอกับปัญหาอะไร และ “พระองค์ฟังพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ”—สด. 145:18, 19 ห23.05 น. 5-6 ว. 12-15
วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม
คอยตรวจดูให้แน่ใจว่าอะไรที่ผู้เป็นนายพอใจ—อฟ. 5:10
เมื่อเราต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ เราควรพยายามเข้าใจว่า “พระยะโฮวาต้องการอะไร” แล้วก็ทำตามนั้น (อฟ. 5:17) ตอนที่เราเจอสถานการณ์บางอย่าง แล้วเราหาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องนั้น นี่ก็แสดงว่าเราอยากรู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไง และเมื่อเราทำตามหลักการของพระองค์ เราก็จะตัดสินใจได้อย่างฉลาด ซาตาน “ตัวชั่วร้าย” อยากให้เรายุ่งอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่โลกนี้เสนอให้ จนเราไม่มีเวลาที่จะรับใช้พระเจ้า (1 ยน. 5:19) คริสเตียนบางคนอาจให้การหาเงิน การเรียนสูง ๆ หรือการทำงานสำคัญกว่าการรับใช้พระยะโฮวา ถ้าเป็นอย่างนั้นนี่ก็แสดงว่าเขาเริ่มคิดแบบคนในโลกแล้ว ที่จริงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ห24.03 น. 24 ว. 16-17