มิถุนายน
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน
พวกเราจะได้เข้ารัฐบาลของพระเจ้าโดยผ่านความยากลำบากหลายอย่าง—กจ. 14:22
พระยะโฮวาอวยพรคริสเตียนในยุคแรกที่พยายามปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาเจอการข่มเหงบ่อย ๆ ซึ่งบางครั้งเป็นตอนที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเจอแบบนั้น ให้เราดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเปาโลและบาร์นาบัสตอนที่พวกเขาประกาศอยู่ที่เมืองลิสตรา ตอนแรกคนในเมืองนั้นต้อนรับเปาโลกับบาร์นาบัสอย่างดี แต่หลังจากนั้นมีบางคนมา “ยุยงฝูงชน” ให้ต่อต้านเปาโล เลยทำให้บางคนในเมืองนั้นที่ตอนแรกต้อนรับเปาโลถึงกับเอาหินขว้างและปล่อยให้เขาตาย (กจ. 14:19) ถึงจะเป็นอย่างนั้น เปาโลกับบาร์นาบัสก็ยังคงประกาศต่อไปในเมืองอื่น แล้วผลเป็นยังไง? พวกเขาสามารถช่วย “หลายคน” ให้เข้ามาเป็นสาวกได้ และตัวอย่างกับคำพูดของพวกเขาก็ทำให้คริสเตียนคนอื่นได้กำลังใจ (กจ. 14:21, 22) การที่เปาโลกับบาร์นาบัสไม่ยอมแพ้และไม่ทิ้งงานรับใช้ตอนที่ถูกข่มเหงทำให้หลายคนได้ประโยชน์จริง ๆ ดังนั้น ถ้าเรายังคงรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปและไม่ยอมแพ้ เราจะได้รับพรแน่นอน ห23.04 17:13-14
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน
พระยะโฮวา โปรดฟังคำอธิษฐานของผมและโปรดตั้งใจฟังเมื่อผมร้องขอความช่วยเหลือผมร้องเรียกพระองค์เมื่อมีความทุกข์เพราะพระองค์จะตอบผม—สด. 86:6, 7
ตลอดชีวิตของดาวิด เขาเจอศัตรูมากมายและเขาอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเสมอ ดาวิดซึ่งเป็นคนที่เขียนหนังสือสดุดีมั่นใจว่าพระยะโฮวาฟังและตอบคำอธิษฐานของเขา คุณก็มั่นใจได้เหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาสามารถให้สติปัญญากับเราและให้กำลังเพื่อเราจะอดทนได้ และพระองค์อาจใช้พี่น้องหรือแม้แต่คนที่ตอนนี้ยังไม่ได้นมัสการพระองค์ให้ช่วยเราก็ได้ ถึงพระยะโฮวาอาจไม่ได้ตอบคำอธิษฐานในแบบที่เราต้องการทุกครั้ง แต่เรารู้ว่าพระองค์จะตอบแน่นอน พระองค์จะให้สิ่งที่เราจำเป็นต้องมีในเวลาที่เหมาะที่สุด ดังนั้น ขอให้คุณอธิษฐานต่อ ๆ ไปและเชื่อว่าพระองค์จะฟัง ให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาสนใจและเป็นห่วงคุณมากตอนนี้ และพระองค์จะ “ทำให้ทุกชีวิตอิ่มสมปรารถนา” ในโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึงแน่นอน—สด. 145:16 ห23.05 21:4, 17-18
วันอังคารที่ 3 มิถุนายน
ผมจะทำอะไรเพื่อตอบแทนพระยะโฮวาสำหรับสิ่งดีทุกอย่างที่พระองค์ทำให้ผม?—สด. 116:12
เมื่อเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จเราควรขอบคุณพระยะโฮวา คุณนึกออกไหมว่าคุณจะได้ประโยชน์อะไรบ้างถ้าคุณทำตามเป้าหมายของคุณได้? ถ้าเป้าหมายของคุณคือการอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรืออธิษฐาน ให้ลองคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณให้สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นขนาดไหน (สด. 145:18, 19) หรือถ้าเป้าหมายของคุณคือการพยายามมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนเพิ่มขึ้น ลองคิดดูว่าถ้าคุณทำได้ มันจะช่วยให้คุณสนิทกับพี่น้องมากขึ้นแค่ไหน (คส. 3:14) ให้เขียนประโยชน์ทั้งหมดที่คุณจะได้ถ้าคุณทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ และให้กลับมาดูที่คุณจดไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อคุณจะมีแรงกระตุ้นให้ทำตามเป้าหมายได้ นอกจากนี้ ให้เราคบกับคนที่จะกระตุ้นเราได้ (สภษ. 13:20) จริง ๆ แล้วต้องยอมรับว่าบางวันเราก็ไม่มีแรงกระตุ้นหรือไม่มีอารมณ์จะทำตามเป้าหมาย นี่หมายความว่าเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จเลยไหม? ไม่ใช่แบบนั้น เราก็ต้องพยายามหาทางที่จะทำตามเป้าหมายของเราต่อไปแม้วันนั้นเราจะไม่อยากทำ ถึงมันจะไม่ง่ายและเราต้องมีวินัยกับตัวเอง แต่มันก็คุ้มจริง ๆ ห23.05 24:5-8
วันพุธที่ 4 มิถุนายน
ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น—กท. 6:7
การที่เรารู้ว่าต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของเราจะทำให้เราสารภาพผิด แก้ไขความผิดพลาด และพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก การทำแบบนี้จะช่วยให้เรายังวิ่งแข่งเพื่อชีวิตต่อ ๆ ไปได้ ถ้าคุณตัดสินใจผิด คุณควรทำอะไร? อย่าเสียเวลาและกำลังไปกับการโทษตัวเอง พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ผิด หรือโทษคนอื่น ให้ยอมรับว่าคุณทำผิดพลาดไปแล้ว และพยายามทำสิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้ให้ดีที่สุด และถ้าคุณรู้สึกผิดก็ให้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาด้วยความถ่อม ยอมรับความผิดของคุณ และขอพระองค์ให้อภัยคุณ (สด. 25:11; 51:3, 4) นอกจากนั้น ให้ไปขอโทษคนที่คุณอาจทำไม่ดีหรือพูดไม่ดีกับเขา และถ้าจำเป็นก็ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล (ยก. 5:14, 15) ให้คุณเรียนรู้จากความผิดพลาดและพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก ถ้าคุณทำทั้งหมดนี้ คุณก็มั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะเมตตาและช่วยคุณแน่นอน—สด. 103:8-13 ห23.08 36:8-9
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน
เยโฮอาชทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้องตลอดช่วงที่ปุโรหิตเยโฮยาดายังสั่งสอนเขาอยู่—2 พก. 12:2
ช่วงแรกเยโฮอาชเป็นกษัตริย์ที่ดีเพราะปุโรหิตเยโฮยาดาช่วยเขาให้รักพระยะโฮวาและอยากทำให้พระองค์พอใจ แต่หลังจากที่เยโฮยาดาตายไปแล้ว เยโฮอาชก็ไปฟังพวกเจ้านายที่หันไปนมัสการพระเท็จ (2 พศ. 24:4, 17, 18) แม้พระยะโฮวาจะเสียใจมาก แต่พระองค์ก็ยังพยายามช่วยพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าโดย “ส่งพวกผู้พยากรณ์มาช่วยพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ . . . แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง” กษัตริย์กับประชาชนถึงกับไม่ยอมฟังเศคาริยาห์ซึ่งเป็นลูกชายของเยโฮยาดา ทั้ง ๆ ที่เศคาริยาห์เป็นทั้งผู้พยากรณ์และปุโรหิตแถมยังเป็นญาติของเยโฮอาชด้วย ไม่ใช่แค่นั้น เยโฮอาชถึงขนาดสั่งฆ่าเศคาริยาห์ (2 พศ. 22:11; 24:19-22) เยโฮอาชไม่ได้เกรงกลัวพระยะโฮวาเสมอ พระยะโฮวาบอกว่า “ใครดูหมิ่นเรา เราจะดูหมิ่นเขา” (1 ซม. 2:30) แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะต่อมาซีเรียสามารถเอาชนะกองทัพใหญ่ของเยโฮอาชได้ทั้ง ๆ ที่มีทหารไม่มาก และยังทำให้เขา “ได้รับบาดเจ็บสาหัส” ด้วย (2 พศ. 24:24, 25) แล้วพอพวกซีเรียถอนทัพกลับไป ข้าราชสำนักของเยโฮอาชก็กำจัดเขาเพราะเขาฆ่าเศคาริยาห์ ห23.06 27:16-17
วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน
พวกคุณเคยอยู่ในความมืด แต่ตอนนี้พวกคุณอยู่ในความสว่างแล้ว—อฟ. 5:8
อัครสาวกเปาโลเคยอยู่ที่เมืองเอเฟซัสมาก่อน ตอนนั้นเขาประกาศข่าวดีและสอนผู้คนที่นั่น (กจ. 19:1, 8-10; 20:20, 21) เปาโลรักพี่น้องมาก เขาอยากช่วยพี่น้องให้ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอ พี่น้องในเมืองเอเฟซัสเคยนับถือศาสนาเท็จและชอบเรื่องเวทมนตร์คาถามาก คนในเมืองเอเฟซัสชอบทำผิดศีลธรรมและปล่อยตัวประพฤติไร้ยางอาย ละครที่เล่นในโรงละครเมืองนั้นรวมทั้งเทศกาลทางศาสนามีแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ (อฟ. 5:3) ชาวเมืองนั้นส่วนใหญ่ “ไม่รู้สึกละอายต่อบาป” ซึ่งสำนวนนี้แปลตรงตัวว่า “มาถึงขั้นไม่เจ็บปวด” (อฟ. 4:17-19) ก่อนที่ชาวเมืองเอเฟซัสบางคนจะได้เรียนรู้มาตรฐานของพระยะโฮวาในเรื่องถูกผิด พวกเขาไม่รู้สึกละอายใจเลยตอนที่ทำผิด นี่เลยเป็นเหตุผลที่เปาโลพูดถึงพวกเขาว่า “จิตใจของพวกเขามืดไป พวกเขาไม่ได้รับชีวิตแบบที่พระเจ้าเสนอให้” แต่ชาวเอเฟซัสบางคนได้ออกมาจากความมืด ห24.03 12:2, 4-6
วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน
คนที่วางใจพระยะโฮวาจะกลับมีเรี่ยวแรงอีก พวกเขา . . . จะเดินโดยไม่เมื่อยล้า—อสย. 40:31
กิเดโอนเป็นผู้วินิจฉัย เขาเลยต้องทำงานหนักมาก ตอนที่เขาทำสงครามกับชาวมีเดียนตอนกลางคืนจนพวกนั้นหนีไป กิเดโอนก็ไล่ตามไปตั้งแต่หุบเขายิสเรเอลไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน (วนฉ. 7:22) พอไปถึงแม่น้ำจอร์แดน กิเดโอนหยุดแค่นั้นไหม? ไม่เลย ถึงเขากับทหารอีก 300 คนจะเหนื่อยมากแต่ก็ยังข้ามแม่น้ำจอร์แดนและไล่ตามไป ในที่สุดพวกเขาก็ไล่ตามชาวมีเดียนทันและเอาชนะพวกนั้นได้ (วนฉ. 8:4-12) กิเดโอนมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้กำลังกับเขาและช่วยเขาให้เข้มแข็ง และเขาก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ (วนฉ. 6:14, 34) ครั้งหนึ่งกิเดโอนกับทหารของเขาวิ่งไล่ตามกษัตริย์มีเดียน 2 คนที่อาจขี่อูฐหนีไป และพระยะโฮวาก็ช่วยให้พวกเขาจับกษัตริย์ 2 องค์นั้นได้และชนะในการสู้รบ (วนฉ. 8:12, 21) ผู้ดูแลก็พึ่งพระยะโฮวาแบบกิเดโอนได้เพราะ “พระองค์ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยหรือหมดแรง” พระองค์จะให้กำลังกับผู้ดูแลเพื่อช่วยพวกเขาให้ทำงานมอบหมายได้ต่อ ๆ ไป—อสย. 40:28, 29 ห23.06 25:14, 16
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน
[พระยะโฮวา] จะไม่ทิ้งขว้างหรือทอดทิ้งคุณเลย—ฉธบ. 31:6
ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไรในชีวิต เราก็ทำให้ใจของเรามั่นคงได้ ดังนั้น ให้เราไว้วางใจพระยะโฮวาเสมอ ให้เรามาดูกันว่าการไว้วางใจการชี้นำของพระยะโฮวาช่วยบาราคยังไงให้เอาชนะศัตรูได้ พระยะโฮวาให้บาราคพาทหารไปสู้กับกองทัพชาวคานาอันที่มีอาวุธครบมือ ตอนนั้นกองทัพอิสราเอลไม่มีโล่หรือหอกแม้แต่อันเดียว (วนฉ. 5:8) ผู้พยากรณ์หญิงเดโบราห์บอกบาราคให้ลงจากภูเขาทาโบร์ไปสู้กับแม่ทัพสิเสราที่มีทหารและรถศึกถึง 900 คัน แม้บาราครู้ว่ารถศึกเหล่านั้นจะได้เปรียบเมื่อรบในที่ราบแต่เขาก็เชื่อฟัง ตอนที่ทหารของบาราคลงไปสู้ตรงที่ราบ พระยะโฮวาก็ให้มีฝนตกลงมาอย่างหนักจนรถศึกของพวกคานาอันจมลงไปในโคลน และพระองค์ก็ช่วยให้บาราคเอาชนะได้ (วนฉ. 4:1-7, 10, 13-16) พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เราชนะด้วยถ้าเราไว้วางใจพระองค์และคำแนะนำของพระองค์ที่ให้ผ่านทางองค์การ ห23.07 31:17-18
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน
คนที่อดทนจนถึงที่สุดจะได้รับการช่วยให้รอด—มธ. 24:13
การเป็นคนอดทนสำคัญมากเพื่อเราจะรอดได้ เราต้องอดทนรอพระยะโฮวาทำให้คำสัญญาของพระองค์เกิดขึ้นจริงเหมือนที่ผู้รับใช้ในอดีตได้อดทนรอมาแล้ว (ฮบ. 6:11, 12) คัมภีร์ไบเบิลเปรียบเราเหมือนกับชาวไร่ชาวนา (ยก. 5:7, 8) ชาวไร่ชาวนาขยันเพาะปลูกและรดน้ำ ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาปลูกจะงอกขึ้นมาเมื่อไหร่แต่พวกเขาก็อดทนรอและมั่นใจว่าจะได้เก็บเกี่ยวพืชผลแน่ ๆ เหมือนกันเราในทุกวันนี้ก็พยายามขยันในงานรับใช้และทำกิจกรรมของคริสเตียน ถึงเราจะ “ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายของ [เรา] จะมาวันไหน” แต่เราก็อดทนรอและมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำให้คำสัญญาของพระองค์เกิดขึ้นจริงตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้ (มธ. 24:42) แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเริ่มไม่อดทน เราอาจไม่อยากรอพระยะโฮวาอีกต่อไป แล้วก็ค่อย ๆ ห่างจากพระองค์ และอาจเริ่มไขว่คว้าหาสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขแค่ในตอนนี้ ดังนั้น เราต้องอดทนจนถึงที่สุดเพื่อจะได้รับการช่วยให้รอด—มคา. 7:7 ห23.08 35:7
วันอังคารที่ 10 มิถุนายน
นิ้วเท้ามีทั้งเหล็กและดิน—ดนล. 2:42
เมื่อเราเอาคำพยากรณ์ในดาเนียล 2:41-43 ไปเทียบกับคำพยากรณ์อื่น ๆ ในหนังสือดาเนียลและหนังสือวิวรณ์ เราก็ได้เข้าใจว่าเท้าหมายถึงมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยของเรา ดาเนียลพูดถึงมหาอำนาจนี้ว่า “อาณาจักรนี้มีทั้งส่วนที่แข็งแกร่งและส่วนที่อ่อนแอ” ทำไมอาณาจักรนี้ถึงอ่อนแอ? เพราะคนธรรมดาสามัญซึ่งเป็นเหมือนดินที่อ่อนนุ่มทำให้อำนาจที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กของมหาอำนาจนี้อ่อนลง เราได้เรียนความจริงสำคัญหลายเรื่องจากความฝันเรื่องรูปปั้น อย่างแรกที่เราได้เรียนคือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาแข็งแกร่งและมีอำนาจ ตัวอย่างเช่น มหาอำนาจนี้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แต่มหาอำนาจนี้ก็อ่อนแอและจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เพราะประชาชนต่อสู้กันเองและต่อสู้กับรัฐบาล อย่างที่ 2 ที่เราได้เรียนก็คือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจสุดท้ายที่ปกครองโลกนี้ก่อนที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์ ห23.08 34:12-13
วันพุธที่ 11 มิถุนายน
เมื่อมีทุกข์ ผมเรียกหาพระยะโฮวา ผมร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของผมไม่หยุด พระองค์ได้ยินเสียงของผมที่ดังไปถึงวิหารของพระองค์—สด. 18:6
บางครั้งดาวิดรู้สึกทุกข์ใจเพราะเจอกับปัญหาหลายอย่าง (สด. 18:4-5) แต่ความรักและการดูแลเอาใจใส่จากพระยะโฮวาทำให้เขาสดชื่น และพระยะโฮวาช่วยให้ดาวิดเพื่อนของพระองค์ที่รู้สึกหมดแรงได้อยู่ในที่ที่มี “ทุ่งหญ้าเขียวสด” และ “น้ำอุดมสมบูรณ์” ดาวิดเลยกลับมามีแรงมีกำลังอีกครั้ง และสามารถรับใช้พระองค์ต่อไปอย่างมีความสุขได้ (สด. 18:28-32) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ตอนที่เราเจอกับปัญหาในชีวิตเราอาจเห็นเลยว่า “เพราะพระยะโฮวามีความรักที่มั่นคง พวกเราจึงยังไม่พบจุดจบ” (พคค. 3:22; คส. 1:11) ดาวิดมักจะตกอยู่ในอันตรายบ่อย ๆ และต้องเจอกับศัตรูที่มีอำนาจและแข็งแกร่งกว่าเขาเยอะ แต่ความรักของพระยะโฮวาทำให้ดาวิดรู้สึกปลอดภัย เขารู้สึกได้เลยว่าพระยะโฮวาอยู่กับเขาในทุกสถานการณ์ และนี่ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะได้รับการปกป้องจากพระองค์ เขาร้องเพลงว่า “[พระยะโฮวา] ช่วยผมไม่ให้กลัวอะไรอีกแล้ว” (สด. 34:4) ถึงแม้จะมีบางครั้งที่ดาวิดรู้สึกกลัวมาก แต่เขาก็เอาชนะความกลัวได้เพราะรู้ว่าพระยะโฮวารักเขา ห24.01 4:15-17
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน
ถ้าคนบาปมาชักจูงลูก อย่าไปฟังเขา—สภษ. 1:10
เรียนจากการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดของเยโฮอาช หลังจากที่มหาปุโรหิตเยโฮยาดาตาย เยโฮอาชก็คบเพื่อนไม่ดีซึ่งทำให้เขาทำสิ่งที่ผิด (2 พศ. 24:17, 18) เขาไปฟังพวกเจ้านายของยูดาห์ที่ไม่รักพระยะโฮวา คุณเห็นด้วยไหมว่าเยโฮอาชไม่น่าจะไปคบกับคนพวกนั้นเลย? เยโฮอาชกลับฟังคนเหล่านั้นที่เขาเรียกว่าเพื่อน จริง ๆ แล้วเศคาริยาห์ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเยโฮอาชก็มาเตือนเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟัง แถมยังสั่งให้คนไปฆ่าเศคาริยาห์ด้วย (2 พศ. 24:20, 21; มธ. 23:35) เยโฮอาชทำสิ่งที่ชั่วร้ายและไม่ฉลาดเลย ชีวิตเขาเริ่มต้นอย่างดีแต่กลับจบลงด้วยการกลายเป็นคนทรยศพระเจ้าและเป็นฆาตกร ในที่สุดเขาก็ถูกข้าราชสำนักฆ่าตาย (2 พศ. 24:22-25) ถ้าเยโฮอาชยังเชื่อฟังพระยะโฮวาและฟังคำแนะนำของคนที่รักพระองค์ ชีวิตของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ ห23.09 38:6
วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน
ไม่ต้องกลัว—ลก. 5:10
พระเยซูรู้ว่าอัครสาวกเปโตรจะซื่อสัตย์ต่อท่านเสมอได้แน่ ๆ ดังนั้น ท่านเลยพูดกับเปโตรว่า “ไม่ต้องกลัว” การที่พระเยซูมั่นใจในตัวเปโตรแบบนี้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย เปโตรกับอันดรูว์น้องชายของเขาทิ้งอาชีพประมงและมาเป็นผู้ติดตามพระเยซูเต็มเวลา การตัดสินใจนี้ทำให้เปโตรได้รับพรมากมาย (มก. 1:16-18) ตอนที่เปโตรติดตามพระเยซู เขาได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย เขาได้เห็นพระเยซูทำการอัศจรรย์หลายอย่าง เช่น รักษาคนป่วย ขับไล่ปีศาจ และถึงกับปลุกคนตายให้ฟื้น (มธ. 8:14-17; มก. 5:37, 41, 42) นอกจากนั้น เปโตรยังมีโอกาสได้เห็นนิมิตที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับพระเยซูที่ได้เป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้า ซึ่งเขาไม่เคยลืมนิมิตนี้เลยตลอดชีวิต (มก. 9:1-8; 2 ปต. 1:16-18) ถ้าเปโตรไม่ได้มาเป็นสาวกของพระเยซู เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดนี้และได้รับพรมากมาย เขาต้องดีใจแน่ ๆ ที่สามารถเอาชนะความรู้สึกในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเองได้ ห23.09 40:4-5
วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน
พระเยซูตอบว่า “ผมจะบอกให้ว่า ไม่ใช่แค่ 7 ครั้งเท่านั้น แต่ต้องถึง 77 ครั้ง”—มธ. 18:22
ในจดหมายฉบับแรกของเปโตร เขาบอกคริสเตียนว่า “รักกันให้มาก ๆ” ความรักนี้ไม่ได้ปิดคลุมบาปแค่ไม่กี่อย่าง แต่ปิดคลุม “บาปไว้มากมาย” (1 ปต. 4:8) เป็นไปได้ที่เปโตรคิดถึงตอนที่พระเยซูเคยสอนเขาเรื่องการให้อภัยเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเปโตรคงคิดว่าเขาใจกว้างมากเพราะเขาจะให้อภัยพี่น้องถึง “7 ครั้ง” แต่พระเยซูสอนเขาและสอนเราด้วยว่าต้องให้อภัย “ถึง 77 ครั้ง” ซึ่งหมายถึงเราต้องให้อภัยอย่างไม่จำกัด (มธ. 18:21) ถ้าบางครั้งคุณรู้สึกว่ายากมากที่จะให้อภัยคนอื่น อย่าเพิ่งยอมแพ้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าทุกคนก็รู้สึกแบบนั้นเป็นบางครั้งเหมือนกัน ที่สำคัญก็คือคุณต้องพยายามทำมากที่สุดเท่าที่คุณทำได้ที่จะให้อภัยพี่น้องและพยายามรักษาสันติสุขกับเขา ห23.09 41:12
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน
ผมอ้อนวอนพระยะโฮวา . . . และพระองค์ก็ตอบผม—ยนา. 2:2
ตอนที่โยนาห์อยู่ในท้องปลา เขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะฟังคำอธิษฐานของเขาและจะช่วยเขาแน่ ๆ หลังจากที่พระยะโฮวาช่วยโยนาห์ให้ปลอดภัยแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำงานมอบหมายต่อไปที่พระยะโฮวาจะให้เขาทำ (ยนา. 2:10–3:4) ตอนที่คุณกำลังเจอปัญหาหนัก คุณเคยกังวลมากจนไม่รู้จะอธิษฐานยังไงไหม? หรือปัญหานั้นอาจทำให้คุณหมดแรงจนศึกษาส่วนตัวไม่ไหวไหม? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ให้จำไว้ว่า พระยะโฮวาเข้าใจดีว่าคุณกำลังเจออะไร ดังนั้น แม้ว่าคุณจะอธิษฐานแค่สั้น ๆ คุณก็มั่นใจได้ว่าพระองค์จะให้สิ่งที่คุณจำเป็นต้องได้รับจริง ๆ (อฟ. 3:20) หรือถ้าคุณป่วย หมดแรง หรือเจ็บปวดใจมากจนอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือศึกษาส่วนตัวไม่ไหว คุณอาจลองฟังไฟล์เสียงคัมภีร์ไบเบิลหรือไฟล์เสียงหนังสืออื่น ๆ ขององค์การก็ได้ หรือคุณอาจฟังเพลงที่องค์การจัดเตรียมไว้ หรือดูวีดีโอในเว็บไซต์ jw.org ถ้าคุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและพยายามสังเกตว่าพระองค์จะตอบคุณยังไงผ่านทางสิ่งที่พระองค์จัดเตรียมไว้ ก็แสดงว่าคุณเต็มใจให้พระยะโฮวาช่วยคุณให้เข้มแข็ง ห23.10 43:6, 9
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน
พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำให้เห็นว่าตอนที่ยังมีเต็นท์หลังแรกอยู่ ไม่มีใครรู้ทางเข้าสถานบริสุทธิ์—ฮบ. 9:8
ด้านในของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์และวิหารในกรุงเยรูซาเล็มมีลักษณะคล้ายกัน ข้างในนั้นมีห้อง 2 ห้องคือ “ห้องบริสุทธิ์” กับ “ห้องบริสุทธิ์ที่สุด” และมีม่านกั้นระหว่าง 2 ห้องนี้เอาไว้ (ฮบ. 9:2-5; อพย. 26:31-33) ในห้องบริสุทธิ์มีเชิงตะเกียงทองคำ แท่นเผาบูชาเครื่องหอม และโต๊ะตั้งขนมปังถวาย เฉพาะคนที่ “ได้รับการเจิมและแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ปุโรหิต” เท่านั้นถึงจะเข้าไปทำงานรับใช้ในห้องนี้ได้ (กดว. 3:3, 7, 10) ในห้องบริสุทธิ์ที่สุดมีหีบสัญญาที่หุ้มด้วยทองคำซึ่งแสดงว่าพระยะโฮวาอยู่ที่นั่น (อพย. 25:21, 22) เฉพาะมหาปุโรหิตเท่านั้นที่จะสามารถเดินผ่านม่านเข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดได้ในวันไถ่บาปประจำปี ซึ่งเขาจะเอาเลือดสัตว์เข้าไปในห้องนั้นเพื่อไถ่บาปให้ตัวเองและคนทั้งชาติ (ลนต. 16:2, 17) ในที่สุดพระยะโฮวาก็เปิดเผยผ่านทางพลังบริสุทธิ์ว่าทั้ง 2 ห้องนี้เป็นภาพแสดงถึงอะไร—ฮบ. 9:6, 7 ห23.10 45:12
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน
ให้พวกคุณรักกัน—ยน. 15:17
คัมภีร์ไบเบิลบอกหลายครั้งว่าให้ “รักกัน” (ยน. 15:12; รม. 13:8; 1 ธส. 4:9; 1 ปต. 1:22; 1 ยน. 4:11) แต่ความรักเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างในและไม่มีใครอ่านใจเราได้ ดังนั้น เราจะแสดงให้คนอื่นเห็นได้ยังไงว่าเรารักเขา? เราต้องแสดงออกโดยคำพูดและการกระทำ มีหลายวิธีที่เราจะแสดงความรักต่อพี่น้องได้ เช่น “พูดความจริงต่อกัน” (ศคย. 8:16) “อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข” (มก. 9:50) “ริเริ่มให้เกียรติคนอื่นก่อน” (รม. 12:10) “ต้อนรับกัน” (รม. 15:7) “ให้อภัยกัน . . . ต่อไป” (คส. 3:13) “ช่วยแบ่งเบาภาระของกันและกันต่อไป” (กท. 6:2) “ให้กำลังใจกันเสมอ” (1 ธส. 4:18) “คอย . . . เสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง” (1 ธส. 5:11) และ “อธิษฐานเพื่อกันและกัน”—ยก. 5:16 ห23.11 47:7-8
วันพุธที่ 18 มิถุนายน
มีความสุขกับความหวัง—รม. 12:12
เราต้องมีความเชื่อเข้มแข็งเพราะทุกวันเราต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เช่น เราต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน การดูหนังฟังเพลง การเรียน การแต่งงาน ลูก และงานอาชีพ ดังนั้น เราต้องถามตัวเองว่า ‘สิ่งที่ฉันเลือกแสดงว่าฉันมั่นใจว่าโลกชั่วนี้จะอยู่อีกไม่นานและโลกใหม่ใกล้จะมาแล้วไหม? หรือฉันเลือกเหมือนกับคนทั่วไปที่เชื่อว่าอีกไม่นานก็ตายแล้ว ทุกอย่างก็จบ?’ (มธ. 6:19, 20; ลก. 12:16-21) ถ้าเราเชื่อมั่นว่าโลกใหม่จะมาอีกไม่นานแล้ว เราจะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างถูกต้องและดีที่สุด นอกจากนั้น เราต้องมีความเชื่อเข้มแข็งตอนที่เจอปัญหา เช่น เราอาจต้องเจอการข่มเหง มีปัญหาสุขภาพอย่างหนัก หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ท้อใจ ตอนที่เจอใหม่ ๆ เราอาจรู้สึกว่าอดทนได้ แต่ถ้าปัญหานั้นยืดเยื้อและไม่หมดไปสักทีซึ่งหลายครั้งก็มักจะเป็นแบบนั้น เราก็ต้องมีความเชื่อที่เข้มแข็งเพื่อจะอดทนและรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขต่อไปได้—1 ปต. 1:6, 7 ห23.04 19:4-5
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน
อธิษฐานเป็นประจำ—1 ธส. 5:17
พระยะโฮวาอยากให้เราทำตามที่เราอธิษฐานด้วย เช่น พี่น้องชายคนหนึ่งอยากไปประชุมภูมิภาค เขาเลยอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยเขาให้ลางานได้ พระยะโฮวาอาจตอบคำอธิษฐานนี้ยังไง? พระองค์อาจช่วยให้พี่น้องชายคนนี้มีความกล้า แต่ตัวเขาเองก็ต้องลงมือทำด้วย เช่น เขาต้องไปขอนายจ้างเพื่อที่จะลางานได้ เขาอาจต้องขอนายจ้างหลายรอบ ต้องไปหาเพื่อนมาทำงานแทน หรืออาจต้องยอมโดนหักเงินด้วยเพื่อจะไปประชุมได้ พระยะโฮวาอยากให้เราอธิษฐานบ่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เรากังวล คำพูดของพระเยซูทำให้รู้ว่าบางครั้งพระยะโฮวาไม่ได้ตอบคำขอบางอย่างของเราทันที (ลก. 11:9) ดังนั้น เราต้องอธิษฐานต่อไปเรื่อย ๆ และอธิษฐานจากใจ (ลก. 18:1-7) ถ้าทำอย่างนั้น เราก็ทำให้พระยะโฮวาเห็นว่าเราไม่ได้ขอเล่น ๆ และเราเชื่อว่าพระองค์ช่วยได้ ห23.11 49:10-11
วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน
ความหวังนั้นจะเป็นจริงแน่นอน—รม. 5:5
พระยะโฮวาสัญญากับอับราฮัมที่เป็นเพื่อนของพระองค์ว่า ทุกชาติในโลกจะได้รับพรเพราะลูกหลานของเขา (ปฐก. 15:5; 22:18) อับราฮัมมีความเชื่อมาก และมั่นใจว่าคำสัญญานี้จะเป็นจริง แต่พอเขาอายุ 100 ปี และซาราห์ภรรยาของเขาอายุ 90 ปีแล้ว พวกเขาก็ยังไม่มีลูก (ปฐก. 21:1-7) ถึงอย่างนั้น คัมภีร์ไบเบิลก็บอกว่า “แต่อับราฮัมหวังและเชื่อว่าเขาจะได้เป็นพ่อของคนหลายชนชาติจริง ๆ ตามที่พระเจ้าบอกไว้” (รม. 4:18) แล้วคุณก็รู้ว่าในที่สุดความหวังของอับราฮัมก็เป็นจริง เขามีลูกชายที่ชื่ออิสอัคซึ่งเขารอมานาน แล้วทำไมอับราฮัมถึงมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะรักษาสัญญา? อับราฮัมสนิทกับพระยะโฮวามาก เขาเลย “มั่นใจว่า [พระเจ้า] จะทำตามสัญญาได้แน่นอน” (รม. 4:21) อับราฮัมเป็นคนที่พระยะโฮวายอมรับ และพระองค์ก็พอใจเขามากเพราะเขามีความเชื่อ—ยก. 2:23 ห23.12 51:1-2
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน
คนที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กก็ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กก็ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย—ลก. 16:10
พี่น้องชายวัยรุ่นที่ไว้ใจได้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบและทำงานที่ตัวเองได้รับทุกอย่างจนสำเร็จ ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่คุณจะเลียนแบบได้ก็คือพระเยซู พระเยซูเอาใจใส่งานที่ท่านได้รับเสมอและมีความรับผิดชอบ พระเยซูทำงานมอบหมายที่พระยะโฮวาให้กับท่านแม้งานนั้นจะเป็นงานที่ยากมาก พระเยซูรักผู้คนโดยเฉพาะสาวกของท่านและเต็มใจเสียสละชีวิตเพื่อพวกเขา (ยน. 13:1) ดังนั้น คุณจะเลียนแบบพระเยซูได้โดยทำงานมอบหมายสุดความสามารถ และถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำงานนั้นยังไง ก็ให้ถ่อมใจและขอความช่วยเหลือจากพี่น้องชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่ อย่าทำแบบลวก ๆ ให้แค่เสร็จ ๆ ไป (รม. 12:11) แต่ให้ทำงานนั้นสุดความสามารถ “เหมือนทำให้พระยะโฮวา ไม่ใช่ทำให้มนุษย์” (คส. 3:23) แน่นอนว่าคุณเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นคุณอาจทำผิดพลาดได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้คุณถ่อมตัวและยอมรับผิด—สภษ. 11:2 ห23.12 53:8
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน
คนที่ไว้ใจพระยะโฮวา . . . จะได้รับพร—ยรม. 17:7
เราดีใจที่ได้รับบัพติศมาและได้มาอยู่ในครอบครัวของพระยะโฮวา และเราก็รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้สนิทกับพระองค์ เราเห็นด้วยกับคำพูดของดาวิดผู้เขียนหนังสือสดุดีที่บอกว่า “คนที่ [พระยะโฮวา] เลือกและพามาใกล้ เพื่อให้อยู่ในลานวิหารของพระองค์ก็มีความสุข” (สด. 65:4) พระยะโฮวาไม่ได้ให้ใครก็ได้เข้ามาในลานวิหารของพระองค์ เฉพาะคนที่อยากรู้จักและสนิทกับพระยะโฮวาเท่านั้นพระองค์ถึงจะให้เขาเข้ามาใกล้ชิดกับพระองค์ (ยก. 4:8) เมื่อคุณอุทิศตัวและรับบัพติศมา คุณก็มั่นใจได้ว่าหลังจากที่คุณรับบัพติศมา พระยะโฮวาจะ “เทพรให้จนไม่ขาดอะไรเลย” (มลค. 3:10; ยรม. 17:8) การรับบัพติศมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวา คุณอยากจะพยายามเต็มที่ที่จะใช้ชีวิตให้สมกับการอุทิศตัวแม้จะเจอการล่อใจหรือความยากลำบาก (ปญจ. 5:4, 5) เนื่องจากคุณเป็นสาวกของพระเยซู คุณจะเลียนแบบท่านและเชื่อฟังคำสั่งของท่านให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้—มธ. 28:19, 20; 1 ปต. 2:21 ห24.03 10:1-3
วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน
ผู้ชายจะจากพ่อแม่ไปผูกพันใกล้ชิดกับภรรยา—ปฐก. 2:24
ถ้าคุณสองคนไม่ชอบใช้เวลาด้วยกันล่ะ? คุณจะทำอะไรได้บ้าง? ให้คิดถึงตัวอย่างของกองไฟ ตอนที่คุณก่อกองไฟใหม่ ๆ ไฟไม่ได้ลุกโชนทันที คุณต้องคอยใส่ฟืนเข้าไปเรื่อย ๆ อาจเป็นฟืนท่อนเล็ก ๆ ก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ใส่ฟืนท่อนใหญ่เข้าไป กองไฟถึงจะลุกโชนขึ้น ดังนั้น ลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันวันละนิด และหาอะไรที่คุณสองคนชอบเหมือนกัน (ยก. 3:18) การพยายามเริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อยแบบนี้อาจจะช่วยให้คุณกลับมารักกันเหมือนเดิม การนับถือและให้เกียรติกันเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตคู่ กองไฟจะลุกโชนได้ดีถ้ามีออกซิเจน แต่ถ้าไม่มีออกซิเจน ไฟจะดับอย่างรวดเร็ว เหมือนกันถ้าสามีภรรยาไม่นับถือและให้เกียรติกัน ความรักก็อาจจืดจางลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าพวกเขาพยายามแสดงความนับถือและให้เกียรติกันเสมอ พวกเขาก็จะรักกันมากขึ้น ถึงอย่างนั้นต้องจำไว้ว่า สิ่งสำคัญก็คือคู่ของคุณรู้สึกไหมว่าคุณนับถือและให้เกียรติเขา ไม่ใช่คุณคิดเอาเองว่าคุณนับถือและให้เกียรติเขาแล้ว ห23.05 23:9, 14-15
วันอังคารที่ 24 มิถุนายน
เมื่อผมวิตกกังวล พระองค์ก็ปลอบผมและทำให้ผมสบายใจขึ้น—สด. 94:19
ในคัมภีร์ไบเบิล ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ซื่อสัตย์บางคนก็เจอความทุกข์และรู้สึกกลัวเพราะเจอการต่อต้านจากศัตรูและเจอเรื่องที่กดดันอื่น ๆ (สด. 18:4; 55:1, 5) คล้ายกัน เราก็อาจเจอการต่อต้านที่โรงเรียน ที่ทำงาน จากคนในครอบครัว หรือจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล หรือเราอาจกลัวตายเพราะกำลังป่วยหนัก ตอนที่เจอสถานการณ์แบบนี้ เราอาจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนเราเป็นเด็กเล็ก ๆ แล้วพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไง? พระองค์จะปลอบเราและทำให้เราสบายใจขึ้น ดังนั้น ให้ใช้เวลากับพระยะโฮวาเป็นประจำโดยอธิษฐานและอ่านคัมภีร์ไบเบิล (สด. 77:1, 12-14) ถ้าคุณทำแบบนี้เป็นประจำ สิ่งแรกที่คุณจะทำตอนที่เครียดก็คือ การขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ ให้คุณเล่าให้พระองค์ฟังว่าคุณกลัวและกังวลเรื่องอะไร แล้วก็ให้พระองค์พูดคุยและปลอบโยนคุณผ่านทางคัมภีร์ไบเบิล—สด. 119:28 ห24.01 3:14-16
วันพุธที่ 25 มิถุนายน
พระเจ้าเป็นผู้ที่กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ—ฟป. 2:13
แรงกระตุ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คนที่มีแรงกระตุ้นจะอยากไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ และยิ่งเรามีแรงกระตุ้นเยอะ โอกาสที่เราจะทำได้สำเร็จก็ยิ่งมีเยอะแล้วเราจะทำยังไงเพื่อให้มีแรงกระตุ้นมากขึ้น? อธิษฐานขอให้มีแรงกระตุ้นมากขึ้น พระยะโฮวาสามารถให้พลังบริสุทธิ์กับคุณเพื่อจะช่วยให้คุณมีแรงกระตุ้นที่จะไปถึงเป้าหมาย บางครั้งที่เราตั้งเป้าหมายก็เพราะเรารู้ว่าเราควรทำและมันเป็นสิ่งที่ดี แต่จริง ๆ แล้วเราอาจไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ คิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ (สด. 143:5) อัครสาวกเปาโลคิดถึงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่พระยะโฮวาให้กับเขา เลยทำให้เขาอยากทุ่มเททำงานรับใช้พระองค์ (1 คร. 15:9, 10; 1 ทธ. 1:12-14) เหมือนกัน ยิ่งคุณคิดว่าพระยะโฮวาทำอะไรเพื่อคุณ มันก็ยิ่งทำให้คุณอยากไปให้ถึงเป้าหมายมากขึ้น—สด. 116:12 ห23.05 24:3-5
วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน
ขอให้สรรเสริญชื่อของพระยะโฮวา—สด. 113:1
เมื่อเราสรรเสริญชื่อของพระยะโฮวา เราก็ทำให้พ่อในสวรรค์ของเราพอใจ (สด. 119:108) แต่นี่หมายความว่าพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเป็นเหมือนมนุษย์ที่อยากให้คนมายกย่องเพราะขาดความมั่นใจในตัวเองไหม? ไม่ เมื่อเราสรรเสริญพระยะโฮวาพ่อของเราในสวรรค์ เราก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่ซาตานพูดไม่เป็นความจริงเลย ซาตานกล่าวหาว่าไม่มีมนุษย์คนไหนซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเมื่อถูกทดสอบ และไม่มีใครจะภักดีและปกป้องชื่อของพระองค์ มันบอกว่าถ้ามนุษย์ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากการรับใช้พระเจ้า พวกเขาก็จะทิ้งพระองค์ไป (โยบ 1:9-11; 2:4) แต่โยบผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าซาตานโกหก แล้วคุณล่ะ? คุณจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอไหม? เราทุกคนมีสิทธิพิเศษที่จะปกป้องชื่อของพระยะโฮวาและทำให้พระองค์พอใจโดยรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ (สภษ. 27:11) เป็นเกียรติสำหรับเราจริง ๆ ที่ได้ทำอย่างนี้ ห24.02 6:3-5
วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน
ขอให้เชื่อในพวกผู้พยากรณ์ของพระองค์ แล้วพวกคุณจะทำสำเร็จ—2 พศ. 20:20
หลังจากยุคของโมเสสและโยชูวา พระยะโฮวาแต่งตั้งพวกผู้วินิจฉัยให้นำหน้าประชาชนของพระองค์ และในยุคต่อมาที่ชาติอิสราเอลมีกษัตริย์ พระยะโฮวาก็แต่งตั้งพวกผู้พยากรณ์ให้ชี้นำชาวอิสราเอลประชาชนของพระองค์ กษัตริย์อิสราเอลหลายคนซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาและเชื่อฟังคำแนะนำของผู้พยากรณ์ เช่น กษัตริย์ดาวิดยอมรับการว่ากล่าวแก้ไขจากผู้พยากรณ์นาธัน (2 ซม. 12:7, 13; 1 พศ. 17:3, 4) กษัตริย์เยโฮชาฟัทขอคำแนะนำจากผู้พยากรณ์ยาฮาซีเอล และเขาถึงกับสนับสนุนให้ชาวยูดาห์ “เชื่อในพวกผู้พยากรณ์ของ [พระเจ้า]” (2 พศ. 20:14, 15) และตอนที่กษัตริย์เฮเซคียาห์เครียดมาก เขาก็ขอความช่วยเหลือจากผู้พยากรณ์อิสยาห์ (อสย. 37:1-6) ทุกครั้งที่กษัตริย์ของอิสราเอลทำตามการชี้นำของพระยะโฮวา พระองค์ก็อวยพรและปกป้องคนทั้งชาติ ซึ่งนี่เป็นหลักฐานที่น่าจะทำให้พวกเขารู้ว่าพระยะโฮวากำลังใช้ผู้พยากรณ์ชี้นำประชาชนของพระองค์—2 พศ. 20:29, 30; 32:22 ห24.02 8:8
วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน
อย่าทำเหมือนคนพวกนั้น—อฟ. 5:7
ซาตานอยากให้เราคบกับคนที่ไม่สนใจพระยะโฮวาเพราะพวกเขาจะทำให้เราไม่อยากทำตามมาตรฐานของพระองค์ เราต้องจำไว้ว่าการคบหากับคนอื่นไม่ใช่แค่การคบกับคนที่เราเจอตัวกันเท่านั้น แต่รวมถึงคนที่เราคุยด้วยบนโซเชียลมีเดีย เราต้องต่อสู้กับความคิดของคนในโลกที่บอกว่าการทำผิดศีลธรรมเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เรารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริงเลย (อฟ. 4:19, 20) ดังนั้น เราควรถามตัวเองว่า ‘ฉันพยายามเต็มที่ไหมที่จะไม่ใช้เวลามากเกินไปกับเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนที่โรงเรียน หรือคนที่ไม่ได้นับถือมาตรฐานของพระยะโฮวา? ฉันยึดมั่นกับมาตรฐานของพระยะโฮวาไหมถึงแม้ว่านั่นอาจทำให้บางคนบอกว่าฉันเป็นพวกโลกแคบ?’ นอกจากนั้น อย่างที่บอกใน 2 ทิโมธี 2:20-22 เราอาจต้องระวังด้วยเมื่อจะเลือกคบเพื่อนในประชาคม เพราะไม่ใช่ทุกคนจะช่วยให้เรารับใช้พระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไป ห24.03 11:11-12
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน
พระเจ้าผู้เป็นพ่อรักพวกคุณ—ยน. 16:27
คุณเคยลองจินตนาการไหมว่าพระยะโฮวาเป็นยังไง? ถึงแม้เราไม่สามารถเห็นพระยะโฮวาได้ แต่คัมภีร์ไบเบิลก็ช่วยให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นยังไง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวา “เป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่” และ “เป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญ” (สด. 84:11; ฮบ. 12:29) และยังบอกอีกด้วยว่าพระองค์เป็นเหมือนพลอยแซปไฟร์ เป็นทองคำผสมเงินที่แวววาว และเป็นเหมือนรุ้งที่สดใส (อสค. 1:26-28) เนื่องจากเราไม่สามารถเห็นพระยะโฮวาได้ เราเลยอาจรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อว่าพระองค์รักเรา หรือบางคนคิดว่าพระยะโฮวาไม่มีวันรักพวกเขาได้เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับความรักจากใครเลย พระยะโฮวาเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นและรู้ด้วยว่าความรู้สึกนั้นมีผลยังไงต่อเรา ดังนั้น เพื่อที่จะช่วยให้เรารู้ว่าพระยะโฮวารักเรา พระองค์เลยให้มีการบันทึกคุณลักษณะดี ๆ ของพระองค์ในคัมภีร์ไบเบิล คำหนึ่งที่อธิบายเกี่ยวกับพระยะโฮวาได้ดีที่สุดก็คือความรัก ในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าเป็นความรัก (1 ยน. 4:8) พระยะโฮวาทำทุกอย่างด้วยความรัก ความรักของพระยะโฮวายิ่งใหญ่มากถึงขนาดที่พระองค์แสดงความรักกับคนที่ไม่รักพระองค์ด้วย—มธ. 5:44, 45 ห24.01 4:1-3
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน
พระองค์พูดกับพวกเขาจากเสาเมฆ—สด. 99:7
พระยะโฮวาแต่งตั้งโมเสสให้พาชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ พระองค์ให้มีเสาเมฆนำทางพวกเขาในตอนกลางวันและเสาไฟในตอนกลางคืน (อพย. 13:21) โมเสสตามเสานี้ไปจนพวกเขาทั้งหมดไปหยุดอยู่ที่ทะเลแดง ชาวอิสราเอลกลัวมากเพราะข้างหน้าพวกเขามีทะเลแดงขวางอยู่และข้างหลังก็มีกองทัพอียิปต์ไล่ตามมาติด ๆ พวกเขาคิดว่าโมเสสพามาผิดทางแน่ ๆ แต่ไม่ใช่เลย พระยะโฮวาตั้งใจให้โมเสสพาพวกเขามาที่นี่ (อพย. 14:2) แล้วพระองค์ก็ทำการอัศจรรย์ที่น่าทึ่งมากเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด (อพย. 14:26-28) ตลอด 40 ปีต่อมาโมเสสก็ยังพึ่งการชี้นำของเสาเมฆเพื่อพาชาวอิสราเอลผ่านที่กันดาร (อพย. 33:7, 9, 10) พระยะโฮวาพูดกับโมเสสจากเสาเมฆ แล้วโมเสสก็เอาสิ่งที่พระองค์พูดมาบอกประชาชน ดังนั้น ชาวอิสราเอลเห็นหลักฐานชัดเจนว่าพระยะโฮวากำลังใช้โมเสสให้ชี้นำพวกเขา ห24.02 8:4-5